นักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของท้องถิ่นเมืองฮั่นกำลังยืนอยู่หน้าภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยนรอหลี่โม่ที่กำลังจะมาถึงได้ข่าวว่าครั้งนี้พวกเขาต้องต้อนรับนายน้อยของแดนมังกร พวกนักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากธุรกิจที่เขาถืออยู่ ถือว่ายิ่งใหญ่และหลากหลายมาก แค่เศษเสี้ยวของธุรกิจของนายน้อยแดนมังกรก็สามารถทำให้พวกนักธุรกิจเหล่านี้มีเงินจนสุขสบายไปทั้งชาติยิ่งเข้าไปตีสนิทกับนายน้อยแดนมังกร หรือได้ทำการค้าร่วมกับแดนมังกรได้ ก็จะทำให้ร่ำรวยจนมีทรัพย์สินมหาศาล“ได้ข่าวว่านายน้อยแดนมังกรยังหนุ่มอยู่เลยนะ วันนี้ฉันให้ลูกสาวของฉันมาต้อนรับ หวังว่าลูกสาวของฉันจะเข้าตานายน้อยของแดนมังกรบ้าง”“ไม่รู้ว่านายน้อยของแดนมังกรแต่งงานหรือยัง ถ้ายังไม่แต่ง ลูกสาวของพวกเราก็ต้องแข่งขันกันแล้วล่ะ”“ถึงนายน้อยของแดนมังกรจะแต่งงานแล้วก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าเป็นอนุภรรยาของนายน้อยแดนมังกรก็ถือเป็นบุญของพวกเธอแล้ว ครั้งนี้นอกจากลูกสาวของฉันจะมาแล้ว ฉันยังพาหลานพาญาติมาด้วย”นักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้คุยกระซิบกระซาบกัน เหมือนเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินกู้ชิงหลินและเพื่อนสนิทได้มาถึงที่ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยน เห็นนักธุรก
หลี่โม่ตอบรับ และก้าวลงจากรถเบนท์ลีย์หลี่โม่รีบมาด้วยความเร่งรีบ เขาจึงไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อหลี่โม่ลงจากรถแล้ว หวงฝูชิ่งและพวกที่เห็นเสื้อผ้าของหลี่โม่แล้วรู้สึกลายตาถ้าหลี่โม่ไม่ได้นั่งรถเบนท์ลีย์ของแดนมังกรมา พวกของหวงฝูชิ่งอาจจะคิดว่าหลี่โม่ปลอมตัวมาเป็นนายน้อยของแดนมังกรแน่ ๆหวงฝูชิ่งเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะกลัวจะทำให้หลี่โม่ไม่พอใจ เขาเลยหันกลับไปมองนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังอีกหลายคน และสบตากับพวกเขาหวงฝูชิ่ง “ตอนนี้งานเลี้ยงดินเนอร์เขาแต่งตัวแบบไม่เป็นทางการแบบนี้แล้วหรือ? พวกเราแต่งตัวเป็นทางการแบบนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะกับนายน้อยแดนมังกร”ประธานจาง “นายน้อยแต่งตัวแบบนี้ คงเป็นเพราะต้องการเป็นผู้นำแฟชั่นเสื้อผ้า พวกเราควรเดินตามรอยของนายน้อยนะ”ประธานหลี่ “ใช่ ๆ ๆ เป็นความคิดที่ดีนะ พวกเรารีบให้คนส่งเสื้อผ้ามาเลย พวกเราต้องแต่งตัวตามนายน้อย”หลี่โม่ก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ และมองไปที่พวกหวงฝูชิ่งซึ่งใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลก จึงยิ้มและเอ่ยถามว่า “เสื้อผ้าของฉัน...”หลี่โม่ยังไม่ทันจะพูดจบ หวงฝูชิ่งก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “นายน้อย รสนิยม
หลี่โม่สวมหน้ากาก ส่วนหวงฝูชิ่งและคนอื่น ๆ ซึ่งได้หน้ากากตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ม้ามังกรขาวและอื่น ๆ พวกเขาก็หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมเช่นกันตอนนี้ไม่ว่าหลี่โม่จะทำอะไร พวกเขาก็จะทำตาม เพราะอิทธิพลของแดนมังกรนั้นยิ่งใหญ่มาก หากไม่ทำตาม ทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านอาจจะหายไปในพริบตาก็ได้เมื่อใส่หน้ากากเสร็จ หลี่โม่พาพวกหวงฝูชิ่งเดินเข้าไปที่ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยน คนในภัตตาคารไห่เยี่ยนเมื่อเห็นหลี่โม่และคนอื่น ๆ พวกเขาแสดงสีหน้าสงสัยออกมา เป็นครั้งแรกที่มีคนแต่งตัวแบบนี้เข้ามาที่ภัตตาคารไห่เยี่ยนซึ่งเป็นสถานที่ที่มีระดับเช่นนี้มีคนคิดว่ามีคนรวยบางคนอยากเพิ่มสีสันให้กับงาน เลยจ้างนักแสดงมาที่งานนี้ชั้นสูงสุดของภัตตาคารไห่เยี่ยนที่เป็นห้องอันโอ่อ่า กู้ชิงหลินที่เพิ่งแต่งหน้าและสวมชุดราตรี CHANEL ออกมา ถูกเพื่อนสนิทกับพวกเศรษฐีเดินห้อมล้อมไปที่บิลเลียนท์ฮอลล์บิลเลียนท์ฮอลล์เป็นห้องโถงที่หรูที่สุดของภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยน วันธรรมดาหากไม่มีแขกคนสำคัญมาร่วมงาน บิลเลียนท์ฮอลล์จะไม่เปิดต้อนรับแขก ห้องโถงนี้จะเปิดก็ต่อเมื่อ มีแขกคนสำคัญมากจริง ๆ ถึงจะเปิดรับรองเพราะนายน้อยแดนมังกรที่เป็นแขกคนสำคัญ
“โอ้โห มีคนใส่หน้ากากเข้ามาด้วยหรือ เป็นครั้งแรกที่เห็นแบบนี้เลยนะ” เจียงหยางตั้งใจพูดให้เสียงดังกู้ชิงหลินและเพื่อนค่อย ๆ หันไปมองด้านหลังด้วยความสงสัย พวกเธอที่เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกขำ“โลกนี้แปลกจริง ๆ คนพวกนี้ทำไมถึงต้องใส่หน้ากากด้วยนะ ดูสิเสื้อผ้าก็ดูไร้ราคา น่าจะมาทำการแสดงสินะ”เพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่ง แสดงสีหน้าเยาะเย้ย“ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยนเป็นสถานที่แบบไหนกัน ต่อให้มาทำการแสดง ก็ควรเป็นนักแสดงระดับประเทศ นักแสดงที่แต่งตัวแบบนี้จะมาแสดงที่นี่ได้ยังไง” เจียงหยางพูดเสริมพร้อมท่าทีโอ้อวดกู้ชิงหลินมองไปที่คนพวกนั้น ในใจของเธอรู้สึกรังเกียจ และรู้สึกว่าตนเองเพิ่งจะแต่งหน้าแต่งตัวมาใหม่ การที่ต้องมาเจอคนประเภทนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน“เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยนเป็นที่ที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาได้แล้วเหรอ? ถ้าเข้ามาแบบนี้ ทำเสียบรรยากาศแน่ แล้วที่นี่ก็เป็นทางเข้าของบิลเลียนท์ฮอลล์ รีบเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่คนพวกนี้ออกไปเร็ว” กู้ชิงหลินพูดด้วยความโกรธไม่เพียงกู้ชิงหลินคนเดียวเท่านั้น ที่รู้สึกว่าการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ จะทำให้คุณภาพของงานเลี้ยง
“แน่นอนว่ามีปัญหา ห้องโถงสุดหรูมีข้อกำหนดในการระบุตัวตน พวกคุณที่มีเพียงบัตรประจำตัวประชาชน แต่ไม่มีสถานะสูงส่ง ก็เหมาะเพียงที่จะกินแถวแผงลอยริมถนนเท่านั้น!” หลังจากที่เจียงหยางพูดจบก็ยกมือขึ้น และผลักหลี่โม่ที่ใส่หน้ากากออกไป เมื่อเห็นพฤติกรรมเหลือขอของลูกชาย เจียงเฉิงก็เกิดอาการโกรธจัดขึ้นมา คิดอยากจะถอดหน้ากากและด่าว่าลูกชายของเขา ล่วงเกินหลี่โม่ด้วยคำพูด ถึงเวลาต้องขอโทษและขอขมาอย่างเหมาะสม ถ้าหากว่าคำพูดนั้นได้ทำร้ายจิตใจหลี่โม่เข้า ก็เกรงว่าจะจัดการปัญหาได้ไม่ง่ายแล้ว บางทีตระกูลเจียงทั้งหมดอาจถูกกวาดล้าง! ในขณะนี้เจียงเฉิงเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อำนาจนั้นสามารถย้อนกลับมาทำร้ายตนได้ เขาเสียใจมากที่เคยตามใจลูกชายตั้งแต่เด็กจนเสียคนเช่นนี้ ประธานจางดึงแขนเจียงเฉิงไว้ เพื่อหยุดเจียงเฉิงไม่ให้ดึงหน้ากากลง และเตือนเขาว่า “คุณเจียง ใจเย็น ๆ ก่อน อย่าทำให้นายน้อยอารมณ์เสียเลย” “ผมจะใจเย็นได้ไง? ไอ้เด็กที่ก่อปัญหาคือลูกชายนิสัยเสียของผม ตอนที่ไอ้เด็กนี่เกิดมาผมน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากซะ!” ตอนนี้เจียงเฉิงโกรธจนแทบบ้า ประธานจางแอบยิ้มในใจ และปลอบเขาต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้น ต
กู้ชิงหลินจ้องไปยังหลี่โม่ที่สวมหน้ากากทันทีด้วยใบหน้าดุร้าย และตะโกนด้วยเสียงเย็นชาว่า "กล้าดียังไงมาต่อยนายน้อยเจียง รู้ไหมว่าพ่อของนายน้อยเจียงเป็นใคร? เขาเป็นถึงคนใหญ่คนโตและมีชื่อเสียงในเมืองฮั่นเชียวนะ ขยะอย่างแกจบเห่แน่!" “จะเสียเวลาพูดไปทำไม เดี๋ยวก็จับไอ้ขยะนีได้แล้ว แค่นายน้อยเจียงเอ่ยปาก ก็ทำให้ไอ้ขยะนี่ไปนอนเล่นในคุกได้แล้ว” เพื่อนสนิทของกู้ชิงหลินก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ให้ตายเถอะ! อวดดีนักนะแก รอก่อนเถอะ ฉันจะโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้แหละ แกได้ชดใช้แน่!” เจียงหยางที่เสียหน้า ก็กัดฟันกรอดจ้องไปที่หลี่โม่ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเจียงเฉิงพ่อของเขา ในตอนนี้ เจียงหยางดูไม่ต่างกับเด็กน้อยที่ถูกเพื่อนรังแก ความคิดอย่างแรกเลยคือ การโทรฟ้องพ่อแม่ แล้วให้พ่อแม่แก้แค้นแทนตัวเอง เมื่อเห็นเจียงหยางโทรออก ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เงียบกริบ ในเวลาเดียวกันก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่สวมหน้ากากอย่างเย็นชา ไอ้ขยะนี้ จบสิ้นแล้ว! กล้ายั่วยุนายน้อยตระกูลเจียง รนหาที่ตาย! อย่างไรก็ตาม เจียงหยางไม่ใช่คนธรรมดา พ่อของเขาเจียงเฉิงเป็นถึงประธานเจียงซานกรุ๊ป เจียงซานกรุ๊ปถือเป็นกล
เจียงหยางที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและจับเป้าของเขา เจ็บจนเหงื่อเย็นที่หลังได้ซึมซับเข้าที่เสื้อผ้า ลูกเตะเมื่อสักครู่นั้น เจียงเฉิงได้เตะออกไปสุดแรง เกรงว่าวันนี้คนผมขาวจะเป็นคนส่งคนผมดำไปก่อน เพราะไม่สามารถล่วงเกินนายน้อยแห่งแดนมังกรได้ กู้ชิงหลินและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลี่โม่ที่สวมหน้ากากอยู่ด้วยความประหลาดใจ มองไปที่เสื้อผ้าธรรมดาของอีกฝ่าย และมองไปที่หน้ากากสีขาวบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย ต่างก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ลึกลับมาก ข่าวลือว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนาน กลับสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่าย แล้วยังสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า นี่มันเพื่ออะไรกัน? ในความคิดของทุกคนต่างเกิดคำถามเดียวกัน และต่างคิดไม่ออกว่า มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดนี้ตั้งใจจะทำอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเจียงหยางเจ็บปวดอย่างนี้ ในใจของทุกคนในที่นี้ต่างรู้สึกหนาวสั่น และรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเย็นลง คราวนี้ไม่เพียงแต่ล่วงเกินมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนานเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่นที่มีอำนาจมากที่สุดขุ่นเคืองไปด้วย ใบหน้าของประธานหวงและลูกหลานคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าดูไม่ได้ อย่างกับพ่อเสียอย่าง
เจียงหยางที่จมอยู่ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ พลันรู้สึกไม่ดีไปทั่วร่าง เขารู้สึกว่านี่เป็นคำสั่งเอาชีวิตเขาชัด ๆ ! "พ่อ!" เจียงหยางตะโกนด้วยความเศร้าโศก และมองไปที่ผู้เป็นพ่ออย่างอ้อนวอน ดวงตาของเจียงเฉิงกลายเป็นสีแดงไปแล้ว ในหัวเอาแต่คิดในสิ่งที่หลี่โม่พูดว่า รู้แต่เลี้ยงลูกแต่ไม่รู้จักอบรม นี่เห็นได้ชัดว่านายน้อยไม่พอใจตน และไม่พอใจการอบรมสั่งสอนของตนด้วย! “ไอ้ลูกไม่รักดี! อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ทำให้ฉันกังวลอยู่เรื่อย จะสอนแกยังไงแกก็ไม่ปรับปรุงตัว วันนี้ล่วงเกินนายน้อย แกถือเป็นคนบาปตระกูลเจียงของฉัน จากนี้ไปฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับแก แกไม่ใช่คนของตระกูลเจียงอีกต่อไปแล้ว!” เจียงเฉิงพูดอย่างโมโหจัด สีหน้าของเขาแดงก่ำ “นอกจากนี้ กองทุน หุ้น บ้าน และรถยนต์ทั้งหมดภายใต้ชื่อของแก ฉันจะยึดให้หมด! แทนที่จะเป็นมอดตอมข้าวแบบนี้ แกไปเข้าสังคมเรียนรู้วิธีประพฤติตัว เรียนรู้วิธีการเป็นจริงจังซะ!" หัวใจของเจียงหยางแตกสลายในทันที ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกก็โหดร้ายพอแล้ว แต่นี่ยังยึดเงิน บ้านและรถไปอีก แล้วในอนาคตเขาจะเอา