ตอนนี้เฉาหัวเจิ้งงงเป็นไก่ตาแตก เขาไม่คิดว่าเซี่ยงหย่งกั๋วจะโกรธเป็นไฟขนาดนี้!เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนในฐานะเป็นผู้มีประสบการณ์ทำงานมาหลายปี เฉาหัวเจิ้งเข้าใจทันทีว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น!หรือว่าชายหนุ่มที่ถูกจับมาจะมีเบื้องหลังที่น่ากลัว?!“ผู้กำกับเซี่ยงนี่อะไรครับ?” เฉาหัวเจิ้งหันหน้าไปถามเซี่ยงหย่งกั๋วจ้องกลับและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยังจะกล้าถาม! ก็แกทำเรื่องสิ้นคิดไปยังไงล่ะ! เขาอยู่ไหน? ปล่อยตัวเขา พาฉันไป! เดี๋ยวนี้!” เฉาหัวเจิ้งนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่นักเขาทำงานมาก็หลายปีแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเกิดอะไรแบบนี้เฉาหัวเจิ้งรู้ว่าเซี่ยงหย่งกั๋วโกรธมาก จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรชักช้า เขาจึงรีบนำทางและมาที่ห้องสอบสวนในเวลานี้ ในห้องสอบสวน หลี่โม่นั่งอย่างสงบ เขาหลับตาและพักผ่อนอยู่เขาดูไม่กังวลสักนิดเลยเพราะเรื่องนี้ เขาไม่ผิดแน่นอนว่า ต้องมีคนจัดการเรื่องนี้ให้เขา เขาก็แค่ต้องวางใจและรอทว่า หลี่โม่กำลังคิดเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นก็คือจะจัดการกับฉวีเทียนไห่อย่างไรร่องรอยแบบนี้ คนอื่นมองไม่ออก แต่หลี่โม่รู้ว่าฉวีเทียนไห่เป็นคนทำแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว
“ฉวีเทียนไห่ แปลกใจใช่ไหมล่ะ ที่เป็นฉันน่ะ?” เสียงที่คุ้นเคย ทำให้ฉวีเทียนไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว มือและเท้าของเขาเย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผากของเขาก็ผุดลงมา“หลี่โม่! ทำไมแกถึง…”คำพูดของฉวีเทียนไห่ติดอยู่ในลำคอของเขา!นี่คือการโทรศัพท์ของหม่าคุน แต่ตอนนี้หลี่โม่กลับเป็นคนที่กำลังรับสาย แม้แต่สมองหมูก็รู้ว่านี่มันผิดปกติ“หม่าคุนอยู่ที่ไหน?” ฉวีเทียนไห่ถามด้วยความตื่นตระหนก“หน้าประตูบ้านนาย”หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น จากนั้นก็มีเสียงร้องอ้อนวอนออกมาจากโทรศัพท์ฉวีเทียนไห่ตกใจขึ้นมาทันที เขารีบลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่น พลันวิ่งไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว และมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ 2 คันกับไฟท้ายสีแดง จอดอยู่ที่ทางเข้าบ้านที่ด้านหน้ารถ มีชายคนหนึ่งกำลังยืนพิงอยู่ เขาสูบบุหรี่ นี่ทำให้ฉวีเทียนไห่ตื่นตระหนกไปหมดหลี่โม่!ทำไมเขามาเร็วขนาดนี้? ปัง!ฉวีเทียนไห่ยังไม่ทันได้โต้ตอบ ประตูบ้านก็ถูกเปิดอย่างแรง จากนั้นชูจงเทียน ก็พาพวกบุกเข้าไปทันที!กลุ่มคนเข้ามาควบคุม และล้อมรอบห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็วผลัวะหม่าคุนถูกปิดปากด้วยเทปสีเขียว ถูก
หลี่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นฉวีเทียนไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว รู้สึกว่าหลี่โม่มีออร่าบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้เป็นความรู้สึกที่มั่นใจมากทีเดียว “หลี่โม่ แกคิดว่าเจ๋งมากเหรอที่รู้จักชูจงเทียนน่ะ?” ฉวีเทียนไห่เยาะเย้ยและบังคับตัวเองให้สงบลงนี่มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่นอน ทำไมหลี่โม่จอมไร้ประโยชน์คนนี้ จู่ ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้น ฉวีเทียนไห่มีพ่อ และพ่อของเขารู้จักผู้คนมากมายเขาจะไม่กังวลเลยว่า หลี่โม่จะกล้าทำอะไรกับเขา!