โจวห้าวกับหยางลี่ปรากฏตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดสองสามคน
เมื่อโจวห้าวมองเห็นสภาพรอคนของเหมาสง เขาก็ด่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“แค่ฉินเป่ยกับแม่ที่แก่ไม่ตายของมันพวกแกยังจัดการไม่ได้ แล้วจะเลี้ยงพวกแกไว้ทำไม!”
“ไอ้พวกสวะเอ๊ย!”
“ไม่ใช่นะครับ นายน้อยโจว ไอ้เจ้านั่นมันสู้เก่งมากเลยครับ นายน้อยโจวท่านต้องช่วยออกหน้าแทนพวกเรานะครับ!”
เหมาสงคลุกคลานมาที่ข้างเท้าของโจวห้าว ก่อนจะใช้เสื้อผ้าเช็ดรองเท้าหนังของเขา
แต่ความสนใจของโจวห้าวในตอนนี้ไปอยู่ที่อวี่เจียวหรงกับอันหนิงหมดแล้ว
เป็นผู้หญิงที่สวยดูมีราศีมาก!
พอเปรียบเทียบหยางลี่กับอวี่เจียวหรงและอันหนิงแล้ว ความแตกต่างห่างชั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจน!
นี่มันลูกเป็ดขี้เหร่กับหงส์ขาวชัด ๆ!
ภายในชั่วพริบตา สมองของโจวห้าวก็ผุดความคิดชั่วร้าย สายตาของเขาไม่ละออกจากร่างกายของอวี่เจียวหรงเลย
“สาวสวยทั้งสอง สวัสดีครับ ผมชื่อโจวห้าว นี่เป็นนามบัตรของผม”
“โจวห้าวคนนี้เป็นคนตระกูลระดับสามแห่งเมืองหยางตู พ่อของผมเป็นผู้นำตระกูล ทั้งสองคงยังไม่ทราบสินะครับว่าหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามมาถึงเมืองหยางตูแล้วน่ะ?”
“ผมเห็นว่าพวกคุณสองคนไม่ใช่คนเมืองหยางตู แต่คงต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามแน่ ผมพูดตามจริงนะว่าตระกูลโจวของผมเป็นตระกูลเดียวที่จะได้ต้อนรับหงส์ปัณฑูร”
“เพราะว่าอารองของผมเป็นนายพลระดับเก้าดาวของกรมการทหาร นี่เป็นข่าววงในที่อารองของผมสืบมาจากในกรมการทหารเลยนะ ตอนนี้อารองของผมกำลังอยู่กับหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม เพราะงั้นผมอยากจะขอเชิญสาวสวยทั้งสองคนไปเป็นแขกที่ตระกูลโจวเราจากใจจริง”
“สาวสวยทั้งสองถ้าอยากจะเห็นรูปลักษณ์องอาจของหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม ก็เป็นเรื่องง่ายแค่อารองของผมพูดประโยคเดียว!”
โจวห้าวยื่นนามบัตรมาให้ด้วยสีหน้าลามก
ภายในใจเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม คิดอยู่ว่าบอกข่าวที่สุดยอดขนาดนี้ให้ทั้งสองสาวฟังคงจะไม่ปฏิเสธแน่ ถึงตอนนั้นไปถึงบ้านตระกูลโจวแล้วจะหนีไปไหนได้อีก?
ผู้หญิงที่ทั้งสวยและสง่าขนาดนี้ โจวห้าวคนนี้จะต้องคว้าไว้อยู่หมัด!
หยางลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างโจวห้าวด้วยสีหน้าอ้ำอึ้งปนไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“พี่ห้าว อารองของพี่ไปอยู่เป็นเพื่อนหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามตอนไหน? คุณพูดเหลวไหลอะไรอยู่คะ?”
หยางลี่รู้สึกไม่พอใจ เพราะสายตาที่โจวห้าวมองอวี่เจียวหรงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้เธอกับโจวห้าวไปพบอารองมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เมื่อถามแล้วถึงได้รู้ว่า อารองของเขารู้แค่เพียงหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามอยู่ระหว่างทางมาเมืองหยางตูเท่านั้น
แต่จะมาถึงเมื่อไร หรือเป็นที่ไหน อารองของเขาไม่รู้เลย ตอนนี้ตระกูลโจวกำลังใช้คนทั้งตระกูลสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามไปทั่วทั้งเมืองอย่างลับ ๆ
เธอกับโจวห้าวเองก็ได้รับภารกิจนี้มาให้รับผิดชอบไปสืบหาเหมือนกัน
เปรี้ยง!
เมื่อโจวห้าวพูดข่าวที่อวี่เจียวหรงมาเมืองหยางตู ร่างกายของอันหนิงก็ปะทุความเยือกเย็นขึ้นมาในทันที!
การมาเมืองหยางตูของเธอและอวี่เจียวหรงเป็นความลับ แม้แต่ในกรมการทหารก็มีเพียงผู้บัญชาการทหารสูงสุดเท่านั้นที่รู้
แล้วนายพลระดับเก้าดาวไปเอาข่าวมาจากไหนกัน?
เวลานี้โจวห้าวในสายตาของอันหนิงราวกับคนที่ตายแล้ว! ขอเพียงอวี่เจียวหรงเอ่ยปากคำเดียว เธอก็จะทำให้หัวของเขาตกไปอยู่บนพื้นโดยไม่ลังเล
“เหอะ ๆ ตระกูลโจวของเจ้าสูงส่งมาจากไหน? มีคุณสมบัติอะไรจะได้ไปต้อนรับหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม?”
“รู้หรือเปล่าว่าคำว่าตายเขียนยังไง?”
อันหนิงก้าวไปข้างหน้า เจตนาสังหารอันแรงกล้าทำให้โจวห้าวและคนอื่น ๆ สั่นสะท้านไปทั้งตัว
ให้ตายสิ ทำไมยัยผู้หญิงตัวเล็กนี่ถึงได้มีแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้?
ตอนนี้เอง อวี่เจียวหรงเอ่ยปาก
“โจวห้าวงั้นสินะ? คุณเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำร้ายแม่ของคุณชายฉินสินะ?”
ในเวลานี้ อวี่เจียวหรงราวกับราชินีผู้เหนือกว่าที่กำลังดูแคลนสิ่งมีชีวิต น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยเจตนาสังหารแรงกล้า เธอทำใจเย็นอยู่ตลอด อีกทั้งไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับฉินเป่ย!
ไม่อย่างนั้นแม่ของเธอคงรู้เรื่องของฉินเป่ยได้ในเวลาไม่นาน ถ้าอย่างนั้นก็จะนำความเสี่ยงมาให้ฉินเป่ยกับแม่ของเขา
เธอตัดสินใจจะแต่งงานกับฉินเป่ยแล้ว แม่ของฉินเป่ยก็คือแม่สามีในอนาคตของเธอ ถ้าแม่สามีถูกทำร้าย เธอจะนั่งนิ่งไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ยังไง?
ที่ว่าฐานะของเธอจะถูกเปิดเผยหรือไม่ เธอไม่สนใจอยู่แล้ว
“คุณฉิน? ฉินเป่ย? คุณเป็นอะไรกับฉินเป่ย?”
“คุณคงไม่ใช่โคโยตี้ที่ฉินเป่ยไปเก็บออกมาจากร้านกลางคืนหรอกนะ?”
หยางลี่รู้สึกไม่ถูกชะตากับอวี่เจียวหรงและอันหนิงตั้งแต่แรก โดยเฉพาะอวี่เจียวหรง เพราะไม่ว่าจะเป็นท่าทาง รูปร่างหน้าตา เธอก็ล้วนห่างจากอวี่เจียวหรงไปอีกระดับ
รวมกับสายตาที่โจวห้าวมองอวี่เจียวหรงราวกับอยากจะลงไปเลียเท้าเมื่อกี้ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างแรง
“บังอาจ กล้ามาดูถูกคุณหนูของตระกูลเรา ต้องตบปาก!”
ป๊าบ!
อันหนิงพุ่งไปตบหน้าหยางลี่ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าจนฟันหลุดไปหนึ่งซี่!
หยางลี่ถูกตบจนตกตะลึง ในขณะที่เธอกำลังจะแผลงฤทธิ์ก็สบเข้ากับสายตาอันแข็งกร้าวคู่นั้นของอันหนิง เธอถูกเจตนาฆ่าที่เผยออกมาจากดวงตาเย็นชาคู่นั้นทำเอานิ่งอึ้งไป!
ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากโจวห้าวด้วยท่าทางน้อยใจ
“พี่ห้าว เธอ เธอกล้าตบฉัน พี่รีบให้พวกบอดี้การ์ดไปจัดการแทนฉันเลยนะคะ!”
โจวห้าวเองก็ถูกท่าทางของอวี่เจียวหรงกับอันหนิงทำเอาตกใจไป แต่ก็กลับมาตั้งสติได้ทันที ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจจริง ๆ
เพราะตอนนี้เขาจะมีข้ออ้างให้อันหนิงกับอวี่เจียวหรงต้องยอมทำตามที่เขาต้องการ
“คุณหนูท่านนี้ ผมอยากผูกมิตรกับคุณอย่างจริงใจ แต่คุณกลับมาทำร้ายคู่หมั้นของผม เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ ตอนนี้คุณมีแค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้น!”
“ให้คนของคุณมาคุกเข่าขอโทษคู่หมั้นของผม จากนั้นพวกคุณก็ไปดื่มเป็นเพื่อนผมสักสองสามแก้ว”
“ไม่อย่างนั้นละก็ ผมรับรองเลยว่าวันนี้พวกคุณจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล!”
โจวห้าวพูดจบก็ส่งสายตาให้บอดี้การ์ด จากนั้นบอดี้การ์ดก็พากันล้อมอวี่เจียวหรงกับอันหนิงเอาไว้
“คุณกำลังข่มขู่ฉันเหรอ?”
อวี่เจียวหรงไม่ได้แสดงท่าทางโมโห แต่กลับใช้สายตาราวกับมองคนโง่สมองทึบมองดูโจวห้าว
โจวห้าวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “คุณหนูถ้าคุณจะคิดแบบนี้ผมเองก็ไม่มีทางเลือก ว่าแบบนี้แล้วกัน ถ้าอารองไม่อยู่ละก็ ครึ่งเมืองหยางตูนี่ตระกูลโจวของผมไม่ต้องเกรงกลัวใคร”
“ส่วนตอนนี้อารองของผมกำลังอยู่เป็นเพื่อนหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม เพราะงั้นทั้งเมืองหยางตูตระกูลโจวก็ไม่ต้องเกรงกลัวใคร!”
“อารองของคุณเป็นนายพลระดับเก้าดาว? ยิ่งใหญ่มากเลยเหรอ?”
อวี่เจียวหรงถาม
“ก็ธรรมดาละมั้งครับ ถึงแม้ว่าตระกูลโจวของเราจะเป็นแค่ตระกูลระดับสามในเมืองหยางตู แต่ความสามารถของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ตระกูลโจวของเราก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสามของเมืองหยางตู”
“ยาของตระกูลโจวน่ะขายตรงให้กับกรมการทหาร อีกอย่าง หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามรับปากแล้วว่าจะมาเป็นพยานรักของผมกับคู่หมั้นของผมในอีกหกวัน”
“คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง? มันก็หมายความว่าตระกูลโจวของเราจะได้ขึ้นเป็นตระกูลอันดับสองหรือไม่ก็อาจเป็นระดับมหาเศรษฐีเลยก็ได้ยังไงล่ะ ส่วนอารองของผมก็จะได้เลื่อนขึ้นเป็นราชาแห่งสงคราม ภายในสองปีอาจจะขึ้นเป็นเทพแห่งสงครามก็ได้”
พรืด!
อันหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้!
“คุณหัวเราะอะไร?”
โจวห้าวเริ่มโมโห
“นึกถึงเรื่องที่มีความสุขน่ะ ก็เลยหัวเราะ ไม่ได้เหรอคะ?”
อันหนิงใช้มือปิดปากหัวเราะต่อ
สีหน้าของโจวห้าวเริ่มมืดมน
“เรื่องมีความสุขอะไร? ผมจะเตือนให้คุณหัดฉลาดหน่อย รีบคุกเข่าขอโทษคู่หมั้นของผมซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาบอกว่าผมไม่เตือน!”
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาพูดจบ อันหนิงจะหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “เมียผมคลอดลูก”
พรืด!
ครั้งนี้อวี่เจียวหรงก็หัวเราะขึ้นมาทำเอาผู้คนต่างก็ต้องงุนงง
“คุณหัวเราะอะไรอีก?”
โจวห้าวถูกเสียงหัวเราะของอวี่เจียวหรงทำเอาอึ้งหนัก อยากจะโมโหแต่ก็โมโหไม่ออก
“เมียผมก็คลอดลูก”
อวี่เจียวหรงพูดเล่นเป็นเพื่อนอันหนิง
หืม?
ทำไมบทพูดนี้ดูคุ้น ๆ ?
จู่ ๆ โจวห้าวก็นึกขึ้นมาได้
“นี่พวกคุณล้อผมเล่น? ดี พวกเธอหาเรื่องเองนะ!”
“พวกแกไปจัดการยัยสองคนนั้นซะ ลงมือเบา ๆ หน่อยล่ะ”
โจวห้าวสั่งบอดี้การ์ด แต่แล้วจู่ ๆ เสียงของฉินเป่ยก็ดังออกมาจากห้องผู้ป่วย
“โจวห้าว ถ้าแกกล้าสัมผัสคุณหนูอวี่แม้แต่ปลายผม ฉินเป่ยคนนี้จะกำจัดคนทั้งตระกูลของแก!”
หลังจากที่เสียงพูดสิ้นสุด ฉินเป่ยเดินออกมาจากในห้องพร้อมรัศมีสังหารที่พวยพุ่ง เขาเดินมาถึงอวี่เจียวหรงพร้อมกับจับมือของเธอ จากนั้นก็ดึงเธอไปไว้ที่ด้านหลัง
ในเวลานั้น หัวใจของอวี่เจียวหรงก็มีความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสไหลริน จนไม่สนใจรัศมีสังหารบนตัวฉินเป่ยเลย
ที่แท้การถูกผู้ชายของตัวเองปกป้องมันเป็นความรู้สึกแบบนี้เองสินะ
แต่ตอนนี้อันหนิงกับสัมผัสได้ถึงความอันตรายแบบที่ไม่เคยพบมาก่อนแพร่ออกมาจากตัวของฉินเป่ย
ความอันตรายถึงขีดสุด
ความอันตรายแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน
ความกลัวที่เข้าไปถึงกระดูก!