“พระองค์ทรงตรัสสิ่งใดออกมา…อ๊ะ! ห่าวหรานท่านอย่านะ จะทำอะไร อ๊า...”หยางห่าวหรานดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ ภายในสระเริ่มอุ่นขึ้นแล้วและเขาเองก็รู้ว่านางเองก็เริ่มมีกำลังกลับคืนมา เห็นได้จากแรงที่พยายามดันตัวเขาออก“พวกเราจะสักกี่ครั้งที่เรามีโอกาสได้มาถึงสระเหมันต์เช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำบุตรที่มีสุขภาพยอดเยี่ยมหรอกนะ เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”“แต่ว่าพวกเรา…”“จนถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าคิดจะถอนหมั้นข้าอีกงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมง่าย ๆ หรือฟางหลีม่าน”“แต่พวกเราต้องรีบกลับนะเพคะ”“ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากแช่น้ำจากสระเหมันต์แล้วเราก็แข็งแรงมากขึ้น อีกอย่างขากลับต้องรวดเร็วกว่าขามาอยู่แล้วเพราะเป็นเส้นทางลงเขา”“แต่ว่าพวกเราพึ่งจะ….”คำพูดถูกดูดกลืนหายลงไปทันที เมื่อท่านอ๋องที่ทนมานานแล้วเริ่มจุมพิตนางในสระเหมันต์ ท่ามกลางบัวสัตตบุษย์สีแดงที่อยู่รายรอบ ลิ้นหนาพันเกี่ยวตวัดไปมาจนหลีม่านแทบจะหายใจไม่ออก นางตอบรับเขาและเริ่มโอบรอบคออีกฝ่าย“โชคดีที่เจ้าถอดชุดนอกออกไปแล้ว ข้าจึงไม่ต้องเหนื่อย”“อ๊ะ ห่าวหราน อ๊าา”ร่างของนางถูกยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเขาจะได้ชื่นชมยอดปทุมสีสวยตรงหน้า
จวนสกุลตงเมื่อหลีม่านลงรถม้าจากหน้าสกุลตง ท่านอ๋องก็เดินออกมารับนางพร้อมกับไถ่ถามก่อนจะเดินเข้าจวน“เป็นอย่างไรบ้างได้ของที่ต้องการครบหรือไม่”“ครบแล้วเพคะ เหตุใดพระองค์จึงมาอยู่ตรงนี้เพคะ”“ข้ากำลังจะไปที่ว่าการกับต้าเป่า เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”“แค่ออกไปซื้อของเองนะเพคะ”“ช่างเถอะรีบเข้าจวนไปก่อน อี้หลงรอเจ้าอยู่ข้างในเห็นว่าพบตำราที่เจ้าตามหาแล้ว”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์ก็รีบกลับนะเพคะ”“รู้แล้ว ๆ”ท่านอ๋องดึงแก้มนางแกมหยอกก่อนจะขึ้นเสี่ยวเซินและควบช้า ๆ ออกจากจวนหลังจากที่หลีม่านเดินเข้าไปในจวนแล้ว “ใช่นางจริง ๆ นางคือฟางหลีม่าน”“องค์ชายแอบตามนางมาเช่นนี้พระองค์มีแผนการอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ดินแดนฝั่งตะวันตกข้าไม่อยากได้แล้ว"“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย แต่ว่าดินแดนนั่นหากซีเป่ยได้ครอบครองทั้งหมดก็จะร่ำรวยเพราะเป็นชายแดนที่ทำการค้าอีกทั้ง…”"ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือสตรีผู้นี้ต่างหาก นางเป็นถึงทายาทของหมอเทวดาชื่อดัง หากว่าได้อภิเษกกับนางเจ้าลองคิดดูสิว่าเสด็จพ่อจะหันความสนใจทั้งหมดนั่นมาที่ผู้ใด หมอเทวดาที่รักษาคนได้อีกทั้งทำยาพิษได้ ดาบของลู่โจวจะถูกส่ง
“หม่อมฉัน… หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยถามเจียวจูอีกเลย แต่นับตั้งแต่ลงเขามาเขาเองก็ไม่เคยเห็นหยวนเสี่ยวผิงมาที่สกุลตงเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเจียวจูที่รีบไปบอกเรื่องนี้กับเขา“ท่านอ๋องควรจะไปนอนที่ห้องของพระองค์นะเพคะ”“ได้สิเช่นนั้นคืนนี้เราไปนอนที่นั่น ดีเหมือนกันห้องของข้าอยู่ไกลจากเรือนหน้า เจ้าร้องเสียงดังได้โดยไม่มีผู้ใดสงสัย”“หยางห่าวหราน!! ข้ามิได้หมายความแบบนั้นคือ…ว้าย!! ปล่อยข้าลงนะคนบ้า”“เจ้าจะร้องจนอี้หลงและคนทั้งจวนมาเห็นเจ้าถูกข้าอุ้มเข้าห้องในสภาพนี้ก็ร้องดัง ๆ ไปได้เลยนะเพราะว่าข้าไม่คิดจะถือสา ถึงอย่างไรเจ้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาของข้าแล้ว”“ท่านมันบ้า หยางห่าวหรานปล่อยข้าลงนะ”“ปล่อยแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้”เขาพานางเข้ามาในเรือนฝั่งตะวันออกที่อี้หลงจัดเป็นเรือนพักให้เขาพักระหว่างอยู่ที่นี่ เมื่อเดินมาถึงเหล่าองครักษ์ก็รีบเดินออกมาด้านนอก ห่างจากตัวเรือนมากพอสมควรก่อนที่ประตูหน้าเรือนจะปิดลงพร้อมกับท่านอ๋องและฟางหลีม่านที่เดินเข้าไปด้านใน“อื้อ…อ๊ะ ท่านอ๋องเพคะ”“อย่าห้ามข้าอีกเลยนะ หลายวันมานี้เอาแต่นอนกอดเจ้าเพียงอย่างเดียว แล
“เจียวจู เจ้าว่าอะไรนะท่านโหวน้อยน่ะหรือที่จะมาขอเข้าเฝ้าท่านอ๋อง”“ฟังไม่ผิดแน่เจ้าค่ะคุณหนู ท่านโหวน้อยแจ้งเช่นนั้นจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะร้อนใจมาก ๆ ด้วยเจ้าค่ะ”หลีม่านหันไปมองพักตร์ที่แปลกพระทัยของท่านอ๋อง ซึ่งหันมามองหน้านางก่อนที่จะพยักหน้าให้หลีม่าน“เจ้ารีบพาเขามาพบข้าที่ห้องโถงเล็กเถอะ ข้ากับเหยาเหยาจะไปรอที่นั่น”“เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”ห้องโถงเล็กเจียวจูพูดไม่ผิดเพราะหยวนเสี่ยวผิงที่เร่งร้อนมาเข้าเฝ้าพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักทำให้ทั้งสองนึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อหยวนเสี่ยวผิงเห็นหน้าฟางหลีม่านก็รีบวิ่งเข้ามา ท่านอ๋องใช้แขนกางออกเพื่อมิให้เขาเข้าใกล้นาง“ถะ ถวายบังคมท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมมารบกวนแต่เช้าแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน รอมิได้จึงได้รีบมาขอความช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้านั่งก่อนเถอะ มีอะไรก็ค่อย ๆ ว่ากัน”หยวนเสี่ยวผิงไม่เพียงไม่นั่งเขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าท่านอ๋องในทันทีพร้อมกับก้มหัวลงจนติดพื้น ท่านอ๋องตกพระทัยไม่น้อยแต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้เพราะเขารีบพูดขึ้นมาก่อน“ท่านอ๋องโปรดทรงช่วยร้านสกุลหยวนของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ มีเพียงพระองค์กับหลีม่านที่จะช่วยเหลือ
วันถัดมา หลีม่านที่พึ่งอาบน้ำเสร็จแล้วก็เร่งให้เจียวจูทำผมให้ใหม่และสวมเสื้อผ้าแบบทะมัดทะแมงจนเจียวจูเอ่ยถาม“คุณหนูเหตุใดจึงสวมชุดนี้อีกแล้วเล่าเจ้าคะ ท่านจะไปกับท่านอ๋องด้วยงั้นหรือ”“ใช่แล้ว คืนนี้ข้าจะไปพร้อมกับท่านอ๋องและพี่ใหญ่เพื่อไปมอบยาถอนพิษ พี่ใหญ่จะนำกำลังออกนอกเมืองไปก่อน พวกข้าจะตามไปทีหลังเพื่อป้องกันมิให้พวกซีเป่ยเล่นไม่ซื่อ”“แต่ว่า! เหตุใดท่านต้องไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น เหตุใดไม่ให้ยาไปกับท่านอ๋องเล่าเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะนอกเมืองมันอันตรายแค่คุณชายใหญ่กับท่านอ๋องก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้นะเจ้าคะ”“แต่ข้าเป็นผู้ทำยาถอนพิษนี้ขึ้นมา ข้าก็ต้องไปบอกวิธีกินให้เขาทราบจะได้ไม่ว่าพวกเราลับหลังได้อีก”“แต่ว่า!”“เจียวจู เหตุใดเจ้าดูร้อนรนมากกว่าข้าเสียอีก เจ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่”“คือว่า…”หลีม่านหันไปมองสาวใช้คนสนิทที่อยู่กับนางมาตั้งแต่เล็ก ๆ หลีม่านไม่เคยเห็นเจียวจู สาวใช้ข้างกายของตัวเองสั่นและดูลนลานมากขนาดนี้มาก่อน “เจียวจู”“ไม่มีเจ้าค่ะคุณหนู ข้าแค่เป็นห่วงท่านเท่านั้น”“ช่างเถอะข้าไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ารีบไปเตรียมสำรับเย็นเถอะข้าจะไปหาพี่ใหญ่สักหน่อย”“เจ้าค่ะ”เจียวจ
“โง่จริง ๆ ที่คิดจะเอาสิ่งนี้แลกกับชีวิตของตัวเอง พี่ใหญ่ท่านรีบจัดการที่เหลือ ข้าฝากเจียวจูด้วย”“เดี๋ยวก่อนเจ้าจะไปไหน ท่านอ๋องทรงรับสั่งให้เจ้าอยู่ที่จวนมิใช่หรือ”“หากคืนนี้ข้าไม่ไปพร้อมกับยาถอนพิษหยวนเสี่ยวผิงคงเอาชีวิตไปทิ้งเป็นแน่ ไม่ต้องห่วงท่านอ๋องทรงทราบดีว่าข้าจะทำเช่นไรท่านปล่อยให้ข้าไปเถอะพี่ใหญ่”“คุณหนู ให้ข้าไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นคนคิดจะขโมยยานี้หากว่า…”“อย่าโง่ไปหน่อยเลยเจียวจู ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับหยวนเสี่ยวผิงแต่นี่มิใช่เวลาที่เจ้าจะติดตามข้าไปเพื่อให้เป็นภาระ เจ้ารออยู่ที่จวนนี้เถอะ อีกอย่างยาที่เจ้าพยายามจะขโมยนั่น มันเป็นแค่ของปลอม”“แต่ว่า!”“เชื่อนางเถอะ เจ้าไปก็ช่วยอะไรม่านเอ๋อร์กับท่านอ๋องไม่ได้หรอก ไปก็แต่จะเป็นภาระพวกเขาเท่านั้น”เจียวจูที่ร้องไห้อยู่ค่อย ๆ ลุกขึ้น ตอนนี้ฟางหลีม่านหันหัวม้ากลับออกไปจากจวนและควบทะยานออกไปจากจวนแล้ว ไม่นานก็มีขบวนม้าอีกสี่ตัวที่ขี่ประกบนางออกนอกเมือง“พระชายา พวกกระหม่อมเป็นขุนพลเงาที่ท่านอ๋องรับสั่งให้คุ้มกันพระองค์”“พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปที่ใด”“ท่านอ๋องทรงทราบอยู่แล้วว่าพระชายามิอาจรออยู่ที่จวนเฉย ๆ เป
“เร็วเข้า! องค์ชายสามถูกยิงเข้าที่ไหล่!”“ธนูนั่นมาจากที่ใดกัน!”เมื่อพวกเขาหันไปเหล่าพลธนูที่ซ่อนตัวอยู่ตามไหล่เขาก็ระดมยิงทหารของซีเป่ยทีละคนจนเกือบหมดเหลือเพียงองครักษ์ขององค์ชายสามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น“องค์ชายสาม วันนี้ท่านกลับไปเถอะอย่าลืมว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องเจรจากันอีกในอีกสองวันข้างหน้า”“นี่เจ้าคิดว่าข้าจะยังจำเป็นต้องเจรจาอีกงั้นหรือในเมื่อข้ากินยาถอนพิษแล้ว อีกอย่างสกุลหยวนในตอนนี้คงเหลือแต่เถ้าถ่านเท่านั้น ข้าไม่จำเป็นจะต้องต่อรองใด ๆ อีก”“มีเพียงคนโง่เช่นท่านเท่านั้นที่คิดว่าในเมืองลู่โจวจะไม่มีคนของท่านอ๋องอยู่”ฟางอี้หลงพร้อมกับทหารที่เหลือวิ่งเข้ามานับสิบนาย องค์ชายสามตกใจจนต้องถอยร่นออกมา ทหารที่เหลือล้อมทั้งหมดเอาไว้ องค์ชายสามพึ่งรู้ในตอนนี้เองว่ามิอาจสู้กลยุทธ์ศึกของหยางห่าวหรานได้เลยไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด“พวกเจ้า…”“ขอโทษด้วยนะองค์ชายสาม ในเมื่อท่านจงใจเล่นสกปรกก่อนข้าก็แค่ย้อนเกล็ดท่านนิดหน่อยเท่านั้น”“หมายความว่า…”“อี้หลง เจ้าบอกเขาสักหน่อยสิ”ฟางอี้หลงหันไปมองหน้าองค์ชายสามที่ยังตื่นกลัวอยู่ตรงหน้า“ข้านำคนของที่ว่าการและทหารของลู่โจวล้อมที่สกุลหยวนก่อนที่
เจียวจูหันมามองหน้าคุณหนูของตัวเองพร้อมกับน้ำตานองหน้าเมื่อสิ้นคำพูดของฟางหลีม่าน “คุณหนู เหตุใดจึงผลักไสข้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ท่านลงโทษข้าเช่นนี้เลยหรือเจ้าคะ”“เจียวจูข้ามิได้ลงโทษเจ้าแต่ใจเจ้ามิได้อยู่ที่ข้า ความภักดีนั้นก็เช่นกัน เจ้าเองก็ควรมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว ท่านโหวน้อยข้ารู้ว่าเจียวจูรู้สึกดีกับท่านมานานแล้ว ท่านจะรับนางไปดูแลในฐานะที่นางภักดีกับท่านได้หรือไม่”หยวนเสี่ยวผิงหันมามองหน้าเจียวจู ที่จริงเขาเองก็รู้สึกดีกับเจียวจูไม่น้อย แต่เพราะฐานะของนางทำให้ท่านโหวเกิดความลังเล แม้นว่าจะชอบนางแต่ในวันข้างหน้าอาจจะมีปัญหาแต่ค่ำคืนนี้สอนให้เขารู้ในหลาย ๆ อย่างก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเองก็มิได้อยากจะหมั้นหมายแต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับฟางหลีม่าน ในตอนนี้พระองค์กลับรักนางจนไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้นางได้“ได้สิ ข้าจะพาเจียวจูไปอยู่กับข้าที่สกุลหยวน จะดูแลและให้เกียรตินางอย่างดี เจียวจูไปกับข้าเถอะนะ”“ท่านโหวน้อยแต่ว่าข้า….”“เจียวจูข้ามิได้โกรธเจ้าแต่ตอนนี้หัวใจของเจ้ามีเจ้าของแล้ว ข้าจึงไม่อยากรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าเหมือนน้องสาวของข้ามีหรือที่ข้าจะมองไม่ออกว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร อย่าฝืนใจตัวเอ
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต