ฟางหลีม่านทำอะไรไม่ได้เพราะนางเองก็ขี่ม้าไม่คล่องอย่างที่เขาเข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างม้าอีกตัวก็ไปพร้อมสัมภาระที่หนักอยู่แล้วหากนางยังไปนั่งคงเพิ่มภาระให้กับมันจึงยอมนั่งม้าตัวเดียวกับท่านอ๋องและเดินทางขึ้นเขาทันที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลดความเร็วม้าลงเมื่อถึงช่วงตีนเขาอินซางและเลือกที่จะเดินขึ้นเขาแทน เขาอินซาง“ตรงนี้แหละเพคะ นี่คือทางเข้าป่าเหมันต์”“เหตุใดจึงมีป้ายบอกทางว่าเป็นหุบเขาผีเล่า”“นั่นเพราะเสียงเล่าขานและเรื่องเล่าที่ชาวบ้านเล่าต่อ ๆ กันมาเรื่องที่พบในหุบเขานี้ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปด้านในเพคะ”“งั้นหรือ ผีมีจริงที่ไหนกัน”“หม่อมฉันเคยถามท่านตาครั้งหนึ่ง ท่านตาก็เอาแต่ขำเพราะในตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็กมากก็เลยกลัว”“หากว่าข้าเข้าใจไม่ผิดผู้ที่เขียนป้ายนี่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านหมอตงเองนั่นแหละ”“อะไรนะเพคะ”นางถามระหว่างที่พวกเขาเดินเข้ามาในหุบเขาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ห่าวหรานก็ต้องยอมรับว่าด้านในป่านี้ทั้งมืดและเย็นกว่าด้านนอกจริง ๆ ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะกลัว“ก็ในป่าที่ดิบชื้นและอากาศเย็นเช่นนี้เป็นที่ที่มีสมุนไพรหายากมากมายน่ะสิ ดังนั้นเพื่อมิให้ป่าถูกค้นพบหรือถูกทำลายก็ต้องปล
“อะไรนะเพคะ แต่ว่าที่นี่มีกองไฟแล้วไม่น่าจะหนาวแล้ว”“เจ้าดูถูกป่าลึกในยามดึกมากเกินไปแล้ว อีกไม่นานฟืนหมดไฟก็จะดับ อีกอย่างข้ามิได้อยู่เฝ้าเจ้าทั้งคืนเพราะต้องเดินทาง เช่นนั้นผ้าคลุมของพวกเราจะต้องนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด”“เช่นนั้น…”“มานี่เถอะอย่ากลัวมากเกินไป ข้าเองก็ทำใจลำบากเจ้าไม่รู้หรือว่าการที่ต้องนอนกอดเจ้าอยู่เฉย ๆ ทั้งคืนมันจะทรมานเพียงใด”ฟางหลีม่านมิได้กลัวว่าเขาจะหักห้ามใจมิได้ แต่นางกลัวใจของตัวเองมากกว่าเพราะถึงอย่างไรหยางห่าวหรานก็ได้ชื่อว่าเป็นรักเดียวในใจของนาง ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือในตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางค่อย ๆ ขยับนอนบนที่นอนฟางข้าง ๆ เขาโดยมีชุดคลุมขนสัตว์ของท่านอ๋องเป็นผ้าห่ม“ตัวเจ้าหอมยิ่งนัก”“คือว่า…”“เสียงเจ้าสั่น หนาวสินะ”เพียงแค่ท่านอ๋องที่กระชับอ้อมกอดเข้ามาจากด้านหลังก็ทำให้นางแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอากาศที่เย็นจัดในป่านี้เลย ตอนนี้แม้แต่ไฟตรงหน้าก็ดูจะร้อนน้อยกว่าไฟปรารถนาในหัวใจของนางเสียอีก ซึ่งหากถามอีกฝ่ายเองก็คงจะพอ ๆ กันเพราะเสียงหัวใจของท่านอ๋องเต้นแรงพอ ๆ กับนาง“หนาว… อือ…”“เหยาเหยา เจ้าไหวหรือไม่"“หนาวเหลือเกินเพคะ ท
สิ้นคำกล่าวนั้นท่านอ๋องก็เริ่มจูบนางอีกครั้งทันทีเพื่อมิให้นางได้เอ่ยสิ่งใดขึ้นมาอีก เขาพยายามจะอ่อนโยนกับนางให้มากที่สุดเนื่องจากเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ อีกอย่างแม้ว่าบรรยากาศจะเป็นใจมากเท่าใดแต่เขาก็มิได้อยากให้ครั้งแรกของนางเจ็บปวดและทรมานจนไม่เป็นที่น่าจดจำ“อื้อ…. อื้อ”เสียงร้องในลำคอทำเอาเขาแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเล็บของนางเริ่มจิกมาที่ต้นคอของเขา มังกรยักษ์ค่อย ๆ สอดเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง“อาา…แน่นมาก เหยาเหยาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“อื้อ ไม่เป็นไรเพคะ อ๊าา!!”เมื่อนางบอกว่าไม่เป็นไรเขาจึงตัดสินใจดันกายเข้าไปจนสุดเพราะนางเริ่มปรับตัวกับเขาได้แล้ว ไม่นานมังกรยักษ์ก็เข้าไปด้านในจนสุด ซึ่งเขากลับรู้สึกทรมานมากกว่าเดิม เพราะมันทั้งคับแน่น ร้อนและตอดรัดรุนแรงจนแทบทนต่อไปไม่ไหว เสียงครางต่ำราวกับจะขาดใจของเขาทำเอาหลีม่านไม่กล้าขยับกาย แม้จะยังเจ็บอยู่แต่ก็ค่อย ๆ ทุเลาลงมากแล้ว“ห่าวหราน อ๊าา”“เหยาเหยา ข้าจะเริ่มขยับแล้วนะคนดี อาา…”หลังจากนั้นพวกเขาก็แทบจะมิได้พูดอะไรอีก นอกจากเสียงครวญครางและสลับกับจุมพิตดูดดื่มที่ผลัดมอบให้กัน บัดนี้หลีม่านค่อย ๆ ปรับตัวได้และเริ่มเป็นฝ่ายรุกคืนบ้างแล้ว
“หยางห่าวหรานท่านมันเป็นคนเช่นไรกันนะ!”“อะไรเล่าข้าก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะหิวจนหมดแรง…ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”ท่านอ๋องเห็นสายตาที่หันมาค้อนเขาจึงได้รีบหยุด ใช่ว่าเขาจะอยากทะเลาะกับนางเสียเมื่อไหร่ เขารู้ว่านางพกเสบียงมามากพอที่จะเดินทางไปกลับ หากว่าโง่ทะเลาะกันตอนนี้มีหวังว่าเขาคงอดข้าวเช้าเป็นแน่“นี่เพคะ”“เจ้ากินเพียงแค่นี้จะอิ่มหรือ เจ้า… ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”เขาก็แค่เป็นห่วงเพราะเกรงว่าเพียงแค่แป้งทอดกับเซาปิ่งไส้ถั่วแดงเพียงอันเดียวนางจะไม่อยู่ท้อง แต่เมื่อเห็นนางหยิบเพียงเซาปิ่งเพียงอันเดียวก็ดื่มน้ำและเดินไปที่เสี่ยวเซินเขาก็รู้ว่านางเป็นคนกินน้อยจริง ๆ “เจ้าน่าจะกินมาก ๆ กว่านี้หน่อยตัวเจ้าแทบจะถูกลมพัดปลิวได้อยู่แล้ว เมื่อคืนใช้แค่มือเดียว…”“หยางห่าวหรานหากท่านยังไม่หยุดพูดข้าจะ…”เขาไม่รอให้นางด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ทางที่ดีต้องรีบปิดปากนางเสียก่อน ห่าวหรานโน้มตัวลงไปจูบนางโดยมิได้ให้โอกาสนางได้ต่อว่าเขาอีก มือที่กำลังชี้หน้าท่านอ๋องอยู่เริ่มอ่อนลงจนเผลอคว้าต้นคอของเขาเอาไว้ เนิ่นนานกว่าที่ท่านอ๋องจะยอมปล่อยนาง“เอาล่ะพระชายาที่รักพวกเรายังต้องรีบทำภารกิจอีก ข้าคิดว่าหลังจาก
“พระองค์ทรงตรัสสิ่งใดออกมา…อ๊ะ! ห่าวหรานท่านอย่านะ จะทำอะไร อ๊า...”หยางห่าวหรานดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ ภายในสระเริ่มอุ่นขึ้นแล้วและเขาเองก็รู้ว่านางเองก็เริ่มมีกำลังกลับคืนมา เห็นได้จากแรงที่พยายามดันตัวเขาออก“พวกเราจะสักกี่ครั้งที่เรามีโอกาสได้มาถึงสระเหมันต์เช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำบุตรที่มีสุขภาพยอดเยี่ยมหรอกนะ เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”“แต่ว่าพวกเรา…”“จนถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าคิดจะถอนหมั้นข้าอีกงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมง่าย ๆ หรือฟางหลีม่าน”“แต่พวกเราต้องรีบกลับนะเพคะ”“ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากแช่น้ำจากสระเหมันต์แล้วเราก็แข็งแรงมากขึ้น อีกอย่างขากลับต้องรวดเร็วกว่าขามาอยู่แล้วเพราะเป็นเส้นทางลงเขา”“แต่ว่าพวกเราพึ่งจะ….”คำพูดถูกดูดกลืนหายลงไปทันที เมื่อท่านอ๋องที่ทนมานานแล้วเริ่มจุมพิตนางในสระเหมันต์ ท่ามกลางบัวสัตตบุษย์สีแดงที่อยู่รายรอบ ลิ้นหนาพันเกี่ยวตวัดไปมาจนหลีม่านแทบจะหายใจไม่ออก นางตอบรับเขาและเริ่มโอบรอบคออีกฝ่าย“โชคดีที่เจ้าถอดชุดนอกออกไปแล้ว ข้าจึงไม่ต้องเหนื่อย”“อ๊ะ ห่าวหราน อ๊าา”ร่างของนางถูกยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเขาจะได้ชื่นชมยอดปทุมสีสวยตรงหน้า
จวนสกุลตงเมื่อหลีม่านลงรถม้าจากหน้าสกุลตง ท่านอ๋องก็เดินออกมารับนางพร้อมกับไถ่ถามก่อนจะเดินเข้าจวน“เป็นอย่างไรบ้างได้ของที่ต้องการครบหรือไม่”“ครบแล้วเพคะ เหตุใดพระองค์จึงมาอยู่ตรงนี้เพคะ”“ข้ากำลังจะไปที่ว่าการกับต้าเป่า เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”“แค่ออกไปซื้อของเองนะเพคะ”“ช่างเถอะรีบเข้าจวนไปก่อน อี้หลงรอเจ้าอยู่ข้างในเห็นว่าพบตำราที่เจ้าตามหาแล้ว”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์ก็รีบกลับนะเพคะ”“รู้แล้ว ๆ”ท่านอ๋องดึงแก้มนางแกมหยอกก่อนจะขึ้นเสี่ยวเซินและควบช้า ๆ ออกจากจวนหลังจากที่หลีม่านเดินเข้าไปในจวนแล้ว “ใช่นางจริง ๆ นางคือฟางหลีม่าน”“องค์ชายแอบตามนางมาเช่นนี้พระองค์มีแผนการอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ดินแดนฝั่งตะวันตกข้าไม่อยากได้แล้ว"“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย แต่ว่าดินแดนนั่นหากซีเป่ยได้ครอบครองทั้งหมดก็จะร่ำรวยเพราะเป็นชายแดนที่ทำการค้าอีกทั้ง…”"ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือสตรีผู้นี้ต่างหาก นางเป็นถึงทายาทของหมอเทวดาชื่อดัง หากว่าได้อภิเษกกับนางเจ้าลองคิดดูสิว่าเสด็จพ่อจะหันความสนใจทั้งหมดนั่นมาที่ผู้ใด หมอเทวดาที่รักษาคนได้อีกทั้งทำยาพิษได้ ดาบของลู่โจวจะถูกส่ง
