ท่านอ๋องตกตะลึงกับใบหน้าที่เรียบเนียนดุจสตรีตรงหน้า หลี่เหยานั้นยังไม่รู้ตัวว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดไปแล้วเพราะนางสนใจแต่บาดแผลและรีบซับเลือดให้กับเขาทันที
“ขอประทานอภัยกระหม่อมเลินเล่อจนทำให้…”
ท่านอ๋องหันมาคว้ามือนางและจับให้หันมา เขาสบตานางอีกครั้งจนแน่ใจในตอนนี้นี่เอง แม้ว่าจะใช้เสียงทุ้มต่ำที่พยายามดัด แต่รูปร่างและผิวพรรณนี้เขามั่นใจว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน
“เจ้า…หน้าของเจ้า…”
หลี่เหยาพึ่งจะรู้ตัวเอาตอนนี้ว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดออกไปเสียแล้วเมื่อเริ่มควานหาแต่ท่านอ๋องจับมันโยนทิ้ง
“ไม่ต้องใช้แล้ว เจ้ารีบทำแผลก่อนที่มันจะปริออกอีกรอบหนึ่งเถอะ”
“แต่ว่า…”
“หน้าเจ้าหรือแผลของข้าที่สำคัญกว่า”
“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงอ่อยที่ลืมดัดนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจและฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย นางเป็นสตรีอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ แต่ว่า..นางคือผู้ใดแล้วเหตุใดท่านหมอตงจึงได้ส่งนางมายังค่ายทหารแห่งนี้ หรือว่าหมอตงผู้เฒ่าเขาเองก็ไม่ทราบว่านางเป็นสตรีเช่นกัน ดังนั้นความลับนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้สินะ เช่นนั้นเขาก็จะช่วยนางปิดเป็นความลับ
“กระหม่อมจะเริ่ม…ตัดไหมอีกครั้ง คราวนี้หากว่าพระองค์เจ็บก็บอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำเจ้าตกใจอีกแล้ว”
หลี่เหยารู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกคนตรงหน้าจ้องมองไม่ละสายตา อีกใจก็เกรงว่าเขาจะจับได้ว่านางเป็นผู้หญิงแต่เห็นว่าเขาไม่ว่าอะไรจึงได้รีบทำแผลต่อโดยพยายามจะไม่สนใจสายตาของท่านอ๋องที่ยังจ้องมองนางอยู่
“ตัดไหมเสร็จแล้ว กระหม่อมจะค่อย ๆ ดึงออกมาอาจจะ…อาจจะเจ็บเล็กน้อย”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ”
หลี่เหยาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ทำเพียงก้มหน้าก้มตาทำแผลให้เขาต่อไปจนท่านอ๋องเป็นผู้ทำลายความเงียบ
“หลี่เหยา เจ้ารู้จักบ่อน้ำพุอุ่นในถ้ำบนเนินเขาหรือไม่”
“บะ บ่อน้ำพุหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ มันอยู่ในถ้ำบนเชิงเขา ข้ามักจะชอบไปที่นั่นแต่ตอนนี้ข้าบาดเจ็บและไม่ได้ขึ้นไปอาบน้ำที่นั่นแล้ว ที่นั่นค่อนข้างจะเงียบและไม่มีใครขึ้นไปเพราะเป็นเหมือนสถานที่ต้องห้ามสำหรับเหล่าทหาร”
“ไม่เคยทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาไว้เจ้าลองไปดูสิ ที่นั่นน่าจะมีสมุนไพรหายากเผื่อว่าเจ้าอยากจะทำยา”
“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
หลี่เหยาที่ฟังและกำลังคิดถึงบ่อน้ำพุในถ้ำที่ว่านั้นก็เผลอยิ้มออกมา นานแค่ไหนแล้วนะที่นางไม่ได้แช่น้ำเช่นนั้นหลังจากที่เดินทางมายังเมืองลู่โจวแห่งนี้
ส่วนอีกฝ่ายที่ลอบสังเกตท่าทีก็พยายามทำเป็นไม่สนใจเพราะที่เขาบอกไปก็เพื่ออยากจะพิสูจน์ หากว่านางไปจริง ๆ เขาก็จะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เขาคิดและเห็นไม่ผิดจากที่คิด
“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ จากนี้เพียงแค่ใส่ยาตามเวลาก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องพันแผลพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ขอบใจเจ้ามากหลี่เหยา เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
หลี่เหยารีบเก็บของและออกไปด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าทุกครั้ง เขาที่ลอบมองถึงกับแอบยิ้มออกมาอย่างเผลอตัวแต่ก็รีบหุบยิ้มทันทีเมื่อนึกถึงฟางอี้หลงและราชโองการหมั้นหมายที่เขาได้รับเมื่อครั้งก่อน
หากว่าผิดสัญญากับสกุลฟาง เรื่องระหว่างเขากับฟางอี้หลงจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ แต่ว่าในยามนี้สายตาที่หลี่เหยามองอี้หลงก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรคงจะต้องพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ให้ได้เสียก่อน
“ขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้เลย หลี่เหยา”
คืนนั้น
หลี่เหยาค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกมาหลังจากที่ทหารยามยอมปล่อยนางออกมาโดยอ้างว่าจะต้องไปเก็บยาสมุนไพรที่หลังเขาตามคำสั่งท่านอ๋อง ทหารในค่ายคุ้นเคยกับนางดีจึงเสนอตัวมาคุ้มกันแต่นางบอกเพียงว่านางไปเองจะสะดวกกว่าพวกเขาจึงกลับไปประจำการที่เดิม เมื่อนางเดินตามทางที่ท่านอ๋องบอก ไม่นานก็เห็นปากถ้ำที่อยู่ไม่ไกล
“ที่นี่เองหรือ ยอดไปเลย”
นางค่อย ๆ จุดตะเกียงและเดินเข้าไปตามเส้นทางและไม่นานก็เห็นแสงที่ส่องลงไปที่บ่อน้ำด้านในถ้ำ แสงจันทร์ที่ส่องลอดลงมายังบ่อน้ำทำให้สว่างจนไม่ต้องพึ่งพาแสงไฟทำให้หลีม่านตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
“งดงามยิ่งนัก น้ำนี่อุ่นมากเลย ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
นางค่อย ๆ หันไปมองแต่ที่นี่เงียบและไร้เสียงนางจึงค่อนข้างวางใจก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยผมลงมาและถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงชั้นในสีอ่อนด้านใน ทำเอาหัวใจผู้ที่ลอบมองอยู่เต้นกระตุกรุนแรงจนมือไม้สั่น
“ไม่จริง…นางเป็นผู้หญิงจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น…นางชอบฟางอี้หลงงั้นหรือ”
เสียงเดินลงบ่อน้ำทำเอาหยางห่าวหรานกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัวและต้องรีบหันหลบทันทีเพื่อมิให้นางจับได้ อีกทั้งใบหน้ายามต้องแสงจันทร์ของนางในยามนี้อาจจะทำให้เขาอยากจะเผยตัวออกจากที่ซ่อนเพื่อแสดงตัวให้นางรู้ว่าเขารู้ความลับของนาง แต่ก็ต้องยอมถอยออกมาและรอจนนางแช่น้ำจนพอใจและตามนางลงจากเขา
“นางเป็นสตรี แล้วเหตุใดจึงปกปิดความลับนี้เอาไว้ ท่านหมอตง….”
หลี่เหยายังคงมาทำแผลให้เขาทุกวันจนแผลหายสนิท แต่เขาก็อ้างหลากหลายเหตุผลให้นางมาทำแผลให้จนหลอกให้นางต้มยาเพื่อบำรุง
“ต้าเป่าต้มไม่ถูกวิธี ข้าเป็นแม่ทัพจำเป็นต้องบำรุงร่างกายให้ดี จากนี้เจ้าต้มมาให้ข้าดื่มเช้าเย็น”
แม้ว่าหลี่เหยาจะไม่ทราบสาเหตุแต่นางก็ไม่ได้ถาม ความสัมพันธ์ของนางกับคนในค่ายก็สนิทกันมากขึ้น ท่านอ๋องมักจะเห็นนางอยู่กับต้าเป่าและอี้หลงและทุกครั้งที่นางอยู่กับเขานางมักจะใช้สายตาที่เขามองแล้วต้องอิจฉาทุกครั้งจนเริ่มไม่พอใจ และลุกลามไปจนกระทั่งเป็นความหึงหวงโดยไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นพวกท่านก็สามารถจัดการได้ในดาบเดียว ยอดจริง ๆ”
“ไม่ใช่ข้าคนเดียว ท่านอ๋องน่ะ”
“อะแฮ่ม!!”
“ท่านอ๋อง”
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่กระโจมนี้ นี่มิใช่กระโจมของหมอหลวงหรอกหรือ”
“กระหม่อมต้องรีบนำยาไปให้พวกทหารที่บาดเจ็บ ขอตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ต้าเป่าเป็นคนแรกที่เอาตัวรอดไปได้ ส่วนอี้หลงที่กำลังช่วยนางบดยาอยู่นั้นยังไม่รู้ตัวว่าทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัยอยู่ เขายังหันไปถามหลี่เหยา
“บดเช่นนี้ทุกวันมือของเจ้าคงแตกหมดแน่”
“พี่อี้หลงกล่าวเกินไปแล้วข้าก็มิได้...”
“อี้หลง!”
“ท่านอ๋อง มีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เจ้าเป็นรองแม่ทัพของข้าหรือว่าเป็นผู้ช่วยหมอ”
“เอ่อ…กระหม่อม…”
“ข้าสั่งให้เจ้านำหน่วยลาดตระเวนออกไปรอบค่ายเจ้าทำหรือยัง”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ อ้อหลี่เหยาข้าเห็นต้นเหวินลี่สีม่วงที่เจ้าบอกอยู่แถว ๆ เนินเขา ขากลับข้าจะแวะเก็บมาให้เจ้านะ”
“ขอบคุณพี่อี้หลงขอรับ”
“ข้าไปก่อนนะ”
สายตาที่ยิ้มให้อี้หลงผ่านผ้าปิดปากนั่นทำให้ท่านอ๋องนึกอยากจะกระชากตัวฟางอี้หลงและลากคอเขาออกไปจากค่ายเสียจริง ๆ นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหยาเป็นสตรีเขาก็แทบจะไม่อยากให้ผู้ใดเข้าใกล้นางและทำตัวสนิทสนม แม้แต่องครักษ์ข้างกายของเขาก็มักจะมาขลุกตัวกับนางบ่อย ๆ จนเขาเริ่มโมโห
“ดูเหมือนว่ากระโจมของหมอหลี่เหยาจะเนื้อหอมเสียจริงนะ ทั้งองครักษ์ของข้าและรองแม่ทัพข้างกายต่างก็ชอบมาที่นี่กันหมด”
“ท่านอ๋องมีสิ่งใดจะให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”ห่าวหรานหันไปมองใบหน้าที่มีผ้าที่ปิดบังเอาไว้แต่เขาเห็นมาหมดแล้วรวมถึงเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั่นด้วย ใจเขานึกอยากจะกระชากผ้าคลุมหน้านั้นออกเสียเหลือเกินจะได้เห็นริมฝีปากสีอ่อนนั้นอีกครั้ง“เปล่า ข้าไม่ได้มีธุระกับเจ้า”“เช่นนั้นพระองค์…”“ค่ายนี้ข้าเป็นแม่ทัพ ข้าจะเดินไปที่ใดต้องแจ้งใครด้วยงั้นหรือ”“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้า”“ให้มันไม่กล้าอย่างที่ปากเจ้าพูดเถอะ”“เอ๊ะ กระหม่อม…”พูดเสร็จก็เดินหันกลับออกไป ท่าทีของเขาไม่ต่างกับโมโหผู้ใดมาเพราะแม้แต่องครักษ์อย่างต้าเป่าก็ยังรีบหนีทันที เหลือแค่หลี่เหยาที่เป็นสนามอารมณ์รองรับเขาอยู่คนเดียว“อะไรอีกละเนี่ย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยมิใช่หรือโมโหอะไรของเขานักหนาละนี่”เย็นวันนั้น“รายงานพ่ะย่ะค่ะ”“มีอะไรเหตุใดจึงแตกตื่นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”ท่านอ๋องและเหล่านายกองคนอื่น ๆ หันไปมองหน่วยลาดตระเวนที่ออกไปพร้อมกับฟางอี้หลงแต่ตอนกลับมาพวกเขากลับบาดเจ็บและกลับมาเพียงสองคน“เกิดอะไรขึ้น ฟางอี้หลงล่ะ”“ทูลท่านอ๋อง รองแม่ทัพถูกข้าศึกจับไปพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ!!”“เพล้ง!!”หมอหลี่เหยาที่กำ
หลีเหยาเบิกตากว้างตกใจที่เขาล่วงรู้ความลับนี้ของนางเข้า คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะจับได้เช่นนี้ทั้ง ๆ ที่นางระวังตัวอย่างที่สุดตามที่ท่านตาพร่ำบอก“ท่าน…รู้ได้เช่นไรหรือว่า…. บ่อน้ำร้อนนั่น!!”นางคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะใช้เรื่องบ่อน้ำร้อนเป็นสิ่งที่พิสูจน์คำโกหกของนาง แต่หากว่าเขาทราบเช่นนั้นแสดงว่าวันที่นางขึ้นไปแช่น้ำ เขาอยู่ที่นั่นงั้นหรือ นั่นก็หมายความว่า….“อย่าได้คิดจะออกจากกระโจมนี้ ข้าจะสั่งคนเฝ้าที่นี่เอาไว้ หากเจ้ายังไม่เชื่อฟังก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าแม้ว่าเจ้าจะเป็นสตรี”ท่านอ๋องปล่อยตัวนาง สายตาของเขานิ่งเรียบจนทำให้นางโกรธ หลี่เหยาจึงได้ระเบิดเสียงออกไปเพราะความโกรธที่เขาหลอกนางโดยไม่ต้องดัดเสียงอีกต่อไป“คนที่ใจร้ายคือพระองค์ต่างหาก”“อย่าให้ข้าต้องถึงกับจับเจ้ามัดเอาไว้ ที่ข้าทำก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง”“อย่างไรข้าก็จะหาวิธีไปช่วยเขาให้ได้ ท่านอย่าได้คิดจะห้ามข้า”ท่านอ๋องหันไปมองสายตาที่เด็ดเดี่ยวนั่น เดิมทีเขาก็แทบจะแพ้สายตานั้นอยู่แล้วแต่ไม่ได้อยากให้นางมองเขาเช่นนี้ มันทำให้เขาโกรธแม้แต่คนที่เคยเป็นสหายร่วมศึกร่วมเป็นร่วมตายทั้ง ๆ ที่เขาคนนั้นไม่ผิด แต่กำลังจ
มีเพียงเสียงน้ำที่หยดตามร่างและแสงจันทร์ที่สาดลงมาตรงหน้าของคนทั้งสอง หลี่เหยามองไปยังพักตร์ที่เจ็บปวดของเขาตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเขาโกรธนางแต่กำลังเข้าใจผิดเรื่องของนางกับพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองหรอกหรือ“พระองค์ปล่อยหม่อมฉันไปเถอะเพคะ”“ไม่!! ข้าพึ่งจะพูดไปมิใช่หรือ”“แต่ว่าท่านอ๋องกำลังจะหมั้นหมายมิใช่หรือ”“ข้าไม่สน การหมั้นหมายที่มิได้เลือกเองถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับ นางเป็นน้องสาวของฟางอี้หลงข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับพวกเขาเองแต่จะให้ข้ายอมปล่อยเจ้าไป…ไม่มีทาง”“เช่นนั้นเหตุใดพระองค์จึงไม่ถามหม่อมฉันสักนิด ว่ายินดีหรือไม่”นางหันไปมองพักตร์ที่สับสนตรงหน้าอีกครั้ง เขาไม่ยินยอมหมั้นหมายกับนางในนามฟางหลีม่านแต่กลับรั้งนางในนามหลี่เหยาเอาไว้กับตัวงั้นหรือ“หากเจ้าไม่ยินยอม แล้วเจ้าตอบรับจูบข้าทำไม”“ท่านบ้าไปแล้ว ข้ามิได้ตอบรับท่านแต่ท่านบังคับต่างหาก”“งั้นหรือ คนปากแข็ง!!”“อ๊ะ อย่านะ อื้อ…อา…”เขาจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนมากกว่าเดิมและค่อย ๆ ผ่อนแรงลง ลิ้นค่อย ๆ เกี่ยวและรุกล้ำเข้าไปในรวงน้ำผึ้งแสนหวานด้านใน แขนเริ่มโอบรัดนางเอาไว้อย่างหวงแหนจนหลี่เหยาเผลอใจรับสัมผัสที่เชื้อเ
หลี่เหยาเริ่มรู้สึกผิดต่อเขาขึ้นมาจนจุกหน้าอกเมื่อเข็มที่ดึงออกอันสุดท้ายถูกถอนออกมาและนางก็เริ่มพันแผลให้เขาทั้ง ๆ ที่หมดสติอยู่ ท่านหมออีกสองคนออกไปแล้วในตอนนี้เหลือเพียงนางกับต้าเป่าเท่านั้น“ต้าเป่าข้าจะไปต้มยาให้ท่านอ๋องกับพี่อี้หลง ถ้ายังไงเจ้าก็เฝ้าอยู่ตรงนี้หากว่าท่านอ๋องฟื้นจะได้มีคนอยู่”“เจ้าอยู่เถอะข้าไปต้มยาเองได้ เจ้าสอนข้าจนต้มเป็นหมดแล้ว”“อย่าดีกว่า เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นว่าท่านอ๋องไม่ให้ข้ารักษาให้พระองค์ หากตื่นมาแล้วพบข้าอยู่จะทรงกริ้ว เจ้าอยู่เถอะข้าจะไปต้มยา”“เช่นนั้นก็ได้”หลี่เหยารู้สึกว่าได้เวลาที่จะต้องกลับไปหาท่านตาแล้วหลังจากเรื่องนี้จบลง เพราะในตอนนี้ท่านอ๋องจับได้แล้วว่านางมิใช่ผู้ชาย ดังนั้นการจะอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับนาง เมื่อยาพร้อมแล้วจึงได้ยกไปให้ฟางอี้หลงในห้อง“อ้าวหลี่เหยา เจ้าไปทำแผลให้ท่านอ๋องมาแล้วใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”“ดีแล้ว หากว่าท่านอ๋องทรงเป็นอะไรไปข้าคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตเป็นแน่”“ยาของท่าน”“อ้อ ขอบใจนะ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ ท่านอ๋องจึงได้เปลี่ยนแผนการกะทันหันเช่นนี้”หลี่เหยาชะงักนิ่งไปเมื่ออี้หลงพ
“อะไรนะ เจ้าบอกว่า…”“เพคะ ตะ ตอนนี้รองแม่ทัพฟางก็กลับมาแล้วและท่านอ๋องก็ปลอดภัยแล้ว อีกอย่างเรื่องที่ข้าเป็นสตรี…”“หึ เจ้าบอกเขาไปแล้วสินะ”“หม่อมฉัน!!”“ข้าเข้าใจได้ที่เจ้ารีบเผยความในใจ เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็ตามใจเจ้า ที่จริงที่นี่ก็ไม่ได้เหมาะที่จะให้สตรีพักอยู่ และไม่ใช่สถานที่สำหรับพลอดรักกันด้วย”“ท่านอ๋อง ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”เขาเมินนางเพื่อมองไปทางอื่นอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องสบสายตาที่กำลังมองเขาด้วยความน้อยใจด้วยคำถามนั้นอีก“ข้าพูดไปแล้ว ไหนล่ะยาของข้าเจ้าเอามาให้แล้วก็ออกไปสิ”“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลลาเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงให้โอกาสอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ ครั้งนี้ทำให้ความปรารถนาเจ้าเป็นจริงได้ข้าก็ยินดีด้วย”หลี่เหยาหันมามองพักตร์ท่านอ๋องอีกครั้งตอนนี้เขาหันมาสบตากับนางแล้วแต่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดกับสายตาโกรธที่นางมองกลับมา นี่ไม่ใช่ว่านางตกลงกับฟางอี้หลงแล้วหรอกหรือว่าจะกลับไปรอเขาที่ในเมืองจนกว่าศึกจะสงบ“ยิ่งพูดหม่อมฉันยิ่งไม่เข้าใจในตัวพระองค์ เช่นนั้นก็อย่าลืมดื่มยา หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ”“เดี๋ยว!!”“พระองค์ยังมีสิ่งใดจะสั่งการอีกเพคะ”หลี่เหย
“ท่านว่าอะไรนะ… ระ เรื่องนี้…”“แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันแล้วว่า… ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์กลางสนามรบ อีกไม่กี่วันนี้คงจะ…”“ไม่จริงข้าไม่มีทางเชื่อ คนอย่างท่านอ๋องไม่มีทาง… ไม่มีทางที่จะ… ข้าจะไปหาท่านตา”“คุณหนูเจ้าคะ”"หลีม่านอย่าไปเลยไม่มีประโยชน์หรอก ข่าวนี้น่ะข้าได้มาจากท่านตาของเจ้านั่นแหละ ก่อนจะเดินเข้ามาที่นี่ข้าได้ยินเขาคุยกับท่านหมอที่พึ่งกลับมาเป็นชุดสุดท้ายในกองทัพประจิม“ไม่!! เป็นไปไม่ได้!!”“หลีม่าน!! เจ้าตั้งสติหน่อย เขาตายแล้วเจ้าต้องยอมรับความจริง ว่าที่คู่หมั้นเจ้าตายแล้วดังนั้นราชโองการนั่นถือเป็นโมฆะ”“คุณชายหยวน อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทเลยนะแต่ท่านมาพูดเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้เพราะเหตุใดกัน ท่านกลับไปเถอะคุณหนูของข้าไม่สะดวกรับแขก”“เจ้า!! ข้าพูดความจริง”“เจียวจู พาข้าเข้าไปข้างใน”“เจ้าค่ะ”“ขอตัวเจ้าค่ะท่านโหวน้อย…ปากเสียชะมัด”“เจ้า!! อย่ามาพูดเช่นนี้นะที่ข้าพูดมันไม่จริงตรงไหนกันเล่า เขาตายแล้วแต่เจ้ายังมีข้านะ หลีม่าน…”หลีม่านแทบจะหมดเรี่ยวแรงเมื่อได้ทราบข่าวนี้ นางเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงค่ำซึ่งตงมู่ฟานเป็นผู้มาเคาะประตูนางจึงยอมเปิดเพื่อให้ท
“คุณหนู พวกมันบุกเข้ามากลางดึก คนของสกุลตงแม้จะมีองครักษ์แต่ก็สู้กำลังไม่ไหว คุณชายหยวนบอกข้าเมื่อเช้านี้ว่าเป็นพวกซีเป่ยเจ้าค่ะ”“อะไรนะพวกต่างแคว้นงั้นหรือ แต่เหตุใดจึงเข้ามาลอบสังหารท่านตาข้าล่ะ ไม่มีเหตุผล”“ข้าได้ยินคุณชายหยวนคุยกับทางเจ้าหน้าที่ทางการว่าเป้าหมายของพวกมันก็คือ…. ท่านเจ้าค่ะ”“อะไรนะ!! เหตุใดจึงเป็นข้าล่ะ”“เพราะว่าพวกมันแพ้ศึกและสืบรู้มาว่าคู่หมั้นท่านอ๋องอยู่ที่ลู่โจวดังนั้นนายท่านที่ทราบข่าวเรื่องนี้จากคุณชายใหญ่ที่ส่งข่าวมาบอกล่วงหน้าจึงได้พาท่านมาซ่อน นายท่านให้ข้าออกมาจากจวนเพื่อไปตามคนมาช่วย แต่ข้าพบคุณชายหยวนที่กำลังจะเข้าจวนเขาเลยรีบให้คนของทางการเข้ามาช่วยเจ้าค่ะ”“ที่แท้ท่านตารู้อยู่แล้วว่าภัยจะมาถึงตัว จึงได้พาข้าไปที่ห้องลับนั่น แต่ว่าพวกมันฆ่าท่านอ๋องไปแล้วเหตุใดยังจะตามมาฆ่าข้าอีก”“คุณหนู คุณชายหยวนคุยกับทหารแล้วบอกว่าท่านอ๋องยังไม่ตายเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ เขายังไม่ตายหรือ”“เจ้าค่ะ เห็นบอกว่าตอนนี้พวกข้าศึกล่าถอยตอนแม่ทัพตายเพราะถูกท่านอ๋องฆ่าจนหมดสิ้น หัวยังเสียบประจานที่กลางสมรภูมิอยู่เลยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเองหรือ หึ เพียงแค่คำว่า “พระชายา"
เมื่อสองขบวนที่เดินมาประจันหน้ากัน ชาวบ้านล้วนหยุดนิ่งไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คนในขบวนก็เช่นเดียวกัน หยวนเสี่ยวผิงเดินเข้ามาหาหลีม่านพร้อมกับเจียวจู“หลีม่าน ข้าว่า…เราเปลี่ยนเส้นทางดีหรือไม่”“ไม่ ข้าจะต้องพาท่านตาไป”“แต่ว่าข้างหน้า…”ฟางหลีม่านเงยหน้าขึ้นมาและพบกับ “เขา” คนที่เป็นทั้งรักครั้งแรก จูบครั้งแรกและความเจ็บปวดครั้งแรกกับความรัก และก็เป็นเพราะคำว่า “คู่หมั้นท่านอ๋อง” ทำให้นางสูญเสียท่านตา แต่เขาก็ยังไม่ต่างกับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นเมื่อได้มอง ซึ่งนางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน คนบนหลังม้ารีบลงมาและเดินเข้ามาหานางทันที“หลี่เหยา นี่เจ้า…จะไปที่ใด”“ทูลท่านอ๋อง เส้นทางนี้จะออกนอกเมืองเพื่อไปศาลบรรพชนสกุลตงพ่ะย่ะค่ะ”หยางห่าวหรานหันไปมองผู้ที่พูดกับเขาอยู่ บุรุษหนุ่มหน้าตาสะอาดยืนกับสตรีอีกคนที่อายุน้อยกว่าเขาเดินเข้ามาคุกเข่า แต่ฟางหลีม่านยืนนิ่งเพื่อรอจะก้าวผ่านขบวนเกียรติยศนี่“เจ้าเป็นผู้ใด”“กระหม่อมหยวนเสี่ยวผิง บุตรชายของท่านเจ้าเมืองซีโจวถวายบังคมท่านอ๋อง”“หยวนเสี่ยวผิง แล้วเจ้าล่ะ”เขานึกสงสัยจึงถามสตรีที่ยืนข้างกายเขา เพราะหากว่าเขามาจากซีโจวเช่นนั้นสตรีข้าง ๆ ของเขาอา