บทที่ 1
“สวัสดีค่า”
เสียงพนักงานภายในร้านคาเฟ่กึ่งเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทำเลทำเงินของมหานครเมืองหลวงในเมืองไทยเปล่งเสียงต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านต่อเนื่อง
เปรมา สถิตวงศ์ หรือ เลิฟ ชื่อเล่นที่ไว้ใช้กับคนสนิทเท่านั้น ละสายตาจากจานขนมเค้กที่กำลังวางในตู้โชว์เค้กมองไปยังประตูทางเข้าร้าน
ร้าน 96 café กำลังเป็นที่นิยมในย่านนี้ เธอตัดสินใจไม่ผิดที่เปิดร้านแห่งนี้หลังจากออกจากงานแผนกเบเกอรี่จากโรงแรมชื่อดัง สาวร่างสูงอวบอิ่มผิวสองสีที่มีรอยยิ้มกว้างพร้อมลักยิ้มข้างขวา ดวงตาคมรีจมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อยบ่งบอกลักษณะดื้อรั้น ผมดำขลับเป็นลอนหยักศกที่เธอไม่ใคร่ชอบถูกซ่อนไว้ในหมวกคลุมสีขาวสำหรับเชฟ
“พี่เลิฟ”
เสียงหวานใสของน้องสาว ปาริมา สถิตวงศ์ หรือ ลิฟ เดินแกมวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
“มากันแล้ว กินอะไรมาหรือยัง”
เปรมารีบวางจานแล้วปิดตู้แช่เค้กหันมากอดน้องสาวเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย มองผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน แซม ฮิวส์ หนุ่มชาวอเมริกันที่กำลังคบหากับน้องสาวเธอ
แซมรูปร่างหน้าตาหล่อจัด สูงโปร่งแต่มีกล้ามเนื้อดั่งคนชอบเล่นกีฬา สีผิวแทนเพราะมักชอบอยู่กลางแจ้ง ผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใส แต่ที่เปรมาชอบในตัวเด็กหนุ่มคนนี้มากที่สุดคือนิสัยใจคออ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษ
เปรมาดึงแขนน้องให้ไปนั่งที่โต๊ะด้านข้าง ปาริมารูปร่างผอมบางอย่างสมัยนิยม สูงโปร่งและผิวขาวผ่องผิดไปจากเธอค่อนข้างมาก ใบหน้าหวานเฉี่ยวทำสีผมน้ำตาลอ่อน
“มีอะไรทานบ้างคะพี่เลิฟ ลิฟกับแซมหิวมากเลยค่ะ”
เปรมายิ้มให้กับคนทั้งคู่แล้วจึงหันไปสั่งลูกน้องในร้านให้นำแซนวิชที่เธอเตรียมไว้มาจัดเสิร์ฟ
“ทานแซนวิชไปก่อนนะเด็ก ๆ พี่ยังไม่มีเวลาทำของหนักเลยจ๊ะ”
“ได้ค่ะพี่เลิฟ วันนี้ลูกค้าเยอะเหรอคะ”
ปาริมาขยับแก้วน้ำที่พนักงานนำมาวางให้แซมแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม ใบหน้าหวานเฉี่ยวมีเหงื่อเล็กน้อย ยังมองพี่สาวตาแป๋ว
“ใช่แล้วจ๊ะ อ้อ นี่ทั้งสองคนเตรียมตัวดีหรือยัง”
เปรมรีบเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้ทั้งปาริมาและแซมต้องไปพบกับพ่อของแซม นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่เข้ามาขยายกิจการในประเทศไทยหลายปีแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แซมมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนในไทยจนได้เจอกับน้องสาวของเธอ
สีหน้าปาริมาจ๋อยลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพ่อของแซมก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมองเพื่อนชาย
“ครับ เราทั้งคู่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วครับ”
ปาริมาขยับจานแซนวิชที่พนักงานนำมาวางไปทางข้างหน้าคนทั้งสอง พรางยิ้มเบา ๆ
“ถึงขนาดต้องเตรียมใจเชียวเหรอแซม”
“พี่เลิฟ พ่อผมดุมากเลยนะครับ”
“อะไรกัน แต่เขาน่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้นะ ในเมื่อเขาก็เคยผ่านมันมาก่อน”
เปรมาวางข้อศอกกับโต๊ะกระจกเท้าคางมองคนทั้งคู่ที่กำลังทานแซนวิชหิวกระหาย
“อืม อร่อยจังเลยค่ะพี่เลิฟ”
“อร่อยก็ทานเยอะๆ สิ ยังมีอีก”