จวนแม่ทัพฟาง / ซีโจว“เรื่องนี้ยังไม่มีราชโองการลงมาดังนั้นข้าคิดว่า…”“ลูกจะไปเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกตกลงรับการหมั้นหมายครั้งนี้”“ฟางหลีม่าน” บุตรสาวคนกลางของแม่ทัพใหม่แห่งเมืองซีโจว “ฟางเฉิน” หันไปตวาดบุตรสาวขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในจวนและแจ้งเรื่องสำคัญที่มาจากราชสำนัก“ม่านเอ๋อร์!! เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่ถึงเจ้าจะโตแล้วแต่แม่ก็ไม่ยอมให้เจ้าไปลำบากที่เมืองลู่โจวที่กันดารนั่นหรอกนะ ท่านพี่เจ้าคะเรื่องนี้…”“ฟางฮูหยิน” เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินบุตรสาวพูดออกมา นางหันไปมองฮูหยินรองและบุตรสาวที่นั่งงอตัวอยู่ที่เก้าอี้ นางเองก็มีบุตรสาวซึ่งแม้จะอายุน้อยกว่า “ฟางหลีม่าน” อยู่สองปีแต่ก็พ้นพิธีปักปิ่นมาแล้ว“ฮูหยินเจ้าคะ ท่านคงจะไม่คิดที่จะ…”“ข้ายังไม่ทันได้พูดสิ่งใด "หลงเยี่ยน" เหตุใดเจ้าจึงต้องรีบตีตนไปก่อนไข้"“เฮ้อ...เอาเถอะพวกเจ้าอย่าได้ถกเถียงกันให้มากเลยตราบใดที่ยังไม่มีราชโองการมาก็ยังมีเวลาให้หายใจหายคอ วันนี้ข้าก็แค่เรียกพวกเจ้าทุกคนมาแจ้งให้รับรู้เท่านั้น แยกย้ายกันกลับไปเถอะ”ห้องของหลีม่าน“คุณหนูเจ้าคะเหตุใดท่านจึงขันอาสาอยากจะแต่งงานกับอ๋องแม่ทัพที่โหดเหี้ยมผู้นั้นเจ้าคะ ข้าเคย
ลู่โจว / ค่ายดินแดนประจิม “กองทัพของเราสูญเสียไพร่พลไปร้อยห้าสิบนายที่เหลือบาดเจ็บแต่ก็ปราบข้าศึกที่รุกล้ำดินแดนได้ทันก่อนที่พวกมันจะข้ามมาพ่ะย่ะค่ะ”“อืม สั่งการลงไป ให้ถอนกำลังลงมาอีกสิบลี้”“เอ่อ ท่านอ๋อง เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ”“ล่อมันเข้ามา แล้วฆ่าให้หมด!!”เสียงที่หนักแน่นและสายตาแข็งกร้าวดุจพยัคฆ์ทำเอารองแม่ทัพเหรียนเจินไม่กล้าสบเนตรนั้น เขารู้ว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดเหี้ยมเพียงใด ครั้งนี้สูญเสียไปร้อยห้าสิบนายแต่สิ่งที่ท่านอ๋องจะเอาคืนคือ “ทั้งกองทัพ” ของผู้ที่กล้ามารุกรานเขตแดนของพระองค์“ท่านอ๋อง มีราชโองการของฝ่าบาทส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”“หยางฮ่าวหราน” หันกลับมาและขมวดคิ้วเลิกถามอย่างแปลกใจ เขากรำศึกอยู่กลางดินแดนประจิมมาได้สองปี แทบจะไม่เคยได้รับราชโองการใด ๆ จากเสด็จพ่อของเขานอกจากเรื่องการแต่งตั้งยศใหม่ให้ซึ่งเขาไม่เคยต้องการ จวนใหม่และเงินที่ประทานมาให้เขาก็นำเข้ากองทัพเพื่อซื้อยา อาวุธและเสบียงเสริม“นี่มันเรื่องอะไรกัน "ต้าเป่า" เจ้าไปรับมา"“พ่ะย่ะค่ะ”“ต้าเป่า” องครักษ์คนสนิทเพียงคนเดียวเดินไปรับกล่องที่ใส่ราชโองการ ด้านในนั้นมีม้วนราชโองการสีทองลายมังกรอยู่“คาดผ้าสีแดง นี่หรื