อวี่เจียวหรงคนนี้ช่างดูผู้ชายไม่ผิดไปเลยจริง ๆ !แม้ว่าเธอจะไม่เคยรู้สึกถึงลมปราณจอมยุทธจากฉินเป่ยตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางความหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งอย่างอวี่เจียวหรง เธอมองดูฉินเป่ยอย่างหลงใหลราวกับว่าหัวใจของเธออาบไปด้วยน้ำผึ้ง!“เป็นไปได้ยังไง?”“นี่แกไอ้เปี๊ยก แกเป็นจอมยุทธ์เหรอ? แกเป็นระดับฝึ
เดิมทีเธอคิดว่าอย่างน้อยฉินเป่ยก็คงเป็นยอดปรมาจารย์ แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะเป็นเพียงมหาปรมาจารย์เท่านั้น ระดับการฝึกฝนนี้ถือเป็นระดับสูงสำหรับคนอื่นแล้ว แต่เมื่อเทียบกับอวี่เจียวหรง มันไม่พอ!เมื่อเวินหงอิงสัมผัสได้ถึงรัศมีของปรมาจารย์บนร่างกายของฉินเป่ย เธอก็รู้สึกตื่นเต้นและตื่นเต้น แต่แล้วเธอก
“เหล่าจาง นี่คุณทำร้ายผมได้เหรอเนี่ย คุณนี่เจ๋งจริง ๆ !”แม้คำพูดนี้จะมิได้ผิดเพี้ยนอะไร แต่กลับชวนให้คนฟังนึกอยากกำหมัดชกคนตรงหน้าขึ้นมาเสียได้ในเวลานี้เอง เหล่าจางเหม่อมองฉินเป่ยด้วยความตื่นตะลึง แม้แต่จ้าวเทียนจี๋ที่อยู่ข้าง ๆ และบรรดาบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ก็พากันออกอาการงุนงงท่ามกลางความเงียบที่ก
ส่วนตระกูลติดตามและอำนาจของลูกน้องตระกูลจ้าวที่ใกล้จะสำเร็จขั้นราชาจอมยุทธก็มีอยู่ถึงสิบคนแล้วตระกูลอวี่เล่า ? ตอนนี้มีเพียงอวี่เจียวหรงที่อยู่ในระดับราชาจอมยุทธเพียงคนเดียว หลี่อวี่ฉีอยากจะเดินออกไปจากที่นี่พร้อมกับจ้าวเทียนจี๋เสียเหลือเกิน แต่เธอก็รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีทางทำดีกับเธอเหมือนดั่งวันวา
ยังมีใครที่ไม่ยอมอีก ก้าวออกมาได้เลย !น้ำเสียงของฉินเป่ยยังคงราบเรียบดังเคย หากแต่คราวนี้กลับไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้เพียงนิดเดียวเพราะพวกเขาทุกคนต่างก็รับรู้ได้ถึงความกดดันอันน่ากลัวที่ผิดแผกไปจากปกติของชายหนุ่ม กดพวกเขาเสียจนแทบจะหายใจไม่ออกโจวเทียนเป่ยและหวังเป่ยซานคุกเข่าลงกับพื้น พยายามท
“ไสหัวกันไปให้หมด แล้วจำคำที่พวกคุณพูดในคืนนี้ให้ได้ด้วย”เมื่อไล่พวกโจวเทียนเป่ยไปได้แล้ว ฉินเป่ยเองก็ย้อนกลับไปยังคลินิกเจียงหรงเช่นกันครึ่งชั่วโมงให้หลัง หยางลี่และโจวห้าวพากันมาคุกเข่าอยู่หน้าคลินิกพลางก้มหัวขอขมา จนตู้เหม่ยจวนตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าทั้งฉินเป่ยและฉินฮั่นต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร เธอเอ
เพียงนึกถึงอวี้เจียวหรง ไฟแค้นในใจของชายหนุ่มก็ลุกโชนจนยากที่จะควบคุมไว้ได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงท่าทีที่สนิทสนมระหว่างอวี้เจียวหรงและฉินเป่ย เขาก็แค้นเสียจนอยากหั่นฉินเป่ยออกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นเพียงครู่เดียว รถทุกคนก็มุ่งกลับสู่เมืองหยางตูทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเป่ยลืมตาขึ้นแล้วพบว่าข้างกาย
“วางใจได้ ตอนที่หรงเอ๋อร์ไปผมจะเป็นเพื่อนเธอมาบอกลากับคุณแน่นอน”เมื่ออันหนิงฟังแล้วก็นึกดีใจ เธอติดตามอวี้เจียวหรงมาหลายปีโดยไม่เคยแยกจากกันมาก่อน ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกรมการทหารมีคำสั่งให้เธออยู่ต่อที่เมืองหยางตู ต่อให้ตบตีเธอจนตายตายเธอก็ไม่ยอมอยู่ห่างกับอวี้เจีย