สายตาเปรมาวกกลับมายังแซมเพื่อรอให้เขาตอบคำถาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีและน้องสาวของเธอเหมาะสมกันทุกประการในความคิดของเธอ คนทั้งคู่เรียนอยู่ที่เดียวกันแม้ว่าน้องสาวของเธอจะอายุมากกว่าหนึ่งปี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
“ครับ ผมไม่ทราบแน่ชัดนักว่าเมื่อตอนพ่อยังเป็นวัยรุ่นเป็นยังไง เขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ผมหรอกครับ แต่อันที่จริงพ่อกับผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไรเพราะพ่อเป็นพวกบ้างาน”
แซมเช็ดมือกับกระดาษอเนกประสงค์หลังจากทานเสร็จ นัยน์ตาสีฟ้ายังจ้องเธอด้วยแววตาแจ่มใส
“แล้วแซมได้เจอแม่บ้างหรือเปล่า”
“ก็ตั้งแต่พวกเขาหย่ากันผมก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ซึ่งมันก็นานมากแล้วจนแม้แต่ผมเองก็แทบจำหน้าแม่ไม่ได้ ไม่สิพี่เลิฟ ผมได้เห็นแม่เหมือนกัน แต่ในหน้าคอลัมสาวสังคมเท่านั้นครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คำพูดติดตลกเหมือนผ่อนคลายของแซมไม่ได้ทำให้เปรมาขบขันไปด้วย ยิ่งทำให้เห็นว่าแซมขาดความอบอุ่นมากขนาดไหน ขนาดเธอเสียทั้งพ่อและแม่เมื่อช่วงวัยรุ่นสภาพจิตใจยังย่ำแย่ พยายามเต็มที่ดูแลน้องสาวเพียงคนเดียว ให้ความรักความอบอุ่นทดแทนบิดามารดา และเธอทำได้เป็นอย่างดีเยี่ยมดูได้จากปาริมาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวมองโลกในแง่ดี อบอุ่นและเรียนเก่ง
ตอนนี้ปาริมาทานเสร็จแล้วเช่นกัน ปัดไม้ปัดมือด้านข้างก่อนจะยกน้ำดื่ม
“พี่เลิฟ พ่อของแซมเขาเป็นพวกบ้างาน แล้วเนี่ยมาเมืองไทยก็จะอยู่ไม่นาน น่าจะราวสองสามเดือนเท่านั้นก็บินกลับแล้วค่ะ”
บทที่ 2เปรมาเปลี่ยนท่าจากเท้าแขนเป็นเอนตัวพิงพนัก ดวงตาคมรีนิ่งใช้ความคิด“พี่เลิฟอยากเห็นพ่อของแซมไหมคะ นี่ไงคะ พ่อแซมชื่อแซค รูปนี้เพจเพิ่งลงเมื่อสองวันก่อน พ่อของแซมไปงานเลี้ยงธุรกิจในโรงแรม ดารา คนดังไปกันเยอะเลยค่ะ”คิ้วโก่งสวยบนหน้าหวานยกขึ้น เธอชะโงกตัวไปยังกลางโต๊ะเพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องสาวเปิดภาพพ่อของแซมให้ดูในภาพเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุราวปลายสามสิบหรืออาจต้นสี่สิบ สวมสูทราคาแพงพอดีตัวรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแกร่งคมด้วยคิ้วเข้มดกหนาได้รูป จมูกโด่งสูงแต่ปลายงุ้มลงเล็กน้อย นัยน์ตาดำคมกริบดุดัน ผมสีเข้มดำสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างกายชายคนนี้ช่างผิดแผกแตกต่างไปจากลูกชายของเขาโดยสิ้นเชิงเปรมาเงยหน้าขึ้นมองแซมด้วยใบหน้าฉงน จนแม้แต่แซมเองยังเข้าใจยิ้มแห้ง ๆ ออกมา“ผมเหมือนแม่น่ะครับพี่เลิฟ”เปรมาพยักหน้าแล้วก้มมองรูปภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง นอกจากรูปร่างสูงใหญ่แล้ว เธอยังเห็นความสง่างามและหยิ่งทะนงอยู่ในท่ายืนตรงมือล้วงกระเป๋าหนึ่งข้าง มองกล้องดั่งชายผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงและครอบครองโลกใบนี้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างของเขาโอบเอวนางแบบชื่อดังไว้แนบกาย“ลิฟ กลับไปคอนโดอา
บทที่ 3“ตุบ”เปรมาโยนกุญแจรถลงบนตู้เก็บของทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เธอซื้อไว้สำหรับพักอาศัยกับน้องสาวสองคนความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและกล้ามเนื้อตึงเครียดทำให้เธอต้องการแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเสียหน่อยเปรมาเดินเข้าไปยังห้องน้ำแล้วเปิดน้ำอุ่นลงอ่างอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักในคอนโดมิเนียมราคาปานกลาง พาร่างอวบอิ่มกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปรมาหยุดลงที่กระจกบานยาวในห้องแต่งตัว ดวงหน้าอาจดูสวยคมแต่ผมหยักศกเป็นลอนทำให้ใบหน้ากลับหวาน เธอยืดร่างเปลือยเปล่าเขย่งปลายเท้ามองกระจก เอวเธออาจเล็กหากแต่หน้าอกและสะโพกผายทำให้เธอดูอ้วนท้วม เธอบิดกายหันข้างก่อนถอนหายใจเฮ้อ รู้สึกเหมือนจะน้ำหนักขึ้น ฉันกำลังจะกลายเป็นสาวขึ้นคานอายุยี่สิบหกที่มีหุ่นเหมือนคุณป้าเธอหยิบผ้าเช็ดตัวและโทรศัพท์เข้าห้องน้ำ หย่อนร่างลงในน้ำที่เพิ่งเริ่มเติมได้แค่ค่อนล่างของอ่าง“ป่านนี้เจ้าหนูสองคนเป็นยังไงบ้างนะ”เปรมาสงสารน้องสาว ปาริมาค่อนข้างหัวอ่อนและเรียบร้อย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ดูท่าทางแล้วคงดุใช่เล่น ไม่รู้ว่าน้องของเธอรับมือไหวหรือเปล่า“กริ๊ง กริ๊ง”ร่างอวบอิ่มสะดุ้งด้วยที่ว่ากำลังคิดเพลิน มองหน้าจอโท
บทที่ 4แซคพาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มปลดเนคไทออก คลายกระดุมบนสามเม็ดเพื่อต้องการให้ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไปนัก เขาเปิดประตูร้านคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กประมาณห้องสองคูหา ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจที่เปรมาสามารถหาร้านขนาดนี้ได้ท่ามกลางย่านธุรกิจกลางเมืองเสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยด้วยสำเนียงหวานใสชวนไพเราะ มีเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ เป็นภาษาไทยขณะที่เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ”“ขอไอซ์อเมริกาโน่ไม่รับไซรับครับ”“ได้ค่ะ รับเค้กทานเพิ่มด้วยไหมคะ”แซคก้าวไปยังตู้แช่เค้กแบบกระจกโค้งด้านหน้าถัดไปที่เคาน์เตอร์ มองเค้กหลากหลายหน้าตาดูดีทีเดียว แล้วจึงสั่งช็อกโกแลตเค้กนมสดหนึ่งชิ้นหลังจากชำระค่ากาแฟเรียบร้อยจึงไปนั่งรอตรงมุมห้องเป็นโซฟาทรงเตี้ยนุ่มสบาย มองดูไปรอบ ๆ ร้านตกแต่งแบบผู้หญิงแท้ ๆ ด้วยสีละมุนตาโทนชมพูและครีมเป็นหลัก“ได้แล้วค่า”พนักงานสาวหน้าตาหมดจดย่อกายลงนิดเพื่อวางแก้วกาแฟและจานเค้กบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าชายหนุ่มหล่อ เขายิ้มรับขอบคุณจนสาวน้อยหน้าแดงอายม้วนซอยเท้าถี่เข้าไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แซคทำเพียงนั่งเอนกายกับพนักพิงโซฟา ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน
บทที่ 5เปรมาจ้องเขาตรง ๆ เห็นสายตาคมเข้มยังกวาดไล้ไปบนร่างกายของเธอดั่งประเมินตีราคางานที่เขาประมูล และเธอไม่ชอบมันเลยสักนิด“ผมทำอะไรเลิฟ”“ก็คุณกำลังกวาดตาประเมินราคาฉันอยู่น่ะสิ แล้วชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนที่สนิทเท่านั้น”แซคยิ้มกว้างจนเปรมาสะอึกสะดุดลมหายใจของตัวเอง เธอคิดว่าเขารู้ตัวดีเลยทีเดียวว่าถ้าเขาทำแบบนี้สาว ๆ ทั้งหลายจะพากันหลอมละลาย“แต่เรากำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน นั่นยังไม่ถือว่าสนิทกันอีกหรือครับ และผมชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ ซึ่งคุณเป็นหนึ่งในนั้น”บ้าจริง! เปรมาสะบัดหนีดวงตาคมเข้ม เธอรู้สึกว่าเขากำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสายตา และประเมินว่าเธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขาหรือเปล่า“พูดสิ่งที่คุณคิดดีกว่าคุณฮิวส์”“สิ่งที่ผมคิดก็คือพวกเขายังเด็กเกินไป”“พวกเขาไม่เด็กแล้ว ปีหน้าพวกเขาก็อายุยี่สิบซึ่งบรรลุนิติภาวะ”“นั่นมันเรื่องของปีหน้า แต่ปีนี้พวกเขาเพิ่งสิบเก้าปีเท่านั้น”“แต่เด็กทั้งสองคนรักกัน และฉันคิดว่าเราควรสนับสนุน”“เลิฟ พวกเขายังเด็กเกินไป”แซคเสียงเข้มขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องของลูกชาย เขาเองไม่อยากให้แซมต้องหยุดชีวิตวัยรุ่นเพียงผู้หญิงคนเดียวตั้งแต่
บทที่ 6ความคิดกังวลยังวนเวียนแม้ผ่านมาแล้วหลายวัน พ่อของแซมไม่ยอมให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แล้วเธอที่เป็นพี่สาวจะบอกน้องสาวที่เธอรักมากยังไงดีแม้มือยังเทส่วนผสมลงในเครื่องผสมสำหรับทำคุกกี้ แต่ใจยังวกวนหาทางออกไม่ได้ นึกภาพปาริมาที่ยังคงปกติดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเขาจะเพียงแค่ขู่ เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหัวสลัดออกไม่ได้เลยเธอพยายามเลิกสนใจเรื่องของแซค แล้วกลับมาทำงานต่อ เปรมาบีบแบทเทอร์[1]คุกกี้เนยสดลงบนถาดที่ปูรองด้วยแผ่นรองกระดาษสำหรับอบเค้ก มือบีบวนขดเป็นรูปขดหอยเป็นแถว ๆ เรียงเป็นระเบียบแล้วจึงวางเม็ดอัลมอนด์ตรงกลางเธอทำซ้ำวนไปอีกถาดอย่างต่อเนื่อง งานในร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่เป็นงานค่อนข้างหนักและมักทำให้เธอไม่มีเวลาหยุดพัก ยกเว้นช่วงหลังเลิกงานที่จริงเธอตั้งใจจะเพิ่มพนักงานอีกสักสองคนหลังร้านเพื่อมาช่วยงาน ถ้าเธอได้ลูกค้ารับขนมส่งเป็นประจำนั่นอาจจะพอทำได้“กริ๊ง กริ๊ง”เปรมาเหลือบตามองโทรศัพท์ ตายยากเสียจริง เธอวางถุงบีบคุกกี้ถอดถุงมือยางเพื่อปัดรับโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ”“คุณรับสายช้า”ดวงตารีเหลือบตามองบนอย่างระอาใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเขายังเอาแต่ใจเพียงนี้“ฉันกำลังทำงานอยู่ ค
บทที่ 7เปรมาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าระหว่างรอ จากหางตาเห็นแซคเดินไปมุมห้องอีกด้านมีบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ“นี่ค่ะใบเสนอราคา”เธอรีบยื่นเอกสารไปตรงหน้าเมื่อเขากลับมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอหลังจากวางแก้วน้ำเปล่าแซครับแฟ้มเอกสารเปิดออกดูเล็กน้อยแล้วจึงวางลงตรงหน้า เขามองสาวร่างอิ่มที่วันนี้มวยผมอวดดวงหน้าคมเรียวและลำคอระหง สายตาหลุบลงกวาดไล้ไปยังเสื้อเชิ้ตที่ผลิพุ่งจากทรวงอกอวบ ก่อนจะเหลือบขึ้นปะทะสายตารีที่กำลังหรี่ลงเอาเรื่อง“เป็นยังไงคะ ไม่ทราบว่าคุณพอใจกับราคาหรือเปล่า”“ครับ คุณเสนอมายังไงทางบริษัทผมก็รับหมด”แซคเอนกายไปด้านหลังยกมือประสานประกบไว้ใต้คางยกขาไขว้ห้างระหว่างพิจารณาหญิงสาวด้านหน้า“อันที่จริงที่ผมให้คุณมาวันนี้เพราะมีข้อเสนอให้คุณเช่นกัน”เปรมาหยิบแฟ้มเอกสารกลับมาไว้กับตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองแซค ท่วงท่านักธุรกิจที่กำลังพิจารณาประเมินสิ่งของทำเธอฉุนเฉียวเล็กน้อยหากแต่ข่มไว้“ค่ะ ถ้างั้นอันที่จริงคุณไม่ได้ต้องการขนมของร้านฉันใช่ไหมคะ”“ไม่ครับ ทางบริษัทต้องการอย่างยิ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับที่ผมจะพูด”เปรมาค่อยใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเธอจะยังได้งานส่งขนมกับบริษัทยักษ์ใหญ่
บทที่ 8“พี่เลิฟคะ”เปรมาเงยหน้าขึ้นจากแผ่นแป้งที่กำลังรีดด้วยเครื่องรีดแป้งเพสตี้สำหรับทำครัวซองเพื่อส่งไปยังบริษัทของแซคซึ่งผ่านไปหลายวันกว่าที่บริษัทติดต่อกลับมาและตกลงให้เธอเข้าไปเซ็นสัญญา“จ้า ลิฟมีอะไรหรือเปล่า พี่ยุ่งนะวันนี้”มือเรียวสะบัดแป้งบนแผ่นรีดอีกครั้งก่อนจะตลบแป้งอีกด้านให้เข้าเครื่องรีดแล้วใช้มือช่วยรองรับ แม้มือจะยุ่งระวิงหากยังชำเลืองมองน้องสาวที่ยืนทำหน้าเศร้าเธอปิดเครื่องรีดยกแป้งที่รีดครบสี่ครั้งมายังโต๊ะยาวสำหรับขึ้นรูป เปรมาคลี่แผ่นแป้งวางบนโต๊ะหยิบไม้บรรทัดยาวสามฟุตขึ้นวัดแล้วใช้มีดเล็ก ๆ ทำเครื่องหมายเป็นจุด“ยืนเป็นหมาง่อยเลยลิฟ มีอะไรพูดมาสิพี่ฟังอยู่นะ”เธอกลิ้งลูกกลิ้งตัดแป้งสำหรับตัดแป้งพายโดยเฉพาะขึ้นวางบนแผ่นแป้งแล้วกดแรงกลิ้งลงตามรอยที่ทำไว้“พ่อแซมจะให้แซมกลับไปเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ”“แปะ!”เสียงวางลูกกลิ้งกับโต๊ะสแตนเลสดังขึ้นตามแรงอารมณ์ของคนวาง ใจนึกโมโหชายตัวโตหนุ่มใหญ่ที่เล่นกับความรู้สึกของลูกชายตัวเองเพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองพอใจ ที่สำคัญมันเกี่ยวกับน้องสาวของเธอด้วย“น้องกลัวค่ะพี่เลิฟ ถ้าแซมไปอยู่ที่อเมริกาแล้วเกิดเปลี่ยนไป น้องจะทำยัง
บทที่ 9เปรมาได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบกระเส่า กายสาวตอบรับสิ่งที่ได้ยินโดยไม่รู้ตัว เธอหายใจกระชั้นขึ้นและใบหน้าชื้นเหงื่อทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องเย็นเฉียบ“ผมจะให้เลขาส่งสัญญาไปให้ และเราจะเดินทางกันในอีกสองวัน”“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวาง ฮิวส์!”พนักงานหน้าร้านตกใจเสียงตะโกนของเจ้านายสาวจนต้องวิ่งเข้ามาดูภายในแผนกเบเกอรี่ด้านหลัง เห็นเพียงภาพใบหน้าคมโกรธเกรี้ยว ดวงตารีจ้องโทรศัพท์ดั่งจะกินเลือดกินเนื้อ“เกิดอะไรขึ้นคะพี่เลิฟ”“ไม่มีอะไร ไปดูหน้าร้านเถอะ”“ติ๊ง”เสียงแจ้งเตือนอีเมลเข้าทำให้เธอฉงน เอกสารทำไวขนาดนี้เชียวหรือ? เธอเปิดออกดูคาดว่าเป็นอีเมลส่วนตัวของแซคเองจากที่อยู่อีเมลเอกสารไม่กี่หน้าแต่ครอบคลุมแม้กระทั่งค่าชดเชยรายวันที่เธอต้องปิดร้านถึงเจ็ดวัน และเขาจะเป็นออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางไปภูเก็ตของเธอแต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอสนใจไปมากกว่าข้อตกลงที่ระบุระยะเวลาการหมั้นหมายของแซมและลิฟเป็นเวลาสองปีนับจากวันลงนามในสัญญาส่วนข้อสุดท้ายที่ทำให้ดวงหน้างามของเธอตกตะลึง ระบุห้ามอีกฝ่ายเผยแพร่ภาพถ่ายส่วนตัวของอีกฝ่าย ห้ามมิให้พูดถึงข้อตกลงนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
บทพิเศษกริ๊งงงง!!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นยามเช้า แสงอาทิตย์ยังทอแสงรำไรขอบฟ้าของคฤหาสน์ชานเมือง“อืมมมม”ร่างอวบอิ่มบิดกายพลิกหาความอบอุ่นข้างกายทันทีเอื้อมมือออกข้ามลำกายแกร่งไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงมือเล็กพยายามควานหาทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ร่างอวบทับบนอกแกร่งตะเกียกตะกายไปมา“เลิฟ”เสียงแหบพร่ากดต่ำดังขึ้นทำให้เปรมาปรือตามองอย่างสงสัย แล้วหยิบนาฬิกาปลุกกดปิดได้ในที่สุด“ขอโทษค่ะ เลิฟตั้งปลุกไว้ต้องรีบกลับคาเฟ่แต่เช้า”“มานี่ก่อน”แซคคว้าร่างอวบไว้ได้ทันก่อนที่เปรมาจะก้าวลงจากเตียงใหญ่ ดึงรั้งกระทั่งล้มลงบนกายแกร่งอีกครั้ง“แซค!! เลิฟกำลังจะสายนะคะ”“สายอะไรกัน วันนี้ผมเหมาร้านคุณให้แล้วกัน อยู่กับผมอีกวัน”เปรมาดันตัวขึ้นมองหน้าคมเข้ม ผมยังยุ่งเหยิง ดวงตาหรี่ปรือเปี่ยมเสน่ห์ทางเพศมองเธออย่างมาดหมาย“อย่านะ! เปรมาชอกช้ำหมดแล้ว”แซคค่อยคลี่ยิ้มมองสีหน้าเง้างอดและทีท่าขืนตัวหนี“ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดทะลึ่งไปเองหรือเปล่า”มือแกร่งยังดึงดันพลิกจนร่างเปรมาตวัดกลับไปนอนหงายโดยมีคนร่างโตทาบทับด้านบน แทรกหัวเข่ากลางหว่างขา“แซค! นี่เลิฟพูดจริงนะคะ ต้องกลับแล้วเช้านี้”“ถ้างั้นมีข้อแ
บทที่ 24**จบ“อือม พูดอะไรคนสวย”เขาเลื่อนลงไปจนกระทั่งถึงเนินทรวงอกใช้ลิ้นตวัดปลายยอดถัน เปรมาเบี่ยงตัวหลบ“ขึ้นมานี่เลย พูดกันก่อนนะคะ”“แล้วคุณจะมีรางวัลอะไรให้ผม”แซคครอบปากบนยอดทรวงดูดแรงจนร่างอวบอิ่มสะท้านแอ่นหยัดรับ“อะไรก็ได้ ขึ้นมานี่นะ หยุดก่อน”รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมเข้มทำเธอตาพร่าไปพักหนึ่งเมื่อเขาชะโงกเหนือดวงหน้าของเธอ“จะถามอะไรคนสวย”“คุณจะแต่งงานกับฉันทำไม พูดมานะแซค”“ไม่เห็นยากเลยเลิฟ ผมชอบคุณมากน่ะสิ ไม่สิ ผมรักคุณต่างหาก ใช่ มันต้องเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะผมถึงอยากจะแต่งงานกับคุณ”เปรมาถอนหายใจโล่งอกเมื่อแซคยอมพูดคำที่เธออยากจะได้ยิน เปิดปากรับลิ้นที่แทรกเข้าโพรงปาก จูบหนักหน่วงดำเนินไปสักพักจนลมหายใจของเปรมาเริ่มกระชั้น“คุณคิดว่ามันเป็นความรักเหรอคะแซค เรารู้จักกันไม่นานอีกอย่างคุณเคยบอกฉันว่ามันเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย”“เลิฟคนดี ผมอายุปูนนี้แล้ว สามสิบเก้า คุณคิดจริง ๆ หรือว่าผมไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง”“อือ แล้วคุณไม่ถามฉันเหรอแซค อา อ่า”เขากัดยอดถันเบา ๆ มือกอบดันขึ้นเหลือบตามองเธอ“ไม่หรอก เพราะคุณต้องรักผมอยู่แล้ว ใช่ไหมคนสวย”“ฮ่า ฮ่า คนหลงตัวเอง”“เอาล่ะ
บทที่ 23“ก๊อก ก๊อก พี่เลิฟคะ สายมากแล้วค่า”แซคคลายอ้อมแขนที่เปรมาหนุนนอนมาตลอดคืน เอนกายไปขอบเตียงตวัดขาลงแล้วจึงคว้าเช็ดตัวของเปรมาสีชมพูสวยพันรอบเอว มือสางเสยผมยุ่งเหยิงพอประมาณ“แอ๊ด”ปาริมาสะดุ้งสุดตัวมองพ่อของคู่หมั้นตาค้าง พ่อของแซมนุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูของพี่เปรมาเดินออกมาเปิดประตูเพียงผืนเดียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงปาริมาแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น“อะ เออ พ่อคะ พะ พี่เลิฟ เออ จะมาเรียกพะ พี่เลิฟทานข้าวค่ะ”แซคก้มมองว่าที่ลูกสะใภ้ใบหน้าซีดเผือด เขายืนเท้าแขนตรงกรอบประตูใช้มือผลักประตูกว้างออกไปแล้วเบี่ยงตัวเล็กน้อยให้ปาริมาเห็นพี่สาว“ยังไม่ตื่น”ปาริมามองเข้าไปยังเตียงนอนเห็นแต่ผมดำยาวสยายปิดใบหน้า สีผิวน้ำผึ้งตัดกับผ้าปูเตียงสีขาวเขามองลำคอระหงของปาริมาขยับกลืนน้ำลายหลายครั้งก่อนจะหน้าแดงซ่านทั่วใบหน้า“งะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”“ปัง”แซคเดินกลับมายังเตียงนอนก่อนจะล้มตัวนอนต่อ เขาขยับเข้าใต้ผ้าห่มโอบวงแขนรอบร่างอวบอิ่มที่ยังสลบไสล ยิ้มมุมปากเมื่อนึกภาพยามเธอตื่นมาแล้วพบว่าเขาเพิ่งจะไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาไป แต่อันที่ก็เป็นว่าที
บทที่ 22***แซคเดินใกล้จนถึงร่างอวบของเธอ โอบแผ่นหลังดึงรูดซิปลง ดวงตาคมไม่ละออกจากดวงหน้า มือร้อนลวกจับสายเสื้อดึงลงต้นแขน ชุดสวยร่วงหล่นกรอมเท้า“ผมขอต่อสัญญาเลิฟ ต่ออีกยาว ๆ”มือใหญ่ปลดตะขอเสื้อชั้นในปล่อยเต้างามให้เป็นอิสระ มือทาบทรวงอกเคล้นคลึงหนักมือ“คุณทำผมแย่ เลิฟ ผมไม่ชอบมันเลยคนสวย ผมไม่ชอบที่มันควบคุมไม่ได้”เปรมายังมองหน้าคมเข้มเมื่อเขาโน้มลงใกล้ ปากหนาครอบครองปากเย้ายวน รสชาติของไวน์คละคลุ้งไปทั้งโพรงปากมือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่าง เขาดันเธอแนบกายแกร่งโยกตัวให้ท่อนเนื้อสัมผัสเนินสาว แล้วจึงตวัดแขนโอบร่างอุ้มขึ้นจากพื้นเดินไปยังเตียงแซคมองหญิงสาวที่เขาวางลงบนเตียง ความรู้สึกบางอย่างกระแทกเข้าที่ทรวงอกแรงจนเขาสะเทือน เขายืดกายสูดลมหายใจเข้าแล้วดึงกางเกงในของเปรมาออกจากตัว“พระเจ้า คุณแว็กซ์”เปรมาประหม่าเอียงอาย เธอใช้มือปิดของสงวนไว้ไม่กล้าเปิดออกให้แซคเห็น“มันเป็นคอร์สเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”“ไม่ เลิฟ ยกมือออก ผมอยากเห็น”เธอค่อยเปิดออก สายตาเข้มข้นมองเธอนิ่ง เขาหน้าแดงก่ำขึ้นทันทีเมื่อเปรมาเริ่มขยับขายกตั้งชัน“วันนี้เราจะไม่เล่นเกมกันอีกใช่ไหมคนสวย คุณยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่กับ
บทที่ 21เปรมามองรอบโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่ มื้อเย็นที่มีแต่คนในครอบครัว แต่นั่นจะเรียกว่ามื้อเย็นก็ไม่ถูกนักเพราะตอนนี้สามทุ่มแล้วเพิ่งจะเริ่มยกจานแรกมาเสิร์ฟ“คุณเลิฟพักที่นี่เป็นยังไงบ้างคะ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะคะ”เสียงแม่ของแซมบาบาร์ร่าทำให้เปรมาละมือออกจากแก้วไวน์ เธอมองบาบาร์ร่าที่ยังสวยแม้อายุเกือบสี่สิบ ผมบลอนด์ยาวจัดแต่งทรงอย่างดี ชุดเรียบหรูสำหรับทานมื้อค่ำส่งให้บาบาร์ร่าโดดเด่น ยิ่งนั่งข้างแซคทำให้เธอเห็นความเหมาะสมกันทุกประการของคนทั้งคู่มือเรียวของบาบาร์ร่ายังจับแขนแซคไว้เบา ๆ ยามเอ่ยพูด เธอมองไล่ไปยังร่างแกร่งที่ถอดชุดสูทออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมเมื่อกลางวันพับแขนเสื้อขึ้นอย่างเคย“ค่ะ ทุกอย่างดีมากค่ะ”“ถ้าแบบนั้น พักเสียหลาย ๆ วันนะคะ ลิฟจะได้มีเพื่อน”“คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องกลับไปเปิดร้านค่ะ”บาบาร์ร่าส่งเสียงพึมพำเบา ๆ รับรู้ ก่อนจะหันไปคุยกับแซคต่อถึงเรื่องคนในครอบครัวเปรมายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรและโทษอาหารที่ทานไปเมื่อกลางวันที่ทำให้เธอมวนในท้องและร้อนไปถึงทรวงอกเสียงหัวเราะทุ้มของแซคดังมาเป็นระยะ ๆ ขณะที่คุยกันกับบา
บทที่ 20เปรมาสำลักน้ำทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากเสียงทุ้มเมื่อเขานั่งลงข้างเธอ คริสรีบหยิบผ้าเช็ดปากส่งให้หญิงสาวพรางหัวเราะถูกใจ“นี่สงสัยผมพูดแทงใจดำใช่ไหมครับ”“เปล่าคะ ฉันไม่ได้ชอบเขา”เปรมาปฏิเสธพัลวันหน้าแดงก่ำจากการสำลักน้ำ ประสานสายตาไม่หลบเพื่อแสดงความจริงใจ“ผมไม่เชื่อหรอกครับ พี่ผมละสายตาจากคุณไม่ได้ และคุณก็เช่นกัน”เธอยืดกายขึ้น คิ้วโก่งขมวดมุ่น ถ้าเป็นเช่นที่คริสบอกนั่นหมายความทุกคนก็มองเห็นมันเช่นกัน“อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นสิคะ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้”“โอ้ งั้นก็ดีสิครับ ถ้าคุณไม่ได้ชอบพี่ชายของผม ผมก็จะได้สบายใจหน่อย ผมก็ขออนุญาตจีบคุณเลยแล้วกัน”“คริส!!”เธอจ้องดวงตาพราวระยับตรงหน้าและรอยยิ้มกว้างจึงได้รู้ว่าเขากำลังหยอกเธอเล่น เปรมาค่อยผ่อนลมหายใจ“คุณหยอกฉัน”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่แน่หรอกนะครับเลิฟ”มีเสียงพูดคุยดังขึ้นเมื่อแซมและบาบาร์ร่าเดินนำคู่หมั้นทั้งสองไปที่โต๊ะตัวยาวด้านหน้าน้องสาวของเธอสวยกว่าใครและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุข เธอภาคภูมิใจในตัวน้องสาวและอยากจะเห็นลิฟมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป“ดูเจ้าแซมสิ ดูมีความสุข”เปรมาเอี้ยวหน้ามองคริส หน้าหวานคมยังยิ้ม
บทที่ 19“น้องพี่สวยจัง”เปรมาเดินเข้ามาในห้องนอนห้องหนึ่งของบ้านชานเมืองที่จัดให้น้องสาวและเธอได้เข้าพักตั้งแต่วันก่อนเพื่อเตรียมตัวร่างโปร่งบางของปาริมาสวยเปล่งปลั่งไปทั้งตัวด้วยชุดหมั้นตัวสั้นสีขาวผสมลูกไม้จากฝรั่งเศสทั่วทั้งชุด น้องสาวเกล้าผมขึ้นเป็นมวยด้านหลังประดับด้วยดอกไม้และเครื่องประดับราคาแพงที่แซมนำมาให้เข้าชุดกับสร้อยคอและกำไรข้อมือ“พี่เลิฟก็สวยค่ะ”ปาริมาจับมือพี่สาวพาเดินไปยังกระจกบานยาวในห้องนอน ร่างอวบอิ่มดั่งนาฬิกาทรายสวมชุดเดรสลูกไม้สีโอรสสั้นแค่เข่า คอเสื้อด้านหน้าและหลังเป็นรูปตัววีลึกจนเห็นเนินทรวงอวบล้น“พี่ว่ามันโป๊ไปนิดนะ”เปรมาขยับมือจับคอเสื้อที่แหลมตัววีลึกด้านหน้าอก ยิ่งเกล้าผมสูงทำให้โชว์เนินหน้าอกมากเกินไป“พี่เลิฟคะ ทำไมไม่สวมสร้อยที่พ่อแซคส่งมาให้ล่ะคะ”ปาริมาชะโงกมองคอโล่งว่างเปล่าคิ้วงามขมวดเล็กน้อยสงสัย สีหน้าพี่สาวดูลุกลี้ลุกลนเมื่อพูดถึงพ่อของว่าที่คู่หมั้น เธอมองตามร่างสูงอวบที่ผละออกจากเธอตรงไปยังเตียง แสร้งดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น“ไม่หรอก มันไม่ใช่ของพี่ ถึงพี่จะไม่มีของราคาแพงก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่”เธอโบกมือไล่คนรับใช้ที่ยัง
บทที่ 18“พี่เลิฟคะ พี่เลิฟ!!”เสียงหวานข้างหูดังขึ้นทำให้เปรมาสะดุ้งสุดตัว เอี้ยวหน้ามองเห็นใบหน้าน้องสาวสุดที่รักยืนยิ้มแป้นแล้นข้างตัว“เหม่ออะไรคะ ตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ตดูใจลอยนะคะ”ปาริมาเดินอ้อมไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวในคอนโดมิเนียมหลังจากแกล้งพี่สาวได้สำเร็จ หน้าหวานทรงผมสีน้ำตาลอ่อนยิ้มกว้างหยอกพี่สาวเล่นพรางพูดเจื้อยแจ้วต่อไป“พี่เลิฟไปเสียหลายวันและยังปิดโทรศัพท์น้องเลยติดต่อพี่ไม่ได้เลยคะ”“มีอะไรเหรอ”เปรมาหาเสียงตัวเองเจอในที่สุด เสียงแหบพร่าจากห้วงอารมณ์เมื่อภาพเหตุการณ์บนเตียงยังแจ่มชัด“ก็ลิฟจะโทรไปบอกข่าวดีกับพี่เลิฟค่ะ พ่อของแซมตกลงให้เราหมั้นกันแล้วค่ะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะ”“ใช่จ๊ะไม่น่าเชื่อ พี่ยินดีด้วยน้องรัก พี่ดีใจที่น้องสมหวังเสียที”“อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนหรอกนะคะพี่เลิฟ แต่ยังไง น้องจะทำให้ดีที่สุดให้การหมั้นดำเนินไปจนกว่าเราจะได้แต่งงานกัน”“หื้อ?”“ก็พ่อของแซมบอกว่าขอให้เราหมั้นกันสักสองปีก่อนแล้วถึงจะคิดดูอีกครั้งเรื่องแต่งงาน”เปรมาจับมือน้องสาวที่วางอยู่บนโต๊ะลูบปลอบใจ“ลิฟ สองปีน่ะมันเป็นเวลาที่พอเหมาะและน้องอาจทำให้พ่อของแซมเปลี่ยนใจได้ อีกอย่างเมื่อถึงเวลา
บทที่ 17***NCเปรมาสะบัดขาอีกข้างถีบหน้าอกแกร่งอย่างแรงจนเขาหงายหลังก้นกระแทกพื้น เธอพาร่างอวบอิ่มออกจากอ่างน้ำแต่มือยังถูกล็อคไว้ หันมองหน้าหล่อดั่งปีศาจร้ายที่กำลังยิ้มร่าแซคลุกขึ้นเดินลุยน้ำในอ่างมาทางเปรมา เธอมองของที่อยู่ในมือแซค ท่อนใหญ่สีเนื้อเลียนแบบแซคน้อยแต่ขนาดของมันทำให้เธอพรันพรึงเขาก้าวออกจากอ่างไปหาเธอ เปรมาขยับหนีอ้อมไปอีกทางเท่าที่ความยาวของกุญแจมือจะทำได้ เขายืนซ้อนหลังจับขาเธอให้เข้าไปในอ่างหนึ่งข้างแล้วคุกเข่าลงด้านล่างแหงนหน้าขึ้นหาเนินสาว“อวบอิ่มและหวานเยิ้ม”ลิ้นสากระคายลากขึ้นตวัดน้ำ เปรมาสะท้าน พยายามกระชากมือให้หลุดจากก๊อกน้ำ เขาเลียอีกหลายครั้งก่อนจะรัวถี่ตรงเม็ดกลางร่อง“น้ำออกเยอะมากเลิฟ ค่อยง่ายหน่อยทูนหัว”เปรมาสะดุ้งพรวด แซคดันเอ็นปลอมใหญ่เข้าช่องรักช้า ๆ หมุนเบา ๆ เขาดึงถอนออกแล้วดันเข้าเลียนแบบสิ่งที่เขาทำกับเธอ“อ่า แซค อือ อา”“เสียวมากใช่ไหมคนสวย”มือจับเอ็นปลอมดันค้างไว้ในโพรงรัก ปากหนาขยับขึ้นใช้ลิ้นเลียรอบ ๆ ปากทาง กลีบบางสั่นรัวระริก“แซค อา อา อือ อา กรี๊ด”เขาตวัดบนเม็ดเล็กถี่มือชักเอ็นปลอมขยับเบา ๆ เปรมากำลังจะถึงจุดสุดยอด เธอเกร็งร่างร้อ