ทว่า ต่อมาหลี่โม่ก็พูดอย่างใจเย็น “ฉวีเทียนไห่ ฉันไม่อยากเล่นงานนายหรอกนะ แต่นายชอบเล่นงานฉันทุกที่ ฉันรู้ว่านายเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ดังนั้นถ้าฉันปล่อยนายไปล่ะก็ ฉันคงต้องขอโทษกับตัวเอง และกับกู้หยุนหลานด้วย”สำหรับหลี่โม เขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรฉวีเทียนไห่ ผู้ชายคนนี้โลภอยากจะได้กู้หยุนหลานมาตลอด หลี่โม่คิดว่าต้องตักเตือนเขาสักหน่อยฉวีเทียนไห่หน้าซีด เขาขมวดคิ้วและเย้ยหยัน “หลี่โม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าแกจะทำอะไรกับฉันได้!”ทว่า ทันทีที่เขาพูดจบ หลี่โม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ที่นายอวดดีแบบนี้ ก็เพราะอำนาจพ่อข
ฉวีเทียนไห่นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้อย่างหนักไม่คิดเลยว่า ฉวีเทียนไห่จะแพ้หลี่โม่จนได้!แม้เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลี่โม่ทำอะไรลงไปแค่โทรศัพท์ไปครั้งเดียว!ก็เกิดเรื่องน่าหวาดหวั่นขึ้น!หลี่โม่น่ากลัวเกินไปแล้ว!‘แต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก!’‘ฉวีเทียนไห่ไม่มีวันยอม!’เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที กดหมายเลขอย่างสั่นเทา “ลุงครับ ช่วยผมกับครอบครัวด้วยครับ ลุง…”…… ด้านของหลี่โม่ หลังจากที่เขาออกจากบ้านของฉวีเทียนไห่ เขาก็ขึ้นรถของชูจงเทียน และไปหาเฉียนฝูก่อน“เหล่าเฉียน ดึกแล้วให้ผมมาหาทำไมล่ะ?” หลี่โม่นั่งบนโซฟานุ่ม ๆ พร้อมจิบไวน์แดงเฉียนฝูยืนอยู่ต่อหน้าหลี่โม่ด้วยความเคารพ พร้อมคำนับ แล้วพูดว่า “นายน้อย ผมขอโทษ มันเป็นความประมาทของผมเอง ที่ทำให้นายน้อยถูกใส่ร้ายแบบนี้”หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น “เหล่าเฉียน อย่ามาทำนี้กับผมเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย เอาล่ะ ว่ามาสิ มีเรื่องอะไรถึงอยากเจอผม?”เฉียนฝูคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบด้วยความเคารพ “นายน้อยครับ ราชินีมังกรกำลังเดินทางมาที่เมืองฮั่นในอีกไม่กี่วันครับ”อึ้ง!จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลง
แกร๊ก ประตูเปิดออก และหลี่โม่ยืนอยู่ข้างนอกประตู ใบหน้าของหวังฟางแข็งทื่อแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “แกโดนจับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่แกออกมาได้ยังไง?” หลี่โม่พูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า "แม่ ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พวกเขาปล่อยผมออกมาเอง" ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานได้ยินเสียงของหลี่โม่ก็รีบวิ่งเข้าไปแล้วกอดหลี่โม่ และร้องห่มร้องไห้ หลี่โม่พูดปลอบใจสองสามคำว่า “ไม่ต้องร้อง ๆ ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมออกมาแล้วเห็นไหม” ทั้งครอบครัวนั่งด้วยกันในห้องนั่งเล่น หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินนั่งอยู่บนโซฟาแล้วจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัดและสงสัยมาก และข้างหลี่โม่มีชายชราคนหนึ่งชื่อเฉียนฝู หวังฟางจ้องมองไปที่เฉียนฝูอย่างไม่ละสายตา และพูดด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “หลี่โม่ ตาลุงคนนี้เป็นใคร ทำไมแกถึงพาคนไม่รู้จักเข้ามาในบ้านของฉันอย่างไม่เกรงใจแบบนี้?" หวังฟางไม่ชอบการแต่งตัวของชายชรามาก อายุขนาดนี้แล้วยังสวมชุดสูทอยู่ แถมยังถือหมวกสีดำที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนและเขายังยิ้มแห้ง ๆ อีก แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเฒ่าหัวงู หลี่โม่คบกับคนแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกจับ หลี่โม่อธิบายอย่างใจเย็น “แม่ครับ เขาคือ...
แม้แต่กู้เจี้ยนหมินอยากจะพูดแทรกไม่กี่ประโยค ก็ถูกเธอขัดจังหวะไปหมด “นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตรงนั้นแหละ” หวังฟางรีบบอกกู้เจี้ยนหมิน จากนั้นหันหน้ากลับมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย และจ้องมองที่เฉียนฝูราวกับสมบัติของชาติ กู้หยุนหลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อแม่ของเธอเป็นแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ก่อนหน้านี้เกลียดคนอื่นจนอยากจะไล่ออกไป แต่ตอนนี้กลับจ้องเขาไม่หยุด “แม่คะ ประธานเฉียนมีเรื่องมากมายที่ต้องทำในทุก ๆ วันนะคะ” กู้หยุนหลานพูด หวังฟางมองตรงไปที่กู้หยุนหลานและพูดว่า "แกจะไปเข้าใจอะไร อย่ามาพูดไร้สาระ" หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยิ้มอีกครั้งแล้วจ้องตรงไปที่หลี่โม่และพูดว่า "ลุกขึ้น ไปนั่งตรงนั้นไป" หลี่โม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกขึ้น หวังฟางทิ้งก้นนั่งลงถัดจากเฉียนฝูด้วยท่าทางที่ประจบสอพลอและพูดว่า "ท่านเฉียน ท่านรู้จักหลี่โม่บ้านเราได้อย่างไรคะ?" ตอนนี้กลับพูดถึงหลี่โม่เกือบทุกประโยค หลี่โม่อย่างนั้น หลี่โม่อย่างนี้ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ แม้ว่าหวังฟางอยากจะเลียแข้งเฉียนฝู แต่เธอก็รู้ดีในใจ หลี่โม่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ได้รู้จักผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ร่ำรวยเช่นนี้ นั่นเป็นเร
ยื่นมือออกไปเพื่อเงิน นั่นคือหวังฟางเอง ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย หลี่โม่เป็นใบ้ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี และสายตามองไปที่กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานเดินเข้ามาและพูดอย่างเย็นชาว่า "แม่คะ นี่แม่ทำอะไร? ถึงหลี่โม่จะรับเงินมาแล้ว แต่ก็ให้แม่ไม่ได้นะคะ นี่เป็นค่ารักษาของซีซี" กู้หยุนหลานรู้จักนิสัยของหลี่โม่ เป็นเพราะเขาต้องรับมือกับหวังฟางจึงพูดออกมาว่าสองล้าน แต่เขาคิดไม่ถึงว่า แม่ของเธอจะขอเงินตรง ๆ แบบนี้ ทันทีที่หวังฟางได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าก็หมองลงทันที และก็ลุกขึ้นโวยวายว่า “แม่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ซีซีรักษา เงินนี้แค่ฝากกับแม่ก่อน ถ้าพวกแกจะใช้เงินก็ค่อยบอกฉันก็ได้ไม่ใช่หรือไง?" กู้หยุนหลานโกรธจัด ไม่ว่าอย่างไรเงินก้อนนี้ก็ฝากไว้กับแม่ไม่ได้ ในใจหวังฟาง ไม่มีเคยมีซีซีเลย ถ้าหากเงินก้อนตกอยู่ในมือของเธอแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เงินคืน เมื่อเห็นกู้หยุนหลานไม่ยอม หวังฟางก็หันไปมองหลี่โม่และถามอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่โม่ แม่ขอถามหน่อย แกจะยอมให้แม่เก็บเงินก้อนนี้ไว้ไหม?" นี่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นการบังคับคนเที่ยงตรงให้ทำความชั่ว หลี่โม่เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จากนั้นก็
ต่างคนต่างมองตากัน พร้อมกับกุมท้องหัวเราะเยาะ “กู้ชิงหลิน สมองเธอไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?” “เธอรู้ไหมว่า หวู่เต้าเหวินเป็นใคร? คนทึ่มอย่างเขาน่ะเหรอ จะรู้จักกับหวู่เต้าเหวิน?” “ถ้าเขารู้จักหวู่เต้าเหวินจริง ๆ ฉันจะคุกเข่าลงและเรียกเขาว่าปู่เลยล่ะ” เด็กหนุ่มที่แต่งตัวมีสไตล์ทันสมัยหลายคนเย้ยหยันและเยาะเย้ย หวู่เต้าเหวินเชียวนะ คนเหล่านี้ที่พวกเขาพัวพันในแต่ละวัน ต่างก็รู้จักยศศักดิ์ของหวู่เต้าเหวินเป็นอย่างดีว่า เขาเป็นหนึ่งในสี่ราชามาเฟียของเมืองฮั่น! มีสถานที่เป็นร้อยแห่งและลูกน้องเป็นร้อยคนอยู่ภายใต้อำนาจเขา! หวู่เต้าเหวินจะเคารพคนต่ำต้อยอย่างนี้เหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่องตลกระดับประเทศ! กู้ชิงหลินแสร้งทำเป็นกังวลและตะโกนว่า “หลี่โม่ นายบอกพวกเขาไปสิว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าน่ะ ไม่สิ นายโทรหาหวู่เต้าเหวินเดี๋ยวนี้เลย บอกให้เขามาที่นี่เลยสิ!” อย่างไรก็ตาม หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ได้รู้จักกับหวู่เต้าเหวินอะไรนั่น” "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น กู้ชิงหลินก็หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้า และตบหน้าหลี่โม่เบา ๆ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา