หลี่โม่โบกฝ่ามือไปมารอบ ๆ นู่หล่าง เงาของฝ่ามือมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของนู่หล่างและเสียงกระดูกหัก ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นมองอย่างหวาดกลัวนี่ยังใช่นู่หล่างที่หยิ่งผยองคนนั้นอยู่เหรอ?นี่โดนทุบตีจนกลายเป็นหมาไปแล้ว หมายังไม่น่าเวทนาขนาดนี้เลย!“ทอมป์สัน คุณเห็นแล้วใช่ไหม นี่คือความอัปยศของมังกร นี่คือมังกรทะยานเก้าสวรรค์ นี่คือการเห็นมังกรในนา… นี่คือสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรที่คุณอยากเห็น!”ฝ่ามือสุดท้ายหลี่โม่ตบหลังนู่หล่าง นู่หล่างลอยตกลงไปด้านล่างสังเวียนราวกับว่าวที่เชือกขาดไป ตุ้บ!นู่หล่างล้มลงต่อหน้าทอมป์สัน อ้าปากกระอักเลือดออกมา เลือดสด ๆ กระเซ็นไปบนขากางเกงและรองเท้าของทอมป์สัน ย้อมให้ขากางเกงและรองเท้าของทอมป์สันเป็นสีแดงสดทอมป์สันขยับก้นของเขาตัวสั่นเทาแล้วไปนั่งข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง ให้ตนเองได้อยู่ห่างจากนู่หล่างที่น่าสังเวช“ขะ แข็งแกร่งมาก กังฟูจีนนี่แข็งแกร่งจริง ๆ”ทอมป์สันพยายามยิ้มอย่างเต็มที่ เพียงแต่รอยยิ้มมันดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีกชูจงเทียนหายใจออกยาว ๆ รู้สึกโล่งใจในทันที ความกังวลก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว“คุณทอมป์สัน คุณไม่ต้องกังวลและกลัวมาก
หลังจากที่เฉินเสี่ยวถงพูดจบก็เห็นหลี่โม่เอาแขนลง จึงกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ทันทีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า“ฮึก ๆ อ้อมกอดอบอุ่นจังเลย”ใบหน้าของเฉินเสี่ยวถงเต็มไปด้วยความสุข เธออดไม่ได้ที่จะเอาหน้าถูหน้าอกของหลี่โม่หลี่โม่ก้มหน้าลงมองเฉินเสี่ยวถง อยากจะผลักเฉินเสี่ยวถงออกไปจริง ๆ แต่พอเห็นท่าทางมีความสุขของเฉินเสี่ยวถง หลี่โม่ก็อดทนไว้เวลาแบบนี้ถ้าผลักเฉินเสี่ยวถงออกไป เกรงว่ามันจะทำให้หญิงสาวที่เหมือนเทพธิดาคนนี้เสียใจ ถือเสียว่าให้อ้อมกอดคุณพ่อกับเธอแล้วกันหลี่โม่เงยหน้าขึ้น พยายามคิดว่าเฉินเสี่ยวถงคือซีซีลูกสาวของเขา“มันสบายมาก ฉันอยากจะกอดพี่หลี่โม่ไว้ตลอดไม่ปล่อย ความรู้สึกมันมีความสุขมากกกกกกกก เลย”เฉินเสี่ยวถงปล่อยหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจ เธออยากกอดเขาไว้แบบนั้นตลอดเลยจริง ๆ ถ้าเธอสามารถกอดเขาไว้ได้ตราบชั่วนิรันดร์ก็คงจะดี หลี่โม่ลูบหัวของเฉินเสี่ยวถง ขยี้ให้ผมที่นุ่มสลวยของเฉินเสี่ยวถงยุ่งเหยิง ดูน่ารักมากยิ่งขึ้นไปอีก“เอาล่ะ กอดฉลองจบลงแล้ว เธอน่าจะบอกฉันได้แล้วว่ามาที่นี่ได้ยังไง”“พี่หยุนหลานไปที่ไซต์ก่อสร้าง ฉันอยู่แต่ในห้องทำงานคนเดียวเบื่อมากเลยอยากออก
ทอมป์สันนั่งเก้าอี้สูบบุหรี่อยู่ ดวงตาค่อนข้างเหม่อลอยไม่มีสมาธิ ราวกับว่าสมองของเขาว่างเปล่าชูจงเทียนเดินไปนั่งข้าง ๆ ทอมป์สัน หยิบบุหรี่ออกมาคาบในปากเช่นกัน“ชู กังฟูของพวกคุณมีอยู่จริง ๆ เมื่อกี้กังฟูของหลี่โม่แข็งแกร่งมาก นั่นเป็นสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรใช่ไหม? ดูแล้วทรงพลังมากจริง ๆ ”ทอมป์สันพูดเบา ๆ และทำท่าทางด้วยมือซ้ายที่ว่างอยู่ของเขาหัวของชูจงเทียนเต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรจะคุยกับทอมป์สันต่อไปอย่างไร“น่าจะมีอยู่นะครับ ที่นี่เรามียอดฝีมือผู้เร้นกายอยู่มากมาย ว่ากันว่าในทางลัดจงหนานมีผู้เร้นกายกว่าแปดพันคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ พลังของพวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งมาก คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะถูกเรียกว่าเทพเซียนแห่งแผ่นดิน พวกดาบอมตะอะไรพวกนั้น เป็นสิ่งที่สามารถพลิกทำลายโลกได้”ชูจงเทียนพูดสบาย ๆ ลอกเลียนแบบวิธีที่หลี่โม่บอกทอมป์สันเกี่ยวกับนิยายการต่อสู้ และเริ่มเล่าให้ทอมป์สันฟังเกี่ยวกับนวนิยายที่เป็นเทพนิยาย“ว้าว มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? แล้วหลี่โม่นับเป็นอะไรล่ะ? เขาเรียกว่าเป็นเซียนได้ไหม?”“นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าคุณหลี่จะแข็งแกร่งมาก แต่เขา
“เอ่อ อันนี้ไม่มีวิธีอธิบายจริง ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นกังฟูจริง ๆ ก็ได้ เหมือนบรูซลีไง ฮ่าฮ่าฮ่า”เคลตี้ไม่สามารถอธิบายการตายของนู่หล่างได้ จึงทำได้เพียงโยนไปที่ทักษะการต่อสู้ของหลี่โม่“ดังนั้นสิ่งที่ชูจงเทียนพูดก็ต้องตรวจสอบ ถ้ามันมีอยู่จริงล่ะ? ลองคิดดูนะ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหลี่โม่อยู่แปดพันคน ถ้าพวกเขารวมตัวกันมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน แม้แต่หัวหน้าของพวกเราก็ไปทำอะไรไม่ได้!”หลังจากที่ทอมป์สันพูดด้วยความโกรธจบ เคลตี้ก็มีเหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผาก รู้สึกว่าเมื่อกี้ตนเองคิดง่ายเกินไป“เข้าใจแล้ว จะให้คนไปตรวจสอบดู จะต้องตรวจพบอย่างแน่นอน”หลังจากพูดจบเคลตี้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปบอกให้คนตรวจสอบตามที่ชูจงเทียนพูดทอมป์สันหรี่ตาลงแล้วถาม “เฉินฟู่ล่ะ น่าจะถูกส่งไปที่ห้องทดลองแล้วใช่ไหม?”“ส่งไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดแบบเจาะจง”“งั้นก็โอเค ภารกิจของเราคือการเก็บตัวอย่างเลือดของหลี่โม่ ฉันว่าการแข่งมวยใต้ดินนี้ไม่แน่ว่าจะได้ นายคิดว่ามีวิธีอื่นอีกไหม?”ทอมป์สันไม่รู้ว่าจะจัดการกับหลี่โม่ยังไง กังฟูของหลี่โม่นั้นแข็งแกร่งมาก ผู้คนเยอะมากตกอยู่ในมือของหลี่โม่ ทอมป์สันไม่อยากเสี่ยง
เฉินเสี่ยวถงเช็ดน้ำตาและพูดอย่างน่าสงสาร "รู้แล้วค่ะ ฉันจะไม่ทำอีก ฉันจะเชื่อฟัง แต่อย่าไล่ฉันออกไปเลยนะ"“หยุดเสแสร้งได้แล้ว ถ้ายังเสแสร้งอีก ฉันจะไล่คุณลงจากรถซะ”เฉินเสี่ยวถงบุ้ยปาก ก้มหน้าและกัดฟัน รู้สึกว่าหลี่โม่ทำเกินไปแล้ว เขาเมินสาวสวยไปเลย ใจร้ายจริง ๆ “อาจารย์ กลับบริษัทหรือเปล่าครับ?” คังเหวินซินถาม“ไม่ ไปโรงพยาบาล”หลี่โม่ตั้งจุดหมายการเดินทางให้คังเหวินซินขับตามการนำทางไปไม่นานหลี่โม่ก็พาคังเหวินซินกับเฉินเสี่ยวถงมาที่ห้องผู้ป่วยของซีซี พอซีซีเห็นหลี่โม่ก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ และจุ๊บที่หน้าของหลี่โม่อย่างมีความสุข“พ่อคะ พ่อมาหาหนูแล้ว แล้วลุงกับป้านี่คือใครกันคะ?”ซีซีเอียงหัวมองคังเหวินซินและเฉินเสี่ยวถงแก้มของคังเหวินซินกระตุก โดยคิดว่าเขาน่าจะรุ่นเดียวกับซีซี แค่ไม่รู้ว่าเขาควรจะนับเป็นพี่หรือน้องของซีซีกันแน่?“ซีซี นี่ลูกศิษย์ของพ่อชื่อคังเหวินซิน เรียกเขาว่าพี่ก็พอแล้ว”"คะ?"ซีซีมองคังเหวินซินอย่างระมัดระวัง คังเหวินซินพยายามยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแต่ยังคงความสุภาพอยู่“นี่คือพี่เหรอคะ? แต่เขาดูแก่กว่าพ่ออีก” ซีซีพูดอย่างไร้เดียงสาทันใ
สีท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมท้องฟ้ารถหรูหลายคันที่มีป้ายทะเบียนต่างประเทศขับมาที่สนามกีฬาต่อสู้คนรวยจำนวนนับไม่ถ้วนมาชมการแข่งขันมวยใต้ดินนานาชาติ โดยเฉพาะคนรวยที่ชอบเล่นการพนัน ยิ่งนิสัยร่าเริงของพวกเขาไม่มีใครเทียบได้เลยหลินเจิ้งหนานลงจากรถเบนท์ลีย์โดยมีพ่อบ้านช่วย รายล้อมไปด้วยเหล่าบอดี้การ์ด เดินผ่านพวกคนรวยไปอย่างวางอำนาจคนรวยไม่น้อยรู้สึกว่า หลินเจิ้งหนานวางท่ามากเกินไป ล้วนอยากจะเปิดเผยตัวตนและสั่งสอนหลินเจิ้งหนานสักหน่อย แต่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ หลินเจิ้งหนานโชว์ปืนสั้นและปืนยาวที่พกมา คนรวยทุกคนจึงเงียบไปพวกคนรวยก็พาบอดี้การ์ดมาด้วยเช่นกัน บอดี้การ์ดพวกนั้นก็พกปืน แต่บอดี้การ์ดของพวกเขาพกแค่ปืนสั้นเท่านั้นบอดี้การ์ดรอบตัวหลินเจิ้งหนาน โดยทั่วไปมีปืนกลหนึ่งและปืนพกสองกระบอกที่เอว พลังแบบนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวตนของหลินเจิ้งหนานนั้นไม่ธรรมดาพอเห็นคนรวยที่ยืนขวางหน้าเขาตัวสั่นด้วยความกลัว หลินเจิ้งหนานก็ตะคอกอย่างเย็นชาและเดินเชิดหน้าต่อไป“หึ ตอนนั้นฉันก็ว่าใครหยิ่งผยองขนาดนี้ เสี่ยวหลินจือ นายนี่วางมาดจริง ๆ นะ”ท่านปาเดินเข้ามาท่าทีผยอง ตามมาด้วยกลุ่มบอดี้การ์
ครู่ต่อมาโรลส์รอยซ์กันกระสุนของราชินีมังกรก็ขับเข้ามา หลังจากที่รถจอดแล้ว ท่านปาก็แย้มยิ้มเหมือนราวกับหมาปั๊กแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรถจางเต๋ออู่ลงจากรถก่อน จากนั้นจึงหันกลับมายกแขนขึ้น ให้ราชินีมังกรจับแขนของเขาลงจากรถราชินีมังกรใส่ผ้าคลุมหน้าและเสื้อผ้างดงามลงมาจากรถ เหลือบมองที่หลินเจิ้งหนานและมองท่านปาอย่างไม่พอใจ“นี่คุณพาหมาแมวข้างกายมาหมดเลยหรือไง เตรียมดูถูกตัวเองว่าล้าหลังเหรอ?”“ราชินีมังกร คุณเข้าใจผมผิดแล้ว นี่คือหลินเจิ้งหนานลูกน้องของพี่ชีที่ผมเพิ่งบังเอิญเจอ คนคนนี้หยาบคายกับผมมาก เขายังบอกด้วยว่า เขาจะไปหาพี่ชีให้พูดจาใส่ร้ายผมต่อหน้าคุณ ผมจะไม่เสียใจได้เหรอ?”ท่านปาสีหน้าเศร้าเล็กน้อย "ราชินีมังกรดูสิครับ ตอนนี้ผมไร้อำนาจแล้ว เด็กเหลือขอเบื้องล่างยังกล้าดูถูกผมเลย ต่อไปผมจะพาคนให้ต่อสู้เพื่อคุณได้ยังไง?"หลินเจิ้งหนานตกใจมาก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดอย่างตื่นตระหนก "ราชินีมังกร สิ่งที่ท่านปาพูดไม่เป็นความจริงนะครับ ถ้าเขาไม่เอาข่าวการตายของลูกชายผมมาพูด ผมคงไม่พูดจาแบบนั้นกับท่านปา"จางเต๋ออู่โน้มตัวไปข้างหูราชินีมังกร เล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการตายของคุ
จางเต๋ออู่เบิกตากว้าง จ้องมองชูจงเทียนที่กำลังก้มหัวแล้วตะโกนขึ้น “พูดอะไรของคุณ? หลี่โม่เข้ารอบไปโดยอัตโนมัติแล้วงั้นเหรอ? พวกเราเดินทางมาตั้งไกลถึงที่นี่ก็เพื่อดูการแข่งของหลี่โม่ แต่คุณกลับบอกเราว่า เขาเข้ารอบไปด้วยโดยอัตโนมัติแล้ว! พวกคุณกล้าทำตัวไม่เป็นอาชีพขนาดนี้ได้ยังไง!” “ขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ พวกเราเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้” ชูจงเทียนโค้งคำนับขอโทษไม่หยุด เมื่อเผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตที่เขาไม่รู้แม้แต่สถานะตัวตน ชูจงเทียนก็ไม่กล้าล่วงเกินแม้แต่น้อย และยอมถ่อมตัวต่ำเตี้ยราวกับเป็นเพียงฝุ่นผงอย่างไรอย่างนั้น เดิมทีจางเต๋ออู่นึกอยากจะดูหลี่โม่ถูกอัดน่วมอยู่บนสังเวียน แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นข่าวที่ว่าหลี่โม่เข้ารอบไปโดยอัตโนมัติแล้ว นี่ทำให้จางเต๋ออู่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พวกแก ไอ้พวกระยำ คงจะไม่ได้เล่นสกปรกกับการแข่งขันหรอกนะ! ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกเล่นสกปรกกับการแข่งขัน ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!” “ไม่กล้าหรอกครับ ไม่กล้า ต่อให้ผมอยากจะเล่นสกปรก คณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันก็ไม่มีทางยอมหรอกครับ เป็นเพราะว่าเมื่อวานเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง ๆ