หลังจากพูดคุยพี่เปียวพูดจบก็จ้องไปที่กู้เจี้ยนกั๋วและลูกชายแวบหนึ่ง จากนั้นใช้มือขวาตบบนโต๊ะ “ลูกน้องของผมต่างบอกว่า พวกเขาต่างโดนคนคนนึงอัดจนบาดเจ็บสาหัส ยอดฝีมือคนเดียวแต่สามารถล้มคนหลายสิบคนในรวดเดียวได้ พวกคุณก็ลองคิดดูเองว่าประสิทธิภาพการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน” “และผมก็ตรวจสอบแล้วด้วยว่าผู้ชายคนนั้นไม่เพียงแต่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เบื้องหลังเขาก็ไม่ธรรมดา ช่วยพวกคุณจัดการเรื่องนี้ ผมไม่เพียงแต่สูญเสียลูกน้องเท่านั้น แต่ยังทำให้หลายคนขุ่นเคืองด้วย” กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยชำเลืองมองกันและกัน ต่างคิดไม่ออกว่าคนที่พี่เปียวพูดถึงนั้นเป็นใครไปได้ “เราไม่รู้จริง ๆ ว่ามีคนยอดฝีมืออยู่ที่นั่น ยอดฝีมือที่คุณพูดถึงคือใคร?” กู้ซิ่งเหว่ยถามกลับ “คนคนนั้นก็คือคุณชายหลี่ พวกคุณไม่รู้จักเหรอ?” พี่เปียวขมวดคิ้วและพูดตอบ “คุณชายหลี่? อย่าบอกนะว่าเป็นหลี่โม่? นั่นคือคนไร้ประโยชน์นี่ พี่เปียวคุณเล่นตลกอะไรอยู่?” กู้ซิ่งเหว่ยเคาะโต๊ะและตะโกนต่อว่า กู้เจี้ยนกั๋วคว้าซิ่งเหว่ยไว้ แล้วจ้องไปยังพี่เปียวที่อยู่ตรงข้ามและพูดว่า "ดังนั้นคุณเลยกลัวแล้ว? ไม่กล้าที่จะโจมตีพวกเขาอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่โม่เตรียมอาหารเช้าเสร็จและจัดเรียงวางไว้บนโต๊ะอาหาร หวังฟางนั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหาร แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก และใช้สายตาไม่พอใจมองไปยังหลี่โม่ “คนไร้ประโยชน์แบบแกไม่มีความเป็นผู้ชายหลงเหลืออยู่เลย ผู้ชายบ้านคนอื่นออกไปทำงานหนักนอกบ้านและผู้หญิงทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน แล้วแกล่ะ? ให้หยุนหลานออกไปทำงานหนักนอกบ้าน แกทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน แกมีความรู้สึกละอายใจสักนิดไหม?” หลี่โม่ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร จากนั้นหันกลับเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบ ๆ กู้หยุนหลานที่เก็บของเสร็จแล้วเดินออกจากห้องครัว จากนั้นเหลือบมองแผ่นหลังของโม่ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “แม่คะ หยุดว่าเขาเถอะค่ะ” “ไม่ว่ามันแล้วให้ว่าใคร แค่มองดูท่าทางคนต่ำต้อยของมันก็ทำให้ฉันโมโหแล้ว ฉันไม่เคยเจอผู้ชายไร้ประโยชน์แบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ หนำซ้ำยังปล่อยให้คนไร้ประโยชน์แบบนี้มาเป็นลูกเขยของฉันอีก นี่มันช่างเป็นความอัปยศในชีวิตของฉันจริง ๆ เลย!" “หยุนหลาน แกยังทนใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกเหรอ? แกหยุดแสแสร้งได้แล้ว แม่รู้ว่าในใจแกก็ทุกข์ เจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื่อย ๆ ตัดขาดกับมันเถอะ ยังไงก็ตามซีซียังเด็กและคงไม่..." ไม่รอให
... โรงงานวัตถุดิบเป็นสถานที่มีงานยุ่งวุ่นวาย เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดหาตัวยาสำคัญเพียงพอ การทำงานล่วงเวลาได้ดำเนินการในสามกะ กู้เผิงเฟยพาคนมาตรวจสอบสถานการณ์การผลิต ทันทีที่เดินถึงอาคารสำนักงานก็เห็นรถของกู้หยุนหลานกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเห็นรถของกู้หยุนหลานจอด กู้เผิงเฟยพร้อมกับบรรดาผู้จัดการเดินเข้ามาต้อนรับการมาถึงของกู้หยุนหลานและหลี่โม่ "ผู้อำนวยการกู้ คุณชายหลี่ โรงงานวัตถุดิบได้เริ่มทำงานสามกะแล้ว ส่วนกำลังการผลิตถึงขีดสุดแล้ว รับประกันว่าสามารถจัดหาตัวยาสำคัญได้เพียงพออย่างแน่นอนครับ" กู้เผิงเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้ฉันจะมาเฝ้าสังเกตโรงงานเผื่อว่ามีปัญหาไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกคุณต้องควบคุมดูแลงานของโรงงานดี ๆ และควบคุมความปลอดภัยในการผลิตให้ดี” กู้หยุนหลานกล่าวอย่างเคร่งขรึม กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ารับ และสายตามองไปยังหลี่โม่ หากมีปัญหาที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คาดว่าจะต้องพึ่งการลงมือหลี่โม่เพื่อแก้ไขปัญหาเกือบทั้งหมดให้สำเร็จ “คุณชายหลี่ พี่พีลี่และคนอื่น ๆ ประพฤติตัวดีมากและทำงานกันหนักมาก ทั้งหมดนี้ต้อง
หลี่โม่ตะโกนข่มขวัญทุกคนเสียงดังลั่น! แก๊งชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้ามาก่อเรื่องต่างก็หยุดฝีเท้าทันที และมองดูหลี่โม่ที่กำลังเดินมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาต่างเคยเจอคนโหดเหี้ยม แม้แต่คนโหดเหี้ยมที่กล้าลุยเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนก็เคยเห็นมาแล้ว แต่คนแบบหลี่โม่นั้น คนโหดเหี้ยมแบบที่เข้ามาลุยเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนที่กำลังถือแท่งเหล็กอยู่ พวกเขาไม่เคยพบเจอจริง ๆ "นี่… นี่คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม พวกเขาทั้งหมดถือแท่งเหล็กอยู่นะ ถ้าเกิดว่าถูกพวกเขาล้อมไว้ล่ะก็คงจะเกิดเรื่องถึงแก่ชีวิตถึง 80% เลยนะ" ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยพึมพำกับตัวเอง คิ้วของกู้เผิงเฟยพันกันจนเป็นปม สถานการณ์ตอนนี้คือโทรตามสายตรวจลาดตระเวนก็ไม่ทันแล้ว แต่ถ้าให้รีบพุ่งเข้าไปช่วยหลี่โม่ไว้ ต่อให้กู้เผิงเฟยมีความกล้ามหาศาลก็ไม่กล้า “ผู้อำนวยการกู้ เราอย่าเดินไปที่นั่นเลย แค่คอยดูที่นี่และรีบติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” กู้เผิงเฟยขวางกู้หยุนหลานไว้ กู้หยุนหลานกัดริมฝีปากล่างแรง น้ำตาในดวงตาของเธอกำลังหลั่งออกมา กู้หยุนหลานเข้าใจว่าหลี่โม่พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนไร้ประโ
เสียงเคาะตีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแท่งเหล็กของอีกสี่คนกระทบลงบนหลังของเสี่ยวหวู่ เสี่ยวหวู่รู้สึกว่าซี่โครงและกระดูกสันหลังของตัวเองถูกทุบเป็นชิ้น ๆ เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่าง และทั้งใบหน้าของเขาปรากฏรอยย่น "จะตายแล้ว!" เสี่ยวหวู่ตะโกนเสียงแหบ อีกสี่คนยังคงมองเสี่ยวหวู่อย่างตกตะลึง หลี่โม่เตะเข้าที่ท้องของเสี่ยวหวู่ ส่งร่างเสี่ยวหวู่ไปทางทั้งสี่คนที่เหลือที่ยังตกตะลึงอยู่ เมื่อทั้งสี่คนรีบเข้าไปพยุงเสี่ยวหวู่ขึ้นมาอย่างร้อนรน หลี่โม่ได้ใช้โอกาสนี้รีบพุ่งเข้าไปแล้วส่ายหมัดเข้าหน้าอีกสี่คนอย่างรวดเร็ว เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด ในชั่วพริบตา หลี่โม่ก็ต่อยจนอีกสี่คนล้มลงกับพื้น หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่ก็เหยียบหน้าเสี่ยวหวู่และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า "แปลกใจไหม?" “พี่หลาง ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมจะตายแล้ว รีบพาผมไปโรงพยาบาลที” เสี่ยวหวู่พูดอย่างอ่อนแรง แก๊งชายฉกรรจ์ต่างก็ตกตะลึง ลงมือเฉียบขาดขนาดนี้ พวกเขาเคยเห็นเฉพาะในภาพยนตร์เท่านั้น “ให้ตายเถอะ มันดูเจ๋งเกินไป ดูเหมือนว่าจะเก่งกว่าพี่หลางเสียอีก” “เสี่ยวหวู่พวกเขาทั้งห้าคนลงมือพร้อมกัน พี่หลางก็ทนได้ไม่น
“ไปสิ! ไปแก้แค้นให้พี่น้อง!” “ฆ่าหมอนี่ให้ตาย กล้ามาดูหมิ่นพี่หลางของเรา!” “กล้าบอกว่าไม่รู้จักพี่เปียวของเรา วันนี้จะทำให้แกจำให้ขึ้นใจเลย!” กลุ่มชายฉกรรจ์ ตะโกนโห่ร้องและพุ่งเข้าหาหลี่โม่ แท่งเหล็กในมือของพวกเขาเกิดเสียงลมขึ้นดัง เมื่อกู้หยุนหลานเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว เธอหันหลังกลับและไม่กล้ามองอีกต่อไป กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็ปิดหน้า กลัวว่าจะต้องเห็นฉากที่หลี่โม่ถูกทำร้าย แม้ว่าหลี่โม่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่หมัดทั้งสองข้างนั้นก็ยากที่จะเอาชนะมือสี่มือได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่พี่หลางพามาด้วย ต่างก็แข็งแกร่งทั้งนั้น ใคร ๆ ก็มองออกว่า คนอย่างพี่หลางเป็นยอดนักเลง พวกเขาเป็นนักสู้มืออาชีพ ไม่มีทางเทียบกับนักเลงข้างถนนทั่วไปได้ “จบเห่แน่ ดูเหมือนครั้งนี้จะต้องถึงแก่ชีวิต จะทำอย่างไรกันดี” “ถ้าหากถึงแก่ชีวิต กลัวว่าโรงงานของเราต้องหยุดการผลิตไปด้วย เราก็จบเห่กันพอดี” “หลี่โม่บ้าไปแล้ว คราวนี้พาตัวเองไปตาย แล้วยังจะทำให้พวกเราพลอยเดือดร้อนไปด้วยอีก” กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็บ่น หากคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นจริง จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกด้านหนึ่งพี่หล
พี่หลางตะโกนด้วยความเจ็บปวด คนที่เหลือมองไปที่หลี่โม่ด้วยความหวาดกลัว จะหนีก็ไม่ได้ ไม่หนีก็ไม่ได้ กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจ้องมองมา ไม่คาดคิดว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ “นี่มันเกินไปไหม คนมากมายขนาดนี้ แต่กลับถูกจัดการหมด?” “ฉันตาฝาด หรือว่าในโลกนี้มีซูเปอร์แมนอยู่จริง ๆ อย่างหลี่โม่เนี่ยนะ ที่จะไม่ใช่คนไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว?” “ไม่แน่ว่า การทำตัวเป็นคนไร้ค่า อาจเป็นเพียงการเสแสร้งก็ได้ มีความสามารถแต่แสร้งทำเป็นไม่มี หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย คุณรีบพาคนไปควบคุมสถานการณ์เร็ว!” กู้เผิงเฟยพูดอย่างรีบร้อน หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยที่ได้สติ รีบเรียกทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปช่วยหลี่โม่ควบคุมสถานการณ์ หลังจากได้ยินที่กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ พูด กู้หยุนหลานจึงกล้าที่จะมองไปยังหลี่โม่ เมื่อเห็นคนจำนวนมากนอนอยู่บนพื้น จากนั้นจึงมองไปที่หลี่โม่ที่ยืนอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ กู้หยุนหลานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกทันที เพราะเคยเห็นหลี่โม่จัดการพี่หู่มาก่อน ดังนั้นกู้หยุนหลานจึงไม่แปลกใจนัก ในความรู้สึกของกู้หยุนหลาน พี่หลางและพี่หู่มีความคล้ายคลึงกัน ไม่คิดว่าระหว่า
ชูจงเทียนได้ยินชื่อพี่เปียวก็เกิดรอยยิ้มที่ขมขื่นขึ้นบนใบหน้า ตอนนี้พี่เปียวเป็นผู้นำของอิทธิพลมืดใต้ดินของเมืองฮั่น และยังค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในเขตของชูจงเทียน พวกของชูจงเทียนและหวู่เต้าเหวินก็พยายามจัดการกับพี่เปียว แต่พวกเขาก็ต้องยอมแพ้ในที่สุด เพราะพี่เปียวไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง ยังมีหัวหน้าใหญ่อยู่เหนือเขา “ผมรู้จักพี่เปียว เขาทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองหรือเปล่าครับ?” ชูจงเทียนถามอย่างระมัดระวัง “เขาส่งพี่หลางและพรรคพวกมาสร้างปัญหาที่โรงงานของภรรยาผม” ชูจงเทียนหายใจเข้าลึก ๆ และไว้อาลัยให้พี่เปียวเป็นเวลาสามวินาที เขาทำให้นายน้อยแดนมังกรขุ่นเคือง นั่นไม่เท่ากับว่าเขารนหาที่ตายหรอกหรือ ไม่รู้ว่าคนที่หนุนหลังพี่เปียวจะคุ้มครองเขาได้ไหม “คุณรอผมสักครู่ ผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด บางเรื่องไม่สะดวกที่จะคุยทางโทรศัพท์” ชูจงเทียนกล่าว “ได้ ผมจะรอคุณที่โรงงานวัตถุดิบ” หลี่โม่วางสายโทรศัพท์ มองไปที่ พี่หลางที่กำลังร่ำไห้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “โหยหวนอะไรนักหนา ถ้าส่งเสียงอีกฉันจะทำให้แกลืมตาไม่ได้อีกเลย” พี่หลางกัดฟันแน่นและไม่กล้าส่งเสียง ด้วยเกรงว่าจะถูกหลี่โม่อัดจนตื่นขึ้นมาไม่