หลังจากที่นู่หล่างพูดจบก็เหยียบหน้านักมวยผิวขาวอย่างแรง และเหยียบขยี้ที่แก้มของนักมวยคนนั้นกระดูกที่หักทิ่มแทงก้านสมองและกลีบสมองของนักมวยผิวขาว นักมวยผิวขาวพยายามดิ้นรน จากนั้นก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจไปพวกนักมวยบนเวทีต่างหวาดกลัวกับความโหดร้ายของนู่หล่าง จึงเริ่มออกจากเวทีอย่างบ้าคลั่งและรีบเร่งไปที่หลังเวทีนักมวยจำนวนมากที่ดูการฝึกซ้อมต่างส่ายหัวและวิพากษ์วิจารณ์กัน รู้สึกว่าคราวนี้นู่หล่างโหดร้ายเกินไป“นู่หล่างบ้าไปแล้วจริง ๆ แค่รอบฝึกซ้อมเอง เขาก็ทำถึงขนาดนี้เลย ถึงจะเป็นรอบแข่งหลักก็ไม่เห็นจะต้องถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยนี่”“ฉันเห็นคนบ้าคนหนึ่ง ถ้าไม่มีใครหยุดนู่หล่างได้ เกรงว่านู่หล่างจะกลายเป็นนักฆ่ามวยใต้ดินเสียมากกว่า”“น่ากลัวจริง ๆ ฉันไม่อยากเจอนู่หล่างเลย ถ้าต้องแข่งนู่หล่างจริง ๆ ฉันจะต้องสละสิทธิ์แน่นอน”นู่หล่างที่โกรธมากหันกลับมาเตรียมกลับขึ้นสังเวียนเพื่อสู้ต่อ แต่เมื่อหันกลับไปกลับเห็นว่าบนสังเวียนนั้นว่างเปล่าเสียแล้วสิ่งนี้ทำให้นู่หล่างโกรธมากขึ้นอีก นู่หล่างที่หงุดหงิดก้าวไปข้างหน้าแล้วต่อยบนสังเวียนอย่างแรงครืน!สังเวียนสั่นสะเทือน สังเวียนที่ถูกนู่หล่างทุบม
หลี่โม่ยืนขึ้นมองทอมป์สันยิ้ม ๆ "ถ้าผมฆ่าเขาตายตอนนี้ ก็นับว่าผมผ่านการแข่งขันได้สำเร็จแล้วใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อีกครั้งใช่หรือเปล่า?”“โอ้ คุณมีความคิดสร้างสรรค์มาก ในนามของคณะกรรมการจัดงานผมเห็นด้วย การแข่งขันของพวกคุณจะเริ่มอย่างเป็นทางการตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือนู่หล่าง ใครก็ตามที่ชนะจะได้ผ่านเข้าสู่การแข่งขันหลักเลย”“ดีครับ”หลี่โม่เดินเอามือไพล่หลังไปที่สังเวียนนู่หล่างแสยะยิ้ม ขาทั้งสองออกแรงกระโดดจากพื้นขึ้นไปบนสังเวียน ยืนอยู่บนสังเวียนและเริ่มขยับแขน ขยับข้อมือ ราวกับว่ากำลังอบอุ่นร่างกายอยู่หลี่โม่ค่อย ๆ ขึ้นบันไดทีละขั้นไปบนสังเวียน ราวกับคนแก่ที่กลัวก้าวพลาดพวกนักมวยมองท่าทางหลี่โม่เดินขึ้นบันไดกันแล้วระเบิดหัวเราะออกมา พวกเขารู้สึกว่าหลี่โม่มาทำตลก ทำไม่ได้แม้แต่จะกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนด้วยซ้ำ“หมอนี่ฝึกมาจริงเหรอ? ตัวผอมไม่มีกล้ามเนื้อไม่ว่า ขนาดจะขึ้นเวทียังดูอย่างกับคนแก่”“มันตลกมากจริง ๆ นะ คนแบบนี้ยังจะกล้าท้าทายนู่หล่าง คาดว่านู่หล่างจะสามารถฆ่าเขาได้ด้วยหมัดเดียวเลยล่ะ”“เห็นคนโง่ ๆ มามากนะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนที่โง่ขนาดนี้ หรือว่าเขา
เฉินเสี่ยวถงมองคังเหวินซินที่กำลังปิดหน้าร้องไห้อย่างหมดคำพูด รู้สึกว่าตนเองได้พบกับลูกแหง่จริง ๆ เข้าแล้ว ผู้ชายปกติที่ไหนจะกลัวจนร้องไห้ ตนเองเป็นผู้หญิงยังไม่ร้องไห้เลย“คุณหยุดทำตัวไม่ได้เรื่องได้ราวแบบนี้ได้ไหม อาจารย์ของคุณกำลังต่อสู้เพื่อชีวิตอยู่ คุณให้กำลังใจเขาดี ๆ ไม่ได้เหรอ?”“นี่ฉันก็กังวลจนไม่กล้าดูไม่ใช่เหรอ? คุณดูแล้วบอกผลลัพธ์กับผมด้วยนะ ผมไม่กล้าดูจริงๆ”คังเหวินซินมุดหัวของเขาไว้ระหว่างเข่า ทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ(1)เฉินเสี่ยวถงเม้มริมฝีปากและไม่สนใจอาการของคังเหวินซินอีกต่อไป แต่มุ่งความสนใจไปที่หลี่โม่บนสังเวียนหลี่โม่ยืนอยู่ตรงหน้านู่หล่าง ทำท่าทางเหมือนหวงเฟยหง เกี่ยวนิ้วชี้ไปที่นู่หล่าง“มาสิ ให้ฉันสอนแกว่าความสุภาพคืออะไร”นู่หล่างจ้องมองหลี่โม่อย่างดุเดือดแล้วพูดอย่างดุ ๆ "แกอวดดีเกินไปมั้ง จะสอนฉันว่าความสุภาพคืออะไร แกนี่มันตลกนะ!"“โอ้ งั้นมาเริ่มสนุกกันเถอะ ทอมป์สันยังรอที่จะเห็นฉันใช้สิบแปดฝ่ามือสยบมังกรอยู่”“มังกรบ้านแกสิ! ดูฉันทุบหัวแกเป็นหัวหมูแล้วกัน!”นู่หลางโกรธพุ่งไปข้างหน้า รวมกำลังทั้งหมดของร่างกายมุ่งไปที่หมัดขวา ตอนที่เขาเหวี่ยงหมัด
หลี่โม่มองทอมป์สันที่ประหลาดใจพร้อมยิ้ม “เห็นไหมล่ะ นี่คือไท่เก๊ก อาศัยความแข็งแกร่งและมุ่งเน้นไปที่การตั้งรับ การแก้ไขและการออกแรง ผมรับความแข็งแกร่งของเขา จากนั้นแก้ไขความแข็งแกร่งของเขา แต่ผมยังไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถ้าใช้ครบถ้วน นู่หล่างคงถูกผมซัดจนหมอบไปแล้ว”ทอมป์สันมองหลี่โม่ราวกับคนซื่อบื้อ ไม่คิดเลยว่า หลี่โม่จะยังมีกะจิตกะใจที่จะอธิบายกังฟูให้เขาฟังในเวลานี้อีกทอมป์สันไม่เข้าใจความมหัศจรรย์ของการตั้งรับ การแก้ไขและการออกแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทอมป์สันรู้สึกต่อต้านการทำความรู้จักใหม่ ๆ เกี่ยวกับหลี่โม่ในเวลานี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าหลี่โม่แข็งแกร่งกว่านู่หล่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนฉลาดอย่างทอมป์สันเลย ในเวลานี้ทอมป์สันรู้อยู่แล้วว่า ความคิดของเขาจะล้มเหลวอีกนู่หล่างโกรธมาก รู้สึกว่าหลี่โม่กำลังทำให้ตนเองอับอาย แล้วยังจะมีเวลาคุยกับคนอื่นระหว่างการต่อสู้อีก แบบนี้มันไม่ได้สนใจตนเองเลย!“แกทำให้ฉันโกรธ! ฉันจะจัดการแก!”เลือดในร่างกายของนู่หล่างหมุนเวียนรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม กล้ามเนื้อของเขามีมากขึ้น ร่างกายก็มีพลังมากขึ้นกว่าเดิมด้วยปัง!นู่หล่างกระทืบเท้าซ้ายอย่างแรง ทำใ
หลี่โม่โบกฝ่ามือไปมารอบ ๆ นู่หล่าง เงาของฝ่ามือมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของนู่หล่างและเสียงกระดูกหัก ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นมองอย่างหวาดกลัวนี่ยังใช่นู่หล่างที่หยิ่งผยองคนนั้นอยู่เหรอ?นี่โดนทุบตีจนกลายเป็นหมาไปแล้ว หมายังไม่น่าเวทนาขนาดนี้เลย!“ทอมป์สัน คุณเห็นแล้วใช่ไหม นี่คือความอัปยศของมังกร นี่คือมังกรทะยานเก้าสวรรค์ นี่คือการเห็นมังกรในนา… นี่คือสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรที่คุณอยากเห็น!”ฝ่ามือสุดท้ายหลี่โม่ตบหลังนู่หล่าง นู่หล่างลอยตกลงไปด้านล่างสังเวียนราวกับว่าวที่เชือกขาดไป ตุ้บ!นู่หล่างล้มลงต่อหน้าทอมป์สัน อ้าปากกระอักเลือดออกมา เลือดสด ๆ กระเซ็นไปบนขากางเกงและรองเท้าของทอมป์สัน ย้อมให้ขากางเกงและรองเท้าของทอมป์สันเป็นสีแดงสดทอมป์สันขยับก้นของเขาตัวสั่นเทาแล้วไปนั่งข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง ให้ตนเองได้อยู่ห่างจากนู่หล่างที่น่าสังเวช“ขะ แข็งแกร่งมาก กังฟูจีนนี่แข็งแกร่งจริง ๆ”ทอมป์สันพยายามยิ้มอย่างเต็มที่ เพียงแต่รอยยิ้มมันดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีกชูจงเทียนหายใจออกยาว ๆ รู้สึกโล่งใจในทันที ความกังวลก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว“คุณทอมป์สัน คุณไม่ต้องกังวลและกลัวมาก
หลังจากที่เฉินเสี่ยวถงพูดจบก็เห็นหลี่โม่เอาแขนลง จึงกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ทันทีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า“ฮึก ๆ อ้อมกอดอบอุ่นจังเลย”ใบหน้าของเฉินเสี่ยวถงเต็มไปด้วยความสุข เธออดไม่ได้ที่จะเอาหน้าถูหน้าอกของหลี่โม่หลี่โม่ก้มหน้าลงมองเฉินเสี่ยวถง อยากจะผลักเฉินเสี่ยวถงออกไปจริง ๆ แต่พอเห็นท่าทางมีความสุขของเฉินเสี่ยวถง หลี่โม่ก็อดทนไว้เวลาแบบนี้ถ้าผลักเฉินเสี่ยวถงออกไป เกรงว่ามันจะทำให้หญิงสาวที่เหมือนเทพธิดาคนนี้เสียใจ ถือเสียว่าให้อ้อมกอดคุณพ่อกับเธอแล้วกันหลี่โม่เงยหน้าขึ้น พยายามคิดว่าเฉินเสี่ยวถงคือซีซีลูกสาวของเขา“มันสบายมาก ฉันอยากจะกอดพี่หลี่โม่ไว้ตลอดไม่ปล่อย ความรู้สึกมันมีความสุขมากกกกกกกก เลย”เฉินเสี่ยวถงปล่อยหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจ เธออยากกอดเขาไว้แบบนั้นตลอดเลยจริง ๆ ถ้าเธอสามารถกอดเขาไว้ได้ตราบชั่วนิรันดร์ก็คงจะดี หลี่โม่ลูบหัวของเฉินเสี่ยวถง ขยี้ให้ผมที่นุ่มสลวยของเฉินเสี่ยวถงยุ่งเหยิง ดูน่ารักมากยิ่งขึ้นไปอีก“เอาล่ะ กอดฉลองจบลงแล้ว เธอน่าจะบอกฉันได้แล้วว่ามาที่นี่ได้ยังไง”“พี่หยุนหลานไปที่ไซต์ก่อสร้าง ฉันอยู่แต่ในห้องทำงานคนเดียวเบื่อมากเลยอยากออก
ทอมป์สันนั่งเก้าอี้สูบบุหรี่อยู่ ดวงตาค่อนข้างเหม่อลอยไม่มีสมาธิ ราวกับว่าสมองของเขาว่างเปล่าชูจงเทียนเดินไปนั่งข้าง ๆ ทอมป์สัน หยิบบุหรี่ออกมาคาบในปากเช่นกัน“ชู กังฟูของพวกคุณมีอยู่จริง ๆ เมื่อกี้กังฟูของหลี่โม่แข็งแกร่งมาก นั่นเป็นสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรใช่ไหม? ดูแล้วทรงพลังมากจริง ๆ ”ทอมป์สันพูดเบา ๆ และทำท่าทางด้วยมือซ้ายที่ว่างอยู่ของเขาหัวของชูจงเทียนเต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะคุยกับทอมป์สันต่อไปอย่างไร“น่าจะมีอยู่นะครับ ที่นี่เรามียอดฝีมือผู้เร้นกายอยู่มากมาย ว่ากันว่าในทางลัดจงหนานมีผู้เร้นกายกว่าแปดพันคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ พลังของพวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งมาก คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะถูกเรียกว่าเทพเซียนแห่งแผ่นดิน พวกดาบอมตะอะไรพวกนั้น เป็นสิ่งที่สามารถพลิกทำลายโลกได้”ชูจงเทียนพูดสบาย ๆ ลอกเลียนแบบวิธีที่หลี่โม่บอกทอมป์สันเกี่ยวกับนิยายการต่อสู้ และเริ่มเล่าให้ทอมป์สันฟังเกี่ยวกับนวนิยายที่เป็นเทพนิยาย“ว้าว มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? แล้วหลี่โม่นับเป็นอะไรล่ะ? เขาเรียกว่าเป็นเซียนได้ไหม?”“นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าคุณหลี่จะแข็งแกร่งมาก แต่เขา
“เอ่อ อันนี้ไม่มีวิธีอธิบายจริง ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นกังฟูจริง ๆ ก็ได้ เหมือนบรูซลีไง ฮ่าฮ่าฮ่า”เคลตี้ไม่สามารถอธิบายการตายของนู่หล่างได้ จึงทำได้เพียงโยนไปที่ทักษะการต่อสู้ของหลี่โม่“ดังนั้นสิ่งที่ชูจงเทียนพูดก็ต้องตรวจสอบ ถ้ามันมีอยู่จริงล่ะ? ลองคิดดูนะ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหลี่โม่อยู่แปดพันคน ถ้าพวกเขารวมตัวกันมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน แม้แต่หัวหน้าของพวกเราก็ไปทำอะไรไม่ได้!”หลังจากที่ทอมป์สันพูดด้วยความโกรธจบ เคลตี้ก็มีเหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผาก รู้สึกว่าเมื่อกี้ตนเองคิดง่ายเกินไป“เข้าใจแล้ว จะให้คนไปตรวจสอบดู จะต้องตรวจพบอย่างแน่นอน”หลังจากพูดจบเคลตี้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปบอกให้คนตรวจสอบตามที่ชูจงเทียนพูดทอมป์สันหรี่ตาลงแล้วถาม “เฉินฟู่ล่ะ น่าจะถูกส่งไปที่ห้องทดลองแล้วใช่ไหม?”“ส่งไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดแบบเจาะจง”“งั้นก็โอเค ภารกิจของเราคือการเก็บตัวอย่างเลือดของหลี่โม่ ฉันว่าการแข่งมวยใต้ดินนี้ไม่แน่ว่าจะได้ นายคิดว่ามีวิธีอื่นอีกไหม?”ทอมป์สันไม่รู้ว่าจะจัดการกับหลี่โม่ยังไง กังฟูของหลี่โม่นั้นแข็งแกร่งมาก ผู้คนเยอะมากตกอยู่ในมือของหลี่โม่ ทอมป์สันไม่อยากเสี่ยง