แชร์

บทที่ 0015

คำพูดเหล่านั้นของเวินซูซูทำให้เฉินเหมยลี่โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา!

“ยัยผู้หญิงน่าเกลียด แกพูดว่าใครโง่เขลา? แล้วแกพูดว่าใครอัปลักษณ์กันฮะ?”

เฉินเหมยลี่พุ่งเข้าไปหาเวินซูซูด้วยความโกรธ!

เพียะ!

เวินซูซูตบออกไปหนึ่งฉาด และเฉินเหมยลี่ก็เซจนเกือบจะล้มลง

เธองงงวยและโมโห ท่วมท้นไปด้วยความโกรธ

ฉินเป่ยนั่งจิบชาข้าง ๆ อย่างสบาย ๆ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเวินซูซูจะอารมณ์ร้อนขนาดนี้ พอพูดคุยกันไม่ลงรอยก็ลงมือแล้ว

โชคดีที่เธอมีภูมิหลังที่ลึกล้ำ ไม่เช่นนั้นฉินเป่ยจะต้องคิดว่าตัวเองมีเรื่องลำบากแล้วเป็นแน่

หญิงแก่เฉินเหมยลี่คนนี้ทำร้ายใครจนเจ็บไม่ได้ แต่เธอข่มขู่คนได้

ฉินเป่ยนั้นไม่อยากเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ!

“แก กล้าตบฉันเหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? !”

ในขณะนี้ เฉินเหมยลี่ปิดหน้าเอาไว้พร้อมกับจ้องมองไปที่เวินซูซู ด้วยสายตาที่แทบอยากจะกินเธอเข้าไป

เพียะ!

เวินซูซูตบออกไปอีกฉาด

“แกเป็นใครฉันไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย แต่แน่นอนว่าแกไม่รู้แน่ ๆ ว่าฉันเป็นใคร! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกมีชีวิตอยู่ต่อ คุกเข่าลงขอโทษคุณฉินซะ!”

“อะไร? แก แกให้ฉันคุกเข่าลงขอโทษฉินเป่ยที่เป็นนักโทษเหรอ?”

“แกคิดว่าแกเป็นใคร แล้วคิดว่ามันเป็นใครกัน?”

“มันคู่ควรแล้วเหรอ?”

เพียะ เพียะ……

เวินซูซูยิ่งตบก็ยิ่งเสพติด การตบสองสามครั้งนี้ทำให้ผิวของเฉินเหมยลี่ฉีก และเลือดเต็มไปหมด!

“โอ้ ๆ ……ฉันจะเอาแกถึงตาย แกรอฉันก่อนเถอะ!”

เฉินเหมยลี่ใกล้จะบ้าแล้ว เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหยางลี่ลูกสาวของเธอ

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หยางลี่ก็ปรากฏตัว

“ใครตบแม่ฉัน?”

“ฉินเป่ย? ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“เป็นนายที่ตบแม่ฉันเหรอ? นายรนหาที่ตายแล้ว!”

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเฉินเหมยลี่ หยางลี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เฉินเหมยลี่เห็นลูกสาวปรากฏตัวมาแล้ว ก็รีบวิ่งไปหยุดตรงหน้าเธอพร้อมพรั่งพรูคำพูดไร้สาระต่าง ๆ มากมาย พูดฉอด ๆ ไม่ยอมหยุด ในตอนนี้ ฉินเป่ยพ่นใบชาที่อยู่ในปากออกมา ก่อนจะกางมือทั้งสองออกและมองไปยังเวินซูซูพร้อมกล่าวขึ้นว่า”เธอลงมือเอง และก็ตบเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!”

พอเวินซูซูได้ยินคำพูดนี้ของฉินเป่ย ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งเมืองหยางตูเธอไม่เคยกลัวใครมาก่อน เธอวางมือข้างหนึ่งลงบนเอวทันที และมืออีกข้างก็ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ฉันเป็นคนตบเอง แม่แกมันไม่มีการศึกษา แถมปากก็เหม็น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมลพิษต่อหูของคุณฉินแต่ยังเป็นมลพิษต่อโลกทั้งใบอีกด้วย!”

“ดังนั้น ฉันก็เลยอดที่จะลงมือสอนเธอไม่ได้ ทำไม เธอมีปัญหาเหรอ?”

“แกล่ะ แกจะคุกเข่าลงขอโทษคุณฉินพร้อมกับแม่แกเลยด้วยไหม? หรือว่าจะลองชิมรสชาติตบของฉันดูก่อน?”

“เหอะ ๆ คุณฉินเหรอ? เขาเป็นแค่นักโทษที่ผ่านการบำบัดมาแล้ว จะให้ฉันกับแม่ฉันคุกเข่าขอโทษให้แกอย่างงั้นเหรอ?”“

“เขาคู่ควรเหรอ?”

“แกเป็นใคร? แล้วแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“เธอได้ยินถูกแล้วล่ะ ฉันชื่อหยางลี่ ตระกูลหยางของฉันจะรวมกับตระกูลระดับสามเร็ว ๆ นี้ และฉันก็เป็นถึงคู่หมั้นของนายน้อยโจวหรือโจวห้าวของตระกูลระดับสามอย่างตระกูลโจว”

“ไงล่ะ? กลัวแล้วหรือยัง? ถ้ากลัวแล้วก็คุกเข่าลงขอโทษแม่ฉันซะ และแกกับฉินเป่ยก็ตบหน้าตัวเองร้อยครั้งซะด้วย!”

“เหอะ ๆ ฉินเป่ย คิดไม่ถึงว่านักโทษที่ผ่านการบำบัดมาแล้วแบบนายจะมีความสามารถขนาดนี้ นังบ้าสองคนที่สมคบคิดกันตอนอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ไหนแล้วล่ะ?”

“สมคบคิดกับนังบ้านั่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? โชคดีที่ฉันแยกทางกับนายไปตั้งนานแล้ว!”

“ไม่งั้น……”

เพียะ!

ครั้งนี้เป็นฉินเป่ยที่ลงมือ ตบออกไปที่หน้าหยางลี่หนึ่งฉาด ใบหน้าของเธอที่เพิ่งได้รับการรักษาจากเหลยเทียนหมิงก็เสียโฉมอีกครั้งทันที

“แก ฉินเป่ย แกกล้าตบฉันเหรอ?”

เพียะ!

ฉินเป่ยไม่พูดอะไร และตบหยางลี่ไปอีกครั้ง

คราวนี้เป็นเวินซูซูที่ต้องประหลาดใจ เพราะว่าการจู่โจมของฉินเป่ยนั้นรวดเร็วมาก จนเธอแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาลงมืออย่างไร

ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือ เธอสัมผัสถึงลมปรานจอมยุทธ์จากตัวฉินเป่ยไม่ได้เลย

“คุณฉินผู้นี้ลึกลับจริง ๆ!”

เวินซูซูกล่าวขึ้นในใจ พร้อมทั้งหลีกทางเพื่อชมการแสดงของฉินเป่ย ในตอนนี้ ฉินเป่ยเอามือทั้งสองข้างล้วงลงในกระเป๋าพร้อมทั้งเดินมาตรงหน้าหยางลี่ และพูดขึ้นว่า “คุณบอกมาสิว่าทำไมคุณมันชั้นต่ำและไร้ความจำได้ขนาดนี้?”

“สองวันก่อนไม่ใช่ว่าผมก็เพิ่งจะตบคุณไปไม่ใช่เหรอ แถมยังทำให้ขาทั้งสองข้างของไอ้โจวห้าวกับเหมาสงต้องพิการไปด้วยไม่ใช่หรือไง?”

“คุณลืมไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นผมจะเตือนความจำให้คุณอีกหน่อยแล้วกัน คืนนี้เที่ยงคืนหเป็นกำหนดเวลาวันสุดท้ายนะ ถ้าผมไม่เห็นคุณกับโจวห้าวมาคุกเข่าลงขอโทษต่อหน้าแม่ผม แล้วถ้าผมไม่เห็นเงินห้าล้าน ผมรับประกันเลยว่าเธอกับโจวห้าวจะต้องเสียใจที่อยู่บนโลกนี้แน่นอน!”

“แต่ผมคงต้องรักษาชีวิตของคุณเอาไว้ก่อน เพราะคุณยังติดหนี้ที่ต้องขอโทษคู่หมั้นของฉันกับแม่นางอันหนิงอยู่!”

“ตอนนี้ พาแม่ของคุณออกไปจากคลินิกของผมไปซะ!”

“อะไรนะ? แก คู่หมั้นของแก? คลินิกของแกอย่างงั้นเหรอ?”

“ฉินเป่ย แกกำลังล้อเล่นอยู่หรือไง?”

หยางลี่ใช้มือปิดหน้า เธอไม่เชื่อในคำพูดของฉินเป่ยเลยสักนิด

“ดี ฉินเป่ยนายได้ตายแน่นอน ฉันรับประกันกับนายเลยว่า นายจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปอีกไม่เกินสามวันหรอก!”

“ฉันบอกนายเลยว่าหัวหน้าของตระกูลโจวได้เชิญแพทย์เซียนเหลยจากเมืองหรงตูมาแล้ว แพทย์เซียนเหลยบอกว่าเขาสามารถรักษาขาของพี่ห้าวให้หายได้ในระยะเวลาอันสั้น!”

“นายก็รู้ว่าฝีมือทางการแพทย์ของแพทย์เซียนเหลยนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหนใช่ไหมล่ะ? และนายก็รู้ด้วยใช่ไหมล่ะว่าเขาสืบทอดวิชามาจากใคร?”

“ฉันจะบอกนายให้นะ แพทย์เซียนเหลยสืบทอดวิชามาจากจอมยุทธ์แพทย์เซียนผู้เป็นอันดับหนึ่งในด้านทักษะการแพทย์ในดินแดนมังกร นายรู้ไหมว่าทำไมตอนนี้นายถึงยังมีชีวิตอยู่อีก?”

“มันเป็นเพราะอารองของพี่ห้าวอยากให้นายได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสองสามวันไง!”

“แล้วรู้ไหมว่าอารองของพี่ห้าวกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้?”

“เขากำลังช่วยงานหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามอยู่ รู้หรือเปล่าว่าหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามเป็นใคร?”

“เหอะ ๆ ทำไมฉันต้องมาเปลืองน้ำลายคุยกับนักโทษที่เพิ่งบำบัดออกมาอย่างนายให้มากความด้วยนะ สรุปคือ ฉินเป่ยฉันจะบอกนายให้นะ คราวนี้นายตายแน่!”

“ฉันจะให้โอกาสนายมีชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายละกัน คุกเข่าลงขอโทษฉันกับแม่ฉันซะ จากนั้นก็ไปคุกเข่าขอโทษพี่ห้าวที่โรงพยาบาลต่อ!”

“เห็นแก่ที่เราเคยเกือบได้เป็นสามีภรรยากัน ฉันจะขอร้องให้พี่ห้าวเหลือร่างทั้งร่างของนายกับพ่อแม่นายเอาไว้ให้!”

“โอ้ เป็นเช่นนี้เอง งั้นฉันจะให้โอกาสหนึ่งกับเธอ โทรเรียกใครสักคนมาสิ!”

“ไม่เช่นนั้นเธอกับแม่ของเธอเกรงว่าวันนี้คงออกไปไม่ได้แล้วล่ะ ใช่ไหมแม่นางซูซู?”

ฉินเป่ยมองไปที่เวินซูซู ด้วยท่าทางที่บอกว่าถึงตาที่เธอต้องแสดงต่อแล้ว

เวินซูซูเข้ามารับช่วงต่อ และพูดกับหยางลี่ว่า”เธอควรจะฟังที่คุณฉินพูดนะ รีบโทรเรียกใครมาซะ ไม่งั้นฉันเกรงว่าฉันจะอดกลั้นไม่ไหวจนตบเธอกับแม่ของเธอที่อัปลักษณ์คนนี้จนตาย!”

“ไม่ใช่สิ เธอเองก็อัปลักษณ์!”

“ได้ นี่คือพวกแกสองคนรนหาที่เองนะ!”

หยางลี่กำลังจะบ้าอยู่แล้ว ใบหน้าที่เพิ่งรักษาจนหายดีก็กลับมาเสียโฉมอีกครั้ง ตอนนี้เหลยเทียนหมิงก็กำลังรักษาขาทั้งสองข้างให้กับโจวห้าวอยู่ในโรงพยาบาล และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ระหว่างเธอกับเหลยเทียนหมิงก็ทำให้เธอรู้สึกผิดเอามาก ๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เตรียมการที่จะโทรไปหาโจวห้าวกับคนในตระกูลโจว แต่โทรไปหาเหลยเทียนหมิงโดยตรง ให้เขามายังที่นี่

เธอเชื่อว่าเหลยเทียนหมิงจะต้องหาความเป็นธรรมให้เธอได้แน่นอน เพราะเขายังอยากเก็บความสัมพันธ์แบบนั้นกับเธอเอาไว้ต่อแน่ ๆ

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดเหลยเทียนหมิงก็มาปรากฏตัว แต่พอเขาเพียงเหลือบมองไปที่ประตูของคลินิก เขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง”ฮ่าฮ่าฮ่า คลินิกนี้จะต้องดีที่สุดในเมืองหยางตูแน่นอน ฉันอยากได้คลินิกนี้!”

“เฮ้ เจ้านายของพวกแกล่ะ รีบไปพาเขาออกมาเดี๋ยวนี้!”

“แม่นางซูซู เจ้าทึ่มคนนี้เป็นใครกัน? เป็นญาติของพวกเธอเหรอ?”

“จะบ้าเหรอ ตระกูลพวกเราไม่มีญาติแบบเจ้าทึ่มนี้สักหน่อย คุณฉิน คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ!”

หลังจากอยู่ด้วยกันในช่วงสั้น ๆ เวินซูซูก็พบว่าฉินเป่ยนั้นลึกลับเกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้เสียอีก และเธอก็พบว่าเขานั้นยังเหมาะกับรสนิยมของเธอมากอีกด้วย!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status