“ท่านอ๋องมีสิ่งใดจะให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ห่าวหรานหันไปมองใบหน้าที่มีผ้าที่ปิดบังเอาไว้แต่เขาเห็นมาหมดแล้วรวมถึงเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั่นด้วย ใจเขานึกอยากจะกระชากผ้าคลุมหน้านั้นออกเสียเหลือเกินจะได้เห็นริมฝีปากสีอ่อนนั้นอีกครั้ง
“เปล่า ข้าไม่ได้มีธุระกับเจ้า”
“เช่นนั้นพระองค์…”
“ค่ายนี้ข้าเป็นแม่ทัพ ข้าจะเดินไปที่ใดต้องแจ้งใครด้วยงั้นหรือ”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้า”
“ให้มันไม่กล้าอย่างที่ปากเจ้าพูดเถอะ”
“เอ๊ะ กระหม่อม…”
พูดเสร็จก็เดินหันกลับออกไป ท่าทีของเขาไม่ต่างกับโมโหผู้ใดมาเพราะแม้แต่องครักษ์อย่างต้าเป่าก็ยังรีบหนีทันที เหลือแค่หลี่เหยาที่เป็นสนามอารมณ์รองรับเขาอยู่คนเดียว
“อะไรอีกละเนี่ย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยมิใช่หรือโมโหอะไรของเขานักหนาละนี่”
เย็นวันนั้น
“รายงานพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรเหตุใดจึงแตกตื่นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”
ท่านอ๋องและเหล่านายกองคนอื่น ๆ หันไปมองหน่วยลาดตระเวนที่ออกไปพร้อมกับฟางอี้หลงแต่ตอนกลับมาพวกเขากลับบาดเจ็บและกลับมาเพียงสองคน
“เกิดอะไรขึ้น ฟางอี้หลงล่ะ”
“ทูลท่านอ๋อง รองแม่ทัพถูกข้าศึกจับไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ!!”
“เพล้ง!!”
หมอหลี่เหยาที่กำลังยกยาเข้ามาให้ท่านอ๋องในกระโจมได้ยินว่าฟางอี้หลงถูกข้าศึกจับก็เผลอทำยาที่ยกมาตกจนแตก สายตาของนางกลัวสุดชีวิตเมื่อเห็นว่าทหารที่กลับมาบาดเจ็บ
“เกิดขึ้นได้อย่างไร”
“พวกมันหลอกล่อให้รองแม่ทัพตามมันไปที่เชิงเขาและล้มจับเขาไปพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกมันต้องการอะไร”
“มันส่งจดหมายนี้ให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารส่งจดหมายมาให้ท่านอ๋อง เมื่อเขาเปิดอ่านดูจนหมดก็รีบพับและโยนให้นายกองข้าง ๆ อ่านทันที
“ต้องการเสบียงกับยางั้นหรือ ข้าไม่ได้โง่เช่นนั้นสักหน่อย”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อม….”
“หุบปาก!! เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่ พาหมอหลี่ออกไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องหันไปมองหลี่เหยาที่กำลังจะเสนอตัว เขารู้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ เพียงแค่ได้ข่าวว่าอี้หลงถูกจับไปนางก็ตื่นกลัวถึงเพียงนี้ เขาเข้าใจไม่ผิดนางคงมีใจให้กับรองแม่ทัพของเขาเป็นแน่จึงได้มีท่าทางเช่นนี้และยังอยากจะไปช่วยเขาอีก
“ท่านหมอหลี่ ท่านออกไปก่อนเถอะขอรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในท่านโปรดเข้าใจ”
“แต่ข้าช่วยรองแม่ทัพได้ ขอเพียงให้ข้า…”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ!! ที่นั่นเป็นค่ายของข้าศึกเข้าไปก็มีแต่ตายเจ้ากำลังคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่!! ยังไม่รีบพาตัวออกไปอีก”
“ไปเถอะท่านหมอ”
“ท่านอ๋อง แต่ว่ารองแม่ทัพ…”
“ท่านหมอหลี่อย่าพูดอะไรอีกเลย พาตัวออกไปเร็ว ๆ เข้า”
ทหารที่เหลือพาตัวหลี่เหยาออกจากกระโจมกลับไปที่กระโจมของหมอหลวง ท่านอ๋องนึกโมโหเมื่อเห็นว่านางร้อนรน ใช่ว่าเขาเองจะไม่คิดช่วยรองแม่ทัพของตัวเอง แต่เขาไม่มีทางให้นางออกไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง”
“สั่งให้คนจับตาดูหมอหลี่เหยาเอาไว้ อย่าให้เขาเล็ดลอดออกจากค่ายสร้างความวุ่นวายได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้ามานี่ เราต้องวางแผนช่วยอี้หลงออกมา”
""พ่ะย่ะค่ะ""
กระโจมหมอหลวง
“หลี่เหยา เจ้าไม่ต้องห่วงนะเรื่องที่พี่อี้หลงถูกจับไป อย่างไรท่านอ๋องก็ต้องหาวิธีไปช่วยเขาอยู่แล้ว แต่เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นอีกนะครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้”
“ช่างปะไรข้าหาได้สนใจไม่ พี่อี้หลง…เขาเป็นรองแม่ทัพนะ เป็นคนของเขาแท้ ๆ เหตุใดจึงไม่คิดจะช่วยเขาข้าไม่เข้าใจ”
“เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ ทางข้าศึกต้องการกักตัวพี่อี้หลงเพราะอยากได้ยาและเสบียง เราเองก็มีจำกัดดังนั้น…”
“ก็เลยจะปล่อยให้เขาถูกข้าศึกทรมานจนตายงั้นหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้นแต่เรื่องการถูกจับนั่น….”
“ต้าเป่า!!”
“ท่านอ๋อง!!”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ท่านหมอที่กระโจมคนบาดเจ็บถามหายาที่เจ้ามาเอาอยู่เหตุใดยังไม่เอาไปส่ง”
“พ่ะย่ะค่ะกระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปก่อนนะหลี่เหยา”
หลี่เหยายื่นหอบยาให้ต้าเป่าโดยไม่มองหน้าผู้ที่เดินเข้ามาที่กำลังจ้องหน้านางอยู่ไม่วางตา เมื่อองครักษ์ของเขาเดินออกไปท่านอ๋องจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลี่เหยาที่เอาแต่บดยาโดยไม่มองหน้าเขา
“โกรธข้างั้นหรือที่ไม่ไปช่วยเขาทันที”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีสิทธิ์อันใดไปโกรธพระองค์”
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องพูดจาเสียงแข็งเช่นนี้ ไม่พอใจผู้ใดงั้นหรือทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คุยกับต้าเป่าดีกว่านี้นี่”
หลี่เหยาทิ้งที่บดยาและเดินสะบัดเข้าไปข้างในตู้เก็บยา ท่านอ๋องเดินตามเข้าไปทันทีและดึงแขนนางออกมา
“ทำไมต้องเดินหนี”
“ท่านอ๋อง อย่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ทันเจ้า”
“เหตุใดพระองค์ทรงตรัสเช่นนี้ กระหม่อมไม่ได้คิดสิ่งใด”
“แต่สายตาเจ้ามันบอกว่ากำลังตำหนิข้าที่ไม่ไปช่วยเขาทันที ข้ามองออก”
“หึ พระองค์คงคิดมากไปแล้วกระมัง กระหม่อมหรือจะกล้าเช่นนั้น”
“งั้นหรือ แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร หอบยาและจะแอบไปช่วยเขางั้นหรือ”
“ท่านอ๋อง เขาคือรองแม่ทัพของพระองค์นะ”
“แล้วถ้าหากข้ามีเหตุผลที่ยังไม่ช่วยเขาเล่า เจ้าจะทำสิ่งใดได้”
“ท่าน!!”
“หึ เจ้าดูท่าทางเจ้าตอนนี้สิ เพียงแค่พูดว่าจะไม่ช่วยเขาสายตานั่นก็โกรธข้าจนแทบจะฉีกเนื้อกินให้ได้แล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรอีกหรือ!!”
หลี่เหยาตกใจจนผ้าคลุมหน้าหลุด สีหน้าและแววตาที่ตื่นกลัวนั้นทำให้สัตว์ร้ายบางอย่างในกายของชินอ๋องตื่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ปากที่แดงจัดเพราะอยู่ภายใต้ผ้าปิดหน้าและสายตาที่โกรธของนางทำให้เขาลืมตัว
“ปล่อยกระหม่อมนะ”
“แล้วถ้าข้าไม่ปล่อย แต่จะจับเจ้ามัดขังเอาไว้ในกระโจมนี่เพื่อไม่ให้คิดจะทำเรื่องที่กำลังคิดอยู่ล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร”
ท่านอ๋องดึงหลี่เหยาเข้ามาจนชิดกาย ลมหายใจร้อนรุ่มเพราะความกลัวปนกังวลพระทัยจากที่มองสายตานางทำให้เขาเริ่มโกรธ คิดไม่ถึงว่านางจะให้ความสำคัญกับรองแม่ทัพมากกว่าเขา
“ปล่อยนะ!!”
“ไม่!! มานี่!!”
ท่านอ๋องลากนางเข้าไปยังห้องพักด้านในที่นางเอาไว้นอนพัก เมื่อเข้าไปได้ก็ถูกเขาดึงเข้ามาแนบกายจนชิด ริมฝีปากห่างกันแค่ครึ่งคืบ
“เหตุใดต้องอยากช่วยอี้หลงถึงเพียงนี้ เจ้ากำลังทำให้ข้าโมโห”
“พระองค์โมโหเพราะผู้อื่นอยากจะช่วยคนทั้ง ๆ ที่พระองค์ไม่คิดจะทำงั้นหรือ”
“หลี่เหยา!! นี่เจ้ากล้าตำหนิข้า กล้าจะแทรกแซงวิธีการของกองทัพตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าเป็นหมอก็ทำหน้าที่ของเจ้าไปเรื่องอื่นจงอย่าได้เข้ามายุ่ง”
“แต่ข้าเป็นหมอ ข้าศึกต้องการยาและเสบียงข้าคิดว่าเราสามารถ”
“เจ้าพอได้แล้ว!!”
หลี่เหยาทรุดตัวลงเพราะตกใจในเสียงตะคอกนั้น ท่านอ๋องปล่อยนางลงกับพื้นและมองด้วยสายตาที่ไม่เคยมองผู้ใดมาก่อน ตั้งแต่เมื่อใดที่เขามองนางเป็นสตรี ตั้งแต่ตอนไหนที่เขาไม่อยากให้นางเข้าใกล้ฟางอี้หลงและชายอื่นนอกจากเขา
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความคิดของนางในตอนนี้ สายตานั่นไม่เคยลดละความพยายามที่จะไปจากค่ายเพื่อช่วยฟางอี้หลงซึ่งเขาบอกไม่ถูกว่ากำลังเจ็บปวด คับแค้นใจ หรือว่าโกรธกันแน่
“เจ้าอย่าได้คิดก้าวออกจากค่ายไปแม้แต่ก้าวเดียว หากว่าข้ารู้เจ้าจะถูกลงโทษ”
“ท่านอ๋องช่างโหดเหี้ยมสมคำร่ำลือจริง ๆ แม้แต่รองแม่ทัพข้างกายก็ปล่อยเขาไปตายได้ หากรู้เช่นนี้ข้าคงไม่ยอมรับปากรองแม่ทัพฟางอี้หลงช่วยชีวิตท่านแต่แรก”
ท่านอ๋องโกรธจนสติขาดผึงเมื่อถูกนางเอ่ยเช่นนั้น เขาจับแขนและดึงนางขึ้นมาจากพื้นอย่างง่ายดาย ง่ายเสียจนเขาคิดกลัวว่าหากนางบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยหัวใจเขาจะเจ็บสักเพียงใด
“หลี่เหยา!!…อย่าได้คิดยั่วโมโหข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าข้างนอกนั่นมันอันตรายมากเพียงใดหรือเจ้าอยากให้พวกมันจับได้ว่าเจ้าเป็นสตรี!!”
หลีเหยาเบิกตากว้างตกใจที่เขาล่วงรู้ความลับนี้ของนางเข้า คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะจับได้เช่นนี้ทั้ง ๆ ที่นางระวังตัวอย่างที่สุดตามที่ท่านตาพร่ำบอก“ท่าน…รู้ได้เช่นไรหรือว่า…. บ่อน้ำร้อนนั่น!!”นางคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะใช้เรื่องบ่อน้ำร้อนเป็นสิ่งที่พิสูจน์คำโกหกของนาง แต่หากว่าเขาทราบเช่นนั้นแสดงว่าวันที่นางขึ้นไปแช่น้ำ เขาอยู่ที่นั่นงั้นหรือ นั่นก็หมายความว่า….“อย่าได้คิดจะออกจากกระโจมนี้ ข้าจะสั่งคนเฝ้าที่นี่เอาไว้ หากเจ้ายังไม่เชื่อฟังก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าแม้ว่าเจ้าจะเป็นสตรี”ท่านอ๋องปล่อยตัวนาง สายตาของเขานิ่งเรียบจนทำให้นางโกรธ หลี่เหยาจึงได้ระเบิดเสียงออกไปเพราะความโกรธที่เขาหลอกนางโดยไม่ต้องดัดเสียงอีกต่อไป“คนที่ใจร้ายคือพระองค์ต่างหาก”“อย่าให้ข้าต้องถึงกับจับเจ้ามัดเอาไว้ ที่ข้าทำก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง”“อย่างไรข้าก็จะหาวิธีไปช่วยเขาให้ได้ ท่านอย่าได้คิดจะห้ามข้า”ท่านอ๋องหันไปมองสายตาที่เด็ดเดี่ยวนั่น เดิมทีเขาก็แทบจะแพ้สายตานั้นอยู่แล้วแต่ไม่ได้อยากให้นางมองเขาเช่นนี้ มันทำให้เขาโกรธแม้แต่คนที่เคยเป็นสหายร่วมศึกร่วมเป็นร่วมตายทั้ง ๆ ที่เขาคนนั้นไม่ผิด แต่กำลังจ
มีเพียงเสียงน้ำที่หยดตามร่างและแสงจันทร์ที่สาดลงมาตรงหน้าของคนทั้งสอง หลี่เหยามองไปยังพักตร์ที่เจ็บปวดของเขาตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเขาโกรธนางแต่กำลังเข้าใจผิดเรื่องของนางกับพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองหรอกหรือ“พระองค์ปล่อยหม่อมฉันไปเถอะเพคะ”“ไม่!! ข้าพึ่งจะพูดไปมิใช่หรือ”“แต่ว่าท่านอ๋องกำลังจะหมั้นหมายมิใช่หรือ”“ข้าไม่สน การหมั้นหมายที่มิได้เลือกเองถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับ นางเป็นน้องสาวของฟางอี้หลงข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับพวกเขาเองแต่จะให้ข้ายอมปล่อยเจ้าไป…ไม่มีทาง”“เช่นนั้นเหตุใดพระองค์จึงไม่ถามหม่อมฉันสักนิด ว่ายินดีหรือไม่”นางหันไปมองพักตร์ที่สับสนตรงหน้าอีกครั้ง เขาไม่ยินยอมหมั้นหมายกับนางในนามฟางหลีม่านแต่กลับรั้งนางในนามหลี่เหยาเอาไว้กับตัวงั้นหรือ“หากเจ้าไม่ยินยอม แล้วเจ้าตอบรับจูบข้าทำไม”“ท่านบ้าไปแล้ว ข้ามิได้ตอบรับท่านแต่ท่านบังคับต่างหาก”“งั้นหรือ คนปากแข็ง!!”“อ๊ะ อย่านะ อื้อ…อา…”เขาจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนมากกว่าเดิมและค่อย ๆ ผ่อนแรงลง ลิ้นค่อย ๆ เกี่ยวและรุกล้ำเข้าไปในรวงน้ำผึ้งแสนหวานด้านใน แขนเริ่มโอบรัดนางเอาไว้อย่างหวงแหนจนหลี่เหยาเผลอใจรับสัมผัสที่เชื้อเ
หลี่เหยาเริ่มรู้สึกผิดต่อเขาขึ้นมาจนจุกหน้าอกเมื่อเข็มที่ดึงออกอันสุดท้ายถูกถอนออกมาและนางก็เริ่มพันแผลให้เขาทั้ง ๆ ที่หมดสติอยู่ ท่านหมออีกสองคนออกไปแล้วในตอนนี้เหลือเพียงนางกับต้าเป่าเท่านั้น“ต้าเป่าข้าจะไปต้มยาให้ท่านอ๋องกับพี่อี้หลง ถ้ายังไงเจ้าก็เฝ้าอยู่ตรงนี้หากว่าท่านอ๋องฟื้นจะได้มีคนอยู่”“เจ้าอยู่เถอะข้าไปต้มยาเองได้ เจ้าสอนข้าจนต้มเป็นหมดแล้ว”“อย่าดีกว่า เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นว่าท่านอ๋องไม่ให้ข้ารักษาให้พระองค์ หากตื่นมาแล้วพบข้าอยู่จะทรงกริ้ว เจ้าอยู่เถอะข้าจะไปต้มยา”“เช่นนั้นก็ได้”หลี่เหยารู้สึกว่าได้เวลาที่จะต้องกลับไปหาท่านตาแล้วหลังจากเรื่องนี้จบลง เพราะในตอนนี้ท่านอ๋องจับได้แล้วว่านางมิใช่ผู้ชาย ดังนั้นการจะอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับนาง เมื่อยาพร้อมแล้วจึงได้ยกไปให้ฟางอี้หลงในห้อง“อ้าวหลี่เหยา เจ้าไปทำแผลให้ท่านอ๋องมาแล้วใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”“ดีแล้ว หากว่าท่านอ๋องทรงเป็นอะไรไปข้าคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตเป็นแน่”“ยาของท่าน”“อ้อ ขอบใจนะ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ ท่านอ๋องจึงได้เปลี่ยนแผนการกะทันหันเช่นนี้”หลี่เหยาชะงักนิ่งไปเมื่ออี้หลงพ
“อะไรนะ เจ้าบอกว่า…”“เพคะ ตะ ตอนนี้รองแม่ทัพฟางก็กลับมาแล้วและท่านอ๋องก็ปลอดภัยแล้ว อีกอย่างเรื่องที่ข้าเป็นสตรี…”“หึ เจ้าบอกเขาไปแล้วสินะ”“หม่อมฉัน!!”“ข้าเข้าใจได้ที่เจ้ารีบเผยความในใจ เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็ตามใจเจ้า ที่จริงที่นี่ก็ไม่ได้เหมาะที่จะให้สตรีพักอยู่ และไม่ใช่สถานที่สำหรับพลอดรักกันด้วย”“ท่านอ๋อง ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”เขาเมินนางเพื่อมองไปทางอื่นอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องสบสายตาที่กำลังมองเขาด้วยความน้อยใจด้วยคำถามนั้นอีก“ข้าพูดไปแล้ว ไหนล่ะยาของข้าเจ้าเอามาให้แล้วก็ออกไปสิ”“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลลาเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงให้โอกาสอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ ครั้งนี้ทำให้ความปรารถนาเจ้าเป็นจริงได้ข้าก็ยินดีด้วย”หลี่เหยาหันมามองพักตร์ท่านอ๋องอีกครั้งตอนนี้เขาหันมาสบตากับนางแล้วแต่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดกับสายตาโกรธที่นางมองกลับมา นี่ไม่ใช่ว่านางตกลงกับฟางอี้หลงแล้วหรอกหรือว่าจะกลับไปรอเขาที่ในเมืองจนกว่าศึกจะสงบ“ยิ่งพูดหม่อมฉันยิ่งไม่เข้าใจในตัวพระองค์ เช่นนั้นก็อย่าลืมดื่มยา หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ”“เดี๋ยว!!”“พระองค์ยังมีสิ่งใดจะสั่งการอีกเพคะ”หลี่เหย
“ท่านว่าอะไรนะ… ระ เรื่องนี้…”“แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันแล้วว่า… ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์กลางสนามรบ อีกไม่กี่วันนี้คงจะ…”“ไม่จริงข้าไม่มีทางเชื่อ คนอย่างท่านอ๋องไม่มีทาง… ไม่มีทางที่จะ… ข้าจะไปหาท่านตา”“คุณหนูเจ้าคะ”"หลีม่านอย่าไปเลยไม่มีประโยชน์หรอก ข่าวนี้น่ะข้าได้มาจากท่านตาของเจ้านั่นแหละ ก่อนจะเดินเข้ามาที่นี่ข้าได้ยินเขาคุยกับท่านหมอที่พึ่งกลับมาเป็นชุดสุดท้ายในกองทัพประจิม“ไม่!! เป็นไปไม่ได้!!”“หลีม่าน!! เจ้าตั้งสติหน่อย เขาตายแล้วเจ้าต้องยอมรับความจริง ว่าที่คู่หมั้นเจ้าตายแล้วดังนั้นราชโองการนั่นถือเป็นโมฆะ”“คุณชายหยวน อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทเลยนะแต่ท่านมาพูดเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้เพราะเหตุใดกัน ท่านกลับไปเถอะคุณหนูของข้าไม่สะดวกรับแขก”“เจ้า!! ข้าพูดความจริง”“เจียวจู พาข้าเข้าไปข้างใน”“เจ้าค่ะ”“ขอตัวเจ้าค่ะท่านโหวน้อย…ปากเสียชะมัด”“เจ้า!! อย่ามาพูดเช่นนี้นะที่ข้าพูดมันไม่จริงตรงไหนกันเล่า เขาตายแล้วแต่เจ้ายังมีข้านะ หลีม่าน…”หลีม่านแทบจะหมดเรี่ยวแรงเมื่อได้ทราบข่าวนี้ นางเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงค่ำซึ่งตงมู่ฟานเป็นผู้มาเคาะประตูนางจึงยอมเปิดเพื่อให้ท
“คุณหนู พวกมันบุกเข้ามากลางดึก คนของสกุลตงแม้จะมีองครักษ์แต่ก็สู้กำลังไม่ไหว คุณชายหยวนบอกข้าเมื่อเช้านี้ว่าเป็นพวกซีเป่ยเจ้าค่ะ”“อะไรนะพวกต่างแคว้นงั้นหรือ แต่เหตุใดจึงเข้ามาลอบสังหารท่านตาข้าล่ะ ไม่มีเหตุผล”“ข้าได้ยินคุณชายหยวนคุยกับทางเจ้าหน้าที่ทางการว่าเป้าหมายของพวกมันก็คือ…. ท่านเจ้าค่ะ”“อะไรนะ!! เหตุใดจึงเป็นข้าล่ะ”“เพราะว่าพวกมันแพ้ศึกและสืบรู้มาว่าคู่หมั้นท่านอ๋องอยู่ที่ลู่โจวดังนั้นนายท่านที่ทราบข่าวเรื่องนี้จากคุณชายใหญ่ที่ส่งข่าวมาบอกล่วงหน้าจึงได้พาท่านมาซ่อน นายท่านให้ข้าออกมาจากจวนเพื่อไปตามคนมาช่วย แต่ข้าพบคุณชายหยวนที่กำลังจะเข้าจวนเขาเลยรีบให้คนของทางการเข้ามาช่วยเจ้าค่ะ”“ที่แท้ท่านตารู้อยู่แล้วว่าภัยจะมาถึงตัว จึงได้พาข้าไปที่ห้องลับนั่น แต่ว่าพวกมันฆ่าท่านอ๋องไปแล้วเหตุใดยังจะตามมาฆ่าข้าอีก”“คุณหนู คุณชายหยวนคุยกับทหารแล้วบอกว่าท่านอ๋องยังไม่ตายเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ เขายังไม่ตายหรือ”“เจ้าค่ะ เห็นบอกว่าตอนนี้พวกข้าศึกล่าถอยตอนแม่ทัพตายเพราะถูกท่านอ๋องฆ่าจนหมดสิ้น หัวยังเสียบประจานที่กลางสมรภูมิอยู่เลยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเองหรือ หึ เพียงแค่คำว่า “พระชายา"
เมื่อสองขบวนที่เดินมาประจันหน้ากัน ชาวบ้านล้วนหยุดนิ่งไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คนในขบวนก็เช่นเดียวกัน หยวนเสี่ยวผิงเดินเข้ามาหาหลีม่านพร้อมกับเจียวจู“หลีม่าน ข้าว่า…เราเปลี่ยนเส้นทางดีหรือไม่”“ไม่ ข้าจะต้องพาท่านตาไป”“แต่ว่าข้างหน้า…”ฟางหลีม่านเงยหน้าขึ้นมาและพบกับ “เขา” คนที่เป็นทั้งรักครั้งแรก จูบครั้งแรกและความเจ็บปวดครั้งแรกกับความรัก และก็เป็นเพราะคำว่า “คู่หมั้นท่านอ๋อง” ทำให้นางสูญเสียท่านตา แต่เขาก็ยังไม่ต่างกับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นเมื่อได้มอง ซึ่งนางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน คนบนหลังม้ารีบลงมาและเดินเข้ามาหานางทันที“หลี่เหยา นี่เจ้า…จะไปที่ใด”“ทูลท่านอ๋อง เส้นทางนี้จะออกนอกเมืองเพื่อไปศาลบรรพชนสกุลตงพ่ะย่ะค่ะ”หยางห่าวหรานหันไปมองผู้ที่พูดกับเขาอยู่ บุรุษหนุ่มหน้าตาสะอาดยืนกับสตรีอีกคนที่อายุน้อยกว่าเขาเดินเข้ามาคุกเข่า แต่ฟางหลีม่านยืนนิ่งเพื่อรอจะก้าวผ่านขบวนเกียรติยศนี่“เจ้าเป็นผู้ใด”“กระหม่อมหยวนเสี่ยวผิง บุตรชายของท่านเจ้าเมืองซีโจวถวายบังคมท่านอ๋อง”“หยวนเสี่ยวผิง แล้วเจ้าล่ะ”เขานึกสงสัยจึงถามสตรีที่ยืนข้างกายเขา เพราะหากว่าเขามาจากซีโจวเช่นนั้นสตรีข้าง ๆ ของเขาอา
“ข้าจะไปกับพี่ใหญ่”“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็นั่งรถม้าไปกับอี้หลง”หลีม่านจะเดินไปพยุงฟางอี้หลงแต่ท่านอ๋องส่งสัญญาณให้ต้าเป่าพยุงอี้หลงไปที่รถม้าก่อนส่วนเขาดึงนางเอาไว้ หลีม่านหันไปมองเพียงแขนเสื้อที่ถูกเขาจับเอาไว้“เหตุใดเจ้า…จึงปิดบังเรื่องนี้”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังไม่พร้อมจะคุยเรื่องนี้เพคะ”“เช่นนั้นเจ้านั่งม้ากลับไปกับข้าได้หรือไม่”“หม่อมฉันจะไปกับ….”รถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากสุสานสกุลตงโดยที่นางยังไม่ทันขึ้นไป ขบวนทหารที่ติดตามท่านอ๋องมาก็เช่นกัน บัดนี้เหลือเพียงแค่นางกับเขาบนเนินเขาที่มีเพียงหลุมศพของท่านตาของนางที่พึ่งฝังเสร็จไปเท่านั้น“พระองค์ต้องการสิ่งใดอีก”“หลี่เหยา…ไม่สิ ฟางหลีม่านข้าอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสกุลตงของท่านตาเจ้า”ฟางหลีม่านหันไปมองท่านอ๋องที่มองนาง แต่นางจะบอกเขาเช่นไรเพราะนางเองก็ไม่รู้รายละเอียด“เรื่องนี้พระองค์ไปสอบถามกับผู้ตรวจการของลู่โจวเองเถอะเพคะ”“แล้วเจ้า!! บาดเจ็บที่ใดหรือไม่”“หม่อมฉันอยากจะกลับแล้วหากพระองค์ยังไม่ไป เช่นนั้น…”ท่านอ๋องไม่คิดจะบังคับนาง เขายังมีเวลาที่จะคุยกับนางอีกมาก ตลอดทั้งชีวิตนี้ซึ่งเขาตัดสินใจได้ในตอนที่นางเรียกฟางอี้
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต