อารมณ์ของเวินซูซูไม่ค่อยดี
“แม่นางซูซู คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอครับ?”
“จริงสิ ตอนนี้ร่างกายท่านย่าของคุณไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหมครับ?”
ฉินเป่ยไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อเวินซูซูเลย ดังนั้นเขาจึงพูดจึงพูดจาตรงไปตรงมา ไม่อยากพูดเรื่องอื่นกับเธอ
เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงไม่ต้อนรับของฉินเป่ย ไฟแห่งความโมโหก็ลุกโชนขึ้นในใจของเวินซูซู แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนที่ท่านย่าเตือนเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้เธอก็ยอมอดทน
“ฉันจะไปมีธุระอะไรกับนานได้คะ? นายไม่ต้องคิดมาก คุณย่าให้ฉันมาหาเพื่อขอบคุณนายหรอก”
“ร่างกายของคุณย่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ท่านอยากชวนนายไปทานข้าวเย็นที่บ้าน จะไปหรือไม่ไปก็ให้คำตอบมาเลยนะคะ”
เมื่อเห็นปากที่มุ่ยแทบติดจมูกของเวินซูซู ท่าทางน้อยอกน้อยใจ ฉินเป่ยก็รู้สึกหัวเราะในใจ
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตอนที่เธอหัวเราะก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน
เขาเลยเปลี่ยนน้ำเสียงในการพูด “แม่นางซูซู กลับไปฝากบอกขอบคุณท่านย่าด้วย ส่วนเรื่องอาหารค่ำผมคงต้องปฏิเสธ ผมไม่ว่างจริง ๆ ครับ คุณก็เห็นแล้วว่าคลินิกผมกำลังรีโนเวท มีเรื่องต้องทำเยอะแยะเลยล่ะ”
“รอคลินิกผมรีโนเวทเสร็จแล้วเริ่มเปิดกิจการ ผมจะไปเชิญท่านย่าของคุณมาทานอาหารด้วยกันด้วยตัวเอง จริงสิ นี่เป็นยาลูกกลอน กลับไปแล้วให้ท่านย่าคุณทานด้วย”
“ยาลูกกลอนเม็ดนี้จะช่วยให้ท่านก้าวผ่านระดับพลังในตอนนี้ได้ครับ”
ฉินเป่ยพูดพร้อมกับส่งยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งให้เวินซูซู
เวินซูซูมองดูเม็ดยาในมือ เธอรู้สึกไม่เชื่อเขาเลยสักนิด
“อาศัยแค่ยาเม็ดนี้ก็ทำให้ท่านย่าของฉันก้าวข้ามระดับพลังในตอนนี้ได้เหรอ? นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
“นี่คงไม่ใช่ยาพิษหรอกนะ?”
“คุณพูดว่าอะไรนะ? ยาพิษ?”
ฉินเป่ยเริ่มหงุดหงิดใจ เวินซูซูฟังเขาแล้วก็หนีไปทันที เธอหนีพร้อมกับพูดเตือนว่า “ฉินเป่ย หวังว่ายาเม็ดนี้ของนายจะไม่ใช่ยาพิษนะ ถ้านายกล้าทำร้ายท่านย่าละก็ ต่อให้ตายฉันก็จะกระชากหัวนาย”
“โรคจิต”
ฉินเป่ยมองดูเงาร่างของเวินซูซูที่จากไปด้วยความโมโห
……
เวลาหนึ่งวันผ่านไปทั้งแบบนี้ วันต่อมาขณะที่ฉินเป่ยกับฉินฮั่นพ่อของเขากำลังรีโนเวท รถวอลโว่คันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าคลินิก
จากนั้น เวินซูซูก็พยุงท่านย่าเวินหงอิงของเธอลงมาจากรถ
ฉินเป่ยหยุดงานในมือออกมาต้อนรับ
“ท่านย่าเวิน มาได้ยังไงกับครับ?”
“เชิญเข้าด้านในก่อนครับ”
ทันทีที่เห็นเวินหงอิง ฉินเป่ยก็สัมผัสได้ทันทีว่าลมปราณภายในของเธอแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก เธอก้าวผ่านระดับก่อนหน้ามาแล้ว และได้เข้าสู่ระดับพลังใหม่นั่นก็คือ ยอดปรมาจารย์
ฉินเป่ยอยากเข้าไปพยุงเวินหงอิง แต่ตอนนั้นเองจู่ๆ เสียงตึงดังขึ้นและท่านย่าก็ลงไปคุกเข่ากับพื้น
“คุณฉิน ท่านผู้มีพระคุณ! ได้โปรดรับการเคารพของเวินหงอิงคนนี้ด้วยนะคะ!”
เวินหงอิงก้มหัวลง ก่อนที่ฉินเป่ยจะรีบเข้ามาพยุงเธอทันที
“ท่านย่าเวิน ท่านทำอะไรครับ? นี่ท่านกำลังเคารพผมอยู่หรือไงกันครับ?”
“รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”
ฉินเป่ยถูกเวินหงอิงทำเอาตกใจอย่างหนัก ส่วนเวินซูซูที่อยู่ด้านข้างก็โกรธอย่างหนักจนลืมคำพูดที่ท่านย่าของเธอเคยพูดไว้ไปจนหมด
“ฉินเป่ย ตกลงแกทำอะไรกับท่านย่าของฉันกันแน่?”
“นี่แกกล้าให้ท่านย่าของฉันคุกเข่าให้แกเหรอ? แกมีสิทธิ์อะไรมารับการคุกเข่าครั้งนี้ของท่านย่าฉัน?”
“แก……”
“นังหลานชั่ว”
เวินหงอิงขัดคำพูดของเวินซูซู ก่อนจะหันกลับไปตบเข้าที่หน้าเธอ
“คุกเข่าลงขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่เวินหงอิงโมโห รัศมีอันยิ่งใหญ่ก็แพร่ออกจากร่างกายของเธอ ความแรงกดอันแรงกล้ากดตัวเวินซูซูให้คุกเข่าลงในทันที
ตอนนี้เองเธอถึงได้รับรู้ว่าท่านย่าของเธอได้ข้ามผ่านระดับพลังไปเป็นยอดปรมาจารย์แล้วด้วยความตกใจ
เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตื่นเต้น และตกใจสุดในพริบตา!
“ท่านย่า ท่านทะลวงไปถึงระดับยอดปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?”
ในเมืองหยางตูมีเพียงแค่พวกเฒ่าสัตว์ประหลาดไม่กี่คนนั้นที่เป็นระดับยอดปรมาจารย์ ต่อให้ฝันเธอก็ไม่คิดเลยว่าท่านย่าของเธอจะกลายเป็นยอดปรมาจารย์ไปแล้วทั้งแบบนี้
หรือจะเป็นเพราะยาลูกกลอนที่ฉินเป่ยให้ท่านย่ากินนั่นช่วยให้ทะลวงระดับได้จริง ๆ ?
เวินซูซูประหลาดใจมาก พร้อมกันเธอก็หันเหสายตาไปยังฉินเป่ยในทันที หัวใจของเธอรู้สึกสับสน
“ยัยหลานชั่ว รีบก้มหัวขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะยาลูกกลอนที่ท่านฉินให้ทั้งชีวิตนี้ของย่าไม่มีทางทะลวงระดับพลังมาเป็นยอดปรมาจารย์ได้แน่”
เปรี้ยง!
คำพูดของท่านย่าทำให้เวินซูซูรู้สึกผิดมหันต์ เธออึ้งนิ่งค้างอยู่กับที่ เธอรีบก้มหัวลงโคกไปดัง ๆ สามทีให้ฉินเป่ยอย่างมิกล้าสงสัยพร้อมกับขอโทษเขาไม่หยุด
“ท่านฉิน ขอโทษด้วยนะคะ หลานคนนี้ถูกดิฉันตามใจตั้งแต่เด็ก เธอไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ”
เวินหงอิงพูดจากใจพร้อมร่างกายที่สั่นเทาที่ค่อย ๆ คุกเข่าลง แต่ว่าฉินเป่ยก็รีบพยุงเธอขึ้นมาอีก
“ท่านย่าเวินทำเกินไปแล้ว รีบลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปด้านในกันเถอะครับ”
ฉินเป่ยเชิญเวินหงอิงเข้าไปในคลินิก ส่วนตู้เหม่ยจวนผู้เป็นแม่ก็เตรียมชาออกมาเสร็จสรรพ
การได้เจอเวินซูซูอีกครั้ง ทำให้เธอดีใจมาก สายตาที่มองเวินซูซูราวกับมองลูกสะใภ้ไม่มีผิด!
เวินซูซูคุกเข่าอยู่หน้าคลินิก ฉินเป่ยกับแม่อยากให้เธอลุกขึ้นมาแต่เวินหงอิงกลับไม่ยอม
“ให้เธอคุกเข่าอยู่อย่างนั้นล่ะ!”
“คุณฉิน ดิฉันทำเรื่องน่าขายหน้าอีกแล้วนะคะ”
เวินหงอิงไม่กล้าเรียกฉินเป่ยว่าเสี่ยวเป่ยแล้ว คำเรียกของเธอก็ยกระดับขึ้นเป็นคุณฉินไปทันที
ฉินเป่ยรู้สึกไม่คุ้นชินมากนัก
“ท่านย่าพูดเกินไปแล้วครับ ไม่ว่าจะยังไงท่านก็เป็นผู้ใหญ่ส่วนผมเป็นเด็กนะครับ ท่านเรียกผมว่าเสี่ยวเป่ยก็พอแล้ว ผมชอบให้เรียกผมแบบนี้มากกว่า”
“เรื่องนั้น……”
เวินหงอิงรู้สึกราวกับสวรรค์โปรด เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าฉินเป่ยน่าจะเป็นผู้มีฝีมือ ดังนั้นถึงได้พยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฉินเป่ยเอาไว้!
จนกระทั่งเมื่อวานที่เวินซูซูนำยาลูกกลอนเม็ดนั้นกลับมา เธอก็สามารถทะลวงเป็นระดับยอดปรมาจารย์ได้อย่างรวดเร็ว เธอถึงได้ตระหนักว่าตัวเองมองฉินเป่ยต่ำเกินไป
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าผลของยาที่เธอกินไปนั้นมันสำคัญแค่ไหน แต่สำหรับเธอ เธอรู้ดี
ยาลูกกลอนนั่นไม่ใช่นักปรุงยาธรรมดาทั่วไปจะสามารถกลั่นออกมาได้
ล้ำค่าหาใดเปรียบ ต่อให้เป็นเงินก็อาจจะหาซื้อไม่ได้
แต่ฉินเป่ยกลับมอบให้เธอทั้งแบบนั้น
ไม่ว่ายาลูกกลอนเม็ดนั้นฉินเป่ยจะเป็นคนกลั่นเองหรือได้รับมาจากที่ไหนได้มายังไงก็ล้วนไม่สำคัญ
คนที่สามารถนำยาแบบนี้ออกมาได้ ก็มากพอจะยืนยันได้แล้วว่าสถานะและความสามารถของฉินเป่ยไม่อาจหยั่งรู้ได้เลย
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีฝีมือแล้วยังเป็นคนที่มีพระคุณด้วยแบบนี้ เวินหงอิงไม่อาจตอบแทนได้หมด ทำได้เพียงคุกเข่าเท่านั้น
“ท่านยาเวิน ผมเป็นหมอนะครับ การช่วยคนเป็นอาชีพของผม สำหรับยานั่นที่ผมให้สำหรับผมแล้วมันไม่จำเป็นน่ะ”
“ท่านถือซะว่าผมเป็นเด็กที่เคารพท่านอยู่ก็ได้ครับ!”
ฉินเป่ยพูดเลี่ยงประเด็นหลัก แต่มันทำให้เวินหงอิงรู้สึกปั่นป่วนในใจ
ในตอนนี้ความรู้สึกเคารพที่มีให้ฉินเป่ยหนักอึ้งดั่งผา ตลอดทางที่มาเธอยังคิดอยู่ว่าจะลองหยั่งเชิงการบำเพ็ญของฉินเป่ย
แต่ตอนนี้เธอไม่กล้ามีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว เธอสามารถตัดสินได้ว่าการบำเพ็ญของฉินเป่ยจะต้องไปถึงระดับพลังที่เธอไม่กล้าจะจินตนาการได้แน่
เพราะเธอรู้ดีกว่า ผู้ที่มีฝีมือจริงย่อมไม่เปิดเผยความสามารถแม้เส้นผม
การพูดคุยหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายเวินหงอิงก็ยังยอมทำตามคำของฉินเป่ย ต่อไปจะยังเรียกเขาว่าเสี่ยวเป่ย!
และตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่
เธอตัดสินใจยกทั้งตระกูลเวินให้ฉินเป่ย
เมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจของเวินหงอิง ฉินเป่ยไม่ได้รู้สึกตกใจแต่กลับสงบนิ่ง
“ท่านย่าเวินครับ ผมไม่ขาดเงินและไม่ได้สนใจตระกูลเงิน ผมมีแค่คลินิกนี่ก็พอแล้วล่ะ ต่อไปผมแค่อยากจะปกป้องคลินิกแห่งนี้แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนแม่เท่านั้นครับ”
“น้ำใจของท่านผมรับเอาไว้แล้ว ท่านวางใจเถอะครับ ต่อไปหากตระกูลเวินมีอะไรอยากจะใช้ฉินเป่ยคนนี้ ท่านเรียกใช้แล้วผมก็จะพยายามช่วยสุดกำลัง”
เงิน ฉินเป่ยคนนี้ไม่ขาด!
อำนาจ ชื่อเสียงก็ยิ่งไม่ขาด!