“แคก แคก”“หลานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าหายใจไม่ค่อยออก อยากไปพักสักหน่อยเพคะ”“เอ่อ…”“ไม่เป็นไรองค์ชายใหญ่ ข้าให้คนจัดห้องพักให้องค์หญิงแล้ว เหยาเหยาครั้งนี้ข้าคงต้องรบกวนเจ้าสักหน่อยนะ”“ไม่ต้องเป็นห่วง ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเองเพคะ”“เด็กดี เจ้าทำให้ข้าไม่อยากรับแขกเสียแล้วสิ”“หยางห่าวหรานท่านพูดมากไปแล้ว เสียมารยาทเสียจริง”“ข้าล้อเล่นก็จริงแต่ในใจข้ารู้ดีว่าเจ้ารู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด”“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”ทั้งสองที่กระซิบกันไปมาจนคนทั้งห้องโถงมอง หลีม่านรีบลุกขึ้นมาพร้อมกับคำนับให้องค์ชายใหญ่ก่อนจะหันมามองที่องค์หญิงที่รูปร่างบอบบาง“เชิญองค์หญิงเสด็จตามมาทางนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจะพาพระองค์ไปที่ห้องพักเอง”“ขอบคุณมาก”เมื่อองค์หญิงเดินตามฟางหลีม่านไปแล้ว ด้านในก็เริ่มงานเลี้ยงและคุยกันเรื่องทั่วไปซึ่งในวันนี้เป็นเพียงงานเลี้ยงต้อนรับเท่านั้น ยังมิใช่วันที่ทำสัญญาสงบศึกระหว่างสองแคว้นเรือนรับรอง“เชิญเสด็จเพคะ”เมื่อฉวนหลานเดินเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรามากกว่าห้องของนางที่ชนเผ่าก็เกิดความพึงพอใจทันที รอยยิ้มผ่านผ้าคลุมหน้าทำเอาคนที่ลอบมองมิอาจละวางสายตาได้“แคก
ฟางหลีม่านเดินออกมาจากเรือนรับรองขององค์หญิงด้วยสติที่แทบจะหลุดลอย อาเจินที่รออยู่ด้านนอกรีบเดินมาพยุงนางเอาไว้เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลีม่านไม่ค่อยดีนัก“ท่านเป็นอะไรหรือไม่”“อาเจินข้าไม่เป็นไร ข้า…อยากกลับไปที่ห้องโถงสักครู่”“เจ้าค่ะข้าพยุงท่านไปเอง”หลีม่านเป็นคนบอกให้อาเจินเรียกนางว่าคุณหนูฟางแทนคำว่าพระชายาอย่างที่องครักษ์คนอื่น ๆ เรียก เพราะนางรู้สึกไม่คุ้นชินกับคำนี้ อาเจินเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์มากเลยทีเดียวอีกทั้งก็ยังไว้ใจได้ คำไหนที่หลีม่านบอกว่าเป็นความลับ นางก็จะไม่นำความนี้ไปทูลท่านอ๋องตามที่ขอ ไม่นานเมื่อทั้งสองมาถึงโถงงานเลี้ยง หลีม่านจึงหันมามองอาเจินและสาวใช้ที่เดินตามมาอีกสี่คน“พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกนี้เถอะ ข้าจะไปเพียงบอกลาท่านอ๋องเพียงครู่เดียวก็จะกลับแล้ว”""เพคะพระชายา""หลีม่านเดินเข้าไปยังด้านหน้าห้องโถง นางตัดสินใจจะไม่เดินเข้าไปเพราะอยากจะยืนฟังอยู่ด้านนอก ไม่นานก็ได้ยินเสียงขององค์ชายใหญ่และน่าจะเป็นขุนนางที่ติดตามมาด้วยพูดถึงเรื่องสัญญาสงบศึกซึ่งฟังดูก็น่าจะราบรื่นดีจนกระทั่งองค์ชายใหญ่ตรัสเรื่องขององค์หญิงออกมา“ครั้งนี้ที่ข้านำองค์หญิงมาด้วย ท่านอ๋องคงทรา
