บทที่ 6ในขณะที่หลงเหยียนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอถูกดึงเข้าสู่ห้วงฝันอีกครั้ง ในความฝันนั้น เธอเดินผ่านม่านหมอกที่หนาทึบ ทุกย่างก้าวพาเธอเข้าใกล้แผ่นหลังของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืด ร่างกายของเขาดูคุ้น ตาอย่างน่าประหลาด แต่เธอกลับไม่สามารถระบุได้ว่าเขาเป็นใคร เห็นเพียงด้านหลัง ไหล่กว้างสั่นเทา "ฝันเห็นหวงตี้ฮ่องเต้อีกแล้วงั้นหรือ"หลงเหยียนพึมพำกับตัวเอง โดยคิดว่ามันคงเป็นแค่ฝันซ้ำ ๆ ที่เธอเห็นอยู่ทุกคืน แต่ทว่าคราวนี้กลับมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไป แผ่นหลังของชายคนนี้ดูมีความหมายและคุ้นเคยอย่างยิ่ง ไม่ใช่หวงตี้ฮ่องเต้ที่เธอเคยฝันเห็นมาก่อน แต่แล้วเขาเป็นใครกันแน่ แต่ใครล่ะด้วยความสงสัย หลงเหยียนจึงก้าวเข้าไปใกล้ชายคนนั้นมากขึ้นทุกที ยิ่งเข้าใกล้ ความรู้สึกในใจของเธอก็ยิ่งปั่นป่วน แต่หมอกที่ปกคลุมอยู่ก็ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน สัมผัสแห่งความลึกลับและความรู้สึกคุ้นเคยที่ยากจะอธิบายได้ ทำให้เธอยิ่งมุ่งมั่นที่จะเข้าใจความหมายของฝันนี้ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “เหยียนเหยียน” เสียงของชายหนุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวด เธอรู้สึกถ
บทที่ 7ดวงตากลมโตปรือตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า เธอไม่รู้ว่าเวลานี้กี่โมงแล้ว แต่พอเห็นแสงอาทิตย์ที่มุมขอบหน้าต่าง หลงเหยียนทะลึ่งพรวดขึ้นจากเตียงนุ่มในทันที“ตาย ตายแน่ ๆ กี่โมงแล้วเนี่ย” เธอบ่นอุบอิบรีบลุกขึ้นจากเตียงดูดวิญญาณในทันที ร่างกายเธอช่วงนี้เป็นอะไร พอได้อยู่นิ่ง ๆ ก็จะหลับเป็นตายตลอด เพราะแบบนี้อย่างไรล่ะถึงได้ถูกช่างทำผมทำสีผมสีประหลาดนี้ให้โดยไม่รู้ตัว หลงเหยียนทำได้เพียงส่ายหัวให้กับความขี้เซาของตัวเองช่วงนี้ “ตื่นแล้วหรือคะ”เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง หลงเหยียนหันกลับไปส่งยิ้มอย่างสำนึกผิดให้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันหลับเพลินไปจริง ๆ” ด้วยรู้ว่างานเลี้ยงป่านนี้คงจบแล้ว ก็แน่ล่ะงานเลี้ยงถึงแค่เที่ยงคืนแต่นี่มันเช้าแล้ว หลงเหยียนนะหลงเหยียน“ดิฉันเข้ามาดูคุณเมื่อคืนเรือจอดเทียบฝั่งเมื่อคืน แต่เห็นกำลังหลับสบาย คุณหวงเลยไม่ให้ปลุกค่ะ” บอดีการ์ดสาวบอก“แล้วตอนนี้…”“เรือจอดอยู่ที่ท่าค่ะ คุณหวงให้ดิฉันไปส่งคุณที่ที่พัก นี่ค่ะ” บอดีการ์ดสาวยื่นกล่องใบใหญ่ส่งให้“อะไรคะ” แม้จะสงสัยแต่ก็ยื่นมือไปรับมา“ชุดที่คุณหลงใส่เมื่อคืนค่ะ ดิฉันส่งให้คนซักอบรีดใส่กล่องเอาไว้ให้ ดูแล้วน่าจะเป็นช
บทที่ 8ระหว่างก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับเอกสาร แม้จะเกิดเหตุการณ์มากมาย ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ไม่ทำงานจะเอาอะไรกิน แม้จะต้องปั้นสีหน้าว่าไม่เป็นอะไรกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆคืนงานเลี้ยงที่หลงเหยียนหายไปจากงาน ไม่มีใครถามถึงและกล่าวถึง เพราะคิดว่าเธอคงเสียใจที่ถูกแย่งผลงานไป จึงปลีกตัวออกไปจากงาน พอมาวันนี้กลับมาทำงาน ทุกคนจึงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กล่าวถึง ไม่พูดถึง เกรงว่าจะกระทบใจหลงเหยียน เพราะทุกคนก็ไม่อาจทำอะไรได้ ศาสตราจารย์จางเส้นใหญ่ในวงการขนาดไหนทุกคนรู้ดี หากไปทำอะไรให้ไม่พอใจ เตรียมตัวหางานใหม่ได้เลย ทุกคนจึงทำเพียงหลับหูหลับตาทำงานของตนเอง“หลงเหยียน ดูนั่นสิ” เฉิงหยวนเรียกเพื่อนร่วมงานให้เงยหน้าขึ้นจากเอกสารหลงเหยียนเอียงคอมองราวกับถามว่ามีอะไร ปกติก็ต่างคนต่างทำงาน ไม่ค่อยมีใครคุยกันสักเท่าไร “เธอรู้ไหมนั่นใคร คุณหวงไง ประธานบริษัท หวงอินดัสตรี จำกัด เจ้าของหุบเขาลูกนี้” เฉิงหยวนหวีดร้องมองตามกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่เดินตรงไปยังห้องพักของอาจารย์เธอ“เฉิงหยวนเธอรู้ได้ไงว่านั่นคือคุณหวง” หลงเหยียนมองตามการชี้ชวนของเพื่อนร่วมงาน แม้ตอนนี้เธอจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้รวยล้นฟ้าหน้า
บทที่ 9 ยิ่งได้เห็นสายตาของอาจารย์ของเธอที่มองมาอย่างเคียดแค้นแล้วหลงเหยียนก็รู้ชะตากรรมของตนเธอทำความเคารพทุกคนในห้อง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้บอดีการ์ดสาวที่ไปส่งเธอที่ห้องพักเมื่อวาน“นั่งสิ” ศาสตราจารย์จางเอ่ยบอกลูกศิษย์อันดับหนึ่งเสียงห้วน น้ำเสียงที่ไม่เคยใช้ยิ่งทำให้หลงเหยียนเดาไปในทางที่ดีไม่ได้เลยหลงเหยียนนั่งลงตามที่ศาสตราจารย์จางสั่ง เธอพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ศาสตราจารย์จางที่เคยเมตตาและชื่นชมในผลงานของเธอ บัดนี้มองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าชะตากรรมของเธอถูกกำหนดไว้แล้วเมื่อเธอนั่งลง บรรยากาศในห้องกลับเงียบงันอย่างไม่สบายใจ หลงเหยียนได้แต่รอคอยอย่างประหม่า รู้ดีว่าคำพูดที่จะหลุดออกจากปากของศาสตราจารย์จางต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่ตัดสินอนาคตของเธอในวงการนี้ ความรู้สึกกดดันหนักอึ้งแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ออกบอดีการ์ดสาวยืนเงียบอยู่ที่มุมห้อง ไม่มีท่าทีเข้ามาแทรกแซง แต่เพียงแค่การมีอยู่ของเธอก็ทำให้หลงเหยียนรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นครับ” หวงต้าลู่เป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบ ก่อนจะส
บทที่ 10ภายในร้านอาหารที่คุ้นเคยเสียงฝนตกพรำ ๆ ดังผ่านกระจกหน้าต่างเป็นเสียงพื้นหลังช่วยให้บรรยากาศภายในร้านดูเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนปกติอย่างที่มันเคยเป็นราวกับว่านี่เป็นการพบปะพูดคุยกันของเธอกับว่าน หนิงอย่างที่เคยทำในทุก ๆ วัน ในเวลาที่พอจะว่างบ้างจากงานที่ทำ หรือไม่ก็มานั่งกินไป เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับเพื่อนสนิทอย่างว่านหนิงฟัง แล้วก็จบลงด้วยการให้อีกคนแย่งทุกอย่างไปเป็นของตัวเองหลงเหยียนมองไปยังสายน้ำที่ไหลลงมาตามกระจกว่านหนิงเป็นเพื่อนเก่าที่เธอคบมานานมาก ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนี้และตั้งแต่เกิดเรื่องเธอเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่องเลยแววตาของหลงเหยียนดูเฉยเมย แต่ในความจริงแล้วใจของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อนและความรู้สึกที่ตีกันอย่างวุ่นวาย หญิงสาวยังคงนั่งรอแขกของเธอที่ยังคงเดินทางมาไม่ถึง หรือไม่อยากมาเพราะหลบหน้าเธอก็ไม่รู้ ความคิดของเธอกลับลอยไปยังเหตุการณ์ในหลายวันก่อนที่ยังคงฝังใจอยู่ไม่หาย แม้จะได้ทุกอย่างคืนกลับมาแล้วแต่ความรู้สึกที่เสียไปคงเอาคืนกลับมาไม่ได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลงเหยียนเชื่ออย่างเต็มหัวใจเลยว่าว่านหนิงค
บทที่ 11ในขณะที่หลงเหยียนเปิดประตูออกจากร้านและจะก้าวออกไปสู่สายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เธอก็รู้สึกได้ว่าไม่มีเม็ดฝนตกมาถึงตัวเธอเลยแม้แต่นิด พอเงยห น้าขึ้นก็เห็นร่มพร้อมกับคนที่หญิงสาวไม่นึกว่าจะเจอกัน“คุณหวง” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนที่เอาร่มมาบังฝนให้เธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเสื้อของคุณจะเปียก ท่าทางจะแพง” หวงต้าลู่หัวเราะ “ไม่แพงเท่าเครื่องมือของคุณหรอกครับ ว่าแต่กินข้าวแล้วเหรอครับผมกำลังจะเข้าไปพอดีมีอะไรแนะนำไหม” หลงเหยียนเหลือบมองไปทางด้านใน ที่จริงเธอก็ยังหิวอยู่เล็กน้อย พอจัดการเรื่องไปแล้วก็เพิ่งจะรู้สึกตัว แต่เพราะเพิ่งจัดการเรื่องด้านในไปนั่นแหละ ถึงรู้สึกไม่อยากจะไปหาอะไรกินเลย“ร้านเต็มค่ะ ฉันว่าจะไปหาร้านใหม่อยู่พอดี” หลงเหยียนเลือกที่จะโกหกออกไป“จริงเหรอครับ น่าเสียดายมีคนบอกว่าร้านนี้อร่อยดี” คำของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว “ก็คงจะอร่อยคนเลยเยอะ” แววตาที่ดูเศร้าหน่อย ๆ ทำให้หวงต้าลู่มีความคิดใหม่ “ผมยังมีร้านอื่นในลิสต์อีกคุณหลงเหยียนจะไปด้วยกันไหมครับ ถ้าสนใจนะครับ”หลงเหยียนยิ้มและพยักหน้าอย่างง่าย ๆ “เอาสิคะ ฉันยังหิวอยู่เลย” หญิงสาวตอบ
บทที่ 12“คุณหวงนี่รู้เรื่องอาหารเยอะเหมือนกันนะคะ” หลงเหยียนกล่าวอย่างชื่นชม เมื่อเขาอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละจานที่สั่งมา“ก็พอรู้บ้างครับ” หวงต้าลู่ตอบพร้อมรอยยิ้ม “เวลาเดินทางไปไหนมาไหน ผมชอบลองชิมอาหารท้องถิ่นเสมอ มันทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของแต่ละสถานที่ได้ดีขึ้น”“ฉันก็เห็นด้วยค่ะ การทำความรู้จักกับอาหารท้องถิ่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการเข้าใจผู้คนและสถานที่นั้น ๆ” หลงเหยียนพูดด้วยความจริงใจ แม้ว่าใจจริงแล้วเธอจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ลองอะไรใหม่ ๆ เท่าไรนักเพราะมัวแต่ทุ่มเทกับการทำงานเมื่ออาหารเริ่มถูกเสิร์ฟ หลงเหยียนมองจานที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าและสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของอาหารโบราณที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน หวงต้าลู่เริ่มแนะนำให้เธอลองชิมจานแรกที่เสิร์ฟมา ซึ่งเป็นอาหารที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ“ลองจานนี้ก่อนนะครับ นี่คือ ‘เป็ดอบน้ำผึ้ง’ ที่เคลือบด้วยน้ำผึ้งท้องถิ่น รสชาติจะหวานนิด ๆ แต่ไม่เลี่ยนจนเกินไป” เขาพูดพลางใช้ตะเกียบหยิบเป็ดชิ้นเล็ก ๆ วางลงบนจานของหลงเหยียนเธอรับตะเกียบมาและเริ่มลองชิม รสชาติหวานนุ่มของน้ำผึ้งที่ผสานกับความนุ่มของเนื้อเป็ดทำให้เธอต้องหลับต
บทที่ 13หลงเหยียนเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงบของร้าน เสียงฝนพรำข้างนอกยิ่งทำให้ร้านอาหารนี้รู้สึกเหมือนที่พักพิงที่ปลอดภัยเธอคิดว่าที่นี่คงกลายเป็นที่โปรดในไม่ช้า"ช่วงนี้งานคุณ คงเหนื่อยมากเลยนะ ผมเห็นคุณทำงานหนักทุกวัน""งานหนักจริงค่ะ แต่ฉันไม่เหนื่อยหรอก ยิ่งได้เห็นยิ่งได้รู้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้รู้สึกดี โดยเฉพาะเรื่องราวที่บันทึกเอาไว้"“คุณเก่งจริง ๆ ที่เข้าใจเรื่องที่ผ่านมาเป็นร้อย ๆ ปีได้ คงเรียนยากมากสินะครับ ขนาดบางอย่างน่าจะเป็นของต้นตระกูลของผมเอง ผมยังไม่เข้าใจเลยสักนิด” ทั้งสองพูดคุยกันไประหว่างรออาหาร “ไม่หรอกค่ะ ฉันก็แค่ทำตามที่เรียนมา อีกอย่างคงเป็นเพราะอยากเรียนรู้เรื่องของคนที่จากไปแล้ว บางทีฉันอาจจะทำอะไรเพื่อพวกเขาได้ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม”“อย่าถ่อมตัวเลยครับ ผมมองออกว่าคุณเก่งมาก ผมเห็นว่าคุณพยายามและทุ่มเทขนาดไหน ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบนี้” คำพูดของชายหนุ่มและแววตาที่ส่งมาทำให้หัวใจของหลงเหยียนที่เพิ่งกระจัดกระจายอยู่เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงเกิดสั่นไหวและแอบทำตัวไม่ถูก“ขอบคุณนะคะคุณหวง" หลงเหยียนพูดพลางหลบตาชายหนุ่ม แต่ก็ถูกยื่นถ
ตอนพิเศษ+5แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปที่ไซต์งานจริง ๆ หวงต้าลู่กลับขับรถพาเธอไปส่งถึงที่ พร้อมกับเตรียมเก้าอี้นุ่ม ๆ และร่มกันแดดคันใหญ่ให้เธอตลอดเวลาที่เธอออกจากที่ร่ม อีกฝ่ายไม่ได้ให้เธอได้เดินไปไหนมาไหนเกินความจำเป็น ลูกน้องทุกคนได้รับคำสั่งให้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ราวกับเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด แต่หลงเหยียนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำงาน...หญิงสาวนั่งดูงานด้วยความพอใจ ขณะที่หวงต้าลู่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลไม่ห่าง พวกเขาทั้งคู่หัวเราะและพูดคุยกันเบา ๆ ในบางครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นท่าทางที่ดูน่ารักดีสำหรับบรรดาเพื่อนร่วมงานคนอื่นเวลาผ่านไป 6 ปีพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่งดงาม ห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาและลำธารที่ไหลผ่าน ผืนดินที่เคยเป็นสถานที่ขุดค้นสมบัติโบราณ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชม ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และการจัดแสดงที่ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักและความเสียสละของต้นตระกูลหวง กลายเป็นเรื่องราวที่ซึ้งกินใจใครหลาย ๆ คนหวงต้าลู่และหลงเหยียนพาลูกแฝดของพ
ตอนพิเศษ+4“หลงเหยียน คุณต้องพักผ่อนมาก ๆ นะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป ผมไม่อยากให้คุณหรือลูก ๆ ของเราเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” หวงต้าลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่เขาช่วยประคองพาหญิงสาวเดินไปนั่งบนโซฟานุ่ม ๆ ในบ้าน เขาดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงการนอนหลับของเธอ จนหลงเหยียนนึกว่าตัวเองเข้าคอร์สอะไรสักอย่างที่ต้องมีเทรนเนอร์ตามติดหญิงสาวค่อนข้างจะอึดอัด เพราะปกติแล้ว หลงเหยียนเคยชินกับการทำงานหนักในไซต์งาน การเป็นนักโบราณคดีเรียกได้ว่านอนกลางดินกินกลางทราย บางทีก็ไม่ได้นอน บางทีก็ไม่ได้กิน ตอนนี้ได้ทั้งนอนเต็มอิ่มและกินจนจุกจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกประคบประหงมขนาดนี้ เธอรู้สึกคิดถึงการทำงานภาคสนาม ที่ซึ่งเธอสามารถใช้ความรู้และทักษะของเธอได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่มองภาพที่ถ่ายมาแล้วประเมินเนื้อหาทั่ว ๆ ไปอย่างตอนนี้“หวงต้าลู่คะ ฉันอยากกลับไปทำงานที่ไซต์งานได้ยินว่าเจอของใหม่ และฉันมั่นใจว่ามีอีกหลายอย่างที่เรายังต้องค้นพบอีก แล้วก็ยังสุสานเก่าอีกที่ที่เราเคยไปด้วยกันเมื่ออดีตที่นั่น ฉันก็อยากจะหามันให้เจอแต่ที่สำคัญที่สุดเลย คือฉันคิดถึงการทำงานที่นั่นมาก” หญิงสาวบอก
ตอนพิเศษ+3ภาพคนทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกัน ขณะที่เสียงเพลงหวาน ๆ บรรเลงขึ้นเบา ๆ เป็นภาพที่ทำให้บรรดาแขกมีรอยยิ้ม ทุกคนต่างเห็นพ้องว่าทั้งสองคนนั้นถูกกำหนดมาให้คู่กันอย่างแท้จริง ซึ่งแม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำลายได้เมื่อเรือแล่นกลับมายังท่า หวงต้าลู่จับมือหลงเหยียนไว้แน่น ขณะที่พวกเขาเดินลงจากเรือไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เปล่งประกายทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปข้างหน้า ท่ามกลางเสียงปรบมือและความยินดีของแขกที่มาร่วมงาน งานแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นชีวิตคู่ในปัจจุบัน แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ได้รับการสานต่อจากอดีต และพวกเขารู้ดีว่าทุกย่างก้าวที่พวกเขาจะก้าวไปด้วยกันนั้นจะเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความผูกพันที่ยืนยาวข้ามผ่านกาลเวลาหลังจากงานแต่งงานที่อลังการบนเรือผ่านพ้นไป หวงต้าลู่และหลงเหยียนเลือกที่จะไม่เดินทางไปยังสถานที่หรูหราเหมือนคู่แต่งงานอื่น ๆ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไปฮันนีมูนในเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำ เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้ใช้ร่วมกันในอดีตพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองโบราณลี่เจียง เมืองที่มีอายุนับร้อยปี ถนนหนทางยังคงปูด้วยหินกรวด บ้
ตอนพิเศษ+2“ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ ฉันเสมอ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังเริ่มต้นสิ่งใหม่”“ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ทุกอย่างที่เราเจอมา ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน มันทำให้ผมมั่นใจว่าเราถูกกำหนดมาให้คู่กัน” แม้ว่าจะต้องใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเองช่วยเหลือบ้าง แต่หวงต้าลู่คิดเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าสวรรค์ไม่ช่วย เขาจะนำหญิงสาวข้าง ๆ กายมาเป็นของตนได้อย่างนั้นเหรอคงไม่มีทางงานแต่งงานของพวกเขาที่กำลังจะมาถึง ไม่ใช่แค่งานแต่งงานธรรมดา ๆ แต่มันเป็นการฉลองให้กับความรักที่ยาวนานผ่านกาลเวลา และเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่รู้จบงานแต่งงานของหลงเหยียนและหวงต้าลู่จัดขึ้นอย่างอลังการ บนเรือที่ล่องออกไปกลางแม่น้ำใหญ่ แม้ว่าในตอนแรกทั้งสองจะมีความลังเลใจเป็นอย่างมากที่จะทำแบบนี้ เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุที่ทำให้หลงเหยียนหายไปจากชีวิตของหวงต้าลู่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแต่ความเชื่อมั่นที่ทั้งสองคนมีให้ต่อกันก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดงานแต่งงานในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความรักที่ยิ่งใหญ่และความผูกพันที่จะไม่มีวันจางหายตลอดกาล ต่อให้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมหลงเหยียน” หวงต้า
ตอนพิเศษ+1งานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ทำให้หลงเหยียนตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะมีความคาดหวังกับมัน และเพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงมากังวลอยู่อย่างนี้ ตอนนี้เธอนั่งประชุมกับเพื่อน ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถึงแม้หลาย ๆ อย่างจะถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กลับมีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวยังหาไม่ได้ นั่นก็คือธีมของงานแต่ง ในวันที่สถานที่พร้อม ชุดพร้อม และทุกอย่างพร้อมสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับยังไม่มี“ฉันมีไอเดียเสนอ ทำไมเราไม่ใช้ธีมต่อจากนิทรรศการที่เพิ่งจัดไปล่ะ” หลงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เพื่อนอีกคนก็รีบเสริมทันที“จริงด้วย จริงด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นธีมงานที่คนพูดถึงไปอีกนานแน่ ๆ ไหน ๆ ก็คงจะต้องเป็นข่าวอยู่แล้วใช่ไหมว่าที่คุณนายหวง” คำของเพื่อน ๆ ทำให้หลงเหยียนหน้าแดง เพื่อนที่ช่วยกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเธอที่มหาวิทยาลัย และเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น เพราะหญิงสาวเป็นคนบ้างานบ้าเรียนสุดท้ายจึงรู้จักคนอยู่เท่านี้“ใช่ไหมล่ะ ท่านอ๋องที่รอคนรักมาตลอดหลายร้อยปี แล้วสุดท้ายก็ได้เจอกันในชาตินี้และได้แต่งงานกัน เหมือนคู่ของเธอกับคุณหวงไง เจอกันเพราะเธอมาขุดสุสานต้น
บทที่ 35บนเรือสำราญลำเดิมที่ทำให้หวงต้าลู่และหลงเหยียนได้พบกันจากอุบัติเหตุของหญิงสาว ตอนนี้ทั้งคู่กลับมายืนที่ตรงนี้อีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศที่คล้าย ๆ เดิมแต่ไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ปาร์ตี้ก็ยังคงดำเนินไประหว่างที่เรือลำใหญ่ล่องผ่านสายน้ำที่เงียบสงบ ไม่มีอาจารย์จางอยู่บนเวทีและไม่มีคนที่แอบอ้างงานคนอื่นอย่างว่านหนิงอยู่ที่นั่นมีเพียงแค่หลงเหยียนกับทีมนักโบราณคดีคนอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวถึงทีละคน เพราะ “งานนี้คงสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคนช่วยเหลือ” หลงเหยียนกล่าวระหว่างที่ยืนอยู่บนเวทีที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายแสงไฟวิบวับจากดวงไฟนับร้อยที่ประดับประดาบนเรือ ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงฉลองดูหรูหราและอลังการมากขึ้นไปอีกแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างแต่งกายในชุดราตรี นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงและสื่อมากมายหลายสื่อต่างเข้าร่วมงานนี้ หลายคนมาเพราะคำเชิญ อีกหลายคนมาเพราะสนใจในงานนิทรรศการที่เพิ่งผ่านไปจริง ๆ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงดนตรีที่บรรเลงเบา ๆ คลออยู่ในอากาศหลงเหยียนกลับมายืนอยู่ที่ด้านหลังเรืออีกครั้ง หญิงสาวมองออกไปยังสายน้ำเบื้องล่าง เธอสวมชุดราตรีสีงาช้างที่พลิ้วไหวท
บทที่ 34ความเชื่อมั่นที่หญิงสาวมีต่อหวงต้าลู่ทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น และไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ความจริงที่ชายหนุ่มเล่าให้ฟังอาจทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวหรือกังวล แต่สำหรับหลงเห ยียน เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ใช่เพราะเธอไม่ใส่ใจ แต่เพราะตอนนี้เธอมีหวงต้าลู่อยู่เคียงข้าง ความรู้สึกปลอดภัยที่เขามอบให้มันมีค่ามากพอที่จะทำให้เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องอดีตอีกต่อไปหลงเหยียนยิ้มบาง ๆ และบีบมือหวงต้าลู่ที่ยังจับมือเธออยู่เบา ๆ“แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะที่คุณเป็นห่วงและเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แต่...ฉันคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าว่านหนิงจะเคยทำอะไรหรือไม่เคยทำ ตอนนี้ฉันก็ไม่สนใจแล้วจริง ๆ เพราะฉันมีคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันรู้ว่าคุณจะปกป้องฉันได้เสมอ” หลงเหยียนตัดสินใจพูดความในใจออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้หวงต้าลู่มองหลงเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับ“ผมดีใจที่คุณรู้สึกแบบนั้นครับหลงเหยียน ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย และจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณได้อีกแน่นอน” หลงเหยียนพยักหน้าและยิ้มอย่
บทที่ 33“นี่มัน” หญิงสาวพูดออกมาเมื่อเสื้อเชิ้ตขาวของชายหนุ่มแหวกออกเพราะแรงกอดของเธอ รอยสลักที่เป็นชื่อของหญิงสาวยิ่งทำให้น้ำตาของหลงเหยียนไหลออกมาอีก “นี่มัน” หวงต้าลู่ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น “เอาไว้ผมจะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง แต่ตอนนี้คุณต้องพักก่อนนะ ผมรู้ว่าคุณอาจจะเป็นห่วงเรื่องงานและเรื่องนิทรรศการด้วย” หลงเหยียนยิ้มจาง ๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอลืมมันเกือบหมดเมื่อเห็นชายหนุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกมันจะท่วมท้นจนทนไม่ไหวขนาดนี้“ฉันคิดถึงคุณมากตอนนี้เรื่องอื่นฉันไม่สนหรอก ขอโทษนะที่ทิ้งคุณมา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมฉันถึงได้ลืมคุณ เรื่องทดลองคบของเราเปลี่ยนมันเป็นถาวรเถอะนะ” หลงเหยียนไม่รีรออะไรอีกแล้ว เพราะเธอและอีกฝ่ายรอมานานเหลือเกินแล้ว“ผมก็คิดถึงคุณ คิดถึงมากเกินกว่าที่คุณจะคาดคิดเลยทีเดียว และเพราะอย่างนั้นผมเลย...” หลงเหยียนรีบเอามือปิดปากไม่ให้เขาพูดอะไรออกมา น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาของเธอ เธอเห็นมันทั้งหมดว่าเขาทำสิ่งใดเพื่อให้ได้มาพบเธอในโลกปัจจุบัน ความฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มที่อยู่ในฝันคือเขาในอดีต“แต่ตอนนี้เราม
บทที่ 32หลังจากเรื่องราวทั้งหมด เมื่อความอิจฉาและความแค้นก่อตัวขึ้นในใจของว่านหนิง จนแทบจะระเบิด เธอก็เริ่มคิดถึงวิธีการที่จะทำให้หลงเหยียนได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ตัวเองเคยเผชิญมา ความรู้สึกที่ถูกหวงต้าลู่ปฏิเสธอย่างไร้ค่า รวมถึงการเห็นหลงเหยียนกับหวงต้าลู่รักกันมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ว่านหนิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปว่านหนิงเฝ้าดูหลงเหยียนจากระยะไกลมาตลอด แม้ว่าช่วงนี้เธอและอีกฝ่ายจะไม่ค่อยได้เจอกัน หญิงสาวรอคอยโอกาสที่จะแก้แค้นให้สมกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดมา เพราะสนิทจึงรู้ว่าหลงเหยียนมักจะใช้บันไดทางด้านหลังของอาคารเก็บผลงานเพื่อเดินไปยังห้องทำงานตรงไซต์งาน เนื่องจากเป็นทางที่เงียบสงบและมีคนใช้น้อย ว่านหนิงจึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงมือจัดการหลงเหยียนโดยไม่มีใครเห็นว่านหนิงแสร้งทำตัวเป็นมิตร และเดินเข้าไปทักทายหลงเหยียนด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย แต่ในใจกลับคิดถึงแผนการที่อันตรายอย่างเงียบ ๆ“อยู่ทำงานดึกอีกแล้วนะ” หลงเหยียนยิ้มตอบอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่มีเรื่องกัน หากไม่จำเป็นเธอและอีกฝ่ายก็แทบจะไม่พูดคุย“แค่ยุ่งนิดหน่อยน่ะ” หลงเหยียนตอบกลับไ