“เร็วเข้า! องค์ชายสามถูกยิงเข้าที่ไหล่!”“ธนูนั่นมาจากที่ใดกัน!”เมื่อพวกเขาหันไปเหล่าพลธนูที่ซ่อนตัวอยู่ตามไหล่เขาก็ระดมยิงทหารของซีเป่ยทีละคนจนเกือบหมดเหลือเพียงองครักษ์ขององค์ชายสามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น“องค์ชายสาม วันนี้ท่านกลับไปเถอะอย่าลืมว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องเจรจากันอีกในอีกสองวันข้างหน้า”“นี่เจ้าคิดว่าข้าจะยังจำเป็นต้องเจรจาอีกงั้นหรือในเมื่อข้ากินยาถอนพิษแล้ว อีกอย่างสกุลหยวนในตอนนี้คงเหลือแต่เถ้าถ่านเท่านั้น ข้าไม่จำเป็นจะต้องต่อรองใด ๆ อีก”“มีเพียงคนโง่เช่นท่านเท่านั้นที่คิดว่าในเมืองลู่โจวจะไม่มีคนของท่านอ๋องอยู่”ฟางอี้หลงพร้อมกับทหารที่เหลือวิ่งเข้ามานับสิบนาย องค์ชายสามตกใจจนต้องถอยร่นออกมา ทหารที่เหลือล้อมทั้งหมดเอาไว้ องค์ชายสามพึ่งรู้ในตอนนี้เองว่ามิอาจสู้กลยุทธ์ศึกของหยางห่าวหรานได้เลยไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด“พวกเจ้า…”“ขอโทษด้วยนะองค์ชายสาม ในเมื่อท่านจงใจเล่นสกปรกก่อนข้าก็แค่ย้อนเกล็ดท่านนิดหน่อยเท่านั้น”“หมายความว่า…”“อี้หลง เจ้าบอกเขาสักหน่อยสิ”ฟางอี้หลงหันไปมองหน้าองค์ชายสามที่ยังตื่นกลัวอยู่ตรงหน้า“ข้านำคนของที่ว่าการและทหารของลู่โจวล้อมที่สกุลหยวนก่อนที่
เจียวจูหันมามองหน้าคุณหนูของตัวเองพร้อมกับน้ำตานองหน้าเมื่อสิ้นคำพูดของฟางหลีม่าน “คุณหนู เหตุใดจึงผลักไสข้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ท่านลงโทษข้าเช่นนี้เลยหรือเจ้าคะ”“เจียวจูข้ามิได้ลงโทษเจ้าแต่ใจเจ้ามิได้อยู่ที่ข้า ความภักดีนั้นก็เช่นกัน เจ้าเองก็ควรมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว ท่านโหวน้อยข้ารู้ว่าเจียวจูรู้สึกดีกับท่านมานานแล้ว ท่านจะรับนางไปดูแลในฐานะที่นางภักดีกับท่านได้หรือไม่”หยวนเสี่ยวผิงหันมามองหน้าเจียวจู ที่จริงเขาเองก็รู้สึกดีกับเจียวจูไม่น้อย แต่เพราะฐานะของนางทำให้ท่านโหวเกิดความลังเล แม้นว่าจะชอบนางแต่ในวันข้างหน้าอาจจะมีปัญหาแต่ค่ำคืนนี้สอนให้เขารู้ในหลาย ๆ อย่างก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเองก็มิได้อยากจะหมั้นหมายแต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับฟางหลีม่าน ในตอนนี้พระองค์กลับรักนางจนไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้นางได้“ได้สิ ข้าจะพาเจียวจูไปอยู่กับข้าที่สกุลหยวน จะดูแลและให้เกียรตินางอย่างดี เจียวจูไปกับข้าเถอะนะ”“ท่านโหวน้อยแต่ว่าข้า….”“เจียวจูข้ามิได้โกรธเจ้าแต่ตอนนี้หัวใจของเจ้ามีเจ้าของแล้ว ข้าจึงไม่อยากรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าเหมือนน้องสาวของข้ามีหรือที่ข้าจะมองไม่ออกว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร อย่าฝืนใจตัวเอ
“พวกเจ้า! นี่เป็นแผนร้ายที่พวกเจ้าวางกับดักเอาไว้แล้วสินะ ชินหยางอ๋องคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่รู้ธรรมเนียมศึกเช่นท่านจะเล่นสกปรกเช่นนี้”“เดี๋ยวก่อนองค์ชายสาม ข้าน้อยขอบังอาจพูดสักหน่อย เท่าที่ฟังมาท่านเป็นผู้เริ่มก่อเรื่อง ปล้นยาถอนพิษที่ยังหลอมไม่เสร็จไปก่อน แล้วเหตุใดจึงกล่าวโทษผู้อื่นเช่นนั้นเล่า”“ใช่ข้าเห็นด้วยกับใต้เท้าฟู่นะ หากท่านไม่เล่นสกปรกจับคนเป็นตัวประกันก่อนที่ยาถอนพิษจะปรุงเสร็จคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก”องค์ชายสามโกรธจนพูดไม่ออกแต่ก็เถียงไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันเริ่มมาจากที่เขาต้องการปล้นยาถอนพิษเพื่อจะไม่ต้องเจรจาต่อและรีบกลับไปจัดทัพเข้าโจมตีลู่โจวอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่ายาถอนพิษที่หลอมไม่สมบูรณ์จะเล่นงานเขาจนเกือบตายเช่นนี้“ฟางหลีม่าน เจ้าช่างเป็นสตรีที่ร้ายกาจมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก”สายตาขององค์ชายสามทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัย เขาไม่ชอบให้ชายอื่นมองฟางหลีม่านเช่นนี้ “เหยาเหยา เจ้าไปอยู่หลังฉากกั้น"“แต่ว่า” "เชื่อข้า หากไม่มีคำสั่งของข้าห้ามเจ้าออกมาเป็นอันขาด”อาเจินสาวใช้คนใหม่ที่ท่านอ๋องให้มาดูแลนางเดินเข้ามาย่อคำนับและพยุงหลีม่านเดินเข้าไปด้านใน แม้ว่านางจ
ฟางหลีม่านที่อยู่หลังฉากกั้นตกใจเมื่อรู้ว่าท่านอ๋องใช้กริชของนาง ท่านอ๋องขอยืมกริชของนางไปดูเมื่อคืนก่อนจะเข้านอนและยังมิได้คืนให้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้มันจะเป็นอาวุธที่ปลิดชีพขององค์ชายต่างเมือง “จับพวกมันทั้งหมดเอาไว้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง พระองค์สังหารองค์ชายสามเช่นนี้การเจรจาที่เหลือจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”ทหารของซีเป่ยถูกจับจนหมด ขุนนางที่เหลือต่างลุกถอยจากตัวขององค์ชายสามที่กระอักเลือดและหันมามองพักตร์ที่โหดเหี้ยมของท่านอ๋องกระหายเลือดตรงหน้าอีกครั้ง“เจ้า… ผิดคำพูด”“ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อซีเป่ย อีกอย่างข้าไม่ควรเสียเวลากับเจ้าด้วยซ้ำไปเพียงแต่ว่า… พี่ชายของเจ้าขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้าเท่านั้น เจ้าถึงได้หายใจอยู่ได้ถึงตอนนี้ แต่ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่สมควรต้องคุยกันอีก”“อะไรนะ เจ้า!! กับองค์ชายใหญ่….งั้นหรือ…ฮึก!!”ลมหายใจเฮือกสุดท้ายมิอาจทำให้องค์ชายสามแห่งซีเป่ยพูดได้จนจบประโยค เขาสิ้นลมไปก่อนท่านอ๋องที่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดและทิ้งลงไปที่ร่างขององค์ชายสามอย่างไม่ใส่พระทัยก็หันมาสั่ง“เอาออกไป อย่าให้ที่ว่าการลู่โจวสกปรก”""พ่ะย่ะค่ะ""ฟางหลีม่านจะเดินออกมาจากฉากกั้นแต่อาเจินดึง
“ข้ายอมรับว่าอยากให้เจ้าทำยาถอนพิษ แต่ก่อนหน้านี้ไม่คิดเลยว่าจะต้องสังหารเขา แต่ในเมื่อเขากล้าเข้ามายุ่งกับเจ้านั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ข้าหมดความอดทน เหยาเหยาเจ้าน่าจะเข้าใจข้านะ”“เพราะหม่อมฉันเข้าใจ หม่อมฉันจึงไม่โกรธเพียงแค่เสียดายเท่านั้นที่อุตส่าห์ดั้นด้นขึ้นเขาไปเพื่อหาสมุนไพรมาทำยาถอนพิษ สุดท้ายไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย"“ไม่ถึงกับไม่ได้ใช้ประโยชน์หรอก อย่างน้อยเจ้าก็ได้รู้ว่าวิชาแพทย์ของเจ้าเก่งไม่แพ้ท่านหมอตงท่านตาของเจ้า อีกอย่างยาถอนพิษนั่นอาจจะต้องใช้งานอีกครั้งจริง ๆ เพราะว่าซีเป่ยยังต้องการยาถอนพิษนี้ ข้าจึงได้เสนอมอบให้ทางองค์ชายใหญ่สองเม็ด แต่ว่าเรื่องนี้ถึงอย่างไรก็คงต้องถามความสมัครใจของเจ้าเสียก่อน”“หมายความว่าพวกเขายังต้องการยาถอนพิษนี้อยู่งั้นหรือเพคะ ทั้ง ๆ ที่พวกเขามิได้ถูกพิษ”“ที่จริงแล้วยาถอนพิษนี้มิได้ใช้แค่ถอนพิษซัวหลินลู่มิใช่หรือ องค์ชายใหญ่ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง องค์หญิงเจ็ดที่ป่วยจากโรคบางอย่างที่คล้าย ๆ กับถูกพิษของซัวหลินลู่ เพียงแต่อาการไม่ได้หนักจนต้องตัดแขนขาเหมือนกับองค์ชายสาม ดังนั้นข้าจึงนำเรื่องนี้ไปต่อรองกับเขาเพื่อให้การเจรจาสงบศึกชายแดนจะได้สงบ
“แคก แคก”“หลานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าหายใจไม่ค่อยออก อยากไปพักสักหน่อยเพคะ”“เอ่อ…”“ไม่เป็นไรองค์ชายใหญ่ ข้าให้คนจัดห้องพักให้องค์หญิงแล้ว เหยาเหยาครั้งนี้ข้าคงต้องรบกวนเจ้าสักหน่อยนะ”“ไม่ต้องเป็นห่วง ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเองเพคะ”“เด็กดี เจ้าทำให้ข้าไม่อยากรับแขกเสียแล้วสิ”“หยางห่าวหรานท่านพูดมากไปแล้ว เสียมารยาทเสียจริง”“ข้าล้อเล่นก็จริงแต่ในใจข้ารู้ดีว่าเจ้ารู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด”“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”ทั้งสองที่กระซิบกันไปมาจนคนทั้งห้องโถงมอง หลีม่านรีบลุกขึ้นมาพร้อมกับคำนับให้องค์ชายใหญ่ก่อนจะหันมามองที่องค์หญิงที่รูปร่างบอบบาง“เชิญองค์หญิงเสด็จตามมาทางนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจะพาพระองค์ไปที่ห้องพักเอง”“ขอบคุณมาก”เมื่อองค์หญิงเดินตามฟางหลีม่านไปแล้ว ด้านในก็เริ่มงานเลี้ยงและคุยกันเรื่องทั่วไปซึ่งในวันนี้เป็นเพียงงานเลี้ยงต้อนรับเท่านั้น ยังมิใช่วันที่ทำสัญญาสงบศึกระหว่างสองแคว้นเรือนรับรอง“เชิญเสด็จเพคะ”เมื่อฉวนหลานเดินเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรามากกว่าห้องของนางที่ชนเผ่าก็เกิดความพึงพอใจทันที รอยยิ้มผ่านผ้าคลุมหน้าทำเอาคนที่ลอบมองมิอาจละวางสายตาได้“แคก
ฟางหลีม่านเดินออกมาจากเรือนรับรองขององค์หญิงด้วยสติที่แทบจะหลุดลอย อาเจินที่รออยู่ด้านนอกรีบเดินมาพยุงนางเอาไว้เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลีม่านไม่ค่อยดีนัก“ท่านเป็นอะไรหรือไม่”“อาเจินข้าไม่เป็นไร ข้า…อยากกลับไปที่ห้องโถงสักครู่”“เจ้าค่ะข้าพยุงท่านไปเอง”หลีม่านเป็นคนบอกให้อาเจินเรียกนางว่าคุณหนูฟางแทนคำว่าพระชายาอย่างที่องครักษ์คนอื่น ๆ เรียก เพราะนางรู้สึกไม่คุ้นชินกับคำนี้ อาเจินเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์มากเลยทีเดียวอีกทั้งก็ยังไว้ใจได้ คำไหนที่หลีม่านบอกว่าเป็นความลับ นางก็จะไม่นำความนี้ไปทูลท่านอ๋องตามที่ขอ ไม่นานเมื่อทั้งสองมาถึงโถงงานเลี้ยง หลีม่านจึงหันมามองอาเจินและสาวใช้ที่เดินตามมาอีกสี่คน“พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกนี้เถอะ ข้าจะไปเพียงบอกลาท่านอ๋องเพียงครู่เดียวก็จะกลับแล้ว”""เพคะพระชายา""หลีม่านเดินเข้าไปยังด้านหน้าห้องโถง นางตัดสินใจจะไม่เดินเข้าไปเพราะอยากจะยืนฟังอยู่ด้านนอก ไม่นานก็ได้ยินเสียงขององค์ชายใหญ่และน่าจะเป็นขุนนางที่ติดตามมาด้วยพูดถึงเรื่องสัญญาสงบศึกซึ่งฟังดูก็น่าจะราบรื่นดีจนกระทั่งองค์ชายใหญ่ตรัสเรื่องขององค์หญิงออกมา“ครั้งนี้ที่ข้านำองค์หญิงมาด้วย ท่านอ๋องคงทรา
หลีม่านกลับมาพร้อมกับเก็บของทั้งหมดออกจากจวนสกุลตง ก่อนจะออกไปนางเห็นเจียวจูที่มาช่วยเก็บของถือหอบม้วนกระดาษและของใช้ที่เหลือออกมานางจึงได้ถาม“เจียวจู ในมือเจ้านั่นถืออะไรอยู่”“เอ่อ สิ่งนี้… คุณหนูเอาติดตัวไปด้วยทุกที่ข้าก็เลย…”“เอามาให้ข้าเถอะ เจ้าออกไปก่อน”“คุณหนู”“ข้าใช้เวลาไม่นานหรอก แค่อยากบอกลาจวนของท่านตาเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปรอท่านข้างนอกนะเจ้าคะ”“รับไปเถอะ”หลีม่านดึงม้วนภาพที่เจียวจูถือไว้ออกมาและค่อย ๆ กางออก ภาพวาดของชินหยางอ๋องในชุดแม่ทัพที่นางชื่นชมและหวงแหนเป็นหนักหนา นางพกภาพนี้ติดตัวไปทุกที่นับตั้งแต่ซีโจวจนถึงลู่โจวมาตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บปวดเพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่นางคิดคงจะไม่เป็นอย่างที่ฝันเอาไว้อีกต่อไป เรื่องราวในลู่โจวตลอดสามเดือนที่ผ่านมาทำให้นางเติบโตจนเข้าใจว่าที่ใดที่เหมาะกับนางที่สุด“ลากันตรงนี้เถิดนะหยางห่าวหราน ข้าไม่ขอเป็นสตรีที่แบ่งสามีกับสตรีคนอื่น”หลีม่านบรรจงเขียนทุกข้อความลงไปด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ ก่อนจะวางภาพนั้นไว้ในห้องและไปร่ำลาท่านตาพร้อมกับเดินทางออกจากลู่โจวในทันที อาเจินสั่งให้องครักษ์ไปส่งข่าวที่จวนอ๋องอ
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต