ลี่เหยาเหยาย่างกรายเข้าไปยังหอซักล้างนางกวาดสายตามองไปเบื้องหน้า สตรีเหล่านั้นต่างหลุบดวงตาลงแทบไม่กล้ามองตอบผู้มาเยือน เหตุเพราะเรื่องที่พวกนางได้ก่อเอาไว้นั้นช่างดูโหดร้ายนัก วันนี้ลี่เหยาเหยาจะเข้ามาแก้แค้นพวกนางหรือไม่ เท้าเรียวเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าของสตรีร่างท้วม ผู้เป็นหัวหน้าหอซักล้าง หญิงผู้นั้นก้มศีรษะลง นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของลี่เหยาเหยา ความหวาดกลัวแทบจะทำให้นางกลายเป็นคนติดอ่าง
"เอ่อ...คะ…คุณหนูมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ" เหงื่อเย็นผุดซึมขึ้นบนฝ่ามืออวบอ้วน
ลี่เหยาเหยานึกสนุกอยากกลั่นแกล้งอีกฝ่ายดูเสียหน่อย จึงกล่าวออกมาเสียงดัง "คุณแม่บ้านคะ!..."
ลี่เหยาเหยายังไม่ทันกล่าวประโยคถัดไป สตรีร่างท้วมพลันทรุดฮวบลง ขอโทษขอโพยนางเสียยกใหญ่ "ฮือ...คุณหนูเจ้าคะ อภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ"
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าคร่ำครวญเช่นนั้น หญิงสาวผู้ร่วมขบวนการเมื่อคราก่อน จึงรวมใจกันทรุดกายลงโขกศีรษะบนพื้นให้จ้าละหวั่น
"คุณหนูโปรดอภัยข้าน้อยด้วย"
เสียงคร่ำครวญร้องดังระงม หลังจากวันที่จอมมารรับตัวของลี่เหยาเหยาไปจา
"อวี่หนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ฮือ...ท่านพี่ ข้าเห็นว่าพวกบ่าวหอซักล้างเหล่านั้นบอกว่า ลี่เหยาเหยาทำเครื่องประทินผิวมอบให้ แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ข้าเพียงต้องการมีใบหน้างดงามให้ท่านเชยชม แต่พอตื่นมาอีกครา ใบหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ" อวี่หนานกล่าวพลางร้องไห้โยเยราวเด็กถูกขัดใจฮวาเทียนจิ้งพยายามปลอบประโลมผู้เป็นน้องสาว พลางลูบศีรษะและโอบประคองเรือนร่างด้วยความแผ่วเบา ส่วนแขนเล็กเรียวก็กอดร่างกำยำของฮวาเทียนจิ้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเถียนชีก้าวเข้ามาด้านใน พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย "นายท่าน คุณหนูเหยาเหยามาแล้วขอรับ""ให้นางเข้ามา"ลี่เหยาเหยาสับฝีเท้าเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เดิมทีส่วนผสมของนางล้วนสกัดมาจากบุปผาธรรมชาติไร้พิษเจือปนอย่างแน่นอน แล้วคุณหนูอวี่หนานจะเกิดอาการแพ้ได้อย่างไร"ลี่เหยาเหยาเจ้ากำลังทำอะไร เจ้าเห็นข้าใจดีด้วยก็คิดเหิมเกริมไม่เกรงกลัวเช่นนั้นหรือ" ฮวาเทียนจิ้งมองลี่เหยาเหยาอย่างนึกคาดโทษ"ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ส่วนผสมที่ข้าปรุ
เถียนหยาทอดถอนใจเสียงดัง "ข้าไม่เคยเห็นนายท่านเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณหนูเหยาเหยาไม่ได้กระทำผิด"เถียนชีเอ่ยตอบ "ข้ารู้…และข้าคิดว่านายท่านเองก็รู้ ทว่านายท่านคงมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เจ้าก็ทราบดีว่าคุณหนูอวี่หนานเอาแต่ใจเพียงใด หากนายท่านไม่ชิงลงมือก่อน นางคงตามรังควานคุณหนูเหยาเหยาไม่ลดราวาศอกแน่"องครักษ์ทั้งสองจึงเหลียวหน้ากลับ พิศมองภาพนอกหน้าต่างอีกหน ตามจริงนายของพวกเขาสามารถให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปรับตัวนางได้ ทว่าฮวาเทียนจิ้งกลับเลือกไปด้วยตนเอง เกรงว่าภายในใจของจอมมารได้เกิดความแปรผันใหญ่หลวงเสียแล้วดวงตาที่เคยสดใสปริ่มปรือลงเชื่องช้า ภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนนัก เสียงใสกล่าวอู้อี้ ฝ่ามือทุบตีอกแกร่งไร้เรี่ยวแรง "ฮวาเทียนจิ้ง! จอมมารไร้หัวใจ ใจแคบ ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอย่างไรเล่า เหตุใดไม่เชื่อข้า""ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อเพียงแต่..."อยู่ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมแขนพลันหมดสติลง ฮวาเทียนจิ้งช้อนร่างลี่เหยาเหยาไว้บนอ้อมแขน ฝ่ามือกว้างร่ายพลังเวทบางเบา ภาพเบื้องหน้าปรากฏหุ่นเชิดลี่เหยาเหยานั่งคุกเข่าขึ้นแทนที่ ฮวาเทียนจิ้งจึงโอบอุ้มผู้ไร้สติหายวับอ
"คุณหนูดีขึ้นแล้วหรือขอรับ" เถียนหยาเอ่ยถาม เมื่อพบว่าลี่เหยาเหยาฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยไม่นานทว่านางกลับหาเรื่องให้ตนดูวุ่นวายโดยการร้อยโน่นถักนี่มือเป็นระวิงลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้าขึ้น พลางส่งยิ้มละไม "ข้าหายดีแล้ว ขอบใจนะเถียนหยา""เอ่อ...คุณหนูที่จริงแล้ว..." เถียนหยารู้สึกว่ามือของตนยามนี้ช่างเก้งก้างเหลือทน พลางเหลือบซ้ายแลขวา นัยน์ตามองออกไปทางธรณีประตูด้วยความระมัดระวัง"เป็นอะไรไปเล่า พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น" ลี่เหยาเหยาขมวดคิ้วระบายรอยยิ้มเล็กน้อย"ที่จริงแล้ว…นายท่านดูแลคุณหนูด้วยตนเองทุกวันเลยนะขอรับ""หา..." ลี่เหยาเหยาละสายตาจากสิ่งที่ตนกำลังทำ พลางแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเถียนหยาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน จากสีหน้าตื่นตะลึงแปรผันเป็นยิ้มเยาะ "เหอะ! เขาคงเป็นห่วงตนเองมากกว่า กลัวข้าตายแล้วตัวเองก็จะตายด้วย""คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว" เถียนหยาพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนลี่เหยาเหยาไม่ยอมเปิดใจให้นายของตนเอาเสียเลยลี่เหยาเหยากลับไปสนใจงานในมือของนางเช่นเดิม ทว่าหูเล็ก ๆ นั่
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
เพราะบุตรสาวของอนุผู้นี้ช่างใจกล้าเหนือสตรี ซ้ำยังชอบแต่งกายผิดจารีตประเพณีไม่เคารพกฎเกณฑ์ นางจึงถูกส่งไปสำนึกตนยังชานเมืองทุรกันดาร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านเดิมที่หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นเผ่าบูชาจอมมารวิหคทอง ทุก ๆ สิบปีจะต้องมีการส่งตัวเจ้าสาวบรรณาการให้แก่จอมมารในดินแดนลึกลับ คาดไม่ถึงว่าชะตาเกิดของนางจะขึ้นตรงกับเนตรหายนะของปีที่สิบนี้เข้าอย่างพอดี ทั้งหมู่บ้านล้วนร่ำลือว่า บุตรีเสนาบดีใหญ่และอนุที่สิ้นใจไปแล้วล้วนเป็นที่ชิงชัง แม้นางหายตัวไปคงไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญ ในคืนที่เกิดพายุลมฝนกรรโชกอย่างหนัก ร่างบอบบางกลับนอนขดกายอยู่บนแคร่ไม้เก่าในห้องเก็บฟืน นางเป็นคุณหนูรองลูกของเสนาบดีก็จริงอยู่ ทว่าเมื่อถูกส่งเข้ามาเพื่อสำนึกตนยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดสนใจไยดี ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งจากบ่าวไพร่สารพัด ผู้คนเหล่านี้หาได้เกรงกลัวคุณหนูรองเช่นนาง ซ้ำยังประณามว่านางคือ บุตรีนอกคอกผู้ที่บิดาแสนเกลียดชัง การที่ถูกส่งมายังสถานที่เช่นนั้นหมายถึงว่านางได้โดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว ปัง! เสียงบานประตูถูกกระแทกจนเปิดออก นัยน์ตาคู่งามเปิดกว้างมองผ่านความมืดสลัว นางชินและชากับเหตุการณ์เช่นนี้เสีย
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื
"คุณหนูดีขึ้นแล้วหรือขอรับ" เถียนหยาเอ่ยถาม เมื่อพบว่าลี่เหยาเหยาฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยไม่นานทว่านางกลับหาเรื่องให้ตนดูวุ่นวายโดยการร้อยโน่นถักนี่มือเป็นระวิงลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้าขึ้น พลางส่งยิ้มละไม "ข้าหายดีแล้ว ขอบใจนะเถียนหยา""เอ่อ...คุณหนูที่จริงแล้ว..." เถียนหยารู้สึกว่ามือของตนยามนี้ช่างเก้งก้างเหลือทน พลางเหลือบซ้ายแลขวา นัยน์ตามองออกไปทางธรณีประตูด้วยความระมัดระวัง"เป็นอะไรไปเล่า พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น" ลี่เหยาเหยาขมวดคิ้วระบายรอยยิ้มเล็กน้อย"ที่จริงแล้ว…นายท่านดูแลคุณหนูด้วยตนเองทุกวันเลยนะขอรับ""หา..." ลี่เหยาเหยาละสายตาจากสิ่งที่ตนกำลังทำ พลางแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเถียนหยาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน จากสีหน้าตื่นตะลึงแปรผันเป็นยิ้มเยาะ "เหอะ! เขาคงเป็นห่วงตนเองมากกว่า กลัวข้าตายแล้วตัวเองก็จะตายด้วย""คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว" เถียนหยาพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนลี่เหยาเหยาไม่ยอมเปิดใจให้นายของตนเอาเสียเลยลี่เหยาเหยากลับไปสนใจงานในมือของนางเช่นเดิม ทว่าหูเล็ก ๆ นั่
เถียนหยาทอดถอนใจเสียงดัง "ข้าไม่เคยเห็นนายท่านเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณหนูเหยาเหยาไม่ได้กระทำผิด"เถียนชีเอ่ยตอบ "ข้ารู้…และข้าคิดว่านายท่านเองก็รู้ ทว่านายท่านคงมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เจ้าก็ทราบดีว่าคุณหนูอวี่หนานเอาแต่ใจเพียงใด หากนายท่านไม่ชิงลงมือก่อน นางคงตามรังควานคุณหนูเหยาเหยาไม่ลดราวาศอกแน่"องครักษ์ทั้งสองจึงเหลียวหน้ากลับ พิศมองภาพนอกหน้าต่างอีกหน ตามจริงนายของพวกเขาสามารถให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปรับตัวนางได้ ทว่าฮวาเทียนจิ้งกลับเลือกไปด้วยตนเอง เกรงว่าภายในใจของจอมมารได้เกิดความแปรผันใหญ่หลวงเสียแล้วดวงตาที่เคยสดใสปริ่มปรือลงเชื่องช้า ภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนนัก เสียงใสกล่าวอู้อี้ ฝ่ามือทุบตีอกแกร่งไร้เรี่ยวแรง "ฮวาเทียนจิ้ง! จอมมารไร้หัวใจ ใจแคบ ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอย่างไรเล่า เหตุใดไม่เชื่อข้า""ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อเพียงแต่..."อยู่ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมแขนพลันหมดสติลง ฮวาเทียนจิ้งช้อนร่างลี่เหยาเหยาไว้บนอ้อมแขน ฝ่ามือกว้างร่ายพลังเวทบางเบา ภาพเบื้องหน้าปรากฏหุ่นเชิดลี่เหยาเหยานั่งคุกเข่าขึ้นแทนที่ ฮวาเทียนจิ้งจึงโอบอุ้มผู้ไร้สติหายวับอ
"อวี่หนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ฮือ...ท่านพี่ ข้าเห็นว่าพวกบ่าวหอซักล้างเหล่านั้นบอกว่า ลี่เหยาเหยาทำเครื่องประทินผิวมอบให้ แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ข้าเพียงต้องการมีใบหน้างดงามให้ท่านเชยชม แต่พอตื่นมาอีกครา ใบหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ" อวี่หนานกล่าวพลางร้องไห้โยเยราวเด็กถูกขัดใจฮวาเทียนจิ้งพยายามปลอบประโลมผู้เป็นน้องสาว พลางลูบศีรษะและโอบประคองเรือนร่างด้วยความแผ่วเบา ส่วนแขนเล็กเรียวก็กอดร่างกำยำของฮวาเทียนจิ้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเถียนชีก้าวเข้ามาด้านใน พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย "นายท่าน คุณหนูเหยาเหยามาแล้วขอรับ""ให้นางเข้ามา"ลี่เหยาเหยาสับฝีเท้าเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เดิมทีส่วนผสมของนางล้วนสกัดมาจากบุปผาธรรมชาติไร้พิษเจือปนอย่างแน่นอน แล้วคุณหนูอวี่หนานจะเกิดอาการแพ้ได้อย่างไร"ลี่เหยาเหยาเจ้ากำลังทำอะไร เจ้าเห็นข้าใจดีด้วยก็คิดเหิมเกริมไม่เกรงกลัวเช่นนั้นหรือ" ฮวาเทียนจิ้งมองลี่เหยาเหยาอย่างนึกคาดโทษ"ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ส่วนผสมที่ข้าปรุ
ลี่เหยาเหยาย่างกรายเข้าไปยังหอซักล้างนางกวาดสายตามองไปเบื้องหน้า สตรีเหล่านั้นต่างหลุบดวงตาลงแทบไม่กล้ามองตอบผู้มาเยือน เหตุเพราะเรื่องที่พวกนางได้ก่อเอาไว้นั้นช่างดูโหดร้ายนัก วันนี้ลี่เหยาเหยาจะเข้ามาแก้แค้นพวกนางหรือไม่ เท้าเรียวเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าของสตรีร่างท้วม ผู้เป็นหัวหน้าหอซักล้าง หญิงผู้นั้นก้มศีรษะลง นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของลี่เหยาเหยา ความหวาดกลัวแทบจะทำให้นางกลายเป็นคนติดอ่าง"เอ่อ...คะ…คุณหนูมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ" เหงื่อเย็นผุดซึมขึ้นบนฝ่ามืออวบอ้วนลี่เหยาเหยานึกสนุกอยากกลั่นแกล้งอีกฝ่ายดูเสียหน่อย จึงกล่าวออกมาเสียงดัง "คุณแม่บ้านคะ!..."ลี่เหยาเหยายังไม่ทันกล่าวประโยคถัดไป สตรีร่างท้วมพลันทรุดฮวบลง ขอโทษขอโพยนางเสียยกใหญ่ "ฮือ...คุณหนูเจ้าคะ อภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ"เมื่อผู้เป็นหัวหน้าคร่ำครวญเช่นนั้น หญิงสาวผู้ร่วมขบวนการเมื่อคราก่อน จึงรวมใจกันทรุดกายลงโขกศีรษะบนพื้นให้จ้าละหวั่น"คุณหนูโปรดอภัยข้าน้อยด้วย"เสียงคร่ำครวญร้องดังระงม หลังจากวันที่จอมมารรับตัวของลี่เหยาเหยาไปจา
กำไลหยกถูกสร้างขึ้นจนเรียบร้อยแล้ว ฮวาเทียนจิ้งจึงให้เถียนหยานำไปมอบแด่ลี่เหยาเหยา"คุณหนูขอรับ นายท่านฝากสิ่งนี้มาให้ขอรับ"ลี่เหยาเหยาแหงนมองกำไลข้อมือลายวิจิตรที่อีกฝ่ายยื่นให้ด้วยประกายตาลุกวาว ทว่ากลับแสร้งชักสีหน้ากลับเพื่อสงวนท่าที "เหตุใดเขาจึงให้ข้ากันเล่า นี่นายของท่านตบหัวแล้วลูบหลังเช่นนั้นหรือ""เอ่อ..." เถียนหยารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ไม่น้อย เขาได้รับคำสั่งห้ามบอกเรื่องนี้ให้นางรับทราบ เถียนหยาจึงเล่นไปตามน้ำ หากฮวาเทียนจิ้งรู้สิ่งที่เขากำลังจะกล่าว มีหวังได้ถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่"เอ่อ...อะไรเล่า หากเหตุผลไม่เพียงพอ ข้าไม่รับ เอากลับไปคืนนายของท่านเสีย""นายท่านอยากขอโทษคุณหนูก็เพียงเท่านั้น หาได้คิดเป็นอื่น รบกวนคุณหนูรับไว้อย่าได้ทำให้ข้าต้องลำบากใจเลยขอรับ" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าซีดเผือดเถียนหยา หากนายท่านทราบแกตายแน่"จริงหรือ" ลี่เหยาเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจเถียนหยาพยักหน้าหงึกหงักสตรีได้ของสวยงามดีใจเพียงนี้เชียวหรือ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายปวดห