แชร์

บทที่ 5

หลี่โม่อึ้งไปเล็กน้อย และมองไปที่กู้หยุนหลาน เขาเห็นสายตาของเธอที่จ้องมาที่เขาอย่างแปลก ๆ

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี่? แล้วเขาเป็นใคร?” กู้หยุนหลานดูค่อนข้างไม่พอใจ

เธอพูดกับหลี่โม่ไม่ดีเลยตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เพราะเขาทำให้เธอต้องเดือดร้อน ทั้งจากสายตา และการเยาะเย้ยของคนอื่น หัวใจของเธอได้ตายไปจากหลี่โม่แล้ว

แต่ตอนนี้หลี่โม่กลับยืนอยู่ข้าง ๆ รถโรลส์-รอยซ์

นี่......

หลี่โม่เกาหัวอย่างช้า ๆ สายตาของเขามองไปที่เฉียนฝูที่อยู่ด้านข้าง

เฉียนฝูยิ้มทันที และพูดว่า “น้องชาย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ ฉันขอตัวก่อน ถ้านายต้องการอะไรในอนาคตก็โทรหาฉันได้เลยนะ”

หลังจากนั้นเฉียนฝูก็กลับเข้าไปในรถ

รถโรลส์-รอยซ์ค่อย ๆ ขับออกไป

หลี่โม่ยิ้มและอธิบายว่า "ชายชราเขาไม่รู้ทาง ผมก็เลยบอกทางให้เขา"

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้กู้หยุนหลานก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก

มันยากที่จะเชื่อ เป็นไปได้ไหมว่าสามีของเธอจะเป็นเศรษฐีรุ่นสองผู้ลึกลับ?

ทันใดนั้น เสียงแหลมไม่น่าฟังก็ดังขึ้นมา "หยุนหลาน นี่คือสามีไร้ประโยชน์ของเธอใช่ไหม?"

เป็นคำพูดที่มาจากผู้หญิงที่แต่งตัวดี และทันสมัย เธอมีผมหยักศกลอนใหญ่ ริมฝีปากสีแดงเพลิง สวมแว่นกันแดดทรงกว้าง และใส่ชุดเดรสที่ดูเปรี้ยวจี๊ด ที่มีเสื้อชั้นในสีดำ และกางเกงขายาวสุดฮอตสีขาว ขาของเธอเรียวยาวกับกางเกงสีขาวนวลสะท้อนแสงแดดให้มีความเงาวาว

สีหน้าของกู้หยุนหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างฝืน ๆ พร้อมทัดผมไปหลังหูและแนะนำเขาว่า "อืม เขาชื่อหลี่โม่ เขา..."

ดูเหมือนมันยากที่จะพูดว่าเขาเป็นสามีของเธอ

ผู้หญิงคนนั้นยืนกอดอกจึงทำให้หน้าอกของเธอดูเต็มอิ่มยิ่งขึ้น เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า "หยุนหลาน เธอนี่ไม่ระวังเลยนะ ไปแต่งงานกับผู้ชายไร้ค่าแบบนี้ได้ยังไง หรือว่าผู้ชายดี ๆ ในประเทศนี้ตายกันไปหมดแล้ว?”

จินช่านน่า ลูกสาวของตระกูลจินแห่งเมืองฮั่นที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เธอเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อ และเพิ่งกลับมาที่ประเทศจีนไม่กี่วันมานี้

เธออยากจะเจอสามีที่ไร้ค่าของกู้หยุนหลานที่คนเขาร่ำลือกัน แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอกับเขาในวันนี้เลย

เมื่อมองดูแล้ว เขามันก็เหมือนขี้แพ้จริง ๆ นั่นแหละ

กู้หยุนหลานไม่ได้อธิบายต่อ เธอเหลือบมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

ทำไมเขาถึงไม่มีความละอายใจเลย?

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอก็คงไม่ต้องอับอายต่อหน้าเพื่อนรักของเธอ

หลี่โม่ยิ้มและพูดว่า "หยุนหลาน ผมกลับไปทำงานต่อก่อนนะ ส่วนเรื่องการรักษาของซีซี ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ผมจะใช้ไขกระดูกของผมในการรักษา"

“ไม่มีปัญหาแล้ว?” กู้หยุนหลานประหลาดใจเล็กน้อย และพูดว่า “คุณปู่ยอมให้ใช้ไขกระดูกของคุณได้ยังไง?”

หลี่โม่จึงอธิบายว่า "ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลบอกให้ทำตามกฎข้อบังคับของโรงพยาบาล"

เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็มองจินชานน่าอย่างมีความหมายแล้วเดินจากไป

หลังจากที่หลี่โม่เดินจากไป กู้หยุนหลานก็ยังคงไม่เข้าใจ เธอจึงรีบไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับเพื่อนรักทั้งสองของเธอ หลังจากยืนยันเรื่องนี้ได้แล้วเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“หยุนหลาน ที่ฉันพูดไม่ได้อะไรนะ แต่ถ้าเธอรีบหย่ากับเจ้าหลี่โม่ไร้ประโยชน์นั่นซะ ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักผู้ชายดี ๆ สักคนเอง พวกนายน้อยมั่งคั่งและมีอำนาจในเมืองฮั่น ถ้าเธอคิดว่ายังไม่ดี ฉันยังมีเพื่อนต่างชาติที่ทั้งหล่อทั้งรวย และเก่งด้วยนะ ”

ในห้องผู้ป่วย จินช่านน่ายืนอยู่ข้าง ๆ และยืนมองกู้หยุนหลานที่กำลังดูแลซีซีอย่างอ่อนโยน

ซุนเจี๋ย หญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เห็นด้วย และพูดว่า “ใช่ หยุนหลาน นี่ก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ควรค่ากับมันเลย ถึงเวลาที่เธอต้อตัดสินใจแล้วนะ”

กู้หยุนหลานหยุดไปครู่หนึ่งแล้วมองซีซีที่หลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอแตะหน้าผากอันรียบเนียนของเด็กน้อยเบา ๆ และพูดด้วยดวงตาที่เปียกชื้น "ฉันจะไม่หย่ากับเขา เราแต่งงานกันมาสี่ปีแล้ว ความรู้สึกของเรามันไม่ใช่ของปลอม และเขาก็จะเป็นพ่อของซีซีตลอดไป ยกเว้นว่าเขาจะไม่ต้องการพวกเราแล้ว"

เมื่อได้ยินแบบนี้จินช่านน่าก็กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด และพูดว่า "หยุนหลาน ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้! ไอ้หลี่โม่นั่นมันมีอะไรดี?"

กู้หยุนหลานหันกลับมามองจินช่านน่าที่กำลังอารมณ์เสียอยู่ และพูดว่า "เอาล่ะ นาน่า ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อฉัน แต่นี่มันเป็นเรื่องของฉัน"

จินช่านน่าอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็อดไว้ "ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม แต่ฉันจะไม่ล้มเลิกพยายามที่จะแยกพวกเธอออกจากกัน! เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอตกลงไปในโคลนตมแน่! "

กู้หยุนหลานไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอเข้าใจว่าจินช่านน่าใจดี และหวังดีกับเธอจริง ๆ

แต่มันมีบางอย่าง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเธอกับหลี่โม่ที่กู้หยุนหลานเองก็สับสนมากเช่นกัน

ในตอนเย็น หลี่โม่กลับบ้านพร้อมมากับถุงแอปเปิล ก่อนที่จะเข้าบ้านเขาได้ยินเสียงในบ้านดังออกมา

“หยุนหลาน เรื่องนี้ลูกต้องเชื่อฟังแม่ พรุ่งนี้ลูกจะต้องหย่ากับไอ้เจ้าไร้ประโยชน์นั่น! กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลกู้ของเรากันเถอะ แม่ทนมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!”

มันเป็นเสียงของแม่ยายหวังฟางซึ่งฟังดูเหมือนเธอกำลังโกรธจัด

“ดูอย่างวันนี้สิ ที่โรงพยาบาล ไอ้หลี่โม่นั่น มันทำให้แม่อับอายขายขี้หน้ามาก แทบจะรู้กันทั่วเมืองฮั่นอยู่แล้ว วันนี้ลูกก็เห็นทัศนคติของหลี่โม่ที่มันมีต่อคุณปู่แล้วนี่ มันทำให้บ้านเราเดือดร้อนขนาดไหน?! อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประชุมสรุปกลางปีของตระกูลกู้แล้ว จะมีการเลือกรองประธานบริษัทคนใหม่ ในจุดนี้ หลี่โม่ไม่คำนึงถึงความเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ หยุนหลาน แกยังอยากเป็นอยู่ไหม? แกต้องหย่ากับเขาซะ!”

หวังฟางกำลังระเบิดความโกรธออกมา จากนั้นเธอหันหลังกลับ และออกจากประตูห้องของกู้หยุนหลาน เธอตะโกนใส่กู้เจี้ยนหมินสามีของเธอซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา

กู้เจี้ยนหมินก้มหน้าลง เขาแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์อย่างจริงจัง และไม่พูดตอบโต้อะไร

เขาเป็นคนทั่วไปที่มีการควบคุมจากภรรยาอย่างเข้มงวด ไม่มีอำนาจในบ้าน เพราะภรรยาของเขาคือหวังฟางจะเป็นคนจัดการทุกเรื่องเอง

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเกิดมาพร้อมกับความอ่อนแอ และเขาไม่สามารถสู้หน้ากับเสืออย่างหวังฟางได้เลย

เมื่อเห็นกู้เจี้ยนหมินไม่พูดอะไร หวังฟางก็ยิ่งโกรธ เธอเดินเข้าไปฉีกหนังสือพิมพ์ในมือเขา และด่าเขาว่า “ดูคุณซิ กลับบ้านมาทุกวันก็เอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ ทำไมคุณถึงไม่สนใจเรื่องในครอบครัวบ้าง หยุนหลานไม่ใช่ลูกสาวของคุณหรือไง?”

กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างสิ้นหวัง “ทำไมผมจะไม่สนใจ แต่เรื่องนี้เราบังคับเธอไม่ได้ หยุนหลานจะต้องเป็นคนพูดออกมาเอง”

หวังฟางไม่สนใจ และตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว “ฉันไม่สน ลูกสาวของเราต้องหย่ากับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่น สี่ปีที่ผ่านมา มีคนดูถูกเหยียดหยาม และเยาะเย้ยครอบครัวของเรามามากขนาดไหน มันยังไม่พออีกใช่ไหม?”

หลังจากพูดอย่างนั้นหวังฟางก็หลั่งน้ำตาออกมา เธอนั่งลงบนโซฟา และร้องไห้อย่างขมขื่น "กู้เจี้ยนหมิน ถ้าคุณยังเป็นลูกผู้ชาย คุณต้องตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด! ลูกสาวของเราทำงานหนักมาก และตอนนี้ซีซีก็ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลี่โม่ ไอ้ขยะนั่น! เธอควรจะได้แต่งงานกับคนร่ำรวยและได้ใช้ชีวิตแบบภรรยาเศรษฐี เราเองก็จะได้มีชีวิตที่สะดวกสบายได้เช่นกัน คุณอยากที่เห็นหยุนหลานทำงานเหนื่อยจะตายทุกวัน แล้วยังต้องทนกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากญาติพวกนั้นจริง ๆ เหรอ? ถึงคุณจะไม่เจ็บปวดแทนเธอ แต่ฉันเจ็บ!"

ตระกูลกู้มีบริษัทที่ทำธุรกิจหลักเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเมืองฮั่น กู้หยุนหลานต้องไปที่โรงงาน ฐานผลิตยา และตลาดทุกวัน ซึ่งมันเหนื่อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะหลี่โม่ทำให้บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้มีสถานะในตระกูลที่ต่ำมากแม้แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับมรดกของคุณท่านกู้ก็ไม่มีส่วนแบ่งของกู้หยุนหลานเลย

เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้เจี้ยนหมินก็นิ่งเงียบ เพราะเธอเป็นลูกสาวของเขา

ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น กู้หยุนหลานที่กำลังขังตัวเองอยู่ในห้องก็เปิดประตูออกมา และเดินมาที่ห้องนั่งเล่น

เธอมองไปที่หวังฟางซึ่งกำลังโกรธจัด และกู้เจี้ยนหมินที่ขมวดคิ้วอย่างจริงจัง "พ่อคะ แม่คะ หนูจะไม่หย่ากับหลี่โม่!"

เมื่อได้ยินแบบนี้หวังฟางก็ยิ่งหงุดหงิด และตะโกนว่า “หยุนหลาน แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ถ้าแกไม่หย่ากับมัน แกยังอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือกับไอ้คนไร้ค่าแบบนั้นไปตลอดชีวิตหรือไง?!”

“แม่คะ หนูไม่ได้พูดไร้สาระ หนูรักหลี่โม่ แม้ว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาหนูจะถูกญาติ และเพื่อน ๆ ต่อว่า และเยาะเย้ยเพราะเขา แต่เขาก็เป็นสามีของหนู และเป็นพ่อของซีซี!”

“ตลอดสี่ปี เขาอยู่ที่บ้านนี้อย่างเงียบ ๆ เคยมีเรื่องมีราวบ้างไหม?”

“แม่ดูถูกเขา คุุณปู่ดูถูกเขา ทุกคนดูถูกเขา แต่หนูจะไม่ทำ!”

หลี่โม่ที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาถือแอปเปิลในมือ และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาเปียกชื้น เขาจึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เขาหัวเราะ ตลอดสี่ปีผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เธอรักเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะสร้างความลำบากใจให้เธอไม่รู้จบก็ตามที

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้

ทั้ง ๆ ที่เขาสัญญากับเธอว่าชีวิตของพวกเราจะเจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะว่างเปล่า

หลี่โม่กำหมัด ดวงตาของเขาแสดงถึงความจริงจัง ‘กู้หยุนหลานเชื่อผมสิ คำมั่นสัญญาของผมที่ให้ไว้กับคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก!’

แต่ตอนนี้ในห้องนั่งเล่น กู้หยุนหลานกำลังหลั่งน้ำตาออกมาดั่งดอกแพร์ท่ามกลางสายฝน ไปที่หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินแล้วพูดว่า "แม่คะ พ่อคะ พ่อกับแม่ไม่เข้าใจหรอก หนูรักเขา หนูรอเขา รอที่จะได้บอกทุกคนอย่างยุติธรรมว่าเขาเป็นพ่อของซีซี และเป็นสามีของหนู กู้หยุนหลาน...”

จากนั้นทั้งห้องก็เงียบลง

แม้ว่าบนใบหน้าหวังฟางจะยังคงมีความไม่พอใจอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกหลังจากที่ได้ยินคำพูดของกู้หยุนหลาน

ในเวลานี้ หลี่โม่ก็เปิดประตู และยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มราวกับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น เขามองไปที่กู้หยุนหลาน และเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เขาเดินขึ้นไปหาเธอ และค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ

“หลี่โม่ คุณสัญญากับฉันได้ไหม? เพื่อฉัน และซีซี”

“ฉันไม่อยากทนกับการเยาะเย้ยพวกนั้นอีกแล้ว ไม่อยากให้ซีซีเรียกคุณว่าลุงตามที่พวกเขาบอก ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นพ่อของซีซี และเป็นสามีของฉัน กู้หยุนหลาน และคุณก็ไม่ใช่คนไม่เอาไหน”

ดวงตาของกู้หยุนหลานเป็นสีแดงก่ำ และเต็มไปด้วยน้ำตา

"ผมสัญญา"

หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง เขาเหลือบมองกู้หยุนหลานอย่างอ่อนโยน และหันหลังกลับเดินออกไป

***ดั่งดอกแพร์ท่ามกลางสายฝน เป็นสำนวนจีนที่บรรยายถึงหญิงสาวที่ร้องไห้แต่ก็ยังงดงามด้วยใบหน้าที่ละเอียดอ่อน
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ไพโรจน์ อุตชาวสาน
ทำไหมชอบเขียนให้เขาดูถูกจิง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status