หลีม่านกลับมาพร้อมกับเก็บของทั้งหมดออกจากจวนสกุลตง ก่อนจะออกไปนางเห็นเจียวจูที่มาช่วยเก็บของถือหอบม้วนกระดาษและของใช้ที่เหลือออกมานางจึงได้ถาม“เจียวจู ในมือเจ้านั่นถืออะไรอยู่”“เอ่อ สิ่งนี้… คุณหนูเอาติดตัวไปด้วยทุกที่ข้าก็เลย…”“เอามาให้ข้าเถอะ เจ้าออกไปก่อน”“คุณหนู”“ข้าใช้เวลาไม่นานหรอก แค่อยากบอกลาจวนของท่านตาเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปรอท่านข้างนอกนะเจ้าคะ”“รับไปเถอะ”หลีม่านดึงม้วนภาพที่เจียวจูถือไว้ออกมาและค่อย ๆ กางออก ภาพวาดของชินหยางอ๋องในชุดแม่ทัพที่นางชื่นชมและหวงแหนเป็นหนักหนา นางพกภาพนี้ติดตัวไปทุกที่นับตั้งแต่ซีโจวจนถึงลู่โจวมาตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บปวดเพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่นางคิดคงจะไม่เป็นอย่างที่ฝันเอาไว้อีกต่อไป เรื่องราวในลู่โจวตลอดสามเดือนที่ผ่านมาทำให้นางเติบโตจนเข้าใจว่าที่ใดที่เหมาะกับนางที่สุด“ลากันตรงนี้เถิดนะหยางห่าวหราน ข้าไม่ขอเป็นสตรีที่แบ่งสามีกับสตรีคนอื่น”หลีม่านบรรจงเขียนทุกข้อความลงไปด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ ก่อนจะวางภาพนั้นไว้ในห้องและไปร่ำลาท่านตาพร้อมกับเดินทางออกจากลู่โจวในทันที อาเจินสั่งให้องครักษ์ไปส่งข่าวที่จวนอ๋องอ
ระหว่างทางกลับซีโจว“คุณหนูดื่มน้ำสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”“ขอบใจนะเจียวจู”“คุณหนูท่านให้ข้ากลับไปดูแลท่านก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ถึงอย่างไรนางก็เป็น…”“เจียวจู อาเจินมิใช่คนอื่นอีกอย่างตอนนี้เจ้าก็ต้องดูแลท่านโหวน้อย เขาบอกกับข้าว่าได้บอกกับบิดามารดาของพวกเขาเรื่องของเจ้าแล้วและยินดีตบแต่งเจ้าให้กับท่านโหวมิใช่หรือ”“แต่ข้ายังเป็นห่วงคุณหนูอยู่ ท่านโหวน้อยเองก็ทราบอีกอย่างแม้ว่าจะแต่งงานกันได้ท่านก็รู้ว่าข้ามิอาจได้เป็นเมียเอก เป็นได้อย่างมากก็แค่อนุเท่านั้น”“เจ้าเชื่อมั่นในความรักของท่านโหวน้อยที่มีต่อเจ้าหรือไม่เล่าเจียวจู”“ข้าเชื่อเจ้าค่ะ ท่านโหวน้อยดีต่อข้าไม่ต่างกับที่ทำกับท่านแต่ว่าพอเห็นคุณหนูเป็นแบบนี้ข้าก็ไม่อยากทิ้งท่านไป”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอกเด็กโง่ ในเมื่อตอนนี้ท่านโหวน้อยดีกับเจ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องดูแลเขาให้ดีเข้าใจไหม”“คุณหนู”“คุณหนูเจ้าคะ รีบออกเดินทางดีกว่าเราต้องรีบออกจากป่านี้ไปจะได้เข้าเมืองข้างหน้าหากเข้าเมืองไปค่ำเราจะหาที่พักลำบากเจ้าค่ะ”“ไปสิข้าหายเหนื่อยแล้วล่ะ เจียวจูเจ้าก็รีบกลับไปที่รถม้าเถอะ”"เจ้าค่ะ"อาเจินสั่งให้รถม้าออกเดินทาง นางพยายามที่จะถ่วงเวลาแล
ประตูเมืองซีโจว“คุณหนู เราเข้าเมืองซีโจวมาแล้วเจ้าค่ะ”“ดีจริง ๆ ข้าจะได้กลับบ้านแล้ว ท่านแม่ท่านพ่อ…”จวนสกุลฟางเมื่อรถม้าจอดที่ด้านหน้าจวน ฟางหลีม่านก็วิ่งเข้าไปด้านในทันที แม่รองของนาง “หลงเยี่ยน” ที่พึ่งยกยาออกมาจากห้องฮูหยินใหญ่ก็แทบจะทำถ้วยยาหกเมื่อเห็นหน้าหลีม่านอีกครั้ง“ม่านเอ๋อร์! เจ้าจริง ๆ ด้วยม่านเอ๋อร์!”“ท่านแม่รอง”หลีม่านวิ่งเข้าไปสวมกอดหลงเยี่ยนซึ่งนางรักและนับถือราวกับแม่แท้ ๆ อีกคน หลงเยี่ยนดูแลมารดาของนางมาก่อนที่จะเป็นฮูหยินรองของบิดานาง“เจ้ากลับมาได้เสียทีแม่รองเป็นห่วงเจ้ามากนะ ไหนข้าขอดูหน้าเจ้าหน่อย ดูสิเหตุใดจึงผ่ายผอมลงไปมากขนาดนี้แล้ว…นี่เจ้าคือผู้ใดแล้วเจียวจูเล่า”“ท่านแม่รองนางคืออาเจิน เป็นคนในจวนสกุลตงที่เคยอยู่กับท่านตามาก่อนเจ้าค่ะ เรื่องอื่นเอาไว้ข้าจะเล่าให้ท่านฟังทีหลัง ท่านแม่ของข้าล่าเจ้าคะ”“ไป รีบไปหาฮูหยินกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”“พี่รอง! ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วยพี่รอง”“น้องสาม”“ฟางเฟยหรู” น้องสาวคนสุดท้องวิ่งเข้ามาสวมกอดพี่สาวด้วยความคิดถึง หลายเดือนที่ฟางหลีม่านออกจากซีโจวไปที่ลู่โจวช่างเหมือนเวลาที่ยาวนานมาก เฟยหรูร้องไห้สะอึกสะอื้น“ข้าข
เกิดความเงียบขึ้นในห้อง บรรยากาศนั้นค่อนข้างอึดอัดไม่น้อยแม้ว่าจะมิได้พูดเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตาย“ม่านเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าราชโองการที่ออกไปแล้วไม่มีทางขัดได้”“ลูกทราบเจ้าค่ะ แต่กฎของราชสำนักเองก็มีเช่นกัน หากท่านพ่อทราบแล้วก็คงพอจะรู้ว่าที่ลูกอยากถอนหมั้นเพราะอะไร”ฟางเฉินหันมามองหน้าบุตรสาวคนรอง สีหน้าของนางแบกความเศร้ามาตั้งแต่ลู่โจวถึงซีโจวสินะ เหตุใดเขาจะมองไม่ออกเพราะโดยปกติแล้วฟางหลีม่านเป็นคนที่ยิ้มง่ายและมีแววตาที่สดใสร่าเริง อีกทั้งนางยังชื่นชมชินหยางอ๋องผู้นี้มาโดยตลอด และก็เป็นนางที่ตัดสินใจจะไปหาเขาที่ลู่โจว แต่ท่าทีระหว่างตอนไปกับตอนที่นางกลับมาครั้งนี้ ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก“แม้ว่าองค์หญิงของซีเป่ยผู้นั้นจะมาพร้อมกับสัญญาเชื่อมสัมพันธ์ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีราชโองการลงมาเจ้าก็ยังขัดราชโองการไม่ได้”“แต่ถ้าหากว่าท่านอ๋องต้องอภิเษกกับองค์หญิงจริง ๆ ลูกก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ถอนหมั้นได้โดยไม่ต้องถูกลงโทษข้อหาขัดราชโองการได้เช่นกัน”“เรื่องนี้พ่อคิดว่าควรจะต้องรอท่านอ๋องกับพี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาก่อนถึงจะสามารถปรึกษากันอีกครั้ง”“ไม่ว่าจะตำแหน่งพระชายาเอก หรือชายารอ
หยางห่าวหรานไม่รั้งรอที่จะไปที่โรงน้ำชาทันที เขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปไหนได้อีกแล้ว จากลู่โจวสู่ซีโจวคนเดียวที่ปรารถนาจะพานพบมากที่สุดในพระทัยก็คือฟางหลีม่าน“เหยาเหยา!”“ถะ ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”หยางห่าวหรานรีบปล่อยมือสตรีในชุดสีขาวทันที นางมิใช่ฟางหลีม่านแต่เป็นสตรีอื่นที่นั่งอยู่ที่นี่เท่านั้น แต่เขาไม่มีทางจำผิด เมื่อครู่นี้นางอยู่ที่นี่“ขออภัยแม่นาง”“มิได้เพคะ”ห่าวหรานรีบวิ่งไปทั่วโรงน้ำชาเพื่อหาฟางหลีม่านแต่ก็ไม่พบ นี่เขาคงคลาดกับนางเสียแล้ว“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ยิ่งทำเช่นนี้ข้าก็ยิ่งไม่ยอมแพ้”“ท่านอ๋อง องค์หญิงฟื้นแล้วตอนนี้ออกเดินทางต่อได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ต้าเป่า…เจ้าเห็นเหยาเหยาหรือไม่”“พระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ พระองค์อยู่ที่นี่หรือแต่กระหม่อมไม่เห็นคนที่ละม้ายพระชายาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ช่างเถอะ เอาไว้ไปหานางที่จวนก็แล้วกันตอนนี้รีบเข้าวังก่อนเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องเสด็จออกไปแล้ว หลีม่านที่แอบอยู่ด้านในห้องส่วนตัวค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา ไม่คิดว่าเขาจะพรวดพราดมาเช่นนี้ หากว่าสตรีโต๊ะข้าง ๆ ไม่พูดนางก็คงวิ่งมาหลบไม่ทันเป็นแน่“คุณหนูท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ ขบวนเสด็จเ
เป็นห่วงท่านแม่ ข้า…”"ม่านเอ๋อร์ เจ้ารักท่านอ๋องมากขนาดไหนข้าที่เป็นพี่ชายมีหรือจะมองไม่ออก เจ้าถึงกับกล้าปลอมตัวเป็นชายเข้ากองทัพเพื่อไปหาเขา"“นั่นข้าไปหาท่านต่างหาก”“เอาเถอะต่อให้เจ้าปากแข็งไม่ยอมรับว่าโกรธข้ากับท่านอ๋อง หรือทำไปเพียงเพื่ออยากจะทรมานพระองค์ ก็ต้องขอบอกเอาไว้เลยว่าเจ้าทำสำเร็จแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตั้งแต่เจ้าจากมาท่านอ๋องก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคน วัน ๆ เอาแต่กอดภาพวาดที่เจ้าเขียนคำตัดขาดนั่นเอาไว้ เขาพึ่งวางภาพนั้นแล้วเอาไปฝากข้าก็ตอนที่เข้าเมืองหลวงนี่เอง”“ภาพวาดนั่น...”“คุณชาย!!”เสียงทหารองครักษ์วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น ฟางอี้หลงหันมามองด้วยความตกใจและรีบถาม“เกิดอะไรขึ้นทำไมรีบร้อนเช่นนี้”“ท่านอ๋องเรียกท่านกับ…พระ คุณหนูฟางไปเข้าเฝ้าด่วนขอรับ”“เกิดอะไรขึ้น”“องค์หญิงอาการทรุดลงขอรับคงเพราะเดินทางไกลนานเกินไป และอากาศที่ซีโจวไม่เหมือนกับที่ลู่โจวดังนั้นจึงได้หายใจไม่ทัน”“แย่แล้ว ม่านเอ๋อร์ข้าขอร้อง เรื่องราวก่อนหน้านั้นระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง ตอนนี้ช่วยคนก่อนเถอะ”“อาเจิน!! รีบไปเตรียมของเร็วเข้า พี่ใหญ่ท่านไปเตรียมรถม
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต