“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ให้โอกาสเราปรับปรุงตัวครับ พวกเราจะทำงานหนักแน่นอน และจะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของเราอย่างแน่นอน ขอบคุณพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ครับ” พี่พีลี่กล่าวขอบคุณเสร็จสรรพ แล้วพาลูกน้องที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไปทำงานที่โกดัง ส่วนลูกน้องที่บาดเจ็บนั้น พี่พีลี่ควักเงินตัวเองจ่ายให้คนพาพวกเขาไปโรงพยาบาล เมื่อมองไปยังพี่พีลี่ที่กำลังปรับปรุงตัวอย่างแข็งขัน กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็ยุ่งเหยิงไปหมด ภาพตรงหน้านี้เกินขีดจำกัดการจินตนาการของทุกคนโดยสิ้นเชิง “สุดยอด สุดยอดเกินไปแล้ว นี่มันอะไรกัน เมื่อครู่นี้ที่ผมพูดจาไม่สภาพ หวังว่าหลี่โม่จะยอมยกโทษให้ผมได้” ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยขออภัยอย่างสุดซึ้ง เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเวทนาของพี่พีลี่ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็รู้สึกเสียใจกับการเยาะเย้ยหลี่โม่เมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นว่าเรื่องได้รับการจัดการแล้วในตอนนี้ เขาก็ออกมาขอโทษเป็นคนแรกทันที ส่วนผู้จัดการคนอื่น ๆ ที่เคยโกรธหลี่โม่ต่างก็ขอโทษหลี่โม่ด้วย “พี่หลี่ ผมปากไม่ดีเอง ที่พูดไปเมื่อกี้นี้ไม่ได้ใช้สมองคิด ดังนั้นพี่หลี่ได้โปรดปรานี” “ผมก็ปากไม่ดีเหมือนกัน คำพูดที่สงสัยพี่ห
หลังจากพูดคุยพี่เปียวพูดจบก็จ้องไปที่กู้เจี้ยนกั๋วและลูกชายแวบหนึ่ง จากนั้นใช้มือขวาตบบนโต๊ะ “ลูกน้องของผมต่างบอกว่า พวกเขาต่างโดนคนคนนึงอัดจนบาดเจ็บสาหัส ยอดฝีมือคนเดียวแต่สามารถล้มคนหลายสิบคนในรวดเดียวได้ พวกคุณก็ลองคิดดูเองว่าประสิทธิภาพการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน” “และผมก็ตรวจสอบแล้วด้วยว่าผู้ชายคนนั้นไม่เพียงแต่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เบื้องหลังเขาก็ไม่ธรรมดา ช่วยพวกคุณจัดการเรื่องนี้ ผมไม่เพียงแต่สูญเสียลูกน้องเท่านั้น แต่ยังทำให้หลายคนขุ่นเคืองด้วย” กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยชำเลืองมองกันและกัน ต่างคิดไม่ออกว่าคนที่พี่เปียวพูดถึงนั้นเป็นใครไปได้ “เราไม่รู้จริง ๆ ว่ามีคนยอดฝีมืออยู่ที่นั่น ยอดฝีมือที่คุณพูดถึงคือใคร?” กู้ซิ่งเหว่ยถามกลับ “คนคนนั้นก็คือคุณชายหลี่ พวกคุณไม่รู้จักเหรอ?” พี่เปียวขมวดคิ้วและพูดตอบ “คุณชายหลี่? อย่าบอกนะว่าเป็นหลี่โม่? นั่นคือคนไร้ประโยชน์นี่ พี่เปียวคุณเล่นตลกอะไรอยู่?” กู้ซิ่งเหว่ยเคาะโต๊ะและตะโกนต่อว่า กู้เจี้ยนกั๋วคว้าซิ่งเหว่ยไว้ แล้วจ้องไปยังพี่เปียวที่อยู่ตรงข้ามและพูดว่า "ดังนั้นคุณเลยกลัวแล้ว? ไม่กล้าที่จะโจมตีพวกเขาอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่โม่เตรียมอาหารเช้าเสร็จและจัดเรียงวางไว้บนโต๊ะอาหาร หวังฟางนั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหาร แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก และใช้สายตาไม่พอใจมองไปยังหลี่โม่ “คนไร้ประโยชน์แบบแกไม่มีความเป็นผู้ชายหลงเหลืออยู่เลย ผู้ชายบ้านคนอื่นออกไปทำงานหนักนอกบ้านและผู้หญิงทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน แล้วแกล่ะ? ให้หยุนหลานออกไปทำงานหนักนอกบ้าน แกทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน แกมีความรู้สึกละอายใจสักนิดไหม?” หลี่โม่ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร จากนั้นหันกลับเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบ ๆ กู้หยุนหลานที่เก็บของเสร็จแล้วเดินออกจากห้องครัว จากนั้นเหลือบมองแผ่นหลังของโม่ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “แม่คะ หยุดว่าเขาเถอะค่ะ” “ไม่ว่ามันแล้วให้ว่าใคร แค่มองดูท่าทางคนต่ำต้อยของมันก็ทำให้ฉันโมโหแล้ว ฉันไม่เคยเจอผู้ชายไร้ประโยชน์แบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ หนำซ้ำยังปล่อยให้คนไร้ประโยชน์แบบนี้มาเป็นลูกเขยของฉันอีก นี่มันช่างเป็นความอัปยศในชีวิตของฉันจริง ๆ เลย!" “หยุนหลาน แกยังทนใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกเหรอ? แกหยุดแสแสร้งได้แล้ว แม่รู้ว่าในใจแกก็ทุกข์ เจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื่อย ๆ ตัดขาดกับมันเถอะ ยังไงก็ตามซีซียังเด็กและคงไม่..." ไม่รอให
... โรงงานวัตถุดิบเป็นสถานที่มีงานยุ่งวุ่นวาย เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดหาตัวยาสำคัญเพียงพอ การทำงานล่วงเวลาได้ดำเนินการในสามกะ กู้เผิงเฟยพาคนมาตรวจสอบสถานการณ์การผลิต ทันทีที่เดินถึงอาคารสำนักงานก็เห็นรถของกู้หยุนหลานกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเห็นรถของกู้หยุนหลานจอด กู้เผิงเฟยพร้อมกับบรรดาผู้จัดการเดินเข้ามาต้อนรับการมาถึงของกู้หยุนหลานและหลี่โม่ "ผู้อำนวยการกู้ คุณชายหลี่ โรงงานวัตถุดิบได้เริ่มทำงานสามกะแล้ว ส่วนกำลังการผลิตถึงขีดสุดแล้ว รับประกันว่าสามารถจัดหาตัวยาสำคัญได้เพียงพออย่างแน่นอนครับ" กู้เผิงเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้ฉันจะมาเฝ้าสังเกตโรงงานเผื่อว่ามีปัญหาไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกคุณต้องควบคุมดูแลงานของโรงงานดี ๆ และควบคุมความปลอดภัยในการผลิตให้ดี” กู้หยุนหลานกล่าวอย่างเคร่งขรึม กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ารับ และสายตามองไปยังหลี่โม่ หากมีปัญหาที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คาดว่าจะต้องพึ่งการลงมือหลี่โม่เพื่อแก้ไขปัญหาเกือบทั้งหมดให้สำเร็จ “คุณชายหลี่ พี่พีลี่และคนอื่น ๆ ประพฤติตัวดีมากและทำงานกันหนักมาก ทั้งหมดนี้ต้อง
หลี่โม่ตะโกนข่มขวัญทุกคนเสียงดังลั่น! แก๊งชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้ามาก่อเรื่องต่างก็หยุดฝีเท้าทันที และมองดูหลี่โม่ที่กำลังเดินมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาต่างเคยเจอคนโหดเหี้ยม แม้แต่คนโหดเหี้ยมที่กล้าลุยเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนก็เคยเห็นมาแล้ว แต่คนแบบหลี่โม่นั้น คนโหดเหี้ยมแบบที่เข้ามาลุยเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนที่กำลังถือแท่งเหล็กอยู่ พวกเขาไม่เคยพบเจอจริง ๆ "นี่… นี่คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม พวกเขาทั้งหมดถือแท่งเหล็กอยู่นะ ถ้าเกิดว่าถูกพวกเขาล้อมไว้ล่ะก็คงจะเกิดเรื่องถึงแก่ชีวิตถึง 80% เลยนะ" ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยพึมพำกับตัวเอง คิ้วของกู้เผิงเฟยพันกันจนเป็นปม สถานการณ์ตอนนี้คือโทรตามสายตรวจลาดตระเวนก็ไม่ทันแล้ว แต่ถ้าให้รีบพุ่งเข้าไปช่วยหลี่โม่ไว้ ต่อให้กู้เผิงเฟยมีความกล้ามหาศาลก็ไม่กล้า “ผู้อำนวยการกู้ เราอย่าเดินไปที่นั่นเลย แค่คอยดูที่นี่และรีบติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” กู้เผิงเฟยขวางกู้หยุนหลานไว้ กู้หยุนหลานกัดริมฝีปากล่างแรง น้ำตาในดวงตาของเธอกำลังหลั่งออกมา กู้หยุนหลานเข้าใจว่าหลี่โม่พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนไร้ประโ
เสียงเคาะตีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแท่งเหล็กของอีกสี่คนกระทบลงบนหลังของเสี่ยวหวู่ เสี่ยวหวู่รู้สึกว่าซี่โครงและกระดูกสันหลังของตัวเองถูกทุบเป็นชิ้น ๆ เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่าง และทั้งใบหน้าของเขาปรากฏรอยย่น "จะตายแล้ว!" เสี่ยวหวู่ตะโกนเสียงแหบ อีกสี่คนยังคงมองเสี่ยวหวู่อย่างตกตะลึง หลี่โม่เตะเข้าที่ท้องของเสี่ยวหวู่ ส่งร่างเสี่ยวหวู่ไปทางทั้งสี่คนที่เหลือที่ยังตกตะลึงอยู่ เมื่อทั้งสี่คนรีบเข้าไปพยุงเสี่ยวหวู่ขึ้นมาอย่างร้อนรน หลี่โม่ได้ใช้โอกาสนี้รีบพุ่งเข้าไปแล้วส่ายหมัดเข้าหน้าอีกสี่คนอย่างรวดเร็ว เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด ในชั่วพริบตา หลี่โม่ก็ต่อยจนอีกสี่คนล้มลงกับพื้น หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่ก็เหยียบหน้าเสี่ยวหวู่และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า "แปลกใจไหม?" “พี่หลาง ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ผมจะตายแล้ว รีบพาผมไปโรงพยาบาลที” เสี่ยวหวู่พูดอย่างอ่อนแรง แก๊งชายฉกรรจ์ต่างก็ตกตะลึง ลงมือเฉียบขาดขนาดนี้ พวกเขาเคยเห็นเฉพาะในภาพยนตร์เท่านั้น “ให้ตายเถอะ มันดูเจ๋งเกินไป ดูเหมือนว่าจะเก่งกว่าพี่หลางเสียอีก” “เสี่ยวหวู่พวกเขาทั้งห้าคนลงมือพร้อมกัน พี่หลางก็ทนได้ไม่น
“ไปสิ! ไปแก้แค้นให้พี่น้อง!” “ฆ่าหมอนี่ให้ตาย กล้ามาดูหมิ่นพี่หลางของเรา!” “กล้าบอกว่าไม่รู้จักพี่เปียวของเรา วันนี้จะทำให้แกจำให้ขึ้นใจเลย!” กลุ่มชายฉกรรจ์ ตะโกนโห่ร้องและพุ่งเข้าหาหลี่โม่ แท่งเหล็กในมือของพวกเขาเกิดเสียงลมขึ้นดัง เมื่อกู้หยุนหลานเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว เธอหันหลังกลับและไม่กล้ามองอีกต่อไป กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็ปิดหน้า กลัวว่าจะต้องเห็นฉากที่หลี่โม่ถูกทำร้าย แม้ว่าหลี่โม่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่หมัดทั้งสองข้างนั้นก็ยากที่จะเอาชนะมือสี่มือได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่พี่หลางพามาด้วย ต่างก็แข็งแกร่งทั้งนั้น ใคร ๆ ก็มองออกว่า คนอย่างพี่หลางเป็นยอดนักเลง พวกเขาเป็นนักสู้มืออาชีพ ไม่มีทางเทียบกับนักเลงข้างถนนทั่วไปได้ “จบเห่แน่ ดูเหมือนครั้งนี้จะต้องถึงแก่ชีวิต จะทำอย่างไรกันดี” “ถ้าหากถึงแก่ชีวิต กลัวว่าโรงงานของเราต้องหยุดการผลิตไปด้วย เราก็จบเห่กันพอดี” “หลี่โม่บ้าไปแล้ว คราวนี้พาตัวเองไปตาย แล้วยังจะทำให้พวกเราพลอยเดือดร้อนไปด้วยอีก” กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็บ่น หากคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นจริง จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกด้านหนึ่งพี่หล
พี่หลางตะโกนด้วยความเจ็บปวด คนที่เหลือมองไปที่หลี่โม่ด้วยความหวาดกลัว จะหนีก็ไม่ได้ ไม่หนีก็ไม่ได้ กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจ้องมองมา ไม่คาดคิดว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ “นี่มันเกินไปไหม คนมากมายขนาดนี้ แต่กลับถูกจัดการหมด?” “ฉันตาฝาด หรือว่าในโลกนี้มีซูเปอร์แมนอยู่จริง ๆ อย่างหลี่โม่เนี่ยนะ ที่จะไม่ใช่คนไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว?” “ไม่แน่ว่า การทำตัวเป็นคนไร้ค่า อาจเป็นเพียงการเสแสร้งก็ได้ มีความสามารถแต่แสร้งทำเป็นไม่มี หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย คุณรีบพาคนไปควบคุมสถานการณ์เร็ว!” กู้เผิงเฟยพูดอย่างรีบร้อน หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยที่ได้สติ รีบเรียกทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปช่วยหลี่โม่ควบคุมสถานการณ์ หลังจากได้ยินที่กู้เผิงเฟยและคนอื่น ๆ พูด กู้หยุนหลานจึงกล้าที่จะมองไปยังหลี่โม่ เมื่อเห็นคนจำนวนมากนอนอยู่บนพื้น จากนั้นจึงมองไปที่หลี่โม่ที่ยืนอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ กู้หยุนหลานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกทันที เพราะเคยเห็นหลี่โม่จัดการพี่หู่มาก่อน ดังนั้นกู้หยุนหลานจึงไม่แปลกใจนัก ในความรู้สึกของกู้หยุนหลาน พี่หลางและพี่หู่มีความคล้ายคลึงกัน ไม่คิดว่าระหว่า
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา