กู้เจี้ยนกั๋วถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ “สำหรับคุณแล้วมันก็ง่ายแค่นี้แหละ แต่คุณจะต้องไม่ทำให้หลี่โม่รู้สึกเคลือบแคลงอะไร ถ้าเขาสงสัยขึ้นมา วิธีการมากมายก็จะไร้ประโยชน์” จางเต๋ออู่หรี่ตาลงพลางเอ่ย กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าหากตนออกหน้าบอกให้หลี่โม่เข้าร่วมงานเลี้ยงเอง น่ากลัวว่าไม่ว่าอย่างไรหลี่โม่ก็ต้องเกิดระแวดระวังขึ้นมาแน่ “ผมจะกลับไปคิดหาวิธีและจะพยายามหาวิธีที่ทำให้หลี่โม่เชื่อใจอย่างเต็มที่” กู้เจี้ยนกั๋วเกาหัวพลางเอ่ยขึ้น “ถ้าคุณคิดไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีที่สุด ทางผมจะได้เตรียมให้ความร่วมมือ” "ผมได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมรุ่นของกู้หยุนหลานกำลังจะหมั้น ถ้างานเลี้ยงที่คุณเตรียมไว้สามารถกลบเกลื่อนว่าเป็นงานหมั้นของเพื่อนร่วมชั้นกู้หยุนหลานได้ ผมคาดว่าหลี่โม่คงจะไม่ระแวดระวังหรอก” กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอย่างหนักเป็นเวลานานและนึกถึงเนื้อหาในตอนที่กู้หยุนหลานรับโทรศัพท์เมื่อวานนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงเล่าสถานการณ์ทั้งหมดออกมา จางเต๋ออู่พยักหน้า “เอาชื่อสกุลและข้อมูลติดต่อของเพื่อนร่วมรุ่นของเขาให้ผม แล้วผมจะให้คนไปจัดการเอง” "ผมรู้แค่ว่าเพื่อนร่วมรุ่นกู้หย
เฉาเสวี่ยเฟยวางสาย มองพ่อแม่สามีในอนาคตที่นั่งตรงข้ามอย่างตึงเครียด “หนูติดต่อไปแล้วค่ะ พรุ่งนี้หยุนหลานจะมางานเลี้ยงแน่นอน นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงเลื่อนงานหมั้นของพวกเราเข้ามาล่ะ” จ้าวเจียหมิงใช้เท้าสะกิดเฉาเสวี่ยเฟยเบา ๆ “เสวี่ยเฟย อย่าถามมากเลย นี่เป็นวันที่คนในบ้านเชิญซินแสมากำหนดฤกษ์ให้นะ" แววตาของเฉาเสวี่ยเฟยวาบประกายความสงสัย แต่เพราะคู่หมั้นของเธอพูดเช่นนั้น เฉาเสวี่ยเฟยจึงไม่อาจสืบถามต่อไปได้ "เสวี่ยเฟย คุณโทรเชิญคนรู้จักต่อเถอะ เชิญคนรู้จักในกรุงโซลมาให้หมด พอเปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ก็คงจะเร่งรีบไปหน่อย แต่เรายังต้องเชิญผู้คนให้เยอะ ๆ จะได้ครื้นเครงกัน” เฉาเสวี่ยเฟยพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรต่อ พ่อแม่ของจ้าวเจียหมิงลุกยืนขึ้นแล้วออกจากห้องไปด้วยกัน หลังจากทั้งสองกระซิบกระซาบกันไม่กี่คำ พ่อของจ้าวเจียหมิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความ ข้อความถูกส่งผ่านเป็นทอด ๆ สุดท้ายก็มาถึงโทรศัพท์มือถือของจางเต๋ออู่ หลังจากอ่านข้อความจบจางเต๋อหวู่ก็ผิวปาก คิ้วยกสูง "ให้คนเตรียมตัวได้ วางแผนเพิ่มอีกสองสามแผน จะต้องสังหารหลี่โม่ให้ได้!" "ครับ" ลูกน้อ
ความสนใจของจ้าวเจียหมิงไปอยู่ที่ตัวกู้หยุนหลานทั้งหมด ถูกทุก ๆ รอยยิ้มของกู้หยุนหลานดึงดูดไว้หลี่โม่ก้าวเข้าไปก้าวหนึ่งเพื่อกั้นสายตาของจ้าวเจียหมิงเอาไว้จ้าวเจียหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของหลี่โม่ เพียงแต่ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเกิดความขัดแย้งกับหลี่โม่ดังนั้นจ้าวเจียหมิงจึงทำได้เพียงเก็บความโกรธไว้ในใจสายตาของจ้าวเจียหมิงเคลื่อนไปมองทางคนสองคนที่อยู่ไม่ไกล ตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีคนที่จ้าวเจียหมิงมองก็คือลูกน้องจางเต๋ออู่ที่ส่งมาสร้างเรื่อง แม้ว่าจ้าวเจียหมิงกับสองคนนั้นจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่ก็รู้ว่าเป้าหมายของสองคนนั้นก็คือเพื่อสร้างความขัดแย้งกับหลี่โม่“พอดีเจอคนคุ้นเคยสองคนน่ะ ผมจะไปทักทายหน่อยนะ”จ้าวเจียหมิงพูดจบก็รีบเดินไปหาสองคนนั้นเลยหลี่โม่ชำเลืองมองสองคนนั้นและไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา เขาเอามือไพล่หลังฟังกู้หยุนหลานกับเฉาเสวี่ยเฟยคุยเล่นกันจ้าวเจียหมิงเดินไปถึงข้าง ๆ ของสองคนนั้นแล้วกระซิบพูด “พี่หวัง พี่ฮวา เด็กนั่นคือหลี่โม่ อวดดีมาก ๆ ”“อืม รู้แล้ว พาพวกเราไปหาหน่อย”จ้าวเจียหมิงพาพี่หวังกับพี่ฮวาเดินกลับไป เขาพูดอย่างยิ้ม ๆ “เสวี่ยเฟ
“วันที่เป็นงานหมั้นของเพื่อนหยุนหลาน ฉันไม่อยากจะลงมือกับใคร พวกแกอย่ามาหาเรื่องเจ็บตัวจะดีกว่า” หลี่โม่พูดเสียงเย็นชาพี่หวังหัวเราะอย่างดูถูก มองหลี่โม่อย่างเหยียดหยามแล้วพูด “พูดเหมือนแกต่อยตีเก่งเลยนะ ถ้าแกเก่งนักก็มาดวลเหล้ากับพวกเราสิ เรามาวัดความแตกต่างกันบนโต๊ะเหล้ากันดีกว่า”“ได้”หลี่โม่รับคำท้า ด้วยท่าทางที่จะทำให้ดีที่สุด“งั้นก็เข้าไปนั่งโต๊ะด้วยกันเลย ให้พวกเราดูความสามารถในการดื่มของแกหน่อย ถ้าแกดื่มแพ้พวกเรา พวกเราจะจับแกแก้ผ้าไปทิ้งไว้บนถนน ให้ทุกคนได้เห็นสภาพของแกเลยเป็นไง”พี่ฮวาพูดอย่างภูมิใจ ไม่ได้เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาเลยทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หาโต๊ะว่างแล้วเดินไปนั่ง พี่หวังกับพี่ฮวานั่งอยู่ฝั่งขวามือของหลี่โม่ กู้หยุนหลานนั่งอยู่ซ้ายมือของหลี่โม่พี่ฮวาเปิดเหล้าขาวขวดหนึ่งบนโต๊ะ จากนั้นก็ตะโกนเรียกพนักงาน “เอาเหล้าขาวมาที่นี่หนึ่ง แล้วเอาเครื่องแบ่งเหล้ามาสองอันนะ”“พวกเราดื่มเหล้าใช้เครื่องแบ่งเหล้าดื่มตลอด ดื่มหนึ่งครั้งก็จะใช้เครื่องแบ่งเหล้าหนึ่งแก้ว ไม่รู้ว่าแกจะโอเคไหม”พี่หวังหยิบเครื่องแบ่งเหล้าไปวางตรงหน้าหลี่โม่เครื่องแบ่งเหล้าหนึ
“เป็นผู้ชายทำไมจะไม่ได้ ดื่มเอาชนะพวกมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก” หลี่โม่พูดอย่างมั่นใจ“ฮ่าฮ่าฮ่า”พี่หวังหัวเราะเสียงดัง เอาเครื่องแบ่งเหล้ามาจับไว้ “มาสิ ในเมื่อแกมั่นใจขนาดนั้น งั้นเราก็มาเริ่มกันเลย”หลี่โม่จับเครื่องแบ่งเหล้าเช่นกัน แล้วดื่มเหล้าจนหมดติด ๆ กันกับพี่หวังพี่ฮวารีบจับเครื่องแบ่งเหล้าด้วย พี่หวังจับขวดเหล้าเทลงไปในเครื่องแบ่งเหล้าของหลี่โม่ภายในห้องทำงานของผู้จัดการโรงแรม จางเต๋ออู่นั่งไขว่ห้างมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่“พวกแกให้ฉันดูอันนี้เหรอ? สิ่งที่ฉันอยากดูคือมันตายโหง”คนชุดดำคนหนึ่งโค้งคำนับแล้วพูด “การดื่มเหล้าเป็นเพียงแค่ขั้นแรกครับ รอสักครู่อาหารที่เข้ามาเสิร์ฟจะมีอาหารที่ลดการทำงานของตับไตและกระตุ้นให้เกิดสุราเป็นเป็นพิษ พนักงานจะไปเสิร์ฟชาด้วยครับ ดื่มชาแล้วจะยิ่งไปเร่งแอลกอฮอล์ในไต และจะซ้ำให้สุราเป็นพิษทำให้ตายเร็วขึ้นครับ”จางเต๋ออู่พยักหน้าเล็กน้อย “แบบนี้ก็พอได้ ยังมีแผนเตรียมการไว้อีกไหม? ถ้าเขาไม่ได้สุราเป็นพิษ งั้นก็ต้องใช้แผนสำรองนะ”“แผนสำรองมีสองชุดครับ เหล้าอันต่อไปจะเป็นเหล้าเจ็ดสิบห้าดีกรี โดยทั่วไปแล้วอัตราการเกิดพิษสุรานั้นเกือบร้อยเปอร
จางเต๋ออู่จ้องหน้าจอ เห็นหลี่โม่ดื่มชาแล้วแถมยังกินอาหารอีกไม่น้อย มุมปากกระตุกรอยยิ้มที่แผนการสำเร็จ“นานแค่ไหนเขาถึงจะสุราเป็นพิษ?”“ดูจากดีกรีรวมถึงปริมาณของเหล้าที่เขาดื่มอยู่ตอนนี้ คาดว่าอย่างมากก็ครึ่งชั่วโมงจะแสดงอาการครับ ภายในหนึ่งชั่วโมงถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันการก็จะตาย โรงพยาบาลใหญ่ที่ใกล้ตรงนี้ที่สุด ขับรถไปก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งดังนั้นขอแค่สุราเป็นพิษแล้ว เขาก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”จางเต๋ออู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุที่ผิดคาดอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาถูกส่งขึ้นรถ แกก็ไปคิดวิธีทำให้รถเกิดอุบัติเหตุซะ”“เรื่องนี้ พวกเรามีเตรียมไว้แล้ว รถดัมพ์สามคันเตรียมรออยู่แล้วครับ”“ดีมาก”จางเต๋ออู่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก “ขอแค่หลี่โม่ตาย แดนมังกรก็จะเปลี่ยนเป็นสกุลจางแล้ว!”บนหน้าจอ พี่หวังกับพี่ฮวาหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้ว ดื่มไปเยอะจนแย่แล้ว ส่วนหลี่โม่เพียงแค่หน้าแดงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนหน้าผากก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่แกส่งไปทำไมดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วล่ะ”จางเต๋ออู่ขมวดคิ้ว อารมณ์ดี ๆ เมื่อกี้ห
พวกแขกทั้งหลายวิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นานา สายตามองไปที่หลี่โม่ หลี่โม่ดื่มไปเยอะขนาดนั้น ถ้าพูดถึงพิษสุราก็น่าจะเป็นหลี่โม่ที่จะเป็นคนแรกจ้าวเจียหมิงกับแสวี่ยเฟยเดินแหวกบรรดาแขกที่ล้อมอยู่แทรกเข้าไป จ้าวเจียหมิงเห็นพี่หวังหัวทิ่มลงในจานอาหาร ส่วนพี่ฮวาก็ดื่มจนไปอยู่ใต้โต๊ะ สายตาก็จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งเฉาเสวี่ยเฟยเดินไปข้าง ๆ กู้หยุนหลาน หลังจากมองหลี่โม่แล้วก็พูด “ขอโทษนะหยุนหลาน ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ หลี่โม่ไหวหรือเปล่า? ให้ฉันหาที่พักให้แล้วให้เขาไปนอนพักผ่อนไหม?”“ไม่ต้องหรอก ฉันพาเขาไปโรงพยาบาลดีกว่า ได้ยินพวกเขาพูดเรื่องสุราเป็นพิษอะไรนั่น ฉันกังวลใจมากเลย”“งั้นฉันหาคนช่วยเธอพยุงหลี่โม่ออกไปนะ ไม่อย่างนั้นเธอคงพยุงไปไม่ไหวแน่”กู้หยุนหลานพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเฉาเสวี่ยเฟยหลี่โม่โบกมือเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องพยุงหรอก”“อย่าดื้อ เชื่อฟังกันหน่อย ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันไม่ให้คุณนอนด้วยนะ”กู้หยุนหลานพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลี่โม่หัวเราะแห้ง ๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากต่อกู้หยุนหลานหยิบกระดาษมาช่วยหลี่โม่เช็ดเหงื่อ “คุณดูความดื้อ
ท่านปานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างเบื่อหน่ายเพื่อหลบจางเต๋ออู่ ท่านปาเตรียมตัวว่าจะแกล้งป่วยไปตลอดจนกว่าราชินีมังกรจะกลับมาถึงกรุงโซลผู้ช่วยเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างเร่งรีบ พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “ท่านปาครับ ดูเหมือนว่าจางเต๋ออู่จะลงมือกับหลี่โม่แล้ว”“อะไรนะ!”ท่านปาพลิกตัวลงจากเตียง สายตาเฉียบคมจ้องไปที่ผู้ช่วย“จางเต๋ออู่กล้าได้ยังไง! หรือว่าราชินีมังกรเป็นคนสั่ง แต่ก็ไม่น่าใช่นะ ถ้าเป็นเจตนาของราชินีมังกร งั้นเธอก็ไม่วางแผนมาที่กรุงโซลแล้ว! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ความรู้สึกของท่านปาค่อนข้างไม่มั่นคง ถ้าหลี่โม่ตายในมือของจางเต๋ออู่ อย่างนั้นเขาก็ไม่มียาแก้พิษโอสถคร่าวิญญาณให้กินแล้วน่ะสิ'ให้ตายเถอะ ทำไมไอ้บ้าจางเต๋ออู่นี่มันถึงได้เป็นตัวปัญหาแบบนี้นะ!' ท่านปาบ่นในใจ รู้สึกว่าตนเองไม่ควรมาที่กรุงโซลเลย“พวกเราวิเคราะห์กันว่าจางเต๋ออู่อยากจะฆ่าหลี่โม่ด้วยตัวเอง เพียงแต่ข้างกายเขามีผู้คุ้มกันสี่คน ไม่ได้มีกำลังคนมาก อีกทั้วิธีที่เขาฆ่าหลี่โม่ก็เป็นวิธีสร้างอุบัติเหตุขึ้นอีก คนที่ไปจับตามองหลี่โม่รายงานว่า พวกเขายั่วยุให้หลี่โม่มาดวลเหล้า ทำให้หลี่โม่ดื่มเหล้าขาวดีกรีสูงไปถึง