มินตรารู้เห็นอยู่แล้ว ว่าพี่กล้ามมีภรรยา เธอรู้อยู่แก่ใจ แต่เพราะรูปร่างและหน้าตาที่ถูกตาต้องใจจึงทำให้เธอลองที่จะโปรยเสน่ห์ใส่เขา แต่ก็ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายถึงเพียงนี้ ครั้งแรกที่เจอกัน เขาสวมแหวนอยู่ที่นิ้วนางซ้าย เธอเห็นแต่ก็แค่เมินเฉย หากแต่อีกครั้งที่เขาเข้ามาหาเธอและเสพสมกามาร่วมกันในห้องของตัวเอง เขาไม่มีอะไรสวมใส่อยู่ มีเพียงร่องรอยของการสวมแหวน...นั่นหมายถึงว่าเธอเป็นผู้ชนะหรือเปล่านะ?วันนี้ที่เธอออกมาตรงระเบียงหลังห้อง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังสะบัดผ้าเพื่อตากอยู่ มินตราหันไปสบตากับเธอแล้วส่งยิ้มให้ นึกเย้ยหยันในใจว่าหญิงคนนี้ช่างโง่เขลา ไม่รู้เลยจริง ๆ เหรอ ว่าสามีของเธอเพิ่งมาเอากับฉัน...ในบ่ายวันเดียวกัน เธอบังเอิญเจอกับพี่กล้ามที่ร้านสะดวกซื้อแถวหอพัก มินตราเข้าไปทักทายทันที“สวัสดีค่ะพี่กล้าม มาซื้ออะไรเหรอ”“เอ่อ...” กล้ามสีหน้าซีดเผือด ท่าทีดูเหมือนไม่อยากจะต่อบทสนทนากับเธอด้วย จนกระทั่งผู้หญิงที่เขาเรียกเธอว่าภรรยาเดินมา และเป็นฝ่ายทักมินตราเสียเอง“อ้าว...น้องข้างห้องนี่เอง เพิ่งมาอยู่ใช่ไหมจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง”“ก็...” วูบหนึ่ง สายตาของเธอหันไปมองกล้าม แล้ววกกลับมาท
“พี่คนสวย...ให้ผมไปส่งที่ไหนดีครับ”มินตรายิ้มยั่ว “โรงแรม...อุ๊ย หอพักของพี่ค่ะ พี่เมาขนาดนี้ ส่งถึงห้องเลยได้ไหมคะ”แค่เพียงสบตา หนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็รู้แล้วว่าปลายทางที่เธอต้องการให้เขาไปส่งมันคือที่ไหนกันแน่ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถรักษาคำพูดด้วยการพาเธอนั้นไปถึงห้องได้อย่างที่ผู้โดยสารต้องการ......“ซี้ดดด...อา พี่ครับ...พี่ผมเสียวลำจังเลยครับ อูยยย...”ชายหนุ่มหลับตาพริ้ม ปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงดูดดุนอันหยาบโลนที่เกิดขึ้น ณ ความเป็นชายของเขารถมอเตอร์ไซค์ถูกนำมาจอดที่ซอกตึก มันเป็นทางลัดที่ในยามค่ำคืนไม่มีใครสัญจร หากเป็นเวลากลางวันที่นี่คือทางลัดที่จะออกไปยังป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดได้ ชายหนุ่มยืนพิงมอเตอร์ไซค์ที่จอดชิดกำแพง กางเกงยีนถูกดึงลงไปเพียงเข่า พร้อมกับมินตราที่นั่งลงไปปรนเปรอความสุขสมให้เขาด้วยปากของเธอรสเหล้าเคล้ากับรสชาติของท่อนเอ็นดุ้นใหญ่ทำให้อารมณ์ของเธอนั้นพุ่งทะยาน มินตราล่อลวงเขามาตั้งแต่ตอนที่ขึ้นซ้อนท้ายแล้วด้วยซ้ำ จากมือที่กอดเอว ลดต่ำลงไปเรื่อย ๆ เนินอกอวบอิ่มชิดแผ่นหลังของเขามาตลอดทาง จนกระทั่งตอนที่มือของเธอลวนลามลงไปยังจุดสงวนของคนขับ แ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่มีจังหวะได้ตั้งเนื้อตั้งตัว ในเสี้ยววินาทีที่เธอเห็นพี่ชายทั้งสองตรงหน้า วินมอเตอร์ไซค์คนนั้นก็กำลังคว้ากระชากร่างกายของเธอไปหมายที่จะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพอีกครั้ง แต่เพราะว่าเขาไม่รู้จักพี่ชายฝาแฝดของเธอ นั่นจึงทำให้ทั้งคีตะและกีตาร์จัดการกระหน่ำทั้งหมัดเท้าเข่าศอกใส่เสียจนต้องวิ่งหนีไป สุดท้ายแล้ว มินตราก็ถูกพาขึ้นมาบนห้อง พร้อมกับผู้สืบสวนทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า“มีอะไรที่เราสองคนไม่รู้อีกไหม” คีตะจับจ้อง สีหน้าเรียบเฉย ต่างจากคนที่เคยรู้จัก“ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้น” แฝดน้องสำทับมินตราที่นั่งอยู่ตรงหน้าคู่แฝดสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอทั้งอยากจะขอบคุณ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบในการที่ต้องถูกเค้นเพื่อตอบคำถามอะไรแบบนี้ เธอไม่ใช่ผู้ที่ต้องอธิบายตัวเองกับใครทั้งนั้น“มันเป็นเรื่องปกติ แล้วก็ไม่ต้องถามอีก มินไม่ได้ขอให้พี่ช่วยแบบนั้น เกิดโดนตำรวจลากคอขึ้นมารับผิดชอบกันเองนะ” มินตรากอดอก สีหน้าหงุดหงิด “แล้วก็ มินว่ามินไม่ได้มีหน้าที่จะตอบอะไร นี่มันชีวิตของมิน...ก็แค่นั่นแหละ”“แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราล่ะ” คีตะย้อนถาม “มันก็แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตมินหรือเป
มินตราเพิ่งรู้เมื่อประโยคสุดท้ายของพี่ชายสิ้นสุดลงภายนอกที่เป็นกำแพงหนา หากภายในกลับบอบบางราวกับหยดน้ำหนึ่งหยดที่อ่อนไหวและไร้รูปลักษณ์ ที่ผ่านมาเธอคิดมาเสมอว่าเธอแข็งแกร่ง แต่ความจริงแล้วจุดอ่อนของเธอที่เกิดขึ้นในวินาทีนี้อย่างชัดเจนก็คือ ความเข้าใจเธอแค่...อยากได้รับความเข้าใจจากใครสักคนในเรื่องที่ไม่อาจจะบอกใครได้มินตราทิ้งตัวนั่งที่ปลายเตียง ยกมือปิดหน้าร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง สองแฝดไม่แม้แต่จะห้าม เขายืนมองเธอไม่ห่างกระทั่งเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวหยุดลงไปแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากัน“มิน...เคยโดนข่มขืน”ความรู้สึกมากมายของเธอพรั่งพรูออกมาพร้อมกับทำนบน้ำตาที่พังทลายอีกหน มินตราไม่รู้ว่าสองแฝดตรงหน้าอยากจะฟังเรื่องราวของเธอหรือเปล่า แต่เธออยากที่จะเล่า อยากที่จะปลดปล่อยมันออกไป แม้การกล่าวถึงจะเป็นการนำพาให้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดั่งขุมนรกนั้นอีกครั้งหนึ่งไม่มีการสอดแทรก สองพี่น้องนั่งฟังเธอจนถึงวินาทีสุดท้ายที่เรื่องราวแห่งความอัปยศซึ่งฝังรากลึกในร่างกายของเธอถูกเล่าออกจนหมดลง สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของมินตราที่พยายามจะกระชากเอารากแห่งความทรงจำนั้นให้หลุดพ้นไปจากตัวเธอ“ยังอยากจะเรียนรู้
“พี่จ๋า...มาเลยค่ะ อยากทำอะไรกับมินก็ทำได้เลยนะคะ”คีตะส่ายหน้า “ไม่เอาสิมิน...เรียกพี่สองคนว่าผัวได้แล้ว เพราะหลังจากนี้เราทั้งคู่จะเป็นผัวที่ดีที่สุดให้มินเอง”ไม่พูดเปล่า คีตะจัดการแทรกร่างกายเข้าไปที่ระหว่างเรียวขาของเธอพร้อมกับจับดุ้นอันแข็งขืนจนเจ็บหนึบไปทั้งลำสอดใส่เข้าไปในร่างกายของเธอทันทีสวบ!!!“อ๊างงงงงง”เสียงร้องครางดังลั่นขึ้นมา วินาทีที่สองคนสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายของมินตราตอบรับพี่ชายด้วยการตอดรัดอย่างแนบแน่น ส่วนสวาทดันลึกเข้ามาจนสุดโคน จนร่างกายอันบอบบางแอ่นขึ้นเหนือพื้น ตอบสนองกับความสุขสมโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ เอ่ยขึ้นมา“ซี้ดดด...แน่นกว่าทุกทีเลยนะเมียจ๋า อา...” มือสอดจับกระชับที่เอวบางเอาไว้แล้วกระชากร่างกายของเธอเข้าใส่พร้อมกับตอกสะโพกกระแทกย้ำเข้าจนสุดความยาว“อ๊ะ อ๊า...พะ พี่...อ๊ะ ผะ ผัว ผัวขา...ซี้ดดด” มินตราหลับตาแน่น ลูบไล้หน้าท้องของอีกฝ่ายไม่เป็นจังหวะ มือสั่นระริกกรีดกราย “ระ แรง ๆ เลยค่ะ แรง ๆ เลย อ๊ะ อ๊า อ๊า..ยะ อยากได้ แรง ๆ อื๊อออ...”สีหน้าของมินตราแดงเรื่อ อาจจะทั้งเมาด้วยทั้งเสียวระคนกันไป คีตะมองเธอด้วยความลุ่มหลง แล้วขยับสะโ
“อ๊ะ อ๊ายยย...”เธอร้องลั่น สั่นเกร็งไปทั้งตัว เจลหล่อลื่นทำให้สัมผัสในช่องทางที่ไม่ควรนั้นลื่นไหลมากกว่าที่เป็น และทางกีตาร์เองก็ยิ่งกระแทกเข้าออกถี่รัวอยู่เช่นนั้น มันทำให้เวลานี้มินตราราวกับรู้สึกว่าแท่งเนื้อของทั้งสองคนกำลังเสียดสีบดเบียดกันอยู่ในร่างกายของเธอโดยพร้อมเพียง“อ๊ะ อ๊า อ๊า จะ จุก..อื๊อออ...ซี้ดดด”มินตราพยายามดีดดิ้น แต่เมื่อกีตาร์ที่รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เขาจึงกอดร่างกายของเธอให้แนบชิดเอาไว้เช่นเดิม แล้วปล่อยให้พี่ชายได้ทะลวงเข้าไปในรูเสียวข้างเคียงอย่างเต็มที่ สองกายตอกกระแทกร่างกายของมินตราอย่างต่อเนื่อง เสียงครางดังสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว มินตราในอ้อมกอดกีตาร์ตัวสั่นระริก เธอเม้มปากแน่นระคนกับส่งเสียงครางออกมาเรื่อย ๆหญิงสาวทั้งเสียว แล้วก็ทั้งจุก วินาทีนี้รู้สึกเหมือนช่องทางทั้งสองราวกับจะฉีกขาดออกเพราะแรงกระแทกอันมหาศาล สองมือเธอกำแน่น ซุกหน้าลงกับแผงอกแกร่งของแฝดน้องยิ่งกว่าเดิม ดวงตาเคลิบเคลิ้มเหลือกลอย น้ำตาระคนน้ำลายไหลเยิ้มเพราะไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกอันแปลกใหม่ในยามนี้ได้ยิ่งเธอขมิบเกร็ง ไม่ว่าช่องทางไหนก็ยิ่งตอดรัดลำกายที่สอดใส่เข้ามาทั้ง
เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นคนที่ทำให้เธอเจ็บปวด คนที่ทำให้หัวใจของลูกผู้หญิงคนหนึ่งแตกสลาย ครั้นพอกอบกู้มันขึ้นมาได้ ร่องรอยลึกในหัวใจกลับกลายเป็นการโหยหาอย่างไม่น่าให้อภัย ทั้ง ๆ คนที่บุกเข้ามาพรากความสาวไปจากเธอในช่วงวัยเพียงแค่มัธยมต้นกลับกลายเป็นผู้ชายที่เธอเรียกเขาว่าพี่ชายมาตลอดทั้งชีวิตมินตรา ดีดดิ้น ร่ำร้อง แต่เรี่ยวแรงของเธอหรือจะสู้ชายผู้มีดีกรีเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่ทั้งกล้ามโตและตัวสูงใหญ่ เขาจับสองขาของเธอแยกออก สอดนิ้วเข้ามาชำแรก แทรก และคว้าน ค่ำคืนนั้นไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเธอได้เลย เพราะเขาคือคนที่พ่อแม่ไว้ใจให้ดูแลมากที่สุดตอนที่ท่านทั้งสองออกจากบ้านไปมันเป็นคืนที่ฝนตก เสียงกรีดร้องของเธอถูกม่านพิรุณที่เทกระหน่ำราวกับท้องฟ้าจะพังทลายนกลบไปจนหมดสิ้น ชั้นในตัวบางถูกกระชากออก น้ำตารินไหล หัวใจเต้นโครมคราม ใบหน้าของพี่ชายผู้อ่อนโยนกลายเป็นปีศาจที่ไม่อาจจะกล้าสบตาอีกต่อไปแล้วในค่ำคืนนั้น ทุก ๆ อย่างของลูกผู้หญิงคนหนึ่งแหลกสลายไปจนหมด ไม่เหลือมันจับขาของเธอแยกออก แล้วแทรกสอดความน่าขยะแขยงอันมหึมาเข้าโถม ร่างกายที่ไม่เคยสัมผัสถึงอารมณ์หวามหวิวถูกทิ่มแทงเข้า
ตั้งแต่วันแรกที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ราวกับคำว่าครอบครัวอาจจะเป็นไปอีกครั้งหนึ่งมินตราไม่ได้ปิดกั้นหากว่าพ่อของเธอจะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นคู่ครอง เธอสัมผัสได้มาตลอดชีวิต ว่าพ่อนั้นแทบจะไม่มีความสุขเลยด้วยซ้ำ การตกถังข้าวสารแต่กลับต้องกลายเป็นเบี้ยล่างเมียตัวเองนั้นมันแย่ยิ่งกว่าสิ่งใด ภายนอกคนที่มองเข้ามารู้สึกได้เลยว่าแม่ยินยอมให้พ่อเป็นผู้นำ แต่มันก็แค่หน้ากากทางสังคมเท่านั้นตอนที่ทั้งสองหย่ากัน มินตราอายุสิบสี่ปี และไอ้ปีศาจตัวนั้นอายุสิบเก้า นั่นเท่ากับว่าอย่างน้อย ๆ ที่พ่อต้องทนอยู่เพื่อรักษาคำว่าครอบครัวเอาไว้โดยไร้อิสรภาพคือยี่สิบปี แต่ตอนนี้มันก็คงจะถึงเวลาแล้วที่พ่อจะได้รับใครสักคนเข้ามา คนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน และที่สำคัญที่สุด...มีความเป็นมนุษย์ใกล้เคียงกันฉัตรโฉม คือว่าที่แม่ใหม่ของมินตรา หล่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ เจอกันในงานแฟร์แห่งหนึ่งที่พ่อเองกำลังเริ่มต้นการทำธุรกิจ ก่อนจะถูกใจด้วยหลาย ๆ อย่างที่เข้ากันได้ ผ่านไปเพียงไม่ถึงปี ทั้งคู่ตัดสินใจลองใช้ชีวิตร่วมกัน ยังไงเสียก็เป็นคนที่ขาดส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตอยู่แล้ว และยังมีลูกติดอีกด้วย...หากแต่ทั้งสองคนเป็น