“หยางห่าวหรานท่านมันเป็นคนเช่นไรกันนะ!”“อะไรเล่าข้าก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะหิวจนหมดแรง…ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”ท่านอ๋องเห็นสายตาที่หันมาค้อนเขาจึงได้รีบหยุด ใช่ว่าเขาจะอยากทะเลาะกับนางเสียเมื่อไหร่ เขารู้ว่านางพกเสบียงมามากพอที่จะเดินทางไปกลับ หากว่าโง่ทะเลาะกันตอนนี้มีหวังว่าเขาคงอดข้าวเช้าเป็นแน่“นี่เพคะ”“เจ้ากินเพียงแค่นี้จะอิ่มหรือ เจ้า… ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”เขาก็แค่เป็นห่วงเพราะเกรงว่าเพียงแค่แป้งทอดกับเซาปิ่งไส้ถั่วแดงเพียงอันเดียวนางจะไม่อยู่ท้อง แต่เมื่อเห็นนางหยิบเพียงเซาปิ่งเพียงอันเดียวก็ดื่มน้ำและเดินไปที่เสี่ยวเซินเขาก็รู้ว่านางเป็นคนกินน้อยจริง ๆ “เจ้าน่าจะกินมาก ๆ กว่านี้หน่อยตัวเจ้าแทบจะถูกลมพัดปลิวได้อยู่แล้ว เมื่อคืนใช้แค่มือเดียว…”“หยางห่าวหรานหากท่านยังไม่หยุดพูดข้าจะ…”เขาไม่รอให้นางด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ทางที่ดีต้องรีบปิดปากนางเสียก่อน ห่าวหรานโน้มตัวลงไปจูบนางโดยมิได้ให้โอกาสนางได้ต่อว่าเขาอีก มือที่กำลังชี้หน้าท่านอ๋องอยู่เริ่มอ่อนลงจนเผลอคว้าต้นคอของเขาเอาไว้ เนิ่นนานกว่าที่ท่านอ๋องจะยอมปล่อยนาง“เอาล่ะพระชายาที่รักพวกเรายังต้องรีบทำภารกิจอีก ข้าคิดว่าหลังจาก
“พระองค์ทรงตรัสสิ่งใดออกมา…อ๊ะ! ห่าวหรานท่านอย่านะ จะทำอะไร อ๊า...”หยางห่าวหรานดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ ภายในสระเริ่มอุ่นขึ้นแล้วและเขาเองก็รู้ว่านางเองก็เริ่มมีกำลังกลับคืนมา เห็นได้จากแรงที่พยายามดันตัวเขาออก“พวกเราจะสักกี่ครั้งที่เรามีโอกาสได้มาถึงสระเหมันต์เช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำบุตรที่มีสุขภาพยอดเยี่ยมหรอกนะ เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”“แต่ว่าพวกเรา…”“จนถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าคิดจะถอนหมั้นข้าอีกงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมง่าย ๆ หรือฟางหลีม่าน”“แต่พวกเราต้องรีบกลับนะเพคะ”“ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากแช่น้ำจากสระเหมันต์แล้วเราก็แข็งแรงมากขึ้น อีกอย่างขากลับต้องรวดเร็วกว่าขามาอยู่แล้วเพราะเป็นเส้นทางลงเขา”“แต่ว่าพวกเราพึ่งจะ….”คำพูดถูกดูดกลืนหายลงไปทันที เมื่อท่านอ๋องที่ทนมานานแล้วเริ่มจุมพิตนางในสระเหมันต์ ท่ามกลางบัวสัตตบุษย์สีแดงที่อยู่รายรอบ ลิ้นหนาพันเกี่ยวตวัดไปมาจนหลีม่านแทบจะหายใจไม่ออก นางตอบรับเขาและเริ่มโอบรอบคออีกฝ่าย“โชคดีที่เจ้าถอดชุดนอกออกไปแล้ว ข้าจึงไม่ต้องเหนื่อย”“อ๊ะ ห่าวหราน อ๊าา”ร่างของนางถูกยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเขาจะได้ชื่นชมยอดปทุมสีสวยตรงหน้า
จวนสกุลตงเมื่อหลีม่านลงรถม้าจากหน้าสกุลตง ท่านอ๋องก็เดินออกมารับนางพร้อมกับไถ่ถามก่อนจะเดินเข้าจวน“เป็นอย่างไรบ้างได้ของที่ต้องการครบหรือไม่”“ครบแล้วเพคะ เหตุใดพระองค์จึงมาอยู่ตรงนี้เพคะ”“ข้ากำลังจะไปที่ว่าการกับต้าเป่า เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”“แค่ออกไปซื้อของเองนะเพคะ”“ช่างเถอะรีบเข้าจวนไปก่อน อี้หลงรอเจ้าอยู่ข้างในเห็นว่าพบตำราที่เจ้าตามหาแล้ว”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์ก็รีบกลับนะเพคะ”“รู้แล้ว ๆ”ท่านอ๋องดึงแก้มนางแกมหยอกก่อนจะขึ้นเสี่ยวเซินและควบช้า ๆ ออกจากจวนหลังจากที่หลีม่านเดินเข้าไปในจวนแล้ว “ใช่นางจริง ๆ นางคือฟางหลีม่าน”“องค์ชายแอบตามนางมาเช่นนี้พระองค์มีแผนการอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ดินแดนฝั่งตะวันตกข้าไม่อยากได้แล้ว"“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย แต่ว่าดินแดนนั่นหากซีเป่ยได้ครอบครองทั้งหมดก็จะร่ำรวยเพราะเป็นชายแดนที่ทำการค้าอีกทั้ง…”"ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือสตรีผู้นี้ต่างหาก นางเป็นถึงทายาทของหมอเทวดาชื่อดัง หากว่าได้อภิเษกกับนางเจ้าลองคิดดูสิว่าเสด็จพ่อจะหันความสนใจทั้งหมดนั่นมาที่ผู้ใด หมอเทวดาที่รักษาคนได้อีกทั้งทำยาพิษได้ ดาบของลู่โจวจะถูกส่ง
จวนแม่ทัพฟาง / ซีโจว“เรื่องนี้ยังไม่มีราชโองการลงมาดังนั้นข้าคิดว่า…”“ลูกจะไปเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกตกลงรับการหมั้นหมายครั้งนี้”“ฟางหลีม่าน” บุตรสาวคนกลางของแม่ทัพใหม่แห่งเมืองซีโจว “ฟางเฉิน” หันไปตวาดบุตรสาวขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในจวนและแจ้งเรื่องสำคัญที่มาจากราชสำนัก“ม่านเอ๋อร์!! เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่ถึงเจ้าจะโตแล้วแต่แม่ก็ไม่ยอมให้เจ้าไปลำบากที่เมืองลู่โจวที่กันดารนั่นหรอกนะ ท่านพี่เจ้าคะเรื่องนี้…”“ฟางฮูหยิน” เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินบุตรสาวพูดออกมา นางหันไปมองฮูหยินรองและบุตรสาวที่นั่งงอตัวอยู่ที่เก้าอี้ นางเองก็มีบุตรสาวซึ่งแม้จะอายุน้อยกว่า “ฟางหลีม่าน” อยู่สองปีแต่ก็พ้นพิธีปักปิ่นมาแล้ว“ฮูหยินเจ้าคะ ท่านคงจะไม่คิดที่จะ…”“ข้ายังไม่ทันได้พูดสิ่งใด "หลงเยี่ยน" เหตุใดเจ้าจึงต้องรีบตีตนไปก่อนไข้"“เฮ้อ...เอาเถอะพวกเจ้าอย่าได้ถกเถียงกันให้มากเลยตราบใดที่ยังไม่มีราชโองการมาก็ยังมีเวลาให้หายใจหายคอ วันนี้ข้าก็แค่เรียกพวกเจ้าทุกคนมาแจ้งให้รับรู้เท่านั้น แยกย้ายกันกลับไปเถอะ”ห้องของหลีม่าน“คุณหนูเจ้าคะเหตุใดท่านจึงขันอาสาอยากจะแต่งงานกับอ๋องแม่ทัพที่โหดเหี้ยมผู้นั้นเจ้าคะ ข้าเคย
ลู่โจว / ค่ายดินแดนประจิม “กองทัพของเราสูญเสียไพร่พลไปร้อยห้าสิบนายที่เหลือบาดเจ็บแต่ก็ปราบข้าศึกที่รุกล้ำดินแดนได้ทันก่อนที่พวกมันจะข้ามมาพ่ะย่ะค่ะ”“อืม สั่งการลงไป ให้ถอนกำลังลงมาอีกสิบลี้”“เอ่อ ท่านอ๋อง เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ”“ล่อมันเข้ามา แล้วฆ่าให้หมด!!”เสียงที่หนักแน่นและสายตาแข็งกร้าวดุจพยัคฆ์ทำเอารองแม่ทัพเหรียนเจินไม่กล้าสบเนตรนั้น เขารู้ว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดเหี้ยมเพียงใด ครั้งนี้สูญเสียไปร้อยห้าสิบนายแต่สิ่งที่ท่านอ๋องจะเอาคืนคือ “ทั้งกองทัพ” ของผู้ที่กล้ามารุกรานเขตแดนของพระองค์“ท่านอ๋อง มีราชโองการของฝ่าบาทส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”“หยางฮ่าวหราน” หันกลับมาและขมวดคิ้วเลิกถามอย่างแปลกใจ เขากรำศึกอยู่กลางดินแดนประจิมมาได้สองปี แทบจะไม่เคยได้รับราชโองการใด ๆ จากเสด็จพ่อของเขานอกจากเรื่องการแต่งตั้งยศใหม่ให้ซึ่งเขาไม่เคยต้องการ จวนใหม่และเงินที่ประทานมาให้เขาก็นำเข้ากองทัพเพื่อซื้อยา อาวุธและเสบียงเสริม“นี่มันเรื่องอะไรกัน "ต้าเป่า" เจ้าไปรับมา"“พ่ะย่ะค่ะ”“ต้าเป่า” องครักษ์คนสนิทเพียงคนเดียวเดินไปรับกล่องที่ใส่ราชโองการ ด้านในนั้นมีม้วนราชโองการสีทองลายมังกรอยู่“คาดผ้าสีแดง นี่หรื
“ท่านพี่นี่ท่านกำลังข่มขู่ข้างั้นหรือเจ้าคะ”แม่ทัพฟางรู้ดีว่าต่อให้ต้องเลือกนางก็ไม่อยากได้ท่านโหวน้อยที่ดูกะล่อนของสกุลหยวน“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้ชอบ "หยวนเสี่ยวผิง" ท่านวางใจได้ข้าไม่มีทางแต่งกับเขาหรอกเจ้าค่ะ"“แต่ว่า…เฮ้อ ช่างเถอะหากว่าเจ้าตัดสินใจเช่นนั้นแล้วแม่ก็คงสุดจะห้าม เช่นนั้นแม่จะเขียนจดหมายส่งไปให้ท่านตาเจ้า ท่านพี่ท่านเองก็ส่งไปที่กองทัพเพื่อให้หลงเอ๋อร์ด้วย”“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าท่านอ๋องจะทรงกรำศึกหนักขนาดไหนแต่ข้าเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ละทิ้งม่านเอ๋อร์ของพวกเรา เจ้าอย่าลืมสิว่าหลงเอ๋อร์เป็นสหายร่วมศึกของพระองค์”“ข้าทราบเจ้าค่ะ”หอหงซื่อ ก่อนเดินทางเพียงสามวันฟางหลีม่านก็ออกมาเดินเล่นและฟังละครที่โรงละครเลื่องชื่อของซีโจวกับสาวใช้ของนางซึ่งพวกนางมาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้วแต่วันนี้กลับมีแขกที่นางเองก็ไม่คิดว่าจะพบที่นี่“หลีม่าน เจ้าจะรับหมั้นกับท่านอ๋องจอมโหดผู้นั้นจริงเหรอ”“ท่านโหวน้อย ท่านมาที่นี่ได้เช่นไรกัน”“หยวนเสี่ยวผิง” ไม่เพียงเข้ามาแต่เขาเดินมานั่งข้าง ๆ นางอีกด้วย หยวนเสี่ยวผิงชอบพอฟางหลีม่านมานานแล้วนับตั้งแต่นางเข้าพิธีปักปิ่น เขาก็ลดนิสัยเจ้าชู้แล
หยวนเสี่ยวผิงเดินลงมาจากม้าและพุ่งตัวเข้ามาหาฟางหลีม่านทันทีเมื่อนางยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมระหว่างที่คณะเดินทางได้จอดเพื่อให้ม้าได้พัก“ตามเจ้าทันจนได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วเช่นนี้”“ท่านโหวน้อยนี่ท่าน…มาท่องเที่ยวหรือ”“ข้าหรือ ข้าก็ตามเจ้าไปที่ลู่โจวอย่างไรเล่าจะพูดเช่นไรดี ข้ามีจวนอยู่ที่นั่นและท่านพ่อเองก็วานให้ข้าไปดูแลกิจการผ้าไหมที่นั่นสักหน่อยจะเรียกว่าบังเอิญก็ได้กระมัง”“หึหึ ช่างบังเอิญได้จังหวะดีเสียจริงเลยนะ”“หลีม่านเจ้าจะไปที่ใด แล้วถ้าไปที่ลู่โจวแล้วเจ้าจะพักที่ใดงั้นหรือ คงไม่ใช่ค่ายทหารหรอกนะ ข้าว่าอย่างไรแล้วเจ้าไปพักกับข้าที่จวนสกุลหยวน...”“ท่านตาข้าเองก็มีจวนที่นั่น ขอโทษด้วยท่านโหวน้อยข้าไม่ไปกับท่าน เราเพียงแค่บังเอิญมาพบกันเท่านั้น ม้าของข้าพักพอเมื่อใดก็จะรีบเดินทางทันที”“ไม่เอาน่าหลีม่าน เจ้ากับข้าก็จะไปทางเดียวกันอยู่แล้ว ข้าเองก็พาคนคุ้มกันมามากเดินทางหลาย ๆ คนปลอดภัยกว่านะ”“เจียวจูข้ารู้สึกปวดหัวขอไปพักบนรถม้าหน่อยพร้อมแล้วก็มาบอกข้าก็แล้วกัน”“อ้าว เดี๋ยวสิหลีม่าน ข้า…”“ท่านโหวเจ้าคะ คุณหนูข้าพูดชัดเจนแล้วหวังว่าท่านจะไม่ตามนางไป ถึงอย่างไรคุณหนูข้าในตอนน
“เจ้าว่าอะไรนะ!!”“ท่านตาท่านก็รู้ว่าข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด ข้าเองก็อยากจะพบพี่ใหญ่กับ…ว่าที่คู่หมั้นของข้าเสียหน่อย ในเมื่อจะต้องเป็นว่าที่พระชายาแล้วเหตุใดจะไปไม่ได้”“เจ้าคิดว่าที่นั่นเป็นอะไร สนามเด็กเล่นหรืออย่างไรไม่เอาน่าเหยาเหยา อย่าให้ตาต้องทำผิดต่อแม่ของเจ้า เพียงแค่เจ้าเดินทางมาที่นี่นางก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว”“ท่านตาเจ้าคะ หากท่านไม่ยอมให้ข้าไปถึงอย่างไรข้าก็ต้องแอบไปอยู่ดี”“นี่เจ้า!!”“ท่านก็รู้นิสัยข้าดีนี่เจ้าคะ เลือดของข้ากึ่งหนึ่งมาจากสกุลหมอเทวดา อีกกึ่งหนึ่งเป็นขุนพลกอบกู้แผ่นดิน ข้าไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรอกเจ้าค่ะ”“เฮ้อ…แต่ว่าเจ้าจะไปเพิ่มภาระให้พี่ชายเจ้าหรือไม่ เขาจะเป็นห่วงหากรู้ว่า…”“ท่านก็อย่าบอกพี่ใหญ่สิเจ้าคะ แค่ท่านไม่บอกพวกเขาและส่งข่าวให้พวกเขารู้ว่าข้าปลอดภัยอยู่ที่จวนท่าน เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว”“นี่เจ้า…เจ้าคงไม่ได้คิดแผนการนี้มาตั้งแต่ออกจากซีโจวหรอกนะ”ตงมู่ฟานมองหลานสาวอย่างรู้ทันความคิด เขาเลี้ยงนางมาตั้งแต่เด็กเหตุใดจะไม่รู้นิสัยของนาง“ท่านตา หลานเป็นทายาทของหมอที่เก่งที่สุดในสามแคว้น ท่านจะไม่ให้โอกาสข้าได้ใช้วิชาที่ท่านสอนเลยหรื