ฟางหลีม่านแทบจะทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกท่านอ๋องพูดและทำสายตาชื่นชมมาที่นาง ทั้งช่างตัดชุดและช่างทำเครื่องประดับล้วนแอบลอบยิ้มเมื่อฟังที่ท่านอ๋องตรัส แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจเพราะเขายังเลือกเครื่องประดับอีกหลายชุดให้หลีม่านเอาไว้ใช้งาน“ตอนนี้อี้หลงน่าจะตื่นแล้วล่ะ มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมเขา”“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง”ท่านอ๋องนึกแปลกใจที่นางดูดีใจที่จะได้ไปหาพี่ชายของนางมากกว่าตอนที่พาไปวัดตัวตัดชุดและเลือกเครื่องประดับนั้นเสียอีก แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วเขาก็พอจะเข้าใจ เพราะที่ลู่โจวแห่งนี้นางเหลือแค่ฟางอี้หลงเป็นญาติเพียงคนเดียวแล้วหากไม่นับเขาที่เป็นคู่หมั้นของนางเรือนพักฟางอี้หลงเรือนพักด้านหลังไม่ต่างกับตำหนักหลังย่อม ๆ เพราะมีทั้งองครักษ์และสาวใช้นับสิบคนที่เดินวนเวียนเข้าออกในนั้น ฟางหลีม่านพึ่งเข้าใจในตอนนี้เองว่าพี่ชายของตัวเองมีความสำคัญกับท่านอ๋องจริง ๆ“ทางนี้ มาเถอะข้าพยุงเจ้าไปเอง”“ไม่เป็นไรเพคะหม่อมฉันเดินเองได้”“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้อีกแล้วนะ เจ้าเป็น...”“รีบไปเถอะเพคะ”เขาเดินนำนางเข้าไปข้างในห้องพักของอี้หลง เมื่อเปิดประตูมาก็เห็นอี้หลงและต้าเป่านั่งอยู่ข้างใน เขาพึ่งจะฟ
จวนสกุลหยวน “คุณหนูท่านมารับข้าไปที่ที่จวนอ๋องหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะตอนนี้เราต้องไปพักที่นั่นเพราะพี่ใหญ่ยังบาดเจ็บอยู่น่ะ”“นี่หลีม่าน เหตุใดเจ้ายังกล้าเข้าไปพักที่นั่นทั้ง ๆ ที่เรื่องที่ท่านตาเจ้าเสียต้นเหตุก็เป็นเพราะเขามิใช่หรือ”หลีม่านก้มหน้าไม่ตอบหยวนเสี่ยวผิง แม้นางจะรู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องแต่เขาก็มิได้มีความผิดใด ๆ อีกทั้งจวนสกุลตงก็มีองครักษ์ของท่านอ๋องเฝ้าอยู่ แต่ด้วยคนร้ายที่มีมากเกินพวกเขาจึงไม่สามารถช่วยท่านตาของนางได้นั่นไม่ใช่ความผิดของใคร แต่สิ่งที่นางกำลังสงสัยอยู่คือเพราะสาเหตุนี้อย่างเดียวแน่หรือที่คนร้ายบุกเข้าสกุลตง“คุณหนูเจ้าคะ ข้าว่าที่ท่านโหวน้อยพูดมาก็ถูกนะเจ้าคะ”“เจียวจูเจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับจวนท่านอ๋อง เรื่องอื่นเอาไว้ข้าจะคุยทีหลัง”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวไปเก็บของก่อน”เจียวจูหันไปมองหยวนเสี่ยวผิงแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปเก็บของในจวน เมื่อนางเดินไปจนพ้นสายตาแล้วหลีม่านจึงหันมาถามเขาทันที“ท่านโหวน้อย ข้าขอถามท่านสักเรื่องได้หรือไม่”“เจ้าอยากถามอะไรล่ะ”“เรื่องที่คนร้ายบุกจวนสกุลตงครั้งก่อนสาเหตุคือข้าจริงหรือ ไม่มีสาเหตุอื่นเลยแน่
ฟางหลีม่านขมวดคิ้วเพราะแปลกใจที่เห็นเขาทำสีหน้าเลิ่กลั่กแต่ก็ยังนับว่าเก็บอาการได้ค่อนข้างดีเพราะท่านอ๋องยืนนิ่งอยู่จนเขายื่นมือมาและค่อย ๆ พานางลงจากรถม้านั่นแหละ“เจ้าพึ่งจะมาที่นี่ ข้าจะให้สาวใช้พาไปที่ห้องพักของเจ้า พวกเจ้าพานางไป”“เพคะท่านอ๋อง”“เอ่อ…ที่จริงเจียวจูนอนห้องเดียวกับหม่อมฉันก็ได้นะเพคะ”“ไม่ได้ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ไปที่สวนด้านหลังเถอะ”“แต่เมื่อครู่นี้พระองค์บอกว่าเร่งรีบมาเรียกต้าเป่ามิใช่หรือเพคะ”“เอ่อ…”ท่านอ๋องมีท่าทีทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรก นี่มิใช่วิถีปกติของเขาเลยสักนิดแต่พอเป็นเรื่องของฟางหลีม่านเขากลับนิ่งเฉยไม่ได้ ต้าเป่าเองก็หันมามองท่านอ๋องเพื่อเอาใจช่วยเช่นกัน“พระชายา ไม่มีสิ่งใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระหม่อมต้องกราบทูลท่านอ๋องอยู่แล้ว นี่พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋องรายงานที่กระหม่อมนำมาให้ กระหม่อมขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”หยางห่าวหรานหันไปรับซองสีน้ำตาลในมือของต้าเป่ามาอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขากำลังรอมันอยู่ โชคดีที่ต้าเป่ามีเก็บเอาไว้ตลอดครั้งนี้เขาจึงมีข้ออ้างเอาตัวรอดไปได้“ขอบใจมากต้าเป่าเจ้าไปพักเถอะ เหยาเหยาหมดเรื่องแล้วเช่นนั้นก็รีบเข้าจวนเถอ
“ท่านเห็นด้วยกับวิธีนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”“พี่กับท่านอ๋องปรึกษากันแล้วว่าจะถามความเห็นเจ้าก่อน เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากท่านตาโดยตรง เรื่องการปรุงยาถอนพิษ อย่างไรก็ต้องฟังเจ้า”หลีม่านหันไปมองพี่ใหญ่ของตัวเอง แม้ว่าในตอนนี้นางจะเข้าใจเกี่ยวกับความลำบากของชาวบ้านที่อยู่ชายแดนอย่างลูโจวแต่ความสูญเสียที่พึ่งจะเกิดขึ้นก็ทำให้นางทำใจลำบากเช่นกัน“เรื่องนี้ข้าขอคิดก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”“อืม ก็แล้วแต่เจ้าแต่อาการขององค์ชายสามซีเป่ยคงรออีกนานไม่ได้ หากไม่เช่นนั้นอาจจะมีคนเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก”“ข้าทราบแล้วท่านพักผ่อนก่อนเถอะ”“ม่านเอ๋อร์ เจ้ายังโกรธท่านอ๋องเรื่องที่ค่ายครั้งก่อนอยู่งั้นหรือ”“ข้าน่ะหรือเจ้าคะ ข้าไปโกรธเขาเมื่อไหร่กัน”“ท่านอ๋องตรัสกับพี่แล้วว่าเขาเข้าใจข้าผิดและก่อนที่เจ้าจะกลับมาที่ลู่โจวก็มีปากเสียงกับเขา วันที่ข้าส่งเจ้าขึ้นรถม้ามาเจ้ายังบอกว่าจะถอนหมั้น ดังนั้นข้าจึงอยากถามเจ้า ในตอนนี้ยังคิดเช่นนั้นอยู่หรือทั้ง ๆ ที่ท่านอ๋องเต็มพระทัยที่จะหมั้นหมายกับเจ้า”“พี่ใหญ่เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยปรึกษากันทีหลังเถอะเจ้าค่ะ ช่วงนี้เรายังต้องไว้ทุกข์ให้ท่านตาอีกสามเด
“สำหรับกระหม่อมแล้วคิดว่าม่านเอ๋อร์ยังมีเรื่องท่านตาที่ยังติดค้างอยู่ในใจจึงไม่อยากคิดถึงเรื่องแต่งงาน อีกอย่างกระหม่อมมั่นใจเหลือเกินว่านางมิได้มีความคิดแตกต่างไปจากพระองค์ วันที่จะกลับมาที่ลู่โจวนางร้องไห้และตัดพ้อว่าพระองค์มิได้ชอบนาง วันนั้นกระหม่อมจำได้ว่าม่านเอ๋อร์เสียใจมาก”“ครั้งนั้นเป็นข้าที่เข้าใจนางผิดคิดว่าพวกเจ้าสองคน…เป็นคนรักกัน ใครจะรู้ว่านางจะปลอมตัวเข้ามาในค่ายเช่นนี้กันเล่า”“อย่าทรงโทษตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวังว่าพระองค์และม่านเอ๋อร์จะปรับความเข้าใจกันได้ในเร็ววัน”“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีการของข้าอยู่แล้ว”“แต่ว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่พระองค์คงต้องระวังเอาไว้ จะไว้ใจไม่ได้เช่นกัน”“เจ้าหมายถึงอะไร”“หยวนเสี่ยวผิง”“คุณชายหยวนผู้นั้นน่ะหรือ”“เขาติดตามน้องสาวกระหม่อมมาตั้งแต่เมืองซีโจวมาถึงลู่โจว แม้จะอ้างว่ามาดูแลกิจการของสกุลหยวนแต่ใครจะไม่รู้บ้างว่าคุณชายหยวนผู้นี้ตามนางมา ครั้งก่อนยังบอกสาเหตุที่คนร้ายบุกว่าเกี่ยวกับตำแหน่งคู่หมั้นของนางจนทำให้นางเกือบจะเข้าใจพระองค์ผิด จากที่กระหม่อมสืบมาก่อนหน้านี้เขาก็เอาข่าวลือว่าพระองค์สิ้นพระชนม์มาบอกนางจนทำให้นางล้มป่วยอ
ฟางอี้หลงและท่านอ๋องที่เดินตามออกมาถึงกับหันมามองหน้ากันและรีบเดินมาทันที“เขามาทำอะไรที่นี่”“ดูเหมือนว่าจะตามไปที่จวนด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ท่านโหวน้อยผู้นี้สู้ไม่ถอยจริง ๆ แม้ว่าพระชายาจะไม่ได้ให้ความหวัง เขาตามตื๊อเก่งน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”ต้าเป่าหันมารายงานเพราะวันก่อนที่เขาติดตามหลีม่านไปรับสาวใช้ที่จวนสกุลหยวน ท่านโหวน้อยผู้นี้ก็เอาแต่หว่านล้อมฟางหลีม่านเกี่ยวกับคืนที่ท่านตานางถูกลอบสังหารว่าเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง“ท่านอ๋อง จะไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ไปส่งนางกลับไปสกุลตง ในเมื่อข้าเป็นคนอนุญาตนางเองก็ควรจะไปส่งด้วยตนเอง”“ท่านอ๋องของเจ้าดูท่าจะอาการหนักนะต้าเป่า”“นั่นสิขอรับ นี่พี่อี้หลงท่านว่าท่านอ๋องของข้า…หึงพระชายาใช่หรือไม่”“ไม่”“ไม่ใช่หรือ แต่ข้าว่า…”“ไม่เหลือน่ะสิ หึหึ ไปเถอะข้าจะไปดูหน่อยดูสิว่าวันนี้ไหน้ำส้มจะแตกหน้าจวนอ๋องหรือไม่”“รอข้าด้วยสิขอรับ”หน้าจวน“ท่านโหวน้อย ท่านมาส่งคุณหนูกลับจวนสกุลตงหรือเจ้าคะ”“ฉลาดสมกับเป็นเจียวจู ใช่แล้วข้ามาก็เพื่อ….”“อะแฮ่ม”“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”หยางห่าวหรานเดินมาหน้าจวนพร้อมกับโอบรอบเอวของฟางหลีม่านเอาไว้ นางหันมามองที
หลีม่านฟังแล้วนิ่งไป นี่เป็นเหตุผลที่เขายกขึ้นมา แม้ว่าสตรีจะเข้าร่วมในการเจรจาไม่ได้แต่ท่านอ๋องก็จัดที่นั่งให้นางฟังอยู่ที่ฉากกั้นด้านหลัง นางจะเห็นผู้เข้าเจรจาทั้งหมดและมีเขาที่นั่งอยู่ด้วยโดยที่โต๊ะเจรจาจะมีขุนนางและฟางอี้หลงเป็นตัวแทนของเขาในการเจรจาสัญญาสงบศึกครั้งนี้“เจ้านั่งอยู่กับข้าที่นี่ หากว่ามีสิ่งใดที่อยากจะเพิ่มเติมก็บอก ข้าจะสั่งให้คนไปแจ้งกับอี้หลงเข้าใจหรือไม่”“พวกเขาจะยอมแน่หรือเพคะ พระองค์ไม่กลัวว่าหากเจรจาไปแล้วพวกเขาไม่ทำตามเงื่อนไข...”“ที่จริงข้าไม่เคยกลัวแคว้นซีเป่ยนี่เลย แม้ว่าจะยกทัพมาข้าก็สามารถสู้กับพวกเขาได้ตลอด แต่ว่านั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับคนที่อาศัยอยู่ชายแดนข้าก็แค่หาหนทางแก้ไขในระยะยาว ดีกว่าตั้งทัพยาวนานและสู้กับสงครามที่ไม่จบสิ้นนี้”“พระองค์เป็นผู้ที่นึกถึงราษฎรจริง ๆ หม่อมฉันเชื่อว่าการเจรจาครั้งนี้จะนำพาความสงบมาสู่ลู่โจวเสียที”ท่านอ๋องเอื้อมมือมาจับนางเอาไว้แน่น หลีม่านไม่ได้ดึงมือหนีแต่ก็ยังไม่กล้าจะหันไปสบตาของท่านอ๋อง“ที่ข้าพาเจ้ามาก็เพื่อจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดเช่นไร แต่เจ้าไม่ต้องห่วง อี้หลงพี่ใหญ่ของเจ้ามีฝีปากเป็นเลิศในการต่อรอง เขาไม
เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องสัญญากันได้แล้ว เจ้าเมืองลู่โจวจึงได้ร่างสัญญาฉบับหนึ่งขึ้นมา เป็นสัญญาลับระยะสั้นที่เกี่ยวกับเรื่องที่ทั้งสองแคว้นจะตกลงถอยทัพกลับเมืองของตัวเองเพื่อแลกกับยาระงับพิษและยาถอนพิษที่จะมอบให้ในอีกสิบห้าวันที่จะส่งมอบอีกครั้งในที่ประชุมและจะมีตัวแทนอีกสองแคว้นเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย“เรากลับกันได้แล้วล่ะ”“พระองค์ทรงมั่นพระทัยแล้วหรือเพคะว่าพวกเข้าจะยอมถอยทัพจริง ๆ”“หากเป็นเจ้า จะยอมถอยหรือดึงดันสู้ต่อล่ะ ข้าคิดว่าข้าอ่านใจคนอย่างองค์ชายสามออก เขารักตัวกลัวตายมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”“อย่างไรหรือเพคะ”“หากว่าเขาไม่รับยารักษาสู้ตายอย่างวีรบุรุษไปเลยก็จะจบ และศึกกับลู่โจวก็ปล่อยให้องค์ชายคนอื่นสานต่อ ถึงแม้จะเลือกสู้ต่อ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้ ดังนั้นจึงกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ต้องหาในการแพ้สงครามเสียเอง ดังนั้นเลือกชีวิตเอาไว้จะดีกว่าเพราะอย่างน้อยสัญญาสงบศึกก็สามารถแน่ใจได้ว่าซีเป่ยจะไม่ถูกเรารุกรานไปอีกนาน”“เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาก็แค่กำลังหาทางจบศึกนี้โดยใช้อาการบาดเจ็บเป็นข้ออ้างเลิกทำศึกเพื่อมิให้ตัวเองเสียเปรียบอีกฝ่ายโดยต้องจ่ายค