หลังจากที่หลี่โม่ เฉินเสี่ยวถงและคังเหวินซินออกจากโรงพยาบาล พวกเขาก็ขับรถกลับไปที่บริษัท เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของกู้หยุนหลาน เห็นกู้หยุนหลานที่กำลังทำงานอยู่ หลี่โม่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่รัก ยุ่งอยู่เหรอ?” กู้หยุนหลานเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลี่โม่ ก่อนจะเหลือบมองเฉินเสี่ยวถงกับคังเหวินซินที่อยู่ข้างหลังหลี่โม่ ในใจก็พลันรู้สึกระแวงสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อครู่หลี่โม่ออกไปก่อนแล้ว แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงอยู่ด้วยกันกับเฉินเสี่ยวถงได้ แล้วยังมีคังเหวินซินนั่นอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คังเหวินซินช่วยทอดสะพานให้เฉินเสี่ยวถงแอบสานสัมพันธ์กับหลี่โม่ ให้ทั้งสองนัดพบกันอย่างลับ ๆ โดยที่ปิดบังไม่ให้เธอรู้หรือเปล่า? “พวกคุณ ไปทำอะไรกันมาเหรอ?” กู้หยุนหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้ง “ผมจัดการธุระเสร็จแล้วก็บังเอิญเจอเฉินเสี่ยวถงกับคังเหวินซินเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ เลยพาพวกเขาไปเยี่ยมซีซีที่โรงพยาบาล ช่วงนี้ซีซีไปเรียนรู้เรื่องยุ่ง ๆ มาจากคนไข้ห้องข้าง ๆ น่ะ เดี๋ยวหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาต้องรีบรับซีซีกลับมาแล้ว” “จริงสิ ผมคิดว่า พวกเราน่าจะดูบ้านไว้สักหน่อย ช่วงนี้ผมช่วยเฉียนฝูด
คังเหวินซินพูดด้วยความกระตืนรือร้นอย่างยิ่ง ท่าทางกระตือรือร้นยิ่งกว่าพนักงานขายเสียอีก เหมือนกับอยากจะยัดบ้านใส่มือหลี่โม่ให้ซะเดี๋ยวนั้นเลย หลี่โม่ดูแผนที่อย่างละเอียด มีการสืบค้นข้อมูลอสังหาริมทรัพย์และบทวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กู้หยุนหลานดูอย่างค่อนข้างตกตะลึง แล้วเอ่ยด้วยความตกใจจนแทบพูดไม่ออก “จิ๊ ๆ สวนหนานชุ่ยเป็นชุมชนที่หรูหราที่สุดในเมืองฮั่นแล้ว ได้ยินมาว่าวิลล่าบนยอดเขานั่นมีบารมีฮวงจุ้ยชีพจรมังกรเชียวนะ” “พี่สะใภ้พูดถูกต้องไม่มีผิดเลยแม้แต่น้อย วิลล่าบนยอดเขาเองก็เป็นหนึ่งในวิลล่าที่บ้านผมยังไม่ได้ขาย ฮวงจุ้ยชั้นยอดเลยจริง ๆ มีชีพจรมังกรอยู่จริง ๆ ด้วยครับ อย่าว่าแต่อยู่ที่ไหนเลย แค่อยู่ที่นั่นเพียงไม่นาน ก็จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นและพลังอันเต็มเปี่ยมเลยล่ะครับ” กู้หยุนหลานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงราคาของสวนหนานชุ่ยแล้ว ความหวั่นไหวก็กู้หยุนหลานก็มลายหายไปทันที “ที่นั่นจะว่าดีก็ดีอยู่หรอก แต่มันแพงเกินไป ถึงจะเป็นราคาทุนก็คงไม่ได้ถูกนัก” หลี่โม่ดีดนิ้วทีหนึ่งแล้ว แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แพงไม่แพงค่อยว่ากัน พรุ
“สำเนียงต่างถิ่น?” หลี่โม่พึมพำอย่างสงสัยเล็กน้อย หรือจะมีคนต่างถิ่นมาแย่งชิงเขตอิทธิพลที่เมืองฮั่นกัน? มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เรื่องที่คนต่างถิ่นรวมกลุ่มกันมาแย่งเขตอิทธิพลที่เมืองอื่นก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้มันค่อย ๆ มีให้เห็นค่อนข้างน้อยแล้วเท่านั้น “ใช่แล้ว แล้วคนพวกนั้นก็ป่าเถื่อนมาก พี่จงฉวนหาคนในท้องที่ไปช่วยพูด แต่สุดท้ายก็ถูกทำร้ายกลับมา เมื่อกี้นี้ฉันไปติดต่อตำรวจมา พอคนพวกนั้นเห็นตำรวจมาก็แยกย้ายสลายตัวไป ไม่นึกว่าพอตำรวจไปแล้ว พวกเขาจะไปก่อกวนอีก” กู้หยุนหลานนวดคลึงหน้าผาก เธอรู้สึกปวดหัวมาก เจอกับกลุ่มอันธพาลป่าเถื่อนที่เอากำลังไม่ฟังเหตุผลแบบนี้ มันไม่มีวิธีแก้ปัญหาดี ๆ เลยจริง ๆ “ที่รักไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวผมจะไปถามหัวหน้าจางเอง” เรื่องคราวก่อนทำให้สร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้าจาง หลี่โม่จึงเรียกใช้หัวหน้าจางอย่างไม่เกรงใจ หลังจากโทรไป หลี่โม่ก็อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียด หลังจากได้ยินตำแหน่งไซต์ก่อสร้างที่หลี่โม่แจ้ง หัวหน้าจางก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “คุณหลี่ ผมรู้จักเจ้าพวกนั้น พวกมันมาจากหนานซาน เป็นพวกอันธพาลหนังเหนี
“อืม คนที่ฉันเชิญมาจะมาถึงในอีกไม่นาน รอสักครู่ก็แล้วกัน” “ผมจะไปต้อนรับพวกเขาที่หน้าประตู เชิญคุณนั่งตามสบาย” หลินเจิ้งหนานพาลูกน้องไปยืนต้อนรับข้างนอกห้อง เพื่อรอต้อนรับเหล่ายอดฝีมือที่กำลังจะมาถึง ไม่นานนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมยันต์แปดทิศคนหนึ่งก็เดินเข้ามา หลินเจิ้งหนานเข้าไปต้อนรับเขา และเชิญนักพรตเข้าไปในห้องอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็มีชายร่างกำยำอีกสองสามคนเดินเข้ามาอีกติด ๆ กัน หลินเจิ้งนานก็ต้อนรับทักทายพวกเขาเช่นเดิมราวกับคัดลอกวาง คนที่แต่งตัวแตกต่างกันกว่าสิบคนเดินเข้าไปในห้องไม่ขาดสาย ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นเหล่าผู้มากความสามารถ โดยรวมแล้วแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก หลังจากวุ่นอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหลินเจิ้งหนานก็ทักทายต้อนรับทุกคนเสร็จ แล้วกลับไปนั่งในห้องเพรสซิเดนท์เชี่ยลสวีทเป็นคนสุดท้าย “กุ่ยเหล่าเอ้อ ที่บอกว่าสามารถต่อกรกับหลี่โม่ได้นั้นเรื่องจริงหรือเปล่า?” นักพรตถามอย่างทนรอไม่ไหว “หลงหานกวง นายร้อนใจอยากจะแก้แค้นให้สุนัขรับใช้ของพวกนายขนาดนั้นเลยเหรอ?” กุ่ยเอ้อพูดพลางมองไปยังนักพรต “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าคุ้มครองลูกน้องยังไม่ได้ ต่อไปจะเป็
ราชิมังกรกลับมาถึงที่พัก และนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้ามืดมน จางเต๋ออู่คุกเข่าลงแทบเท้าราชินีมังกรอย่างรู้ตัว สองมือประคองขาของราชินีมังกรขึ้นมา แล้วช่วยถอดรองเท้าให้เธออย่างเบามือ จากนั้นจางเต๋ออู่ก็เริ่มนวดเท้าเรียวสวยของราชินีมังกร “ท่านอย่ากังวลเรื่องหลี่โม่เกินไปเลยครับ ต่อให้เขามีวรยุทธ์สูงส่งแล้วจะทำอะไรได้ โลกนี้ไม่ใช่ว่ามีฝีมือต่อสู้สูงส่งแล้วจะสามารถครองได้เสียหน่อย” จางเต๋ออู่พยายามคลายกังวลให้กับราชินีมังกร ราชินีมังกรนวดขมับ ทุกครั้งที่นึกถึงหลี่โม่ขึ้นมา ในใจของราชินีมังกรก็แอบรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา “แต่พอนึกถึงเขาขึ้นมาฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเอา แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้กำลังของจ้าวมังกรทั้งแปดไปต่อกรกับเขา ถึงยังไงเขาก็ยังมีฐานะดั้งเดิมอยู่ อย่างดีที่สุดก็แค่ทำให้เขากลายเป็นขยะไร้ค่า แบบนั้นถึงจะสามารถควบคุมแดนมังกรได้อย่างชอบธรรม” จางเต๋ออู่เคลื่อนไหวการนวดช้าลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองราชินีมังกรเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ท่านวางใจเถอะครับ ผมสั่งให้คนไปช่วยหลินเจิ้งหลานแล้ว ไม่ช้าก็จะสามารถทำให้หลี่โม่กลายเป็นขยะไร้ค่าได้แล้วครับ” “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ให้องครักษ์จางเข้าม
จางเต๋ออู่อธิบายอย่างละเอียด เมื่อราชินีมังกรฟังจบอย่างสงบนิ่ง เธอก็หลับตาลงพลางครุ่นคิดวางแผน “รอดูหลี่โม่ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ ถ้าหากหลี่โม่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ก็เอายาเสริมความแข็งแกร่งออกมาให้คู่ต่อสู้ในรอบชิงใช้ซะ หากมันตายบนสังเวียนได้ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ในใจของราชินีมังกรนั้นเกิดความหวาดกลัวต่อหลี่โม่จนสุดขีด รู้สึกว่าที่หลี่โม่กบดานอยู่ที่เมืองฮั่นนั้นก็เพื่อฟูมฟักความสามารถ หากในเวลาที่เขากลับมายังแดนมังกรแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่ามันคงจะเป็นวันวินาศของตนแน่ แม้ว่าในตอนนี้จ้าวมังกรใหญ่จะใกล้ชิดกับตนอยู่บ้าง แต่ราชินีมังกรเองก็เข้าใจว่า ขอเพียงหลี่โม่สำแดงความสามารถอันแข็งแกร่งออกมา จ้าวมังกรใหญ่จะต้องเอนเอียงไปทางหลี่โม่อย่างแน่นอน ตอนนี้หลี่โม่นั้นนับว่าเป็นต้นกล้าที่เติบโตอย่างแข็งแรง จะต้องขัดขวางการเติบโตของเขาให้ได้ จางเต๋ออู่ตบเข่าฉาดด้วยความตื่นเต้น เอ่ยด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ “ถูกต้อง! ราชินีมังกร ท่านช่างปราดเปรื่องจริง ๆ ขอแค่ใช้ยากับนักมวยใต้ดินที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ร้ายพวกนั้น ความสามารถของพวกเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แล้วร่างกายของพวกเขาเองก็คงส
จะต้องสอบสวนแน่นอน หลี่โม่เองก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาต้องไปถามด้วยตัวเอง “ได้ อีกเดี๋ยวผมจะเข้าไปสอบสวน คุณบอกพวกลูกน้องเอาไว้ก็พอ” “ผมบอกพวกเขาไว้แล้วครับ ผมจะส่งตำแหน่งไปให้ คุณไปได้เลยทันทีครับ” ชูจงเทียนวางสายและรีบส่งตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้ให้กับหลี่โม่ หลี่โม่ดูตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้อย่างคร่าว ๆ พลันยิ้มแล้วดีดนิ้ว “เรียบร้อย จัดการเรื่องไซต์ก่อสร้างเสร็จแล้ว คนที่มาก่อกวนพวกนั้นถูกจับไว้แล้ว ฉันจะไปสอบสวนพวกมันสักหน่อย ดูซิว่าเบื้องหลังยังมีใครคอยชักใยอยู่หรือเปล่า” “อาจารย์ ผมจะขับรถไปส่งเองครับ” คังเหวินซินเผยรอยยิ้มราวกับสุนัขออกมา “ฉันเองก็จะไปด้วย ฉันยังไม่เคยเห็นการสอบสวนเลย จะน่าตื่นเต้นเหมือนกับในภาพยนตร์หรือเปล่า ฉันอยากไปเปิดหูเปิดตา” เฉินเสี่ยวถงพูดต่อ กู้หยุนหลานเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วมองไปยังหลี่โม่อีกครั้ง ถ้าหากตอนสอบสวนอยู่เขาทำจนเลือดสาด กู้หยุนหลานจะต้องรับไม่ไหวแน่ แต่ถ้าให้เฉินเสี่ยวถงติดตามหลี่โม่ไป กู้หยุนหลานก็รู้สึกหึงหวงอยู่เหมือนกัน เอาแต่กังวลว่าอาจเกิดอะไรบางอย่างขึ้นระหว่างเฉินเสี่ยวถงกับหลี่โม่ ในขณะที่กู้
“เฮอะ จิ้งจอกอย่างเธอชอบหลี่โม่เข้าแล้วล่ะสิ ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ หลี่โม่เป็นคนของตระกูลกู้เรา เธอจะมาคิดมิดีมิร้ายกับเขาไม่ได้ หยุนหลาน เธอระวังยัยจิ้งจอกนี่ให้ดีเถอะ หรือฉันจะไปด้วยกันกับเขาเอง จะได้ช่วยดูหลี่โม่ให้” กู้ชิงหลินพูดจบก็มองไปยังเฉินเสี่ยวถงอย่างลำพองใจ รู้สึกว่าตนหาข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว เฉินเสี่ยวถงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากจะเข้าไปกัดกู้ชิงหลินสักที ทั้งสองจ้องหน้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร คังเหวินซินยืนสงบเสงี่ยมอยู่อีกด้าน รู้สึกว่ากำลังดูละครศึกสงครามวังหลังอยู่อย่างไรอย่างนั้น และคิดว่าอาจารย์ของตนช่างสุดยอดจริง ๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงไม่มีผู้หญิงมาสนใจหรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแก่งแย่งเลย ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงได้นั้น ก็นับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขาได้เหมือนกัน หลี่โม่สบถอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ ตนถึงกลายเป็นที่ชื่นชอบขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำให้หลี่โม่รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น “หยุนหลาน หรือคุณไปกับผมด้วยดีไหม?” หลี่โม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างล่องลอย หากพาภรรยาหลวงออกไปด้วย จะต้องกำจัดคว