“พระองค์ไม่รีบไปคุยกับพี่ใหญ่หรือเพคะ”“ไม่รีบ ข้าจะไปส่งเจ้าที่ห้องยาเพราะพวกเขาต้องเก็บของก่อนอยู่แล้ว”“ตะ แต่ว่าพระองค์ยืนขวางเช่นนี้….”“อ้อ เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ ไปดูว่ามีสิ่งใดขาดเหลืออีกหรือไม่ เชิญ”บทจะหยุดพูดก็เล่นเอาหลีม่านทำตัวไม่ถูกเช่นกัน นางไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องคิดสิ่งใดอยู่แต่สีหน้าและแววตาเมื่อเห็นหยวนเสี่ยวผิงนั้นมีความไม่พอใจอยู่จนเห็นได้ชัดว่าทรงไม่พอพระทัยที่พบเขาอยู่ที่นี่ ห้องยาหลีม่านเดินเข้าไปในห้องที่เก็บสมุนไพรของสกุลตง แต่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยยาชนิดต่าง ๆ ก่อนเข้าไปนางจึงต้องใช้ผ้าผูกหน้าปิดจมูกเข้าไป แต่เมื่อหันมามองท่านอ๋องที่ยืนจามด้านหลัง แต่ผ้าผูกหน้ามีเพียงผืนเดียวนางจึงต้องหันไปแจ้งเขา“ข้างในนี้ฉุนนัก พระองค์รอข้างนอกเถิดเพคะหม่อมฉันเข้าไปเอง”“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าใช้สิ่งใดบ้างเผื่อวันหน้าจะช่วยเจ้าหาได้”“แต่ว่าข้าในนี้ฉุนยาสมุนไพร พระองค์อาจจะทนไม่ไหว”เขาหันไปมองข้างกายนางและค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บเอาไว้ที่เอวของหลีม่านออกมาอย่างเบามือ หลีม่านวาบหวามใจไม่น้อยราวกับว่าสิ่งที่เขาหยิบคือสายคาดเอวของนาง และต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเขายื่นผ้าเช็ดหน้ามาต
หลีม่านค่อย ๆ เงยหน้าขมวดคิ้วมองพักตร์ท่านอ๋องที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า “ข้าต้องออกไปก่อน เจ้าก็จัดการเรื่องของเจ้าให้เรียบร้อยหากว่ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มเติมก็รีบบอก จะได้ให้คนช่วยจัดหาก่อนที่เราจะออกเดินทางขึ้นเขาหาสมุนไพรที่เหลือ”“เพคะ”ท่านอ๋องเดินออกไปจากห้องยาแล้ว เขาไม่ลืมที่จะเก็บผ้าเช็ดหน้าของนางเข้าไปที่ปกเสื้อของตนเองโดยที่ไม่คืนให้หลีม่าน และทิ้งให้นางยืนอยู่ในห้อง“ให้ตายสิ ในห้องนี้ร้อนชะมัดเลย”ด้านนอก “เจ้าบอกว่า ในคืนนั้นคนของเราถูกล่อให้ออกไปจากจวนสกุลตง ก่อนที่ท่านหมอตงผู้เฒ่าจะถูกฆ่างั้นหรือ แล้วมันเป็นพวกเดียวกันหรือไม่”“จากรายงานที่ได้รับมาเห็นบอกว่าพวกมันแบ่งออกเป็นสองกลุ่มพ่ะย่ะค่ะ แยกกันลงมือ”“แต่ทหารที่เฝ้าอยู่สกุลตงเป็นทหารฝีมือทำไมจึงหลงกลได้ง่าย ๆ เช่นนั้น”“ทหารที่รอดมาได้คืนนั้นเล่าว่าเพราะพวกมันจับท่านหมอตงเป็นตัวประกันและพาออกจากจวนไป พวกเขาจึงต้องแบ่งกำลังตามไปพ่ะย่ะค่ะ”“นั่นแสดงว่าท่านตาถูกคนร้ายลักพาตัวไปก่อน แล้วให้คนร้ายที่เหลือฆ่าและรื้อค้นยาในจวนสกุลตง พอไม่เจอพวกมันจึงได้สังหารท่านตา และนำศพมาไว้ที่เดิมเพื่อให้คนที่มาเห็นคิดว่าท่านตาถูกฆ่าต
ฟางหลีม่านทำอะไรไม่ได้เพราะนางเองก็ขี่ม้าไม่คล่องอย่างที่เขาเข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างม้าอีกตัวก็ไปพร้อมสัมภาระที่หนักอยู่แล้วหากนางยังไปนั่งคงเพิ่มภาระให้กับมันจึงยอมนั่งม้าตัวเดียวกับท่านอ๋องและเดินทางขึ้นเขาทันที ท่านอ๋องค่อย ๆ ลดความเร็วม้าลงเมื่อถึงช่วงตีนเขาอินซางและเลือกที่จะเดินขึ้นเขาแทน เขาอินซาง“ตรงนี้แหละเพคะ นี่คือทางเข้าป่าเหมันต์”“เหตุใดจึงมีป้ายบอกทางว่าเป็นหุบเขาผีเล่า”“นั่นเพราะเสียงเล่าขานและเรื่องเล่าที่ชาวบ้านเล่าต่อ ๆ กันมาเรื่องที่พบในหุบเขานี้ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปด้านในเพคะ”“งั้นหรือ ผีมีจริงที่ไหนกัน”“หม่อมฉันเคยถามท่านตาครั้งหนึ่ง ท่านตาก็เอาแต่ขำเพราะในตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็กมากก็เลยกลัว”“หากว่าข้าเข้าใจไม่ผิดผู้ที่เขียนป้ายนี่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านหมอตงเองนั่นแหละ”“อะไรนะเพคะ”นางถามระหว่างที่พวกเขาเดินเข้ามาในหุบเขาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ห่าวหรานก็ต้องยอมรับว่าด้านในป่านี้ทั้งมืดและเย็นกว่าด้านนอกจริง ๆ ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะกลัว“ก็ในป่าที่ดิบชื้นและอากาศเย็นเช่นนี้เป็นที่ที่มีสมุนไพรหายากมากมายน่ะสิ ดังนั้นเพื่อมิให้ป่าถูกค้นพบหรือถูกทำลายก็ต้องปล
“อะไรนะเพคะ แต่ว่าที่นี่มีกองไฟแล้วไม่น่าจะหนาวแล้ว”“เจ้าดูถูกป่าลึกในยามดึกมากเกินไปแล้ว อีกไม่นานฟืนหมดไฟก็จะดับ อีกอย่างข้ามิได้อยู่เฝ้าเจ้าทั้งคืนเพราะต้องเดินทาง เช่นนั้นผ้าคลุมของพวกเราจะต้องนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด”“เช่นนั้น…”“มานี่เถอะอย่ากลัวมากเกินไป ข้าเองก็ทำใจลำบากเจ้าไม่รู้หรือว่าการที่ต้องนอนกอดเจ้าอยู่เฉย ๆ ทั้งคืนมันจะทรมานเพียงใด”ฟางหลีม่านมิได้กลัวว่าเขาจะหักห้ามใจมิได้ แต่นางกลัวใจของตัวเองมากกว่าเพราะถึงอย่างไรหยางห่าวหรานก็ได้ชื่อว่าเป็นรักเดียวในใจของนาง ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือในตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางค่อย ๆ ขยับนอนบนที่นอนฟางข้าง ๆ เขาโดยมีชุดคลุมขนสัตว์ของท่านอ๋องเป็นผ้าห่ม“ตัวเจ้าหอมยิ่งนัก”“คือว่า…”“เสียงเจ้าสั่น หนาวสินะ”เพียงแค่ท่านอ๋องที่กระชับอ้อมกอดเข้ามาจากด้านหลังก็ทำให้นางแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอากาศที่เย็นจัดในป่านี้เลย ตอนนี้แม้แต่ไฟตรงหน้าก็ดูจะร้อนน้อยกว่าไฟปรารถนาในหัวใจของนางเสียอีก ซึ่งหากถามอีกฝ่ายเองก็คงจะพอ ๆ กันเพราะเสียงหัวใจของท่านอ๋องเต้นแรงพอ ๆ กับนาง“หนาว… อือ…”“เหยาเหยา เจ้าไหวหรือไม่"“หนาวเหลือเกินเพคะ ท
สิ้นคำกล่าวนั้นท่านอ๋องก็เริ่มจูบนางอีกครั้งทันทีเพื่อมิให้นางได้เอ่ยสิ่งใดขึ้นมาอีก เขาพยายามจะอ่อนโยนกับนางให้มากที่สุดเนื่องจากเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ อีกอย่างแม้ว่าบรรยากาศจะเป็นใจมากเท่าใดแต่เขาก็มิได้อยากให้ครั้งแรกของนางเจ็บปวดและทรมานจนไม่เป็นที่น่าจดจำ“อื้อ…. อื้อ”เสียงร้องในลำคอทำเอาเขาแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเล็บของนางเริ่มจิกมาที่ต้นคอของเขา มังกรยักษ์ค่อย ๆ สอดเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง“อาา…แน่นมาก เหยาเหยาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“อื้อ ไม่เป็นไรเพคะ อ๊าา!!”เมื่อนางบอกว่าไม่เป็นไรเขาจึงตัดสินใจดันกายเข้าไปจนสุดเพราะนางเริ่มปรับตัวกับเขาได้แล้ว ไม่นานมังกรยักษ์ก็เข้าไปด้านในจนสุด ซึ่งเขากลับรู้สึกทรมานมากกว่าเดิม เพราะมันทั้งคับแน่น ร้อนและตอดรัดรุนแรงจนแทบทนต่อไปไม่ไหว เสียงครางต่ำราวกับจะขาดใจของเขาทำเอาหลีม่านไม่กล้าขยับกาย แม้จะยังเจ็บอยู่แต่ก็ค่อย ๆ ทุเลาลงมากแล้ว“ห่าวหราน อ๊าา”“เหยาเหยา ข้าจะเริ่มขยับแล้วนะคนดี อาา…”หลังจากนั้นพวกเขาก็แทบจะมิได้พูดอะไรอีก นอกจากเสียงครวญครางและสลับกับจุมพิตดูดดื่มที่ผลัดมอบให้กัน บัดนี้หลีม่านค่อย ๆ ปรับตัวได้และเริ่มเป็นฝ่ายรุกคืนบ้างแล้ว
“หยางห่าวหรานท่านมันเป็นคนเช่นไรกันนะ!”“อะไรเล่าข้าก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะหิวจนหมดแรง…ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”ท่านอ๋องเห็นสายตาที่หันมาค้อนเขาจึงได้รีบหยุด ใช่ว่าเขาจะอยากทะเลาะกับนางเสียเมื่อไหร่ เขารู้ว่านางพกเสบียงมามากพอที่จะเดินทางไปกลับ หากว่าโง่ทะเลาะกันตอนนี้มีหวังว่าเขาคงอดข้าวเช้าเป็นแน่“นี่เพคะ”“เจ้ากินเพียงแค่นี้จะอิ่มหรือ เจ้า… ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”เขาก็แค่เป็นห่วงเพราะเกรงว่าเพียงแค่แป้งทอดกับเซาปิ่งไส้ถั่วแดงเพียงอันเดียวนางจะไม่อยู่ท้อง แต่เมื่อเห็นนางหยิบเพียงเซาปิ่งเพียงอันเดียวก็ดื่มน้ำและเดินไปที่เสี่ยวเซินเขาก็รู้ว่านางเป็นคนกินน้อยจริง ๆ “เจ้าน่าจะกินมาก ๆ กว่านี้หน่อยตัวเจ้าแทบจะถูกลมพัดปลิวได้อยู่แล้ว เมื่อคืนใช้แค่มือเดียว…”“หยางห่าวหรานหากท่านยังไม่หยุดพูดข้าจะ…”เขาไม่รอให้นางด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ทางที่ดีต้องรีบปิดปากนางเสียก่อน ห่าวหรานโน้มตัวลงไปจูบนางโดยมิได้ให้โอกาสนางได้ต่อว่าเขาอีก มือที่กำลังชี้หน้าท่านอ๋องอยู่เริ่มอ่อนลงจนเผลอคว้าต้นคอของเขาเอาไว้ เนิ่นนานกว่าที่ท่านอ๋องจะยอมปล่อยนาง“เอาล่ะพระชายาที่รักพวกเรายังต้องรีบทำภารกิจอีก ข้าคิดว่าหลังจาก
“พระองค์ทรงตรัสสิ่งใดออกมา…อ๊ะ! ห่าวหรานท่านอย่านะ จะทำอะไร อ๊า...”หยางห่าวหรานดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ ภายในสระเริ่มอุ่นขึ้นแล้วและเขาเองก็รู้ว่านางเองก็เริ่มมีกำลังกลับคืนมา เห็นได้จากแรงที่พยายามดันตัวเขาออก“พวกเราจะสักกี่ครั้งที่เรามีโอกาสได้มาถึงสระเหมันต์เช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำบุตรที่มีสุขภาพยอดเยี่ยมหรอกนะ เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”“แต่ว่าพวกเรา…”“จนถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าคิดจะถอนหมั้นข้าอีกงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมง่าย ๆ หรือฟางหลีม่าน”“แต่พวกเราต้องรีบกลับนะเพคะ”“ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากแช่น้ำจากสระเหมันต์แล้วเราก็แข็งแรงมากขึ้น อีกอย่างขากลับต้องรวดเร็วกว่าขามาอยู่แล้วเพราะเป็นเส้นทางลงเขา”“แต่ว่าพวกเราพึ่งจะ….”คำพูดถูกดูดกลืนหายลงไปทันที เมื่อท่านอ๋องที่ทนมานานแล้วเริ่มจุมพิตนางในสระเหมันต์ ท่ามกลางบัวสัตตบุษย์สีแดงที่อยู่รายรอบ ลิ้นหนาพันเกี่ยวตวัดไปมาจนหลีม่านแทบจะหายใจไม่ออก นางตอบรับเขาและเริ่มโอบรอบคออีกฝ่าย“โชคดีที่เจ้าถอดชุดนอกออกไปแล้ว ข้าจึงไม่ต้องเหนื่อย”“อ๊ะ ห่าวหราน อ๊าา”ร่างของนางถูกยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเขาจะได้ชื่นชมยอดปทุมสีสวยตรงหน้า
จวนสกุลตงเมื่อหลีม่านลงรถม้าจากหน้าสกุลตง ท่านอ๋องก็เดินออกมารับนางพร้อมกับไถ่ถามก่อนจะเดินเข้าจวน“เป็นอย่างไรบ้างได้ของที่ต้องการครบหรือไม่”“ครบแล้วเพคะ เหตุใดพระองค์จึงมาอยู่ตรงนี้เพคะ”“ข้ากำลังจะไปที่ว่าการกับต้าเป่า เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”“แค่ออกไปซื้อของเองนะเพคะ”“ช่างเถอะรีบเข้าจวนไปก่อน อี้หลงรอเจ้าอยู่ข้างในเห็นว่าพบตำราที่เจ้าตามหาแล้ว”“งั้นหรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์ก็รีบกลับนะเพคะ”“รู้แล้ว ๆ”ท่านอ๋องดึงแก้มนางแกมหยอกก่อนจะขึ้นเสี่ยวเซินและควบช้า ๆ ออกจากจวนหลังจากที่หลีม่านเดินเข้าไปในจวนแล้ว “ใช่นางจริง ๆ นางคือฟางหลีม่าน”“องค์ชายแอบตามนางมาเช่นนี้พระองค์มีแผนการอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ดินแดนฝั่งตะวันตกข้าไม่อยากได้แล้ว"“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย แต่ว่าดินแดนนั่นหากซีเป่ยได้ครอบครองทั้งหมดก็จะร่ำรวยเพราะเป็นชายแดนที่ทำการค้าอีกทั้ง…”"ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือสตรีผู้นี้ต่างหาก นางเป็นถึงทายาทของหมอเทวดาชื่อดัง หากว่าได้อภิเษกกับนางเจ้าลองคิดดูสิว่าเสด็จพ่อจะหันความสนใจทั้งหมดนั่นมาที่ผู้ใด หมอเทวดาที่รักษาคนได้อีกทั้งทำยาพิษได้ ดาบของลู่โจวจะถูกส่ง
ท่านอ๋องหันไปสบตากับนางเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันมานี้ หลีม่านเองก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วเช่นกัน“หม่อมฉันเพียงแค่แจ้งให้ทราบ มิได้ขออนุญาตพระองค์นะเพคะ”“เดี๋ยวก่อน! เจ้าจะไปไหน”“จะไปเตรียมของเพื่อไป ว้าย! ห่าวหรานท่านทำอะไรน่ะ”“ข้าจะดูสิว่าผ่านวันนี้ไปเจ้าจะมีแรงลุกจากเตียงกลับไปที่สกุลฟางอยู่หรือไม่”“อย่านะ หยางห่าวหรานท่านปล่อยข้าลงนะ คนบ้าท่านปล่อยข้านะ”“เงียบเถอะเหยาเหยา ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าไหร่ข้ายิ่งรู้สึกอยากรังแกเจ้ามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้ร้องครางบนเตียงเถอะ”ท่านอ๋องพาพระชายาเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับลงกลอนแน่นหนาเมื่อวางร่างของนางลงที่เตียงได้ก็เริ่มจับนางมากอดและซุกไปทั่วทั้งกายด้วยความคิดถึง“เหยาเหยาเจ้าใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ไม่คุยกับข้าตั้งสามสี่วันนี่ยังจะหอบลูกหนีไปอีกงั้นหรือ”“อย่านะเพคะ พระองค์มิได้ต้องการ…”“ข้าต้องการ ใครพูดว่าข้าไม่ต้องการกัน เจ้าต่างหากที่เอาแต่ผลักไสข้า ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือเจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเพคะ คุยกันก่อน”“ไม่ เอาไว้คุยหลังจากนี้เถอะเจ้าจะให้ข้าทนอีกงั้นหรือ ข้าอดทนมากี่วันกี่คืนแล้วเจ้าไม่รู้หรือ เจ
ฮูหยินทั้งสองเดินทางมาเยี่ยมหลีม่านและเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระชายาจึงได้เอ่ยถาม หลีม่านหมดหนทางจึงได้เอ่ยปากปรึกษาเรื่องนี้ไปตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังสนุกกับการเล่นดาบไม้และตุ๊กตาผ้าที่ท่านตาและอี้หลงนำมาให้จึงไม่ได้สนใจท่านยายทั้งสองกับท่านแม่ที่อยู่ระเบียงหน้าเรือนรับรองแขก“เช่นนั้นเจ้าก็ลองคิดดูสักหน่อยเถิด แม่ว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องก็น่าเห็นใจไม่น้อย คงจะอยากได้บุตรเพิ่มจริง ๆ”“นั่นสิม่านเอ๋อร์ แม่รองคิดว่าที่แม่เจ้าพูดมาก็ถูก หานเยว่กับหลินอิงก็อายุจะสี่ขวบแล้ว เจ้าเว้นช่วงมานานท่านอ๋องก็คงอยากจะได้บุตรเพิ่ม อีกอย่างเจ้าดูสิ ทั้งสองคนติดท่านตากับท่านลุงเช่นนี้ท่านอ๋องก็คงอยากจะมีลูกสาวลูกชายเพิ่มเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขาบ้าง”“แต่ว่าพี่ใหญ่กับฉวนหลานเองก็มีบุตรสองคนเช่นกัน เหตุใดพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ”“ไม่ใช่ไม่มีแต่สุขภาพของหลานเอ๋อร์เจ้าก็รู้อยู่นี่นา นางเองก็สุขภาพพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่กี่ปี มีลูกสองคนก็นับว่าเก่งมากแล้ว แต่เจ้าที่สุขภาพแข็งแรงดีอีกอย่างเชื้อพระวงศ์อื่น ๆ ก็มีลูกมากเป็นธรรมดา”“ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านอ๋องอีกครั้ง”“อืม เช่นนั้นวันน
สี่ปีต่อมา“ยกขาขึ้นสูง ๆ อาเจินไปเอาไม้มา”“แต่ว่าพระชายาเพคะ”“ข้าบอกให้ไปเอาไม้มา”อาเจินหันไปมองท่านหญิงและท่านชายที่ถูกพระชายาทำโทษเพราะแย่งขอเล่นจนทะเลาะกัน ซึ่งนางเคยสอนและตักเตือน “หยางหานเยว่” กับ “หยางหลินอิง” ฝาแฝดแสนซนที่อายุยังไม่ครบสี่ขวบดีก็ซนและเริ่มทะเลาะกัน อาเจินถือไม้ไผ่ที่หลีม่านเคยสั่งให้เหลาเอาไว้มาและถือไว้ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นไม้ในมือท่านแม่ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง“รู้หรือไม่ว่าทำอะไรผิด”“ฮึก ฮึก ท่านแม่ขอรับลูกสำนึกแล้วแต่ว่า…”“รู้แล้วเหตุใดถึงยังทำอีก แม่เคยพูดแล้วว่าถ้าทะเลาะกันอีกก็ต้องถูกลงโทษ เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นพี่เจ้าเดินออกมาก่อน”“แต่ข้า…”“อาเยว่ของตา!! เดี๋ยวก่อน ๆ ม่านเอ๋อร์นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”“ท่านตา! ฮิือ….”หานเยว่รีบวิ่งไปหาท่านตาทันทีเมื่อเห็นท่านแม่ที่ถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าท่านแม่จะไม่ทำโทษหากว่ามีแขกมาที่จวน “อิงเอ๋อร์หลานลุงเป็นอะไรไป”“ท่านลุง ฮือ….”“นี่พวกท่าน…. กลับมานี่นะ หานเยว่ หลินอิง”หลินอิงรีบวิ่งไปหาฟางอี้หลงที่เดินมาพร้อมกับท่านตาได้ทันเวลาก่อนที่พวกเขาจะถูกทำโทษ ไม้ไผ่เหลาอย่างดีในมือของหลีม่านสั่นเมื่อเห็นลู
ประทัดหน้าจวนอ๋องเดิมซึ่งเป็นที่พักขององค์หญิงเจ็ด “เอี้ยฉวนหลาน” ดังขึ้นเมื่อขบวนเกี้ยวเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูจวน องค์รัชทายาทแห่งซีเป่ยมาพร้อมกับชินหยางอ๋องและพระชายาที่เริ่มมีครรภ์โตขึ้นจากเดิมก็หันไปมองทันที“พี่ใหญ่มาแล้วเพคะ”“ฉางซือท่านจะทำจริง ๆ น่ะหรือ นี่เป็นธรรมเนียมของซีโจวท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้”“ไม่ได้ ๆ ห่าวหรานท่านอย่าได้ปรามาสเรา นี่งานแต่งของหลานเอ๋อร์ทั้งทีข้าในฐานะพี่ชายของนางก็ต้องทำให้ครบพิธี มิเช่นนั้นคงรู้สึกผิดกลับไปซีเป่ยเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ไปเถอะเหยาเหยา เจ้าค่อย ๆ เดินนะ”“เพคะ”ท่านอ๋องไม่ยอมให้พระชายาอยู่ห่างพระวรกายเลยตั้งแต่ครรภ์นางมากขึ้น ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับแขกที่มาร่วมในงาน ฟางอี้หลงในชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลาสง่างามเมื่อลงจากม้ามาคำนับท่านอ๋อง“ยินดีด้วยอี้หลง ในที่สุดก็ถึงวันมงคลเสียที ข้ากับเหยาเหยาขออวยพรให้เจ้าและฉวนหลานมีความสุขยั่งยืนนานลูกหลานเต็มเมือง”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าสาวมาแล้ว!”เสียงของแม่สื่อดังออกมาพร้อมกับขบวนเจ้าสาวที่มีสาวใช้ของฉวนหลานพยุงเพื่อพาเจ้าสาวเดินออกมา องค์รัชทายาทของซีเป่ยเ
หลีม่านค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อถอดชุดเจ้าบ่าวของท่านอ๋องออกแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจของอีกฝ่ายที่ทนเห็นอกอวบอิ่มตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาไม่ไหว ปลายเริ่มโลมเลียผ่านชั้นในบางสีแดง มือเริ่มดึงเชือกที่ผูกลำคอและดึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ออกจนหมด ร่างบางแหงนหงายตามแรงดูดกระชากจากลิ้นสวาทของพระสวามี“อ๊าา ห่าวหราน อ๊าา…”ไม่นานหลีม่านก็ถูกดึงขึ้นมาที่เตียง ชุดที่เหลือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกันราวกับโหยหามานานแสนนาน ผ้าห่มถูกละเลยอีกทั้งม่านรอบเตียงก็ยังค่อย ๆ ถูกดึงลงมา“อ๊าา ห่าวหราน อื้อ”“เหยาเหยาของข้าช่างงดงามนัก กลิ่นของเจ้าและตัวเจ้าทั้งหอมและหวานมากกว่าครั้งใด ๆ”ท่านอ๋องปวดกายหนึบจนเกือบจะทนไม่ไหว มังกรยักษ์ของพระองค์ไม่เคยเรียกร้องมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ว่าพระองค์อยากจะค่อย ๆ ทำพิธีส่งตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ความเร่าร้อนของพระชายาตรงหน้ากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย“ข้าทนไม่ไหวแล้วเหยาเหยา เริ่มกันเถอะนะ อาา…อุ่นเหลือเกิน ยังแน่นไม่เปลี่ยน อาา…”เสียงครางแหบต่ำทำให้พระชายาเริ่มตอดรับตามจังหวะพร้อมกับเบียดกายเรียกร้องให้ท่านอ๋องชื่นชมส่วนอื่น ซึ่
ท่านอ๋องขึ้นม้าพร้อมกับสายสะพายโบสีแดงที่ฉวนหลานยื่นให้ด้วยสีหน้าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง”“ขอบใจองค์หญิง แล้วพบกันในวังนะ”“เพคะเสด็จพี่รอง”ชินหยางอ๋องยิ้มให้ฉวนหลานก่อนจะค่อย ๆ ดึงบังเหียนของเสี่ยวเซินออกจากจวนสกุลฟาง ขบวนเจ้าสาวของชินหยางอ๋องเริ่มเคลื่อนออกจากจวนสกุลฟางแล้ว ครั้งนี้งานอภิเษกถูกจัดขึ้นในวังหลวงซึ่งฮ่องเต้มีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดท้องพระโรง เมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงจากเกี้ยวก็ค่อย ๆ พยุงนางออกมาและทั้งคู่ก็รับโบแดงซึ่งมีหมัวมัวในวังยื่นให้ ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปยังท้องพระโรงที่มีฝ่าบาทและฮองเฮา แม่ทัพฟางและฮูหยินทั้งสอง แขกเหรื่อในงานพร้อมกับเหล่าขุนนางที่รอร่วมยินดีกับทั้งคู่อยู่ด้านใน เมื่อทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรงแล้ว กงกงจึงดำเนินการตามประเพณี“คำนับที่หนึ่ง…คำนับฟ้าดิน”“คำนับสอง คำนับบิดามารดา”“คำนับสาม… คำนับกันและกัน”กงกงเดินนำไม้มงคลมายื่นให้ชินหยางอ๋องก่อนจะกระซิบ“ท่านอ๋องเชิญเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”หยางห่าวหรานรับไม้บนพานออกมาและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าส
หยางห่าวหรานนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งเมื่อหลีม่านหันมาบอกเขา นางรู้สึกเหมือนกับพูดผิดจังหวะเมื่อเห็นสีพักตร์ที่นิ่งราวกับน้ำแข็งของท่านอ๋องตรงหน้าซึ่งนางไม่คิดว่าเขาจะตกใจถึงเพียงนี้“ท่านอ๋องเพคะ…”“เจ้าพูดจริงหรือเหยาเหยา”จู่ ๆ ท่านอ๋องก็จับตัวนางเอาไว้แน่นและเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาเพื่อถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟางหลีม่านเริ่มนึกหวาดกลัวท่าทีเช่นนั้นเล็กน้อยแต่ก็รีบตอบไป“เพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้วเพคะ”สิ้นคำของฟางหลีม่าน หยดน้ำตาของคนตรงหน้าก็เริ่มรื้นขึ้นมาและหยดลง หลีม่านตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางไม่เคยคิดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องจะหลั่งน้ำตาออกมาได้“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่…”“เหยาเหยา! ข้าดีใจยิ่งนักในที่สุดข้าก็จะมีบุตรแล้วจริง ๆ เหยาเหยาของข้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าแล้วจริง ๆ ให้ตายเถอะข้าดีใจมาก”เสียงของท่านอ๋องยังคงสั่นเมื่อค่อย ๆ ทรุดกายลงคุกเข่าและกอดนางเอาไว้แน่น “ท่านอ๋องเพคะ อย่าทำเช่นนี้”“ลูกพ่อเจ้ามาเกิดแล้วจริง ๆ พ่อให้สัญญากับเจ้าว่าจากนี้จะดูแลเอาใจใส่ท่านแม่ของเจ้าให้มาก ๆ แต่พ่อขออย่างเดียว เจ้าอย่าทำให้แม่เจ้าโกรธจน
“เจ้านี่ช่าง… อาาา อย่านะฉวนหลาน อย่าบีบรัดเช่นนั้นข้า…โอว….”นางขยิบร่องรักจนฟางอี้หลงแทบจะทนความเสียดเสียวไม่ไหว เขาถึงกับสั่นและเร่งกระแทกเพื่อให้นางปล่อยแต่อีกฝ่ายกลับสู้กลับด้วยท่าทางที่ยั่วยวนนั่น ไม่นานน้ำรักขุ่นใสก็พุ่งพรวดเข้าไปจนล้นออกมาเพราะพวกเขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกับป่าแห่งนี้“แฮก แฮก”“อือ….”ฟางอี้หลงรีบคว้าเสื้อคลุมของนางมาคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายและเขาก็หวงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้สายตาของสิ่งมีชีวิตอื่นได้มองนาง แม้แต่ม้าคู่ใจของเขาก็ตาม“ปิงปิงเจ้าหันไปนะ!”เจ้าม้าหนุ่มหันกลับไปสนใจน้ำในลำธารทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายสั่งด้วยเสียงที่ข่มขู่โดยที่มันไร้ความผิด เอี้ยฉวนหลานหมดแรงในอ้อมกอดของเขาแต่ก็ต้องยอมรับว่านางเอาชนะเขาได้จริง ๆ “ข้าชนะแล้วฟางอี้หลง ท่านแพ้แล้ว”“ก็ได้ ๆ ข้ายอมแพ้เจ้าตั้งนานแล้วเด็กโง่เพียงแต่ชอบหาโอกาสพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นและรอให้เจ้าทนไม่ไหวเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะความอดทนสูงเช่นนี้กันล่ะ ดังนั้นก็เลยต้องใช้ทางลัดนิดหน่อย”เอี้ยฉวนหลานเริ่มนิ่งและคิดตามคำพูดของเขาก่อนจะหันมามองหน้าฟางอี้หลงที่นอน
“เยี่ยมไปเลย เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”“แต่เจ้ากับพี่ห่าวหรานก็จะไปด้วยมิใช่หรือ”“ก็ใช่แต่ว่าข้าไม่ชอบล่าสัตว์น่ะ ทานอ๋องเองก็ทรงทราบและไม่อยากฝืนใจข้าด้วยก็เลยจะเข้าร่วมพอเป็นพิธีเท่านั้น”“ข้าชักจะหมั่นไส้พวกคนคลั่งรักอย่างพวกเจ้าขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้วสิ”หลังจากที่องค์หญิงแห่งซีเป่ยรับการรักษาจนหายดีเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอ๋องจึงได้กราบทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับผลงานใหญ่ของสกุลตงและสกุลฟางที่ลู่โจวฝ่าบาทจึงได้ประทานยศให้ฟางอี้หลงเป็นแม่ทัพองครักษ์หลวง แทนแม่ทัพหม่าที่จะปลดเกษียณตัวเองลงในไม่ช้านี้พร้อมกับมอบราชโองการสมรสให้กับเขาและองค์หญิงเอี้ยฉวนหลานแห่งซีเป่ย งานล่าสัตว์ สิบวันถัดมา“ฉวนหลาน ข้าได้กวางมาแล้ว ตอนนี้เจ้าน่าจะแพ้แล้วล่ะ”“ฟางอี้หลงคนขี้โกง ท่านเล่นบุกเข้าป่าลึกแต่ห้ามข้าเข้าไปข้างในนั้นอ้างว่าจะเป็นอันตราย แต่กลับไปล่ากวางออกมาเยาะเย้ยข้า จะเอาชนะข้างั้นหรือฝันไปเถอะ”ฉวนหานหันหัวม้าวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง ฟางอี้หลงตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปทันที“ฉวนหลาน! อย่าเข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะ!”อี้หลงหันหัวอาชาคู่ใจวิ่งตามนางไปทันทีพร้อมกับนำของที่เหลือให้คนต