ก่อนหน้านี้หลูหมิงเชิงเคยทำข้อเสนอ 2 ครั้ง คนที่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งล้วนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดตามที่สัญญาที่ให้ไว้ ณ เวลาที่ระดมทุน คนที่ภูมิหลังมีฐานะแต่ไม่แข็งแกร่งพอ ชำระเพียงเงินต้นและดอกเบี้ยธนาคารหนึ่งปี ส่วนคนที่ภูมิหลังไม่มีฐานะอะไรเลยนั้นไม่ยินยอมที่จะชำระเงินสักบาท และไม่สนใจว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาอย่างไร “การชำระเงินขึ้นอยู่กับจำนวนเงินต้นสามเท่า และที่เกินมานั้นถือว่าผมขออภัยทุกท่านด้วยครับ” พูดจบหลูหมิงเชิงก็ขยิบตาให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิง เพื่อส่งสัญญาณว่า ฉันทำเรื่องนี้ได้ไม่เลว นายน้อยแดนมังกรคุณแค่ดูการแสดงของผมก็พอ! ฮั๋วเจี้ยนเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ใจชื้นขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหลูหมิงเชิงไม่เพียงให้หน้าเขา แต่ยังให้เกียรติมากด้วย “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณบอสหลูแล้ว รบกวนบอสหลูช่วยดำเนินเรื่องชำระบัญชีให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฮั๋วเจี้ยนเฟิงกังวลว่า หลูหมิงเชิงจะเปลี่ยนใจจึงเร่งขอให้หลูหมิงเชิงชำระเงินอย่างรวดเร็ว ขอเพียงแค่เงินได้เข้าบัญชีของพวกหวังฟางแล้ว ฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็สามารถโจมตีหลี่โม่ได้! หวังฟางและคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกปลื้มใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีจุดเปลี
กริ๊ง กริ๊ง ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของหลูหมิงเชิงก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเหลือบมองที่หมายเลขผู้โทรหลูหมิงเชิงหันตัวเดินไปรับสายด้านข้างทันที “ท่านชู ท่านมีอะไรให้รับใช้ครับ” “แกโง่หรือเปล่า! ? ให้แกจัดการเรื่อง แกจัดการยังไง?” ชูจงเทียนตะโกนด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง ชูจงเทียนมองจากในรถเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นว่า หลูหมิงเชิงไม่ได้ดูแลหลี่โม่เลย นี่ทำให้ชูจงเทียนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงโทรหาหลูหมิงเชิง ในใจหลูหมิงเชิงรู้สึกขมขื่น ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเขาได้ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ และคาดว่าฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็คือฮั๋วเจี้ยนเฟิงจริง ๆ ไม่ใช่นายน้อยแดนมังกรอย่างที่เขาคิด “ผม… กำลังเจรจาเรื่องถอนเงินกับพวกเขาอยู่ครับ” “พูดไร้สาระ ให้แกให้หน้านายน้อย ไม่ใช่ให้หน้ากับใครที่ไหนไม่รู้ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังซ้ายคือนายน้อย อย่าลืมเรียกว่าคุณชายหลี่ด้วย อย่าทำผิดพลาดอีก ให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากว่ายังจัดการไม่ดีล่ะก็ รอความตายซะ!” ชูจงเทียนพูดอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง หลูหมิงเชิงเก็บโทรศัพท์และมองไปที่ฮั๋วเจี้ยนเฟิง สายตาของเขาเปลี่ย
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเห็นฮั๋วเจี้ยนเฟิงและหลูหมิงเชิงทะเลาะกัน ตอนนี้ต้องใช้เรื่องที่หลูหมิงเชิงตบคน ถึงจะเป็นข้ออ้างที่จะบังคับให้เขาคืนเงินได้ หลังจากที่หวังฟางตะโกนด่าจบก็ส่งสายตาให้จางซุ่ยฮวาและคนอื่น ๆ ว่าจางซุ่ยฮวาและคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างลงเรือลำเดียวกัน ถ้าอยากได้เงินก็ต้องแบกรับศักดิ์ศรีและความอัปยศด้วยกัน! จางซุ่ยฮวาและคนอื่น ๆ ต่างเข้าใจในทันทีและรีบพุ่งเข้าไปดึงจางฟานออก แล้วดึงฮั๋วเจี้ยนเฟิงปกป้องไว้ข้างหลัง หลังจากนั้นหวังฟางก็ริเริ่มพากลุ่มเพื่อนพ้องพุ่งเข้าไปด่าหลูหมิงเชิง “คนสารเลว กล้ามาตบคนอื่น แกจะฮุบเงินของเราไว้ถึงเมื่อไหร่กัน นั่นมันเงินบำนาญของเรานะ!” “แกนี่มันคนเย่อหยิ่งจองหอง ผู้จัดการฮั๋วแค่ช่วยเราเอาเงินคืน แกถึงกับต้องตบเขา แกเห็นเราเป็นธาตุอากาศเหรอ” “เพื่อนพ้องมาร่วมมือกัน ฉีกปากของผู้ชายคนนี้ซะ เรื่องนี้ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ แค้นใหม่แค้นเก่ามานับรวมกัน!” หวังฟา พร้อมกับกลุ่มเพื่อนสาวเริ่มเคลื่อนไหว นิวของพวกเขาโค้งงอเป็นกรงเล็บ แล้วข่วนร่างกายและใบหน้าของหลูหมิงเชิงอย่างดุเดือด ทันใดนั้นหลูหมิงเชิงก็โกรธมากขึ้น จ้องไปที่หวังฟางซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม
ในใจของหลูหมิงเชิงเกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ รู้สึกว่าขวัญวิญญาณทั้งสามและเจ็ดหายไปครึ่งหนึ่งทันที และมองไปยังหวังฟางที่แก้มบวมแดงขึ้นมาอย่างหัวเสีย จะอธิบายเรื่องนี้กับใครดี ตัวเองถึงกับตบตีแม่ยายของนายน้อยแดนมังกร จะชดใช้ได้อย่างไร? แทงสามทีหกรู หรือหักขาตัวเองทิ้งทั้งหมดดี? หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากหน้าผากของหลูหมิงเชิง “เสี่ยวหลูมีตาหามีแววไม่ มองแม่ยายของคุณชายหลี่ไม่ออก นี่เป็นเพราะตาของผมบอดแล้ว ผมจะตบตัวเองเพื่อเป็นการขอโทษ ถ้าคุณแม่ยายไม่บอกให้หยุด เสี่ยวหลูก็จะไม่หยุดตบตัวเองอย่างแน่นอน” หลังจากที่หลูหมิงเชิงพูดกับหวังฟางจบ ก็ไม่รอให้หวังฟางตอบสนอง เขาก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองซ้ายขวาอย่างบ้าคลั่ง เพียะ เพียะ เพียะ! แค่ฟังเสียงตบก็รู้เลยว่าหลูหมิงเชิงไม่ได้ออมแรง นั่นคือเขาตบหน้าตัวเองจริง ๆ ฮั๋วเจี้ยนเฟิงลูบแก้มที่บวมขึ้นของเขาโดยไม่ตั้งใจ และดวงตาลอยจ้องไปยังหลี่โม่ไม่หยุด คิดยังก็คิดไม่ออกว่าหลี่โม่คนไร้ค่านั้นมีอำนาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่! เมื่อครู่นี้หลูหมิงเชิงเย่อหยิ่งมาก แต่ตอนนี้เขากลัวจนขึ้นสมอง ฉากนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว ทั้งสมอ
จางซุ่ยฮวาพูดตามเจตนาของเธอ ในอดีตมองหลี่โม่ว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้ว่าตอนนี้หลี่โม่จะเป็นที่สนใจ แต่ในใจของจางซุ่ยฮวา และมุมมองของคนอื่น ๆ ที่มองหลี่โม่ก็ไม่สามารถย้อนกลับได้ชั่วขณะหนึ่ง เป็นเพราะหลี่โม่ช่วยให้ได้เงินคืน หนำซ้ำยังได้เงินคืนมาหลายเท่าตัว ดังนั้นจางซุ่ยฮวาถึงได้กล่าวชมเชยอย่างฝืดแห้ง ท่าทางของฉวี่หมานอย่างกับถ่ายไม่ออก และมองไปยังหลี่โม่ด้วยสีหน้ายู่ยี่ “คนไร้ประ... นั่นนายทำได้ยังไง? ทำไมบอสหลูถึงกลัวนายขนาดนี้” ฮั๋วเจี้ยนเฟิงเสียภาพลักษณ์ไปแล้ว และไม่กล้าแม้แต่มองไปที่หลี่โม่ แต่กลับหลบอยู่ข้างหลังของพวกน้า ๆ แล้วรอฟังคำตอบของหลี่โม่อย่างตั้งใจ ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมหลี่โม่ถึงเก่งกาจขนาดนี้ เมื่อหวังฟางมองดูท่าทีของทุกคนที่ต่างขอบคุณหลี่โม่ ในใจก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด หากฮั๋วเจี้ยนเฟิงจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ในใจหวังฟางก็จะยอมปล่อยวางหายโกรธ แต่เป็นเพราะหลี่โม่เป็นคนจัดการเรียบร้อย นั่นยิ่งทำให้หวังฟางรู้สึกราวกับว่า เธอได้กินอึเข้าไป แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยง ถ้าหากว่าสิ่งที่หลูหมิงเชิงคืนนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นสิ่งของอย่างอื่นล่ะก็ หวังฟางจะปฏิเสธและจากไปทันที เธอ
ฉวี่หมานตกตะลึงแล้วมองหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจ เขาไม่ได้อยากขอโทษหลี่โม่เลย “แม่ครับ คนไร้ประโยชน์นี่มีดีอะไรให้ต้องขอโทษ ทำไมผมต้องขอโทษเขาด้วย” “แกจะทำให้แม่โมโหตายใช่ไหม นั่นมันเงินหลายสิบล้านเลยนะ ได้เงินหลายสิบล้านมาฟรี ๆ เลยนะ! ขอแค่เงินนั้นเข้าบัญชีแล้ว แม่จะเปลี่ยนรถบีเอ็มดับเบิลยูให้แก แกรีบทำเหมือนบอสหลูตบหน้าตัวเองสองครั้งเร็วเข้า” จางซุ่ยฮวาจับฉวี่หมานและพูดเสียงเบา ๆ เงินหลายล้านก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนธรรมดาจำนวนมากละทิ้งศักดิ์ศรี และตลอดชีวิตของบางคนอาจไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ ฉวี่หมานลังเลและสับสนว่าระหว่างศักดิ์ศรีกับรถบีเอ็มดับเบิลยู และในที่สุดในใจฉวี่หมานก็ยอมแพ้ให้รถบีเอ็มดับเบิลยู เรื่องเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าหลี่โม่นั้นก็มีแค่พวกน้า ๆ ที่รู้ แต่หลังจากที่ได้รถบีเอ็มดับเบิลยูแล้ว ก็สามารถไปอวดต่อหน้าเพื่อนร่วมงานได้ และศักดิ์ศรีที่เสียไปในวันนี้ ยังสามารถคืนกลับมาเป็นสองเท่าในภายหลัง! ฉวี่หมานกัดฟันอย่างแน่นแล้วเดินไปหาหลี่โม่และพูดว่า “เมื่อกี้นี้ฉันพูดผิดไป ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันจะชดใช้ด้วยการตบหน้าตัวเอง” เพียะ เพียะ เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจ
หลี่โม่ส่ายหัวเล็กน้อย ในใจคิดว่าความช่วยเหลือนี้ทำไมถึงช่วยจนกลายเป็นความเกลียดชัง จิตใจมนุษย์นี่หนอ ช่างลำเอียงจริง ๆ หลูหมิงเชิงมองหลี่โม่อย่างระมัดระวัง และในใจสงสัยว่า นายน้อยแห่งแดนมังกรคนนี้มีนิสัยใจคออย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าเป็นมหาเศรษฐีจนเบื่อแล้ว เลยอยากจะลองสัมผัสใช้ชีวิตแบบคนไร้ค่า? หลังจากคิดอย่างนั้นแล้ว หลูหมิงเชิงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด ว่ากันว่ามหาเศรษฐีในต่างประเทศพาทั้งครอบครัวมาขอทาน และจักรพรรดิในอดีตก็เคยตั้งแผงขายของในวังด้วย นายน้อยก็คงเป็นแบบนี้แน่นอน “คุณชายหลี่ครับ ท่านชูยังคงรออยู่ที่รถ เราควรไปคุยในรถไหมครับ?” หลูหมิงเชิงพูดกับหลี่โม่อย่างระมัดระวังมากราวกับเป็นขันทีในพระราชวัง “ชูจงเทียนก็มาที่นี่ด้วยเหรอ งั้นก็ไปหาเขากันเถอะ” หลี่โม่พูดเบา ๆ “ครับ ครับ เชิญทางนี้ครับ” หลูหมิงเชิงเดินนำหน้าและในใจคิดว่านายน้อยก็คือนายน้อย เพียงแค่มองดูท่าทางที่พูดชื่อชูจงเทียนออกมาก็รู้สึกได้เลยว่าเต็มไปด้วยท่าทางของคนร่ำรวยมั่งคั่ง ถัดจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส 600 ชูจงเทียนก็ยืนอยู่ข้างรถแล้ว เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้าใกล้ เขาโค้งคำนับและพูดว่า “คุณชายห
เมื่อชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงได้ยินคำพูดของหลี่โม่ต่างก็มองออกไปนอกรถพร้อมกัน เมื่อเห็นพวกอันธพาลเดินมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงก็ดูไม่ได้ขึ้นมา นี้มันถิ่นของฉันชูจงเทียน ออกมาก่อเรื่องวุ่นวายกันแบบนี้แล้วจะให้นายน้อยคิดอย่างไร? นายน้อยต้องมีความคิดเห็นอย่างแน่นอน! “คนสารเลวพวกนี้! คุณชายหลี่เชิญนั่งตามสบาย ผมจะไปจัดการพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้เองครับ” ชูจงเทียนผลักประตูลงจากรถด้วยสีหน้าดุร้าย ปลดปล่อยอาร่าผู้ยิ่งใหญ่โดยรอบ หลูหมิงเชิงยิ้มและพูดกับหลี่โม่ว่า “คนอันธพาลตัวเล็ก ๆ พวกนี้มีจำนวนน้อยเกินไปที่จะให้ชูจงเทียนจัดการ คุณชายหลี่รอชมการแสดงอย่างสบายใจได้เลยครับ อีกเดี๋ยวก็ได้รู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นใคร” “อืม” หลี่โม่ตอบอย่างใจเย็น สงสัยว่าการปรากฏตัวของพวกอันธพาลตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ดูจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาเพราะตัวเอง เพราะเมื่อครู่นี้หลี่โม่ทำให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงและฉวี่หมานเสียศักดิ์ศรี และทั้งสองคนได้รวมหัวกันทำสิ่งที่ไม่สมควร แบบนี้ดูยังดูสมเหตุสมผลกว่า ชูจงเทียนยืนอยู่ข้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มองดูชายหนุ่มอันธ