“โอ๊ย!!”
“แย่แล้ว ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ คือว่า…"
“ช่างเถอะ ข้าผิดเองที่ไปถามเช่นนั้น ลืมไปเถอะข้าจะไม่กวนเจ้าแล้ว”
นางตกใจจนเผลอกดแผลของเขาแรงเกินไปจนทำให้ท่านอ๋องร้องออกมา ฟางหลีม่านรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะมีสมาธิเมื่ออยู่ตรงหน้าบุรุษเช่นท่านอ๋อง แม้แต่เสียงนุ่ม ๆ ทุ้มต่ำและแหบเล็กน้อยก็ทำให้หัวใจนางกระเจิดกระเจิงไปไกลเหลือเกิน กว่าจะทำแผลจนเสร็จก็ใช้เวลานานเพราะร่างที่ใหญ่กว่านางทำให้ต้องใช้เวลาพันแผลอยู่พักใหญ่
“สะ เสร็จแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจ แล้วเจ้า…”
“กระหม่อมจะรีบไปแจ้งท่านรองแม่ทัพว่าพระองค์ฟื้นแล้ว จะได้ยกยาที่เหลือมาให้เสวยพ่ะย่ะค่ะ”
นางรีบคำนับให้เขาลวก ๆ และเดินออกไป ห่าวหรานรู้สึกแปลกใจกับท่าทีเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะตกใจแต่ก็นึกขำเพราะไม่เคยเห็นผู้ใดที่กลัวเขามากขนาดนั้นมาก่อน แม้ว่าจะพอรู้ว่าคนอื่น ๆ ร่ำลือว่าเขาเป็นอ๋องจอมโหด อ๋องกระหายเลือดก็ตาม
“ข้าไม่ใช่ผีเสียหน่อย”
“ท่านอ๋อง!!”
อี้หลงและต้าเป่ารีบวิ่งเข้ามาเมื่อหลี่เหยาเดินออกไปแจ้งทั้งสองว่าท่านอ๋องฟื้นแล้ว ทั้งคู่จึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการทันที
“พวกเจ้าตื่นเต้นอะไรกันข้าตกใจหมดเลย”
“พระองค์ทรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอเก่งมากจริง ๆ พี่อี้หลงท่านดูสิ”
“อี้หลง หมอที่สกุลตงส่งมาคราวนี้…”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบจากท่านตาว่ามีหมอฝีมือดีคนหนึ่งเดินทางมาด้วย เขาตัวเล็กเพราะอายุน้อยแต่วิชาแพทย์เก่งกว่าหมอที่ร่ำเรียนในสำนักสกุลตงดังนั้นจึงให้เขามารักษาพระองค์ ดูเหมือนท่านตาจะกล่าวไว้ไม่ผิดเลย”
“อืม เขาเก่งจริง ๆ นั่นแหละ”
“ยอดไปเลยท่านอ๋องปลอดภัย ขอบคุณสวรรค์”
“แล้ว…คนอื่น ๆ ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนนี้ทุกคนเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ครั้งนี้เราประมาทพวกมันไปหน่อย ไม่คิดว่าจะเจอพวกมันลอบกัด”
“กระหม่อมผิดพลาดเองพ่ะย่ะค่ะที่ตรวจสอบไม่ถี่ถ้วน”
“ต้าเป่าเจ้าอย่าโทษตัวเองเลย ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดใครหรอก พวกมันวางแผนมาแต่แรกแล้ว แต่พวกมันแพ้ครั้งนี้คงจะเสียขวัญไปอีกนาน”
“เห็นว่าเป็นกลุ่มกบฏที่คิดจะแบ่งแยกดินแดนจากซีเป่ยจึงได้มารุกรานชายแดนลู่โจวพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น ให้คนของเราตามสืบมาให้ละเอียด ครั้งนี้อย่าให้พลาดอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“อี้หลง หลี่เหยาล่ะ ไปที่ใดแล้ว”
“หลี่เหยา? ผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หมอของเจ้าอย่างไร เจ้าไม่รู้จักเขาหรอกหรือเขาชื่อหลี่เหยา”
“กระหม่อมไม่ทราบนามของเขาพ่ะย่ะค่ะเพราะพอมาถึงก็พาเขามาที่นี่เพื่อรักษาพระองค์เลย หลี่เหยางั้นหรือ”
“เขาไปไหนแล้ว”
“เห็นว่าจะไปเอายามาต้มเพิ่มพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นให้กระหม่อมไปตามดีหรือไม่”
“ช่างเถอะรักษาทหารที่เหลือให้ดี ส่วนอาการของข้าก็ให้…. หลี่เหยาดูแลคนเดียวก็พอพวกเจ้าออกไปพักเถอะ”
“ท่านอ๋อง แต่ว่าอาการของพระองค์…”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าดูสิ”
“นั่นสิ วิธีการทำแผลนี่ดูชำนาญมากกว่าหมอที่นี่จริง ๆ เช่นนั้นกระหม่อมจะรีบไปดูเสียหน่อยว่าเขาไปเอายาได้ครบหรือไม่”
“อืม รีบไปเถอะ”
อี้หลงและต้าเป่าเดินออกมาแล้ว พวกเขาพบหลี่เหยาที่เดินกลับมาอีกครั้ง
“เหตุใดพวกท่านจึงออกมาแล้วล่ะ แล้วท่านอ๋อง…”
“อ้อท่านหมอ…หลี่เหยา ท่านอ๋องให้เจ้าเป็นคนดูแลทั้งเรื่องยาและคอยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้พระองค์ ส่วนพวกข้าคงต้องไปช่วยท่านหมอดูแลคนเจ็บที่กระโจมโน้น หากเจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มก็แจ้งทหารหน้ากระโจม พวกเขาจะให้คนไปเอาให้ จากนี้หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกมาเผื่อว่าท่านอ๋องจะเรียกใช้เจ้า”
“ตะ แต่ว่าข้า…”
“เอาน่าหลี่เหยา ดูเหมือนเจ้าน่าจะเป็นน้องข้าสินะหลี่เหยา ไม่ต้องห่วงท่านอ๋องไม่ได้ดุขนาดนั้นเจ้าก็แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ”
“ขะ ข้า!! ข้าคนเดียวงั้นหรือขอรับ”
“เจ้าตกใจอันใด ข้ากับต้าเป่าก็อยู่แค่ไม่ได้อยู่ตลอดเท่านั้นแต่ก็ไป ๆ มา ๆ น่าไม่ต้องห่วง รีบเข้าไปต้มยาเถอะ”
ไม่ทันจะพูดอะไรต่อทั้งสองคนก็เดินออกไปแล้ว หลีม่านในนามหลี่เหยาก็หันไปมาเพราะทำตัวไม่ถูก นางไม่คิดเลยว่าการได้มาที่นี่ในตอนแรกคิดเพียงว่าอยากแอบมาดูพี่ใหญ่และท่านอ๋องว่าเป็นอย่างไรบ้างแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะลงเอยเป็นแบบนี้ไปเสียได้
“เจ้าไปเอายามาหรือ”
เสียงที่ทักทายนางครั้งแรกกลับทำให้นางสะดุ้งจนตัวโก่ง ท่านอ๋องเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็มิได้ใส่พระทัยเพราะตอนนี้เขาเองก็มิได้มีแรงมากพอจะจับผิดผู้ใด หากหลี่เหยาคิดร้ายคงไม่รักษาเขาจนอาการดีขึ้นเช่นนี้
“พ่ะย่ะค่ะ ยะ ยานี้ต้องกินสองตำรับจึงจะได้ผล กระหม่อมจึงได้รีบไปนำมาเพิ่ม”
“อืม”
ผ่านเวลาไปนับสิบวันที่หลีม่านอาศัยอยู่ที่ค่ายทหารแห่งนี้ในนาม “หลี่เหยา” และดูแลท่านอ๋อง ในตอนนี้นางเริ่มลดความตื่นเต้นลงได้แล้วเมื่อท่านอ๋องมิได้ทรงตรัสอะไรและพูดน้อยกว่าวันแรกที่พบนาง อีกอย่างนางก็ไม่ได้เข้า ๆ ออก ๆ ที่ห้องของเขาบ่อย ๆ และย้ายมาพักที่กระโจมหมอหลวงแล้ว
“หลี่เหยานี่ยาที่เจ้าต้องการ”
“ขอบคุณพี่ต้าเป่า นี่ยาทาแผลที่ท่านขอวันก่อน”
“โอ้โหยอดไปเลยเจ้าทำให้ข้าได้รวดเร็วขนาดนี้เชียว”
“มีของอยู่น่ะก็เลยทำได้ นี่พี่ต้าเป่าแล้ววันนี้พี่อี้หลงไม่มาหรือ”
“เจ้าน่ะเอาแต่ถามหาพี่อี้หลงบ่อย ๆ ทำไมเจ้าชื่นชมอะไรเขาหรือแต่ก็อย่างว่าแหละนะ หากข้าเป็นสตรีก็คงชื่นชอบเขาไม่น้อยแต่ข้าคิดว่าท่านอ๋องรูปงามที่สุดแล้วเจ้าว่าหรือไม่เล่า”
“ขะ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันข้ามิใช่สตรีนี่”
“นั่นสินะ แม้ว่าเจ้าจะตัวเล็กแต่ก็ไม่ใช่สตรีจริง ๆ ว่าแต่เจ้าเอาแต่สวมผ้านั่นเอาไว้หายใจสะดวกหรือหลี่เหยา”
“ข้าสะดวกเช่นนี้ เพราะเวลาผสมยามันฉุนน่ะก็เลยสวมไว้”
“อ้อ นั่นสินะข้าก็เห็นท่านหมอสวมเอาไว้อยู่หลายคนเวลาที่พวกเขารักษาคนว่าแต่เจ้าถามหาพี่อี้หลงทำไมกัน”
“ขะ ข้าก็แค่ ทำยาเอาไว้ให้เขาด้วยเช่นกันจึงได้ถามดู”
“เช่นนั้นหรอกหรือ เช่นนั้นข้าจะบอกเขาให้นะ ตอนนี้เขากับท่านอ๋องออกไปดูนอกค่ายน่ะ”
“อย่างนั้นเองหรอกหรือ”
นับตั้งแต่วันที่ท่านอ๋องถามนางเรื่องกลิ่นกายของสตรี หลีม่านก็ไม่พกถุงหอมอีกเลยและพยายามให้ตัวของนางมีกลิ่นของยาให้มากที่สุดจึงได้อยู่แต่หน้าหม้อต้มยา ซึ่งท่านอ๋องเองก็เลิกถามแล้วเช่นกัน
“นี่ เจ้าน่ะไปทำแผลให้ท่านอ๋องทุกวัน เจ้าบอกข้าทีว่าบาดแผลของท่านอ๋องดีขึ้นแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่”
“ใช่ ท่านอ๋องฟื้นตัวไวมาก พระองค์ทรงแข็งแรงมากจริง ๆ”
นางพูดพลางกับคิดไปถึงครั้งสุดท้ายที่ไปพันแผลให้เขา
“บาดแผลของพระองค์สมานกันดีแล้ว อีกสองสามวันกระหม่อมจะตัดไหมที่เย็บออกพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ขอบใจเจ้ามากหลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้วหลี่เหยา”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นดื่มยาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ ขอบใจ”
มือของท่านอ๋องเอื้อมมาหยิบถ้วยยาและเผลอแตะนางเขา หลี่เหยาตกใจจนรีบดึงมือออกจนยาเกือบจะหกแต่ท่านอ๋องดึงเอาไว้ได้
“ไม่เป็นไร ยังไม่หกเจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดเจ้าต้องตกใจราวกับลูกแมวทุกครั้งที่ถูกตัวของข้า เจ้าทำอย่างกับสตรีที่ยังไม่ออกเรือนอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นผู้ชาย”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระวรกายของพระองค์มีค่าดุจทองคำ กระหม่อมเป็นเพียงผู้น้อย...”“ช่างเถอะ ๆ เจ้าออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องหันไปมองตามหลี่เหยาที่เดินออกจากห้องไปและหันกลับมาคิด แม้ว่าหลี่เหยาจะสวมผ้าคลุมที่ปิดช่วงปากเอาไว้แต่สายตากลับทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยเห็นสายตาคู่นี้มาก่อนเพียงแต่นึกไม่ออก แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้กลิ่นกายเหมือนกับวันแรกที่พบหลี่เหยาแต่กลิ่นนั้นก็ยังติดจมูกของเขาราวกับฝังเป็นความทรงจำ“เห็นทีข้าคงบาดเจ็บจนเลอะเลือน” ห้องยา “เหยา…. หลี่เหยา!!”“อ้อ ว่าอย่างไรนะ”“ข้าถามว่าเจ้าจะฝากยาให้ข้าเอาไปให้พี่อี้หลงหรือไม่”“อ้อ มะ ไม่ต้องหรอก”“เช่นนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนละขอบใจเจ้ามากเลยสำหรับยานี้เอาไว้ข้าพบท่านรองแม่ทัพ…ถวายบังคมท่านอ๋อง”ท่านอ๋องและฟางอี้หลงเดินเข้ามาพอดี เมื่อหลี่เหยาเงยหน้าไปเห็นท่านอ๋องที่แต่งกายชุดลำลองเดินเข้ามากับพี่ใหญ่ของนางก็ทำเอาหัวใจนางเต้นแรงดุจกลองศึกอีกครั้ง นางยังไม่เคยเห็นเขาสวมชุดอื่นมาก่อนและยังเกล้าผมเผยใบหน้าที่หล่อเหลาราวเซียนปั้นนั้นด้วย“ถะ ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“ลุกขึ้นเถอะ”“พี่อี้หลงท่านมาพอดีเลยหลี่เหยาเ
ท่านอ๋องตกตะลึงกับใบหน้าที่เรียบเนียนดุจสตรีตรงหน้า หลี่เหยานั้นยังไม่รู้ตัวว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดไปแล้วเพราะนางสนใจแต่บาดแผลและรีบซับเลือดให้กับเขาทันที“ขอประทานอภัยกระหม่อมเลินเล่อจนทำให้…”ท่านอ๋องหันมาคว้ามือนางและจับให้หันมา เขาสบตานางอีกครั้งจนแน่ใจในตอนนี้นี่เอง แม้ว่าจะใช้เสียงทุ้มต่ำที่พยายามดัด แต่รูปร่างและผิวพรรณนี้เขามั่นใจว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน“เจ้า…หน้าของเจ้า…”หลี่เหยาพึ่งจะรู้ตัวเอาตอนนี้ว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดออกไปเสียแล้วเมื่อเริ่มควานหาแต่ท่านอ๋องจับมันโยนทิ้ง“ไม่ต้องใช้แล้ว เจ้ารีบทำแผลก่อนที่มันจะปริออกอีกรอบหนึ่งเถอะ”“แต่ว่า…”“หน้าเจ้าหรือแผลของข้าที่สำคัญกว่า”“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”เสียงอ่อยที่ลืมดัดนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจและฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย นางเป็นสตรีอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ แต่ว่า..นางคือผู้ใดแล้วเหตุใดท่านหมอตงจึงได้ส่งนางมายังค่ายทหารแห่งนี้ หรือว่าหมอตงผู้เฒ่าเขาเองก็ไม่ทราบว่านางเป็นสตรีเช่นกัน ดังนั้นความลับนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้สินะ เช่นนั้นเขาก็จะช่วยนางปิดเป็นความลับ“กระหม่อมจะเริ่ม…ตัดไหมอีกครั้ง คราวนี้หากว่าพระองค์เจ็บก็บอก
“ท่านอ๋องมีสิ่งใดจะให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”ห่าวหรานหันไปมองใบหน้าที่มีผ้าที่ปิดบังเอาไว้แต่เขาเห็นมาหมดแล้วรวมถึงเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั่นด้วย ใจเขานึกอยากจะกระชากผ้าคลุมหน้านั้นออกเสียเหลือเกินจะได้เห็นริมฝีปากสีอ่อนนั้นอีกครั้ง“เปล่า ข้าไม่ได้มีธุระกับเจ้า”“เช่นนั้นพระองค์…”“ค่ายนี้ข้าเป็นแม่ทัพ ข้าจะเดินไปที่ใดต้องแจ้งใครด้วยงั้นหรือ”“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้า”“ให้มันไม่กล้าอย่างที่ปากเจ้าพูดเถอะ”“เอ๊ะ กระหม่อม…”พูดเสร็จก็เดินหันกลับออกไป ท่าทีของเขาไม่ต่างกับโมโหผู้ใดมาเพราะแม้แต่องครักษ์อย่างต้าเป่าก็ยังรีบหนีทันที เหลือแค่หลี่เหยาที่เป็นสนามอารมณ์รองรับเขาอยู่คนเดียว“อะไรอีกละเนี่ย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยมิใช่หรือโมโหอะไรของเขานักหนาละนี่”เย็นวันนั้น“รายงานพ่ะย่ะค่ะ”“มีอะไรเหตุใดจึงแตกตื่นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”ท่านอ๋องและเหล่านายกองคนอื่น ๆ หันไปมองหน่วยลาดตระเวนที่ออกไปพร้อมกับฟางอี้หลงแต่ตอนกลับมาพวกเขากลับบาดเจ็บและกลับมาเพียงสองคน“เกิดอะไรขึ้น ฟางอี้หลงล่ะ”“ทูลท่านอ๋อง รองแม่ทัพถูกข้าศึกจับไปพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ!!”“เพล้ง!!”หมอหลี่เหยาที่กำ
หลีเหยาเบิกตากว้างตกใจที่เขาล่วงรู้ความลับนี้ของนางเข้า คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะจับได้เช่นนี้ทั้ง ๆ ที่นางระวังตัวอย่างที่สุดตามที่ท่านตาพร่ำบอก“ท่าน…รู้ได้เช่นไรหรือว่า…. บ่อน้ำร้อนนั่น!!”นางคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะใช้เรื่องบ่อน้ำร้อนเป็นสิ่งที่พิสูจน์คำโกหกของนาง แต่หากว่าเขาทราบเช่นนั้นแสดงว่าวันที่นางขึ้นไปแช่น้ำ เขาอยู่ที่นั่นงั้นหรือ นั่นก็หมายความว่า….“อย่าได้คิดจะออกจากกระโจมนี้ ข้าจะสั่งคนเฝ้าที่นี่เอาไว้ หากเจ้ายังไม่เชื่อฟังก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าแม้ว่าเจ้าจะเป็นสตรี”ท่านอ๋องปล่อยตัวนาง สายตาของเขานิ่งเรียบจนทำให้นางโกรธ หลี่เหยาจึงได้ระเบิดเสียงออกไปเพราะความโกรธที่เขาหลอกนางโดยไม่ต้องดัดเสียงอีกต่อไป“คนที่ใจร้ายคือพระองค์ต่างหาก”“อย่าให้ข้าต้องถึงกับจับเจ้ามัดเอาไว้ ที่ข้าทำก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง”“อย่างไรข้าก็จะหาวิธีไปช่วยเขาให้ได้ ท่านอย่าได้คิดจะห้ามข้า”ท่านอ๋องหันไปมองสายตาที่เด็ดเดี่ยวนั่น เดิมทีเขาก็แทบจะแพ้สายตานั้นอยู่แล้วแต่ไม่ได้อยากให้นางมองเขาเช่นนี้ มันทำให้เขาโกรธแม้แต่คนที่เคยเป็นสหายร่วมศึกร่วมเป็นร่วมตายทั้ง ๆ ที่เขาคนนั้นไม่ผิด แต่กำลังจ
มีเพียงเสียงน้ำที่หยดตามร่างและแสงจันทร์ที่สาดลงมาตรงหน้าของคนทั้งสอง หลี่เหยามองไปยังพักตร์ที่เจ็บปวดของเขาตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเขาโกรธนางแต่กำลังเข้าใจผิดเรื่องของนางกับพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองหรอกหรือ“พระองค์ปล่อยหม่อมฉันไปเถอะเพคะ”“ไม่!! ข้าพึ่งจะพูดไปมิใช่หรือ”“แต่ว่าท่านอ๋องกำลังจะหมั้นหมายมิใช่หรือ”“ข้าไม่สน การหมั้นหมายที่มิได้เลือกเองถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับ นางเป็นน้องสาวของฟางอี้หลงข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับพวกเขาเองแต่จะให้ข้ายอมปล่อยเจ้าไป…ไม่มีทาง”“เช่นนั้นเหตุใดพระองค์จึงไม่ถามหม่อมฉันสักนิด ว่ายินดีหรือไม่”นางหันไปมองพักตร์ที่สับสนตรงหน้าอีกครั้ง เขาไม่ยินยอมหมั้นหมายกับนางในนามฟางหลีม่านแต่กลับรั้งนางในนามหลี่เหยาเอาไว้กับตัวงั้นหรือ“หากเจ้าไม่ยินยอม แล้วเจ้าตอบรับจูบข้าทำไม”“ท่านบ้าไปแล้ว ข้ามิได้ตอบรับท่านแต่ท่านบังคับต่างหาก”“งั้นหรือ คนปากแข็ง!!”“อ๊ะ อย่านะ อื้อ…อา…”เขาจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนมากกว่าเดิมและค่อย ๆ ผ่อนแรงลง ลิ้นค่อย ๆ เกี่ยวและรุกล้ำเข้าไปในรวงน้ำผึ้งแสนหวานด้านใน แขนเริ่มโอบรัดนางเอาไว้อย่างหวงแหนจนหลี่เหยาเผลอใจรับสัมผัสที่เชื้อเ
หลี่เหยาเริ่มรู้สึกผิดต่อเขาขึ้นมาจนจุกหน้าอกเมื่อเข็มที่ดึงออกอันสุดท้ายถูกถอนออกมาและนางก็เริ่มพันแผลให้เขาทั้ง ๆ ที่หมดสติอยู่ ท่านหมออีกสองคนออกไปแล้วในตอนนี้เหลือเพียงนางกับต้าเป่าเท่านั้น“ต้าเป่าข้าจะไปต้มยาให้ท่านอ๋องกับพี่อี้หลง ถ้ายังไงเจ้าก็เฝ้าอยู่ตรงนี้หากว่าท่านอ๋องฟื้นจะได้มีคนอยู่”“เจ้าอยู่เถอะข้าไปต้มยาเองได้ เจ้าสอนข้าจนต้มเป็นหมดแล้ว”“อย่าดีกว่า เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นว่าท่านอ๋องไม่ให้ข้ารักษาให้พระองค์ หากตื่นมาแล้วพบข้าอยู่จะทรงกริ้ว เจ้าอยู่เถอะข้าจะไปต้มยา”“เช่นนั้นก็ได้”หลี่เหยารู้สึกว่าได้เวลาที่จะต้องกลับไปหาท่านตาแล้วหลังจากเรื่องนี้จบลง เพราะในตอนนี้ท่านอ๋องจับได้แล้วว่านางมิใช่ผู้ชาย ดังนั้นการจะอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับนาง เมื่อยาพร้อมแล้วจึงได้ยกไปให้ฟางอี้หลงในห้อง“อ้าวหลี่เหยา เจ้าไปทำแผลให้ท่านอ๋องมาแล้วใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”“ดีแล้ว หากว่าท่านอ๋องทรงเป็นอะไรไปข้าคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตเป็นแน่”“ยาของท่าน”“อ้อ ขอบใจนะ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ ท่านอ๋องจึงได้เปลี่ยนแผนการกะทันหันเช่นนี้”หลี่เหยาชะงักนิ่งไปเมื่ออี้หลงพ
“อะไรนะ เจ้าบอกว่า…”“เพคะ ตะ ตอนนี้รองแม่ทัพฟางก็กลับมาแล้วและท่านอ๋องก็ปลอดภัยแล้ว อีกอย่างเรื่องที่ข้าเป็นสตรี…”“หึ เจ้าบอกเขาไปแล้วสินะ”“หม่อมฉัน!!”“ข้าเข้าใจได้ที่เจ้ารีบเผยความในใจ เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็ตามใจเจ้า ที่จริงที่นี่ก็ไม่ได้เหมาะที่จะให้สตรีพักอยู่ และไม่ใช่สถานที่สำหรับพลอดรักกันด้วย”“ท่านอ๋อง ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”เขาเมินนางเพื่อมองไปทางอื่นอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องสบสายตาที่กำลังมองเขาด้วยความน้อยใจด้วยคำถามนั้นอีก“ข้าพูดไปแล้ว ไหนล่ะยาของข้าเจ้าเอามาให้แล้วก็ออกไปสิ”“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลลาเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงให้โอกาสอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ ครั้งนี้ทำให้ความปรารถนาเจ้าเป็นจริงได้ข้าก็ยินดีด้วย”หลี่เหยาหันมามองพักตร์ท่านอ๋องอีกครั้งตอนนี้เขาหันมาสบตากับนางแล้วแต่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดกับสายตาโกรธที่นางมองกลับมา นี่ไม่ใช่ว่านางตกลงกับฟางอี้หลงแล้วหรอกหรือว่าจะกลับไปรอเขาที่ในเมืองจนกว่าศึกจะสงบ“ยิ่งพูดหม่อมฉันยิ่งไม่เข้าใจในตัวพระองค์ เช่นนั้นก็อย่าลืมดื่มยา หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ”“เดี๋ยว!!”“พระองค์ยังมีสิ่งใดจะสั่งการอีกเพคะ”หลี่เหย
“ท่านว่าอะไรนะ… ระ เรื่องนี้…”“แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันแล้วว่า… ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์กลางสนามรบ อีกไม่กี่วันนี้คงจะ…”“ไม่จริงข้าไม่มีทางเชื่อ คนอย่างท่านอ๋องไม่มีทาง… ไม่มีทางที่จะ… ข้าจะไปหาท่านตา”“คุณหนูเจ้าคะ”"หลีม่านอย่าไปเลยไม่มีประโยชน์หรอก ข่าวนี้น่ะข้าได้มาจากท่านตาของเจ้านั่นแหละ ก่อนจะเดินเข้ามาที่นี่ข้าได้ยินเขาคุยกับท่านหมอที่พึ่งกลับมาเป็นชุดสุดท้ายในกองทัพประจิม“ไม่!! เป็นไปไม่ได้!!”“หลีม่าน!! เจ้าตั้งสติหน่อย เขาตายแล้วเจ้าต้องยอมรับความจริง ว่าที่คู่หมั้นเจ้าตายแล้วดังนั้นราชโองการนั่นถือเป็นโมฆะ”“คุณชายหยวน อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทเลยนะแต่ท่านมาพูดเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้เพราะเหตุใดกัน ท่านกลับไปเถอะคุณหนูของข้าไม่สะดวกรับแขก”“เจ้า!! ข้าพูดความจริง”“เจียวจู พาข้าเข้าไปข้างใน”“เจ้าค่ะ”“ขอตัวเจ้าค่ะท่านโหวน้อย…ปากเสียชะมัด”“เจ้า!! อย่ามาพูดเช่นนี้นะที่ข้าพูดมันไม่จริงตรงไหนกันเล่า เขาตายแล้วแต่เจ้ายังมีข้านะ หลีม่าน…”หลีม่านแทบจะหมดเรี่ยวแรงเมื่อได้ทราบข่าวนี้ นางเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงค่ำซึ่งตงมู่ฟานเป็นผู้มาเคาะประตูนางจึงยอมเปิดเพื่อให้ท