ฉวีเทียนไห่ยิ้มอย่างพึงพอใจและนั่งสบาย ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ผมจะไม่ขอให้หัวหน้าทีมเฉาทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรอก แค่ปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้ก่ออาชญากรรม และเราต้องจัดการอย่างยุติธรรมโดยมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ถูกไหมล่ะครับ หัวหน้าทีมเฉา?”ฉวีเทียนไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการสมรู้ร่วมคิดอย่างมีชัยเฉาหัวเจิ้งคนนี้ พ่ายแพ้แก่ภรรยาของเขาเสียแล้วนี่คือจุดอ่อนของเขาเฉาหัวเจิ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉวีเทียนไห่ แล้วจึงพยักหน้าตอบ “ตกลง” สิบนาทีต่อมา เฉาหัวเจิ้งก็เก็บข้อมูลและมาที่ห้องผู้กำกับเขาเคาะประตู และได้รับอนุญาตให้เข้าไปขณะนี้เซี่ยงหย่งกั๋วผู้กำกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายแห่งเมืองฮั่นกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการเขาเป็นข้าราชการที่ดีของราษฎรที่ทำงานจนดึกดื่น “เสี่ยวเฉา มีอะไรหรือเปล่า มาหาฉันซะดึกเชียว” เซี่ยงหย่งกั๋วถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเป็นมิตร เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาเป่าแล้วจิบชาเซี่ยงหย่งกั๋วประทับใจเฉาหัวเจิ้งมาก เขาพิถีพิถันและใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแ
พวกลูกน้องมัวทำอะไรอยู่!เซี่ยงหย่งกั๋วโกรธมาก ขณะเดียวกันก็ตื่นตระหนกด้วย“ผู้กำกับเซี่ยงขอบคุณที่ช่วยนะ ปีหน้าฉันวางแผนที่จะลงทุนในการสร้างโรงเรียนพิเศษเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางสังคมและการพัฒนาของเมืองฉั่น” เฉียนฝูพูดหา?!เซี่ยงหย่งกั๋วตะลึง!สร้างโรงเรียน?!ตกใจสุด ๆ !“ขอบคุณประธานเฉียน สำหรับการสนับสนุนการทำงานของพวกเราที่ดีเสมอมา! ผมจะจัดการดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง รอสักครู่ แล้วคุณจะได้คำตอบที่น่าพอใจอย่างแน่นอน!”เซี่ยงหย่งกั๋วขอบคุณเสร็จ ก็ที่รีบวางสายทันที เขาหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อบรรคลายความตกใจเมื่อสักครู่เซี่ยงหย่งกั๋วแทบรอไม่ไหวที่จะสวมเครื่องแบบและใส่หมวก จากนั้นก็ออกไปนอกจากความตื่นเต้น ก็ยังมีความโกรธอยู่!แม้แต่นายน้อยของประธานฝู พวกเขายังกล้าดีไปจับกุมตามอำเภอใจ คนพวกนี้ ช่างกล้านัก!ขณะนี้โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเซี่ยงหย่งกั๋วรู้สึกกังวลใจจริง ๆ จากนั้นจึงคว้ามือถือ แล้วพูดอย่างกังวล “ใครครับ รบกวนโทรมากลับมาใหม่ทีหลังนะครับ?”อารมณ์ไม่ค่อยเป็นมิตรเลยทีเดียวทว่า กลับได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจที่ปลายสาย “เเหม เซี่ยงหย่งกั๋ว เดี๋ยวนี้แกกล้าตะโกนใส่ฉันแล้
ตอนนี้เฉาหัวเจิ้งงงเป็นไก่ตาแตก เขาไม่คิดว่าเซี่ยงหย่งกั๋วจะโกรธเป็นไฟขนาดนี้!เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนในฐานะเป็นผู้มีประสบการณ์ทำงานมาหลายปี เฉาหัวเจิ้งเข้าใจทันทีว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น!หรือว่าชายหนุ่มที่ถูกจับมาจะมีเบื้องหลังที่น่ากลัว?!“ผู้กำกับเซี่ยงนี่อะไรครับ?” เฉาหัวเจิ้งหันหน้าไปถามเซี่ยงหย่งกั๋วจ้องกลับและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยังจะกล้าถาม! ก็แกทำเรื่องสิ้นคิดไปยังไงล่ะ! เขาอยู่ไหน? ปล่อยตัวเขา พาฉันไป! เดี๋ยวนี้!” เฉาหัวเจิ้งนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่นักเขาทำงานมาก็หลายปีแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเกิดอะไรแบบนี้เฉาหัวเจิ้งรู้ว่าเซี่ยงหย่งกั๋วโกรธมาก จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรชักช้า เขาจึงรีบนำทางและมาที่ห้องสอบสวนในเวลานี้ ในห้องสอบสวน หลี่โม่นั่งอย่างสงบ เขาหลับตาและพักผ่อนอยู่เขาดูไม่กังวลสักนิดเลยเพราะเรื่องนี้ เขาไม่ผิดแน่นอนว่า ต้องมีคนจัดการเรื่องนี้ให้เขา เขาก็แค่ต้องวางใจและรอทว่า หลี่โม่กำลังคิดเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นก็คือจะจัดการกับฉวีเทียนไห่อย่างไรร่องรอยแบบนี้ คนอื่นมองไม่ออก แต่หลี่โม่รู้ว่าฉวีเทียนไห่เป็นคนทำแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว
“ฉวีเทียนไห่ แปลกใจใช่ไหมล่ะ ที่เป็นฉันน่ะ?” เสียงที่คุ้นเคย ทำให้ฉวีเทียนไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว มือและเท้าของเขาเย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผากของเขาก็ผุดลงมา“หลี่โม่! ทำไมแกถึง…”คำพูดของฉวีเทียนไห่ติดอยู่ในลำคอของเขา!นี่คือการโทรศัพท์ของหม่าคุน แต่ตอนนี้หลี่โม่กลับเป็นคนที่กำลังรับสาย แม้แต่สมองหมูก็รู้ว่านี่มันผิดปกติ“หม่าคุนอยู่ที่ไหน?” ฉวีเทียนไห่ถามด้วยความตื่นตระหนก“หน้าประตูบ้านนาย”หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น จากนั้นก็มีเสียงร้องอ้อนวอนออกมาจากโทรศัพท์ฉวีเทียนไห่ตกใจขึ้นมาทันที เขารีบลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่น พลันวิ่งไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว และมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ 2 คันกับไฟท้ายสีแดง จอดอยู่ที่ทางเข้าบ้านที่ด้านหน้ารถ มีชายคนหนึ่งกำลังยืนพิงอยู่ เขาสูบบุหรี่ นี่ทำให้ฉวีเทียนไห่ตื่นตระหนกไปหมดหลี่โม่!ทำไมเขามาเร็วขนาดนี้? ปัง!ฉวีเทียนไห่ยังไม่ทันได้โต้ตอบ ประตูบ้านก็ถูกเปิดอย่างแรง จากนั้นชูจงเทียน ก็พาพวกบุกเข้าไปทันที!กลุ่มคนเข้ามาควบคุม และล้อมรอบห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็วผลัวะหม่าคุนถูกปิดปากด้วยเทปสีเขียว ถูก
หลี่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นฉวีเทียนไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว รู้สึกว่าหลี่โม่มีออร่าบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้เป็นความรู้สึกที่มั่นใจมากทีเดียว “หลี่โม่ แกคิดว่าเจ๋งมากเหรอที่รู้จักชูจงเทียนน่ะ?” ฉวีเทียนไห่เยาะเย้ยและบังคับตัวเองให้สงบลงนี่มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่นอน ทำไมหลี่โม่จอมไร้ประโยชน์คนนี้ จู่ ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้น ฉวีเทียนไห่มีพ่อ และพ่อของเขารู้จักผู้คนมากมายเขาจะไม่กังวลเลยว่า หลี่โม่จะกล้าทำอะไรกับเขา!ทว่า ต่อมาหลี่โม่ก็พูดอย่างใจเย็น “ฉวีเทียนไห่ ฉันไม่อยากเล่นงานนายหรอกนะ แต่นายชอบเล่นงานฉันทุกที่ ฉันรู้ว่านายเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ดังนั้นถ้าฉันปล่อยนายไปล่ะก็ ฉันคงต้องขอโทษกับตัวเอง และกับกู้หยุนหลานด้วย”สำหรับหลี่โม เขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรฉวีเทียนไห่ ผู้ชายคนนี้โลภอยากจะได้กู้หยุนหลานมาตลอด หลี่โม่คิดว่าต้องตักเตือนเขาสักหน่อยฉวีเทียนไห่หน้าซีด เขาขมวดคิ้วและเย้ยหยัน “หลี่โม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าแกจะทำอะไรกับฉันได้!”ทว่า ทันทีที่เขาพูดจบ หลี่โม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ที่นายอวดดีแบบนี้ ก็เพราะอำนาจพ่อข
ฉวีเทียนไห่นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้อย่างหนักไม่คิดเลยว่า ฉวีเทียนไห่จะแพ้หลี่โม่จนได้!แม้เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลี่โม่ทำอะไรลงไปแค่โทรศัพท์ไปครั้งเดียว!ก็เกิดเรื่องน่าหวาดหวั่นขึ้น!หลี่โม่น่ากลัวเกินไปแล้ว!‘แต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก!’‘ฉวีเทียนไห่ไม่มีวันยอม!’เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที กดหมายเลขอย่างสั่นเทา “ลุงครับ ช่วยผมกับครอบครัวด้วยครับ ลุง…”…… ด้านของหลี่โม่ หลังจากที่เขาออกจากบ้านของฉวีเทียนไห่ เขาก็ขึ้นรถของชูจงเทียน และไปหาเฉียนฝูก่อน“เหล่าเฉียน ดึกแล้วให้ผมมาหาทำไมล่ะ?” หลี่โม่นั่งบนโซฟานุ่ม ๆ พร้อมจิบไวน์แดงเฉียนฝูยืนอยู่ต่อหน้าหลี่โม่ด้วยความเคารพ พร้อมคำนับ แล้วพูดว่า “นายน้อย ผมขอโทษ มันเป็นความประมาทของผมเอง ที่ทำให้นายน้อยถูกใส่ร้ายแบบนี้”หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น “เหล่าเฉียน อย่ามาทำนี้กับผมเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย เอาล่ะ ว่ามาสิ มีเรื่องอะไรถึงอยากเจอผม?”เฉียนฝูคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบด้วยความเคารพ “นายน้อยครับ ราชินีมังกรกำลังเดินทางมาที่เมืองฮั่นในอีกไม่กี่วันครับ”อึ้ง!จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลง
แกร๊ก ประตูเปิดออก และหลี่โม่ยืนอยู่ข้างนอกประตู ใบหน้าของหวังฟางแข็งทื่อแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “แกโดนจับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่แกออกมาได้ยังไง?” หลี่โม่พูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า "แม่ ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พวกเขาปล่อยผมออกมาเอง" ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานได้ยินเสียงของหลี่โม่ก็รีบวิ่งเข้าไปแล้วกอดหลี่โม่ และร้องห่มร้องไห้ หลี่โม่พูดปลอบใจสองสามคำว่า “ไม่ต้องร้อง ๆ ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมออกมาแล้วเห็นไหม” ทั้งครอบครัวนั่งด้วยกันในห้องนั่งเล่น หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินนั่งอยู่บนโซฟาแล้วจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัดและสงสัยมาก และข้างหลี่โม่มีชายชราคนหนึ่งชื่อเฉียนฝู หวังฟางจ้องมองไปที่เฉียนฝูอย่างไม่ละสายตา และพูดด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “หลี่โม่ ตาลุงคนนี้เป็นใคร ทำไมแกถึงพาคนไม่รู้จักเข้ามาในบ้านของฉันอย่างไม่เกรงใจแบบนี้?" หวังฟางไม่ชอบการแต่งตัวของชายชรามาก อายุขนาดนี้แล้วยังสวมชุดสูทอยู่ แถมยังถือหมวกสีดำที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนและเขายังยิ้มแห้ง ๆ อีก แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเฒ่าหัวงู หลี่โม่คบกับคนแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกจับ หลี่โม่อธิบายอย่างใจเย็น “แม่ครับ เขาคือ...
แม้แต่กู้เจี้ยนหมินอยากจะพูดแทรกไม่กี่ประโยค ก็ถูกเธอขัดจังหวะไปหมด “นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตรงนั้นแหละ” หวังฟางรีบบอกกู้เจี้ยนหมิน จากนั้นหันหน้ากลับมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย และจ้องมองที่เฉียนฝูราวกับสมบัติของชาติ กู้หยุนหลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อแม่ของเธอเป็นแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ก่อนหน้านี้เกลียดคนอื่นจนอยากจะไล่ออกไป แต่ตอนนี้กลับจ้องเขาไม่หยุด “แม่คะ ประธานเฉียนมีเรื่องมากมายที่ต้องทำในทุก ๆ วันนะคะ” กู้หยุนหลานพูด หวังฟางมองตรงไปที่กู้หยุนหลานและพูดว่า "แกจะไปเข้าใจอะไร อย่ามาพูดไร้สาระ" หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยิ้มอีกครั้งแล้วจ้องตรงไปที่หลี่โม่และพูดว่า "ลุกขึ้น ไปนั่งตรงนั้นไป" หลี่โม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกขึ้น หวังฟางทิ้งก้นนั่งลงถัดจากเฉียนฝูด้วยท่าทางที่ประจบสอพลอและพูดว่า "ท่านเฉียน ท่านรู้จักหลี่โม่บ้านเราได้อย่างไรคะ?" ตอนนี้กลับพูดถึงหลี่โม่เกือบทุกประโยค หลี่โม่อย่างนั้น หลี่โม่อย่างนี้ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ แม้ว่าหวังฟางอยากจะเลียแข้งเฉียนฝู แต่เธอก็รู้ดีในใจ หลี่โม่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ได้รู้จักผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ร่ำรวยเช่นนี้ นั่นเป็นเร