ความกลัวที่ลึกถึงกระดูก!
นี่มันอะไรกัน?
คนไร้ความสามารถอย่างฉินเป่ยทำไมถึงทำให้เรารู้สึกกลัวได้มากขนาดนี้?
อันหนิงตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
ภาพลวงตา!
ต้องเป็นภาพลวงตาแน่!
รัศมีสังหารของฉินเป่ยพวยพุงออกมาไม่นาน ตอนนี้อันหนิงสัมผัสถึงมันไม่ได้แล้ว
ส่วนอวี่เจียวหรงในเวลานี้มีแต่ความประทับใจ ความรู้สึกที่ถูกผู้ชายของตนเองปกป้อง ที่เหลือเธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
ตอนนี้ บอดี้การ์ดสองสามคนต่างก็ถอยไปหลังโจวห้าว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น “นายน้อย ไอ้เจ้านี้มีผิดปกติอยู่นะครับ ดูท่าจะเป็นคนมีฝีมือ”
ป๊าบ!
โจวห้าวหวดมือลงบนหน้าของบอดี้การ์ดพร้อมพูดด้วยความโมโห “พวกแกตาบอดหรือไง?”
พูดจบโจวห้าวก็หันสายตาไปจับจ้องที่ฉินเป่ย
“ฉินเป่ย คิดไม่ถึงเลยนะว่าแม่แกจะดวงแข็ง เมื่อวานแกทำร้ายฉันกับผู้หญิงของฉันคงจะสบายใจมากเลยสินะ?”
“แกสู้เก่งนักใช่ไหม? อย่าบอกว่าฉันรังแกแกก็แล้วกัน เห็นบอดี้การ์ดด้านหลังฉันแล้วใช่ไหม?”
“พวกเขาคนเดียวจัดการได้เป็นสิบคน ถ้าแกฉลาดก็มาคุกเข่าลงทุบแขนขาตัวเอง แล้วก็ก้มหัวสามครั้งขอโทษฉันกับลี่ลี่ซะ จากนั้นก็จ่ายค่าคุ้มครองหนึ่งแสน ให้ยัยสองคนนั้นมาดื่มเป็นเพื่อนฉันด้วย แล้วฉันจะปล่อยแม่แกไป!”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะให้บอดี้การ์ดทำให้แกเสียใจที่มาเกิดบนโลกใบนี้!”
พูดจบ โจวห้าวก็จรดสายตาลงที่ร่างกายของอวี่เจียวหรงและอันหนิงอีกครั้ง
เขาตั้งใจจะเอาชนะทั้งสองสาวให้ได้
ฉินเป่ยพยายามควบคุมความอยากฆ่าเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “ที่นี่คือโรงพยาบาล มีเรื่องอะไรก็ออกไปคุยกันข้างล่าง คุณวางใจเถอะ ทุกอย่างที่คุณขอวันนี้ผมจะให้คุณแน่!”
เมื่ออันหนิงได้ยินก็ด่าสบถ “ฉินเป่ย แกรนหาที่ตาย!”
แต่แล้วทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ถูกสายตาอันแข็งกร้าวของอวี่เจียวหรงทำเอาตกใจถอยไม่กล้าออกเสียงอีก
อวี่เจียวหรงมองดูฉินเป่ย สายตาของเธอเปลี่ยนไปอ่อนโยนและอบอุ่น
“ฉันช่วยคุณจัดการได้นะคะ!”
“ขอบคุณนะ แต่ว่าไม่ต้องหรอก ฉินเป่ยคนนี้ไม่มีนิสัยให้ผู้หญิงของตัวเองมาออกหน้าแทน”
“รบกวนคุณกับคุณหนูอันเข้าห้องผู้ป่วยไปดูแลแม่แทนผมหน่อยนะครับ อีกพักผมจะกลับมา”
เพียงประโยคเดียวก็สัมผัสไปถึงเส้นด้ายที่อ่อนโยนที่อยู่เบื้องลึกในใจของอวี่เจียวหรง เธอหันกลับดึงอันหนิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยไม่ลังเล
“จะ...คุณหนูคะ ฉินเป่ยเขา...”
“หุบปากซะ ฉันเชื่อใจเขา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสความรู้สึกที่ถูกคนอื่นปกป้องดูแล ตอนนี้ความรู้สึกและความประหลาดใจที่มีต่อฉินเป่ยพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้ว
นอกห้องผู้ป่วย
สีหน้าของฉินเป่ยเคร่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นในบรรยากาศกลายเป็นความหนาวเหน็บทันที!
“ไปเถอะครับนายน้อยโจว ท่านสบายใจได้ ตระกูลโจวแข็งแกร่งขนาดนี้ สองคนนั้นหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
พูดจบ ฉินเป่ยก็รีบเดินออกไปทันที
ที่นี่เป็นโรงพยาบาล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่อยากมาฆ่าแกงกันที่นี่
“หึ ถือว่าแกยังฉลาดนะ!”
โจวห้าวหันไปส่งสายตาให้ผู้ติดตามสองคนของเหมาสงให้สองคนนั้นไปเฝ้าหน้าประตู จากนั้นเขาก็พาหยางลี่ บอดี้การ์ดกับเหมาสงตามฉินเป่ยออกไป!
ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาล
“ฉินเป่ย คิดไม่ถึงเลยนะว่านายก็พอใช้ได้ ถูกลี่ลี่สวมเขาแล้วก็หาสาวสวยขนาดนั้นได้เร็วแบบนี้ ดีล่ะ มาเริ่มการแสดงของแกได้แล้ว!”
โจวห้าวเผยสีหน้ามั่นใจที่จะเอาชนะฉินเป่ย
“โจวห้าว คุณไม่น่าให้พวกนั้นไปทำร้ายแม่ผมเลยนะ”
พูดจบ ฉินเป่ยก็ก้าวเท้าไปถีบขาข้างหนึ่งของโจวห้าวอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตุบตับที่เขาหักขาสองข้างของเหมาสงและเหล่าบอดี้การ์ด
ตลอดกระบวนการกินเวลาไม่ถึงสองวินาที!
หยางลี่ที่อยู่ด้านข้างตกใจเกือบตาย เธอทรุดตัวลงบนพื้น
“อ้าก!”
พวกโจวห้าวส่งเสียงร้องโอดครวญราวกับหมูโดนเชือด
ตอนนี้เอง ฉินเป่ยเหยียบเท้าลงบนขาข้างหนึ่งที่ยังสมบูรณ์ของโจวห้าว
“ฉินเป่ย แกไอ้ชั่ว แก นี่แกบ้าไปแล้วหรือไง?”
“แกกล้าหักขาฉันเหรอ?! แกจบเห่แน่ ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดทั้งบ้านเลย!”
กึก!
ทันทีที่ฉินเป่ยออกแรงเสียงของกระดูกแตกก็ดังขึ้น
“อ้ากกกก......”
โจวห้าวมองดูฉินเป่ยเหยียบหัวเข่าของตัวเองจนแตก
“ฉินเป่ย แก แกจบแน่งานนี้ อารองของฉันจะต้องฆ่าแกหมดทั้งบ้านแน่!”
“ฝากไว้ก่อนเถอะแก!”
ป๊าบ ป๊าบ......
ฉินเป่ยฟาดฝ่ามือลงบนสีหน้าขาวซีดของโจวห้าว แล้วพูดทีละคำว่า “พวกแกหักขาแม่ของผมหนึ่งข้าง ผมก็หักขาพวกแกทุกคนสองข้าง”
“มีแค่ผมเท่านั้นที่จะทำให้พวกแกกลับมายืนได้อีกครั้ง ผมจะให้โอกาสพวกคุณกลับมามีโอกาสยืนอีกครั้ง ภายในสองวันนี้ เตรียมเงินห้าล้านหยวนไปขอโทษแม่ของผมซะ”
“ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้ตระกูลโจวสิ้นชื่อไปจากเมืองหยางตูซะ!”
ในพริบตาเดียว โจวห้าวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านหนาวเหน็บ โดยเฉพาะหยางลี่ เธอคิดไม่ถึงว่าฉินเป่ยติดคุกห้าปีจะต่อสู้เก่งขึ้นมากขนาดนี้
“ฉินเป่ย แก แกเสร็จแน่ แกไปนอนรอความตายได้เลย แกกล้าหักขาพี่ห้าวได้ยังไง......”
ป๊าบ!
ฉินเป่ยวาดมือตบไปบนโอกาส ทำเอาหยางลี่ถูกซัดกระเด็นออกไป
“นี่แก แกกล้าตบฉันเหรอ?”
พรึ่บ!
ฉินเป่ยพุ่งตรงมายังหยางลี่ในพริบตาก่อนจะเหยียบลงบนหน้าของเธอ
“ผมยังกล้าฆ่าคุณด้วย คุณอยากจะลองไหมล่ะ!”
“แก!”
หยางลี่ถูกสายตาดุดันของฉินเป่ยทำเอาตกใจจนได้แต่กลืนคำพูดครึ่งหลังลงไป
“จำเอาไว้นะ คุณกับโจวห้าวมีเวลาแค่สองวัน ภายในสองวันถ้าผมไม่เห็นเงินห้าล้านหยวนกับคำขอโทษของพวกคุณ ตระกูลหยางของคุณกับตระกูลโจวก็ไม่ต้องมีชื่ออยู่ในเมืองหยางตู!”
ฉินเป่ยจากไปทันที
ไม่นานเขาก็กลับมาถึงห้องผู้ป่วย แม่ของเขายังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ว่าขาที่หักกับบาดแผลตามร่างกายไม่มีปัญหาแล้ว
“กลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? พวกเขาไม่ได้บังคับอะไรนายหรือไง?”
เมื่อเห็นว่าฉินเป่ยกลับมาแบบไร้ร่องรอยอันหนิงก็รู้สึกประหลาดใจ
“ผมไปใช้เหตุผลกับพวกเขานี่ครับ!”
“นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ฉินเป่ย ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนไร้ความสามารถที่ขี้ขลาดขนาดนี้ นี่นายให้ฉันกับคุณหนูตระกูลเราไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเจ้าโง่นั่นจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันจะฆ่าแก!”
อันหนิงตั้งท่าจะพุ่งกระโจนเข้าหาฉินเป่ย แต่เธอก็ต้องสยบลงด้วยสายตาเข้มงวดของอวี่เจียวหรง
อวี่เจียวหรงคิดจะลงมือด้วยความโมโหแต่ก็ถูกฉินเป่ยคว้ามือเอาไว้อย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมไม่เชื่อฟังผมล่ะครับ? บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามโกรธแล้วก็ห้ามฉุนเฉียวไงครับ”
“ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ”
“ก็ได้ ฉันจะฟังคุณค่ะ ฉันจะไม่โกรธ ไม่ฉุนเฉียวค่ะ!”
อวี่เจียวหรงพยักหน้าเป็นเด็กดี ที่ฉินเป่ยกลับมาอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ เธอเชื่อว่าเขาจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ฉินเป่ยหันไปพูดกับอันหนิง “คุณหนูอัน ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดไปถึงได้ทำให้คุณคอยเพ่งเล็งผมถึงขนาดนี้ ฉินเป่ยคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไร แม้แต่แม่ของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ ผมเคยติดคุก แล้วพอออกมาก็ถูกนอกใจ”
“แต่ฉินเป่ยคนนี้ก็ไม่ได้ไร้ความสามารถถึงกับต้องมีชีวิตอยู่โดยแลกกับคุณหนูอวี่และคุณหรอกนะครับ ตอนนี้คุณหนูอวี่บาดเจ็บ คุณรู้ไหมว่าถ้าทำให้เธอโกรธฉุนเฉียวจะมีผลตามมายังไง?”
“ในเมื่อคุณเรียกเธอว่าคุณหนู คุณก็ต้องคิดเผื่อเธอบ้าง รอให้คุณหนูอวี่รักษาจนหายดีแล้ว คุณมีอะไรไม่พอใจผมคุณก็มาหาผมได้เลย”
ฉินเป่ยรู้ดีแต่แรกว่าอันหนิงคิดเป็นศัตรูกับเขาอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ได้ถือสา
แต่ถ้าต้องกระทบกับอวี่เจียวหรงก็คงยอมไม่ได้!
ตอนนี้อันหนิงตระหนักได้ว่าตัวเองทำผิดไปจึงรีบขอโทษอวี่เจียวหรง
“อันหนิง คนที่เธอต้องขอโทษคือฉินเป่ย ไม่ใช่ฉัน”
อันหนิงได้ยินดังนั้นถึงจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ยังยอมขอโทษฉินเป่ย
ตอนนี้เองที่ฉินเป่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนูอวี่ พวกคุณเป็นทหารสินะครับ?”
“ใช่ ที่กรมการทหารน่ะ!”
อวี่เจียวหรงยอมรับออกไปตามจริง ถ้าหากฉินเป่ยยังอยากรู้เรื่องอื่นอีก เธอก็จะตอบเขาตามจริงเหมือนกัน
ใครจะไปคิดว่าเขาจะพูดต่อด้วยสีหน้าปวดใจ “ถึงว่าทำไมคุณบาดเจ็บหนักขนาดนี้ กรมการทหารชั่วนั่นทำมาหากินอะไรกัน หรือว่าพวกผู้ชายตายกันหมดแล้ว?”
“ทำไมยอมให้คุณบาดเจ็บหนักขนาดนี้”
“คุณหนูอวี่ ขอบคุณที่มาเยี่ยมแม่ของผมนะครับ เอาแบบนี้ดีไหม คุณกับคุณหนูอันกลับไปก่อน ต้องพักผ่อนมาก ๆ แล้วก็อย่างลืมทานยากับอาหารตามที่ผมบอกด้วยนะครับ”
“ผมต้องพาแม่กลับบ้านก่อน แม่ของผมบาดเจ็บน่าจะรักษาหายภายในสี่วัน รอแม่ของผมรักษาอาการบาดเจ็บหายแล้ว ผมจะมารักษาคุณต่อครับ”
“ระหว่างนี้ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนคุณต้องบอกผมนะ”
“เราทิ้งเบอร์โทรศัพท์กันไว้หน่อย”
ถึงฉินเป่ยจะไม่ใช่คนของกรมการทหาร แต่เขาก็รู้ว่ากรมการทหารมีเงื่อนไขความลับที่เข้มงวดมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามต่อ
อวี่เจียวหรงกับฉินเป่ยแลกเบอร์โทรศัพท์กันก่อนที่เธอจะออกไปจากโรงพยาบาลพร้อมอันหนิง