“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำหรือพูดอะไรออกมา”“รู้ค่ะ แล้วหมอรู้ตัวไหมว่าทำให้เอวาคลั่ง” เมื่อบังคับให้เขาสัมผัสกับหน้าอกตัวเองไม่สำเร็จ เอวาก็พยายามจูบธาวินอีกครั้ง เพราะไม่ว่ายังไงเขาต้องยอมใจอ่อนสักอย่างสิ ยื้อกันไปยื้อกันมา ตอนนี้เอวาแทบจะขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัวของธาวิน“ต่อให้หมอกำลังคบกับยัยษาอยู่ แต่เอวาก็ใจกว้างพอที่จะไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นั้น ขอแค่หมอเปิดใจให้เอวาบ้าง เราไม่ต้องเจอกันทุกวัน ขอแค่วันหยุดสักวันก็พอ เอวาขอแค่นั้นจริงๆ นะคะ” คำร้องขอที่ฟังดูน่าสงสารถูกเอ่ยมาจากริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวย แต่มันกลับไม่เป็นผล“แต่ผมไม่ต้องการ”“หมอคะ ตอนนี้เอวาโสด รับรองว่าเอวาจะไม่ทำให้หมอต้องเสียใจแน่ นะคะ มาคบกับเอวาเถอะ”“ไม่…ปล่อยผม”“ทำไมคะหมอ เอวาไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงสู้ยัยษานั่นไม่ได้” ขณะพูดเอวาก็พยายามเข้าหาธาวินแต่ก็ถูกเขาผลักออก“คุณก็น่
“พี่ษาครับ” เสียงแหบพร่าของธาวินเอ่ยชิดใบหูเล็กๆ ของคนบนตัก ก่อนจะงับเล่นเบาๆ สร้างความเสียวซ่านให้วันเมษาจนต้องส่งเสียงครางออกมา อารมณ์ปรารถนาในร่างกายของเธอลุกโชนจนไม่อาจดับมอดได้หากธาวินไม่ช่วย“พี่วินขา ษา…” วันเมษารู้สึกอายที่จะเอ่ยว่าเธอนั้นต้องการเขา แต่ถึงจะไม่พูดธาวินก็เดาใจเธอออก“ต้องการผมหรือเปล่า” น้ำเสียงของธาวินฟังดูเซ็กซี่เหลือเกิน ไหนจะแววตาที่ดูหยาดเยิ้มเชิญชวนนี่อีก ทำเอาวันเมษาสั่นสะท้าน“อื้อ…ตะ…ต้องการ” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นของคนบนตักเอ่ยตอบธาวินจึงรีบปลดเข็มขัด ตามด้วยกระดุมกางเกง ขยับสะโพกเพื่อร่นกางเกงให้ลงต่ำอีกหน่อย นั่นก็เพียงพอให้บางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตอนนี้กำลังตื่นตัวผงาดออกจากอันเดอร์แวร์สีขาวที่แสนจะอึดอัดธาวินใช้ปลายนิ้วเกี่ยวขอบบิกินี่ตัวน้อยของวันเมษาเพื่อเปิดทางสำหรับบางสิ่งบางอย่าง ขณะที่ส่งอีกนิ้วเข้าไปสำรวจความพร้อม นั่นทำให้เธอครางออกมาอีกครั้ง ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากอย่างทรมาน ใจก็เต้นโครมคราม รอสิ่งท
“ยัยษา แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”“สมัยนี้ตรวจดีเอ็นเอว่าใครคือพ่อง่ายจะตายไป ไม่ต้องรอให้คลอดด้วยซ้ำ ถ้าเธอมั่นใจว่าท้องกับหมอวินจริงๆ ก็เอาผลตรวจดีเอ็นเอมาพิสูจน์ ฉันจะได้ไม่คิดว่าเธอมโนเอาเอง” วันเมษาเชื่อใจธาวิน ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้แน่ๆ และเธอก็ไม่ใช่นางเอกน้ำเน่า ที่พอได้ยินว่านางร้ายท้องกับพระเอกแล้วจะต้องน้ำตาตก เธอยอมยกปรวีณ์ให้เอวาไปครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวพอแล้ว จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับธาวินอีกแน่“ได้…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เอวาเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกออกไป ค่อยนัดวันเมษาออกมาพบเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เพราะตอนนี้ข้างกายเธอมีทั้งเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อยู่ แผนเธอไม่สำเร็จง่ายๆ แน่“พูดอะไรออกไปน่ะยัยษา นี่แกรักหมอวินจนสมองกลับแล้วหรือไง”เฟื่องรัตน์ที่ดูเหมือนจะเชื่อเรื่องนี้เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์เอ่ยขึ้น คิดแล้วก็น่าผิดหวัง เธอไม่น่าหลงชื่นชมธาวินเลยให้ตาย“ใจเย็นๆ ยัยเฟื่อง รอบเดือนแกหมดไปแล้วนี่ ทำไมอารมณ์ร้อนจัง หา” เก๋ไก๋เอ่ยปราม
วันเมษาออกไปนั่งรอธาวินที่โซฟา แต่ความที่หลายวันมานี้เธอทำงานแทบไม่ได้นอนพัก ความอ่อนเพลียจึงเข้ามาเล่นงาน นั่นทำให้เธอเผลอหลับแบบไม่รู้ตัว ธาวินที่รีบเคลียร์งานจนเสร็จ พอเห็นเธอหลับก็รีบเข้าไปนั่งใกล้ๆ นั่งมองอยู่แบบนั้น ก่อนจะโน้มตัวไปจูบปากอิ่ม จากเพียงแค่จูบ ตอนนี้ธาวินก็ชักจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เกิดมาไม่เคยจะลักหลับใคร และคงไม่ผิดหากจะมีครั้งแรกตอนนี้วันเมษาคล้ายหลับฝัน รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น ฝันที่แสนจะเหมือนจริง มันวาบหวิว เร่าร้อน เพราะในฝันเธอกำลังมีอะไรกับธาวินอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มเฝ้าจูบ เฝ้าสัมผัสจนเธอร้อนรุ่มไปหมด เสื้อผ้าบนตัวถูกเขาถอดออกทีละชิ้นสองชิ้น จนกระทั่งตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นในเท่านั้น“อืม” วันเมษาเผลอตัว ส่งเสียงครางออกมา แต่บางสิ่งบางอย่างที่กำลังสัมผัส เสียดสีตรงหน้าขา ก็ทำเอาเธอรีบตื่นจากความฝัน พอสบตาเข้ากับธาวิน วันเมษาถึงกับร้อนวูบวาบ“พี่วิน”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แล้วก้มลงไปจูบวันเมษาอีกครั้ง สรุปนี่คือความจริงใช่ไหม ไม่ใช่ความฝัน วันเม
“เราท้องเหรอ ไม่จริง” เธอทิ้งงาน ทั้งๆ ที่ยังถ่ายแบบไม่เสร็จ ทำเอาคนทั้งกองถ่ายปั่นป่วนกันไปหมด เพราะหาตัวนางแบบไม่พบ ซึ่งเอวาก็ไม่ได้สนใจ ก่อนจะมาจอดรถหน้าร้านขายยาแล้วมองนิ่ง ก่อนจะคว้าหมวกมาสวม ตามด้วยแว่นกันแดดยี่ห้อดังเพื่ออำพรางใบหน้าตัวเองจากสายตาคนรอบข้าง เมื่อได้อุปกรณ์ตรวจครรภ์มาแล้วก็ตรงดิ่งกลับคอนโดมิเนียมทันทีหลังจากหยดปัสสาวะลงไปในแท่งสี่เหลี่ยมสีขาว เอวาก็เดินไปเดินมาขณะรอผลอย่างร้อนใจ คำภาวนาเดียวที่เธอมีในตอนนี้คือ อย่าท้อง เธอต้องไม่ท้อง กระทั่งเวลาผ่านไปราวๆ ห้านาที เธอจึงหยิบเจ้าแท่งสี่เหลี่ยมสีขาวขึ้นมาดูด้วยใจที่เต้นแรง“สองขีด ไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ไม่จริง” ผลที่ออกมา บ่งบอกว่าตอนนี้เอวากำลังตั้งครรภ์ หัวใจของเอวาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตกใจจนมือสั่นพลอยทำให้แท่งตรวจครรภ์หลุดจากมือ ร่างบางถึงกับเซ แข้งขาอ่อน เธอท้องได้ยังไง เป็นไปไม่ได้“เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง” จากที่ตกใจจนอึ้ง ตอนนี้เอวาก็กรี๊ดออกมาสุดเสียง แท่งตรวจครรภ์อันนี้ต้องหมดอายุไปแล้ว มันถึงได้เสื่อมประสิ
“เด็กในท้องเธอคือลูกของพี่ ทำไมต้องไปโกหกว่าเป็นลูกของคุณธาวิน เพื่อทำลายษาแบบนี้” ฟังเพียงแค่ไม่นาน ปรวีณ์ก็จับต้นชนปลายได้ และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้เอวาได้คำตอบ ว่าปรวีณ์มานานพอที่จะได้ยินทุกอย่าง“แน่ใจเหรอคะว่านี่เป็นลูกของพี่วีณ์” แทนที่จะยอมรับ เอวากลับเอ่ยท้าทาย นั่นเพราะเธอยังคงโกรธปรวีณ์และไม่ต้องการเอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้างให้เขาต้องจำใจกลับมารับผิดชอบ“เอวา! หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้เสียที” สีหน้าของปรวีณ์นั้นบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มีหรือที่เอวาจะสน“ต่อให้เอวาท้องจริง เอวาก็ไม่มีทางให้พี่วีณ์ได้เป็นพ่อ”“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ปรวีณ์คิ้วขมวดอย่างสงสัยว่าเอวากำลังคิดจะทำอะไร ซึ่งความสงสัยนี้เกิดกับธาวินและวันเมษาเช่นกัน“เอวาจะเอาเด็กออก มารหัวขนแบบนี้เรื่องอะไรจะเก็บไว้ให้โง่”เอวาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน“เธอมีสมองอยู่หรือเปล่า คิดอะไรตื้นๆ เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย
หลังจากป่าวประกาศต่อหน้าวันเมษาว่าท้องกับธาวิน เอวาก็หายเงียบไป ตามด้วยปรวีณ์ เพราะชายหนุ่มได้ยื่นเรื่องลาออกกับที่บริษัท ส่วนจะไปทำอะไรที่ไหน คนรอบข้างแทบไม่รู้ข่าว เฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ที่รู้เรื่องนี้ถึงกับพากันถอนหายใจออกมาหนักๆ ทั้งรู้สึกสงสารทั้งสมน้ำหน้าเอวา“สรุปนี่แกจะทำนมอีกไหม” อยู่ๆ ขณะที่นั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ เฟื่องรัตน์ก็เอ่ยถามเรื่องนี้“ไม่แล้ว”“อ้าว! ไมอ่ะ” สีหน้าเฟื่องรัตน์ดูแปลกใจ แต่เก๋ไก๋นั้นเฉยๆ เพราะพอจะเดาออกว่าในที่สุดแล้ววันเมษาจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว คงไม่เหมาะกับความดูมๆ สักเท่าไหร่ อยู่แบบแบนๆ คัพเอแบบนี้ล่ะดีแล้ว” แต่หนึ่งคนที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดนี้ของวันเมษาคือธาวิน นั่นเพราะเขาบอกเสมอว่าชอบที่เธอเป็นเธอแบบนี้ ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อใครทั้งนั้น เพราะถ้ามีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองสามสี่ไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งวันเมษาก็เห็นด้วย“ฉันเห็นด้วย คัพเอแล้วไง นมแบนแต่แฟนไม่ทิ้งนะย
“เปิดตัวกับฉันสองคนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าฉันสองคนคือเมื่อไหร่แกจะพาหมอไปเปิดตัวกับที่บ้านยะ” เก๋ไก๋เอ่ยถาม เฟื่องรัตน์จึงเป็นลูกคู่ให้“นั่นสิ เมื่อไหร่”“ก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่แกสองคนว่ามันไม่เร็วไปเหรอ ที่ฉันจะพาหมอไปเจอทุกคนที่บ้านน่ะ” วันเมษาคิ้วขมวดเล็กๆ“ไม่เร็วหรอก” คนที่ตอบคือเฟื่องรัตน์ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยเสริม คนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งรับ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร“ใช่…ช้าเร็วที่บ้านแกก็ต้องรู้อยู่ดี จะปิดไปทำไม”“งั้นฉันจะลองชวนหมอดู” แต่ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหาวันเมษา“พี่ษา…ดีใจจังที่ได้เจอ” ไม่พูดเปล่ายังคว้าตัววันเมษามากอดซะกลมเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหญิงสาวผู้มาใหม่ เพราะสีผมครึ่งบนดำสนิทตัดกับครึ่งล่างที่ออกสีน้ำเงินอมม่วง โดดเด่นจนสะดุดสายตาและเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งน่ามอง เพราะเธอมีโครงหน้าที่เก๋ จ
“หยุดทำไมครับพี่ษา” วันเมษาไม่ตอบอะไร แต่กลับวกขึ้นมาจูบธาวินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือเล็กๆ รั้งกางเกงบ็อกเซอร์ให้ออกไปจากร่างกายชายหนุ่ม โดยที่ธาวินนั้นคอยยกสะโพกขึ้นสูงช่วยอีกแรงเมื่อวันเมษาถอนจูบออก เธอก็ไล้กึ่งปากกึ่งจมูกลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่ทำเอาธาวินแทบจะกลั้นหายใจ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้วันเมษากำลังสัมผัสแกนกายเขาด้วยริมฝีปากอุ่นใบหน้าของธาวินเหยเก ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่เป็นความทรมานที่เขาแสนจะชื่นชอบและรอคอย สำหรับวันเมษาแม้จะเธอจะเป็นมือใหม่หัดดูดไอศกรีม แต่สัมผัสจากเธอก็ไม่ทำให้ธาวินผิดหวัง ยิ่งเธอเร่งจังหวะก็ยิ่งทำให้เขาทรมานจนต้องบอกให้หยุดก่อน“ขืนทำแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ถึงหรอกครับพี่ษา” ทั้งคู่สบตากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาก่อนที่ธาวินจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม เขาจัดการถอดบิกินี่ตัวน้อยให้ออกไปจากร่างกายของคนรัก แล้วแทรกตัวเข้าหา บดเบียดความแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่เข้ากับกุหลาบดอกงามที่ตรงกึ่งกลางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวาน ไม่ว่า
วันเมษานั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเธอคือคนรักหนุ่มที่มีท่าทีอายๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดเพลงช่วยธาวินบิวต์อารมณ์อีกแรง เมื่อจังหวะเพลงขึ้น ธาวินก็เริ่มขยับร่างกาย พร้อมกับค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เริ่มจากเสื้อเชิ้ตก่อนแค่ได้เห็นหน้าอกขาวๆ ซิกซ์แพ็กลอนสวยๆ ของเขาทำเอาวันเมษาแทบกำเดาพุ่ง แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ สั่งตัวเองให้ยุบหนอ พองหนอ อดใจไว้หนอ ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ธาวินกำลังปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า“กำเดาจ๋า อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้นะ อย่าพึ่ง” วันเมษาเอ่ยสั่งตัวเอง เพราะแม้จะเคยมีอะไรๆ กับธาวินแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเขาในลักษณะยั่วยวนมากขนาดนี้ พึ่งรู้ว่าผู้ชายก็ยั่วเป็น ดูๆ สะโพกกลมๆ เนื้อแน่นๆ ที่หันมาหาน่าตบจริง“โอ๊ย! ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นไว้หนอ ไม่ปล้ำหนอ” นี่คือบทที่วันเมษาท่องอยู่ในใจ แต่ท่าทางของเธอก็ยิ่งทำให้ธาวินยิ้ม ก่อนจะเต้นยั่วเธออย่างจงใจ ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวและอีกไม่กี่อึดใจเขาจะถอดมันออก แต่พอเห
“ใช่ครับ ผมสาบานได้เลยนะว่าไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเป็นขอให้น้องชายