“อาจจะเจ็บเล็กน้อย คุณอดทนหน่อยนะครับ!”
เข็มที่สองฝังลงไป
“มาครับ ใช้หมอนหนุนบริเวณด้านหลังของหน้าอกไว้ พอเข็มนี้ฝังลงไปแล้ว เลือดคั่งที่บริเวณปอดของคุณก็จะถูกล้างออกทั้งหมดภายในครึ่งชั่วโมง”
ฉินเป่ยพูดพร้อมกับส่งหมอนให้อวี่เจียวหรง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เลือดที่คั่งอยู่บริเวณปอดของอวี่เจียวหรงก็ถูกล้างออกจนหมด ภายในเวลาไม่นานสีหน้าของเธอก็ดีขึ้นมาก และมันก็ทำให้เธอดูสวยตราตรึงขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ผมจะต้องฝังเข็มให้คุณอีกครั้ง เพื่อปกป้องตรีลมปราณสัตตะชีพจรของคุณเอาไว้ก่อน นี่สามารถถึงชีวิตได้เลย ต่อจากนี้การสร้างตรีลมปราณสัตตะชีพจรของคุณขึ้นมาใหม่จะต้องใช้ตัวยาหายากสิบหกชนิดและจะต้องต้มเป็นยาลูกกลอน ตอนนี้ผมไม่มีตัวยาพวกนี้อยู่ในมือ แต่ผมสัญญาว่าผมจะหาซื้อมาให้ได้ภายในสองวันนี้!”
“คุณ สร้างตรีลมปราณสัตตะชีพจรของฉันขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ เหรอคะ?”
ตอนนี้อวี่เจียวหรงสงสัยในตัวของฉินเป่ยมากขึ้นไปอีก วิธีการรักษาแบบนี้เธอไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน!
“ได้แน่นอน แค่ว่ามันออกจะยากอยู่สักหน่อย”
ฉินเป่ยยังคงฝังเข็มต่อไปไม่หยุด ตอนนี้บนร่างกายของอวี่เจียวหรงมีเข็มเงินฝังอยู่เต็มไปหมด!
ตลอดขั้นตอนนี้ อวี่เจียวหรงนอนนิ่งไม่ส่งเสียงและคอยแอบมองฉินเป่ยเป็นระยะ จู่ ๆ หัวใจของเธอก็สงบลง การล้างฆ่าฟันกันที่เธอเคยประสบค่อย ๆ เลือนหายไปจากสมองของเธอทีละนิด!
อยู่กองทหารมานับสิบปี เธอไม่เคยสัมผัสกับความสงบมากเพียงนี้มาก่อนเลย!
เธอค่อย ๆ หลับตาลงพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับความสงบอันหาได้ยากเช่นนี้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว
“คุณหนูอวี่ ผมใช้การฝังเข็มปกป้องตรีลมปราณสัตตะชีพจรของคุณเอาไว้แล้ว ตอนนี้ผมจะเริ่มดึงเข็มออก คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
สีหน้าของอวี่เจียวหรงดีกว่าที่ผ่านมามากเธอก็รู้สึกโชคดีมากแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกดีใจ เพราะตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าฉินเป่ยสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงตอนนั้นเธอก็คงจะหลีกหนีการเผชิญหน้ากับการถูกบังคับจากครอบครัวไม่ได้
ฉินเป่ยพบว่าสีหน้าของอวี่เจียวหรงผิดปกติไป เขาจึงรีบถามขึ้นว่า “คุณหนูอวี่ เป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมดูคุณไม่ดีใจเลย?”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายมากเลยล่ะ ขอบคุณนะฉินเป่ย!”
“พูดอะไรโง่ ๆ น่า คุณเป็นภรรยาของผมแล้วนี่ จะพูดคำพวกนี้ทำไมเล่า! บาดแผลของคุณหนักมาก ถึงผมจะล้างเลือดคั่งที่ส่วนปอดของคุณแล้ว และก็ใช้การฝังเข็มปกป้องตรีลมปราณสัตตะชีพจรของคุณเอาไว้แล้ว”
“แต่ว่าห้ามคุณมีการเคลื่อนไหวตัวมาก ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ห้ามโมโหด้วยครับ วันนี้ก็ถึงตรงนี้เถอะ ผมต้องกลับบ้านไปเยี่ยมแม่สักหน่อย รอพรุ่งนี้ผมจะทำการรักษาให้คุณอีกขั้น”
“แล้วก็ ผมรวบรวมสูตรยากับใบสั่งยาให้คุณแล้ว อีกพักผมออกไปแล้วจะซื้อแล้วให้คนส่งมา”
“ก่อนที่การบาดแผลของคุณจะหายสนิท คุณจะต้องทานอาหารแล้วก็ทานยาตามสูตรยากับใบสั่งยาที่ผมให้ไว้นะครับ”
คำพูดของฉินเป่ยทำให้อวี่เจียวหรงรู้สึกตื้นตันใจ ความรู้สึกอบอุ่นไหลรินเข้ามา
ที่แท้นี่ก็คือความรู้สึกของการถูกคนอื่นเป็นห่วงสินะ!
อวี่เจียวหรงมองดูฉินเป่ย สีหน้าของเธอดูอ่อนโยนมากขึ้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณนะฉินเป่ย คุณวางสูตรยากับใบสั่งยาเอาไว้เถอะ อีกพักฉันจะให้อันหนิงไปซื้อมาเอง”
“รอให้ร่างกายของฉันหายดีสักหน่อย ฉันกลับบ้านกับคุณเพื่อไปเยี่ยมแม่ค่ะ!”
“ได้สิ งั้นคุณอย่าลืมที่ผมพูดเมื่อกี้นะ พักผ่อนให้มาก ๆ แล้วก็ต้องรักษาอารมณ์ให้ดีไว้ด้วย!”
ฉินเป่ยรีบส่งสูตรยากับใบสั่งยาให้อวี่เจียวหรง ขณะที่กำลังจะออกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกหน้า
เขารับโดยไม่คิดอะไรมาก
“คุณเป็นญาติของตู้เหม่ยจวนใช่ไหมคะ?”
เสียงของหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้น
“ครับ ผมคือฉินเป่ยลูกชายของเธอ แม่ผมเป็นอะไรเหรอครับ?”
“เธอใกล้ตายแล้วค่ะ คุณรีบมาที่โรงพยาบาลประชาชนตอนนี้เลยค่ะ”
เปรี้ยง!
ฉินเป่ยรู้สึกราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ยังไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้นสายก็ตัดไปแล้ว
“คุณหนูอวี่ ผมต้องขอตัวไปก่อนนะครับ แม่ผมเกิดเรื่องไปที่โรงพยาบาล ผมต้องไปดูแม่น่ะ!”
ฉินเป่ยวิ่งออกไปด้านนอกทันที ทันทีที่เขาออกไปอันหนิงก็เข้ามาในห้องของอวี่เจียวหรง
“ท่านแม่ทัพ สีหน้าท่านดูดีขึ้นมากเลยนะคะ เมื่อคืนท่านนอนกับฉินเป่ยเหรอ?”
“ทำไมท่านถึงไม่ฟังคำของข้าบ้างเลยนะ ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วสินะ!”
อันหนิงร้องไห้ออกมา ที่จริงเธออยู่ด้านนอกตลอด แต่หากอวี่เจียวหรงไม่อนุญาตเธอก็ไม่กล้าเข้ามา และก็ไม่ได้รับรู้เรื่องที่ฉินเป่ยรักษาอาการบาดเจ็บให้อวี่เจียวหรงด้วย
“เลิกร้องได้แล้ว นี่เป็นสูตรยากับใบสั่งยา ต่อไปต้องเธอต้องซื้ออาหารและยาตามสูตรกับใบสั่งนี่ให้ฉันนะ”
“ตอนนี้ก็รีบไปเตรียมรถเถอะ แม่ของฉินเป่ยเข้าโรงพยาบาล ฉันต้องไปดูสักหน่อย!”
“เร็วเข้าสิ!”
อวี่เจียวหรงกังวลมากเสียจนทำเสียงแข็ง
อันหนิงรู้สึกเหมือนกับความอบอุ่นในอากาศลดลงถึงจุดเยือกแข็งในพริบตา เธอรีบรับสูตรยากับใบสั่งยาแล้วออกไปเตรียมรถทันที
……
ณ โรงพยาบาลประชาชน
ตอนนี้ฉินเป่ยมาถึงโรงพยาบาลแล้ว หลังจากได้รู้ห้องผู้ป่วยของแม่จากหน้าเคาน์เตอร์เขาก็วิ่งเร็วราวกับบินไปถึงด้านนอกห้องผู้ป่วยของแม่อย่างรวดเร็ว
แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก ทันทีที่เห็นเขามาแล้วก็เข้ามารุมล้อมไว้ทันที!
“แกเป็นลูกของตู้เหม่ยจวนสินะ? มาได้เวลาพอดี รีบเอาเงินหนึ่งแสนมาซะ!”
“เงินอะไร? พวกคุณเป็นใคร? แล้วพวกคุณทำอะไรแม่ผม?”
“เงินอะไรน่ะเหรอ? ก็เงินค่าคุ้มครองน่ะสิ แม่ที่แก่ไม่ตายของแกมันไม่ยอมส่งเงินค่าคุ้มครอง พวกข้าก็เลยหักขามันไปหนึ่งข้างน่ะสิ”
เปรี้ยง!
แม่ถูกทำร้ายจนขาหักเหรอ?
ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ…
เจตนาแรงของฉินเป่ยปะทุขึ้น จากนั้นเขาก็รัวตบออกไปสามครั้งทำเอาคนที่ล้อมเขาไว้ถูกตบไปกองอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปในห้องผู้ป่วย แล้วเขาก็เห็นแม่ที่นอนตัวอาบเลือดไม่ได้สติอยู่บนเตียง!
ภายในพริบตา ฉินเป่ยรู้สึกผิดราวกับมีมีดมาแทงหัวใจ!
ผมสมควรตาย เมื่อวานผมควรจะกลับบ้าน!
“แม่ครับ ผมขอโทษ!”
น้ำตาของฉินเป่ยไหลอาบทั่วใบหน้า แต่ไม่นานเขาก็สงบลง เมื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของแม่อย่างละเอียด เขาก็พบว่านอกจากขาซ้ายจะหักแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็ล้วนมีบาดแผลทั้งหมด!
เขารีบฝังเข็มให้แม่ทันที ตอนนี้เองคนที่ถูกเขาอัดจนนอนกองอยู่กับพื้นก็พุ่งเข้ามาด้านใน!
“แกไอ้สารเลว แค่แกไม่ยอมจ่ายเงินก็เกินพอแล้ว ยังจะกล้าทำร้ายพวกข้าอีกเหรอ?”
“แกรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
“ข้าชื่อเหมาสง ส่วนคนที่คอยสนับสนุนข้าก็คือนายน้อยโจว โจวห้าว แม่แกยัยผู้หญิงไม่รู้จักชั่วดีกล้าไม่จ่ายเงินคุ้มครอง แค่ทำให้ขาหักข้างหนึ่งมันยังน้อยเกินไป!”
“แม่งเอ๊ย แกเป็นลูกไม่ยอมจ่ายเงินแทนยังกล้ามาทำร้ายพวกข้าอีก?”
“แกไม่รู้หรือไงว่าคำว่าตายเขียนยังไง?”
“รนหาที่ตายใช่ไหม!”
ฉินเป่ยส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาถีบคนเสียงดังปึกปัก เพียงพริบตาทุกคนก็ถูกถีบกระเด็นไปอยู่ด้านนอกและกระแทกกับพื้นอย่างแรง!
เขาออมมือไว้มากแล้วเพราะที่แห่งนี้เป็นโรงพยาบาล เขาไม่อยากฆ่าใคร แล้วก็ไม่อยากให้มันน้ำเลือดน้ำหนองมากเกินไป
ไม่อย่างนั้นละก็ เพียงแค่สายตาปราดเดียวก็ทำให้หัวของทุกคนตกลงบนพื้นได้แล้ว
“โจวห้าว!”
“แกอีกแล้วสินะ ยอดมาก ชีวิตของแก ฉินเป่ยคนนี้จะขอเก็บไปซะ!”
ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อไม่เคยกลับบ้านเลยเป็นปี ๆ ฉินเป่ยกับแม่ต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน
แม่เป็นดังเกล็ดใต้คอมังกรของเขา ใครก็ตามที่แตะต้องคนนั้นต้องตายเท่านั้น!
เขาไม่มีทางปล่อยโจวห้าวไปแน่ เขาจะต้องค่อย ๆ ทรมานโจวห้าวจนกว่าจะตาย
“ให้ตายสิ ไอ้เจ้าเวรนี่มันก็สู้เก่งใช้ได้นะ รีบไปโทรให้นายน้อยโจวพาคนมาจัดการมันสิวะ!”
เหมาสงกับคนอื่น ๆ นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมเสียงโอดครวญไม่หยุด
ตอนนี้เอง อวี่เจียวหรงกับอันหนิงก็ตามมาอย่างเร่งรีบ ไม่นานนักก็มาถึงในห้องผู้ป่วย
“คุณมาได้ยังไงน่ะ?”
ฉินเป่ยรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นอวี่เจียวหรง
“อาการของคุณน้าเป็นยังไงบ้างคะ?”
สีหน้าของอวี่เจียวหรงเต็มไปด้วยความกังวล
“ขาหักน่ะ แต่ว่าผมรักษาแล้ว คุณหนูอวี่ อาการของคุณก็ยังไม่ค่อยดี จะไปไหนมาไหนไม่สะดวก คุณกลับไปพักผ่อนเถอะครับ!”
“การรักษาของคุณอาจจะต้องยืดเวลาไปอีกสองสามวันนะครับ ผมต้องรักษาแม่ผมก่อน”
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมแม่ของผมนะ”
เมื่ออวี่เจียวหรงได้ยิน เธอก็ทำสีหน้าไม่พอใจ
“นี่คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ? ฉันเป็นว่าที่ภรรยาของคุณนะ แม่ของคุณก็คือแม่สามีของฉันนะคะ เธอถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ถ้าฉันไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง แต่ฉันรู้แล้วจะไม่ให้มาดูได้ยังไง?”
“ทำสิ่งที่คุณควรทำเถอะค่ะ ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง!”
“จริงสิ พวกคนที่ด้านนอกนั่นเป็นอะไรเหรอคะ?”
เมื่อเห็นความพยายามของอวี่เจียวหรง ฉินเป่ยเก็รู้สึกปลื้มใจ
“แม่ของผมถูกคนพวกนี้ทำร้าย คุณหนูอวี่ ผมจัดการเองได้ครับ คุณกลับไปก่อนดีกว่าไหม?”
“คุณไม่ต้องพูด ตั้งใจรักษาคุณน้าไปเถอะ ฉันกับอันหนิงจะเก็บกวาดด้านนอก มีเรื่องอะไรคุณก็เรียกนะคะ!”
อวี่เจียวหรงพูดเสียงแข็ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เพิ่งมาถึงด้านนอก โจวห้าวกับหยางลี่ก็ปรากฏตัวมาพร้อมบอดี้การ์ดอีกสองสามคน