“ท่านเห็นด้วยกับวิธีนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”“พี่กับท่านอ๋องปรึกษากันแล้วว่าจะถามความเห็นเจ้าก่อน เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากท่านตาโดยตรง เรื่องการปรุงยาถอนพิษ อย่างไรก็ต้องฟังเจ้า”หลีม่านหันไปมองพี่ใหญ่ของตัวเอง แม้ว่าในตอนนี้นางจะเข้าใจเกี่ยวกับความลำบากของชาวบ้านที่อยู่ชายแดนอย่างลูโจวแต่ความสูญเสียที่พึ่งจะเกิดขึ้นก็ทำให้นางทำใจลำบากเช่นกัน“เรื่องนี้ข้าขอคิดก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”“อืม ก็แล้วแต่เจ้าแต่อาการขององค์ชายสามซีเป่ยคงรออีกนานไม่ได้ หากไม่เช่นนั้นอาจจะมีคนเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก”“ข้าทราบแล้วท่านพักผ่อนก่อนเถอะ”“ม่านเอ๋อร์ เจ้ายังโกรธท่านอ๋องเรื่องที่ค่ายครั้งก่อนอยู่งั้นหรือ”“ข้าน่ะหรือเจ้าคะ ข้าไปโกรธเขาเมื่อไหร่กัน”“ท่านอ๋องตรัสกับพี่แล้วว่าเขาเข้าใจข้าผิดและก่อนที่เจ้าจะกลับมาที่ลู่โจวก็มีปากเสียงกับเขา วันที่ข้าส่งเจ้าขึ้นรถม้ามาเจ้ายังบอกว่าจะถอนหมั้น ดังนั้นข้าจึงอยากถามเจ้า ในตอนนี้ยังคิดเช่นนั้นอยู่หรือทั้ง ๆ ที่ท่านอ๋องเต็มพระทัยที่จะหมั้นหมายกับเจ้า”“พี่ใหญ่เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยปรึกษากันทีหลังเถอะเจ้าค่ะ ช่วงนี้เรายังต้องไว้ทุกข์ให้ท่านตาอีกสามเด
“สำหรับกระหม่อมแล้วคิดว่าม่านเอ๋อร์ยังมีเรื่องท่านตาที่ยังติดค้างอยู่ในใจจึงไม่อยากคิดถึงเรื่องแต่งงาน อีกอย่างกระหม่อมมั่นใจเหลือเกินว่านางมิได้มีความคิดแตกต่างไปจากพระองค์ วันที่จะกลับมาที่ลู่โจวนางร้องไห้และตัดพ้อว่าพระองค์มิได้ชอบนาง วันนั้นกระหม่อมจำได้ว่าม่านเอ๋อร์เสียใจมาก”“ครั้งนั้นเป็นข้าที่เข้าใจนางผิดคิดว่าพวกเจ้าสองคน…เป็นคนรักกัน ใครจะรู้ว่านางจะปลอมตัวเข้ามาในค่ายเช่นนี้กันเล่า”“อย่าทรงโทษตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวังว่าพระองค์และม่านเอ๋อร์จะปรับความเข้าใจกันได้ในเร็ววัน”“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีการของข้าอยู่แล้ว”“แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่พระองค์คงต้องระวังเอาไว้ จะไว้ใจไม่ได้เช่นกัน”“เจ้าหมายถึงอะไร”“หยวนเสี่ยวผิง”“คุณชายหยวนผู้นั้นน่ะหรือ”“เขาติดตามน้องสาวกระหม่อมมาตั้งแต่เมืองซีโจวมาถึงลู่โจว แม้จะอ้างว่ามาดูแลกิจการของสกุลหยวนแต่ใครจะไม่รู้บ้างว่าคุณชายหยวนผู้นี้ตามนางมา ครั้งก่อนยังบอกสาเหตุที่คนร้ายบุกว่าเกี่ยวกับตำแหน่งคู่หมั้นของนางจนทำให้นางเกือบจะเข้าใจพระองค์ผิด จากที่กระหม่อมสืบมาก่อนหน้านี้เขาก็เอาข่าวลือว่าพระองค์สิ้นพระชนม์มาบอกนางจนทำให้นางล้มป่วยอ
ฟางอี้หลงและท่านอ๋องที่เดินตามออกมาถึงกับหันมามองหน้ากันและรีบเดินมาทันที“เขามาทำอะไรที่นี่”“ดูเหมือนว่าจะตามไปที่จวนด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ท่านโหวน้อยผู้นี้สู้ไม่ถอยจริง ๆ แม้ว่าพระชายาจะไม่ได้ให้ความหวัง เขาตามตื๊อเก่งน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”ต้าเป่าหันมารายงานเพราะวันก่อนที่เขาติดตามหลีม่านไปรับสาวใช้ที่จวนสกุลหยวน ท่านโหวน้อยผู้นี้ก็เอาแต่หว่านล้อมฟางหลีม่านเกี่ยวกับคืนที่ท่านตานางถูกลอบสังหารว่าเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง“ท่านอ๋อง จะไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ไปส่งนางกลับไปสกุลตง ในเมื่อข้าเป็นคนอนุญาตนางเองก็ควรจะไปส่งด้วยตนเอง”“ท่านอ๋องของเจ้าดูท่าจะอาการหนักนะต้าเป่า”“นั่นสิขอรับ นี่พี่อี้หลงท่านว่าท่านอ๋องของข้า…หึงพระชายาใช่หรือไม่”“ไม่”“ไม่ใช่หรือ แต่ข้าว่า…”“ไม่เหลือน่ะสิ หึหึ ไปเถอะข้าจะไปดูหน่อยดูสิว่าวันนี้ไหน้ำส้มจะแตกหน้าจวนอ๋องหรือไม่”“รอข้าด้วยสิขอรับ”หน้าจวน“ท่านโหวน้อย ท่านมาส่งคุณหนูกลับจวนสกุลตงหรือเจ้าคะ”“ฉลาดสมกับเป็นเจียวจู ใช่แล้วข้ามาก็เพื่อ….”“อะแฮ่ม”“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”หยางห่าวหรานเดินมาหน้าจวนพร้อมกับโอบรอบเอวของฟางหลีม่านเอาไว้ นางหันมามองที
หลีม่านฟังแล้วนิ่งไป นี่เป็นเหตุผลที่เขายกขึ้นมา แม้ว่าสตรีจะเข้าร่วมในการเจรจาไม่ได้แต่ท่านอ๋องก็จัดที่นั่งให้นางฟังอยู่ที่ฉากกั้นด้านหลัง นางจะเห็นผู้เข้าเจรจาทั้งหมดและมีเขาที่นั่งอยู่ด้วยโดยที่โต๊ะเจรจาจะมีขุนนางและฟางอี้หลงเป็นตัวแทนของเขาในการเจรจาสัญญาสงบศึกครั้งนี้“เจ้านั่งอยู่กับข้าที่นี่ หากว่ามีสิ่งใดที่อยากจะเพิ่มเติมก็บอก ข้าจะสั่งให้คนไปแจ้งกับอี้หลงเข้าใจหรือไม่”“พวกเขาจะยอมแน่หรือเพคะ พระองค์ไม่กลัวว่าหากเจรจาไปแล้วพวกเขาไม่ทำตามเงื่อนไข...”“ที่จริงข้าไม่เคยกลัวแคว้นซีเป่ยนี่เลย แม้ว่าจะยกทัพมาข้าก็สามารถสู้กับพวกเขาได้ตลอด แต่ว่านั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับคนที่อาศัยอยู่ชายแดนข้าก็แค่หาหนทางแก้ไขในระยะยาว ดีกว่าตั้งทัพยาวนานและสู้กับสงครามที่ไม่จบสิ้นนี้”“พระองค์เป็นผู้ที่นึกถึงราษฎรจริง ๆ หม่อมฉันเชื่อว่าการเจรจาครั้งนี้จะนำพาความสงบมาสู่ลู่โจวเสียที”ท่านอ๋องเอื้อมมือมาจับนางเอาไว้แน่น หลีม่านไม่ได้ดึงมือหนีแต่ก็ยังไม่กล้าจะหันไปสบตาของท่านอ๋อง“ที่ข้าพาเจ้ามาก็เพื่อจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดเช่นไร แต่เจ้าไม่ต้องห่วง อี้หลงพี่ใหญ่ของเจ้ามีฝีปากเป็นเลิศในการต่อรอง เขาไม
เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องสัญญากันได้แล้ว เจ้าเมืองลู่โจวจึงได้ร่างสัญญาฉบับหนึ่งขึ้นมา เป็นสัญญาลับระยะสั้นที่เกี่ยวกับเรื่องที่ทั้งสองแคว้นจะตกลงถอยทัพกลับเมืองของตัวเองเพื่อแลกกับยาระงับพิษและยาถอนพิษที่จะมอบให้ในอีกสิบห้าวันที่จะส่งมอบอีกครั้งในที่ประชุมและจะมีตัวแทนอีกสองแคว้นเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย“เรากลับกันได้แล้วล่ะ”“พระองค์ทรงมั่นพระทัยแล้วหรือเพคะว่าพวกเข้าจะยอมถอยทัพจริง ๆ”“หากเป็นเจ้า จะยอมถอยหรือดึงดันสู้ต่อล่ะ ข้าคิดว่าข้าอ่านใจคนอย่างองค์ชายสามออก เขารักตัวกลัวตายมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”“อย่างไรหรือเพคะ”“หากว่าเขาไม่รับยารักษาสู้ตายอย่างวีรบุรุษไปเลยก็จะจบ และศึกกับลู่โจวก็ปล่อยให้องค์ชายคนอื่นสานต่อ ถึงแม้จะเลือกสู้ต่อ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้ ดังนั้นจึงกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ต้องหาในการแพ้สงครามเสียเอง ดังนั้นเลือกชีวิตเอาไว้จะดีกว่าเพราะอย่างน้อยสัญญาสงบศึกก็สามารถแน่ใจได้ว่าซีเป่ยจะไม่ถูกเรารุกรานไปอีกนาน”“เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาก็แค่กำลังหาทางจบศึกนี้โดยใช้อาการบาดเจ็บเป็นข้ออ้างเลิกทำศึกเพื่อมิให้ตัวเองเสียเปรียบอีกฝ่ายโดยต้องจ่ายค
“พระองค์ไม่รีบไปคุยกับพี่ใหญ่หรือเพคะ”“ไม่รีบ ข้าจะไปส่งเจ้าที่ห้องยาเพราะพวกเขาต้องเก็บของก่อนอยู่แล้ว”“ตะ แต่ว่าพระองค์ยืนขวางเช่นนี้….”“อ้อ เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ ไปดูว่ามีสิ่งใดขาดเหลืออีกหรือไม่ เชิญ”บทจะหยุดพูดก็เล่นเอาหลีม่านทำตัวไม่ถูกเช่นกัน นางไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องคิดสิ่งใดอยู่แต่สีหน้าและแววตาเมื่อเห็นหยวนเสี่ยวผิงนั้นมีความไม่พอใจอยู่จนเห็นได้ชัดว่าทรงไม่พอพระทัยที่พบเขาอยู่ที่นี่ ห้องยาหลีม่านเดินเข้าไปในห้องที่เก็บสมุนไพรของสกุลตง แต่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยยาชนิดต่าง ๆ ก่อนเข้าไปนางจึงต้องใช้ผ้าผูกหน้าปิดจมูกเข้าไป แต่เมื่อหันมามองท่านอ๋องที่ยืนจามด้านหลัง แต่ผ้าผูกหน้ามีเพียงผืนเดียวนางจึงต้องหันไปแจ้งเขา“ข้างในนี้ฉุนนัก พระองค์รอข้างนอกเถิดเพคะหม่อมฉันเข้าไปเอง”“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าใช้สิ่งใดบ้างเผื่อวันหน้าจะช่วยเจ้าหาได้”“แต่ว่าข้าในนี้ฉุนยาสมุนไพร พระองค์อาจจะทนไม่ไหว”เขาหันไปมองข้างกายนางและค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บเอาไว้ที่เอวของหลีม่านออกมาอย่างเบามือ หลีม่านวาบหวามใจไม่น้อยราวกับว่าสิ่งที่เขาหยิบคือสายคาดเอวของนาง และต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเขายื่นผ้าเช็ดหน้ามาต
หลีม่านค่อย ๆ เงยหน้าขมวดคิ้วมองพักตร์ท่านอ๋องที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า “ข้าต้องออกไปก่อน เจ้าก็จัดการเรื่องของเจ้าให้เรียบร้อยหากว่ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มเติมก็รีบบอก จะได้ให้คนช่วยจัดหาก่อนที่เราจะออกเดินทางขึ้นเขาหาสมุนไพรที่เหลือ”“เพคะ”ท่านอ๋องเดินออกไปจากห้องยาแล้ว เขาไม่ลืมที่จะเก็บผ้าเช็ดหน้าของนางเข้าไปที่ปกเสื้อของตนเองโดยที่ไม่คืนให้หลีม่าน และทิ้งให้นางยืนอยู่ในห้อง“ให้ตายสิ ในห้องนี้ร้อนชะมัดเลย”ด้านนอก “เจ้าบอกว่า ในคืนนั้นคนของเราถูกล่อให้ออกไปจากจวนสกุลตง ก่อนที่ท่านหมอตงผู้เฒ่าจะถูกฆ่างั้นหรือ แล้วมันเป็นพวกเดียวกันหรือไม่”“จากรายงานที่ได้รับมาเห็นบอกว่าพวกมันแบ่งออกเป็นสองกลุ่มพ่ะย่ะค่ะ แยกกันลงมือ”“แต่ทหารที่เฝ้าอยู่สกุลตงเป็นทหารฝีมือทำไมจึงหลงกลได้ง่าย ๆ เช่นนั้น”“ทหารที่รอดมาได้คืนนั้นเล่าว่าเพราะพวกมันจับท่านหมอตงเป็นตัวประกันและพาออกจากจวนไป พวกเขาจึงต้องแบ่งกำลังตามไปพ่ะย่ะค่ะ”“นั่นแสดงว่าท่านตาถูกคนร้ายลักพาตัวไปก่อน แล้วให้คนร้ายที่เหลือฆ่าและรื้อค้นยาในจวนสกุลตง พอไม่เจอพวกมันจึงได้สังหารท่านตา และนำศพมาไว้ที่เดิมเพื่อให้คนที่มาเห็นคิดว่าท่านตาถูกฆ่าต
ฟางหลีม่านทำอะไรไม่ได้เพราะนางเองก็ขี่ม้าไม่คล่องอย่างที่เขาเข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างม้าอีกตัวก็ไปพร้อมสัมภาระที่หนักอยู่แล้วหากนางยังไปนั่งคงเพิ่มภาระให้กับมันจึงยอมนั่งม้าตัวเดียวกับท่านอ๋องและเดินทางขึ้นเขาทันที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลดความเร็วม้าลงเมื่อถึงช่วงตีนเขาอินซางและเลือกที่จะเดินขึ้นเขาแทน เขาอินซาง“ตรงนี้แหละเพคะ นี่คือทางเข้าป่าเหมันต์”“เหตุใดจึงมีป้ายบอกทางว่าเป็นหุบเขาผีเล่า”“นั่นเพราะเสียงเล่าขานและเรื่องเล่าที่ชาวบ้านเล่าต่อ ๆ กันมาเรื่องที่พบในหุบเขานี้ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปด้านในเพคะ”“งั้นหรือ ผีมีจริงที่ไหนกัน”“หม่อมฉันเคยถามท่านตาครั้งหนึ่ง ท่านตาก็เอาแต่ขำเพราะในตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็กมากก็เลยกลัว”“หากว่าข้าเข้าใจไม่ผิดผู้ที่เขียนป้ายนี่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านหมอตงเองนั่นแหละ”“อะไรนะเพคะ”นางถามระหว่างที่พวกเขาเดินเข้ามาในหุบเขาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ห่าวหรานก็ต้องยอมรับว่าด้านในป่านี้ทั้งมืดและเย็นกว่าด้านนอกจริง ๆ ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะกลัว“ก็ในป่าที่ดิบชื้นและอากาศเย็นเช่นนี้เป็นที่ที่มีสมุนไพรหายากมากมายน่ะสิ ดังนั้นเพื่อมิให้ป่าถูกค้นพบหรือถูกทำลายก็ต้องปล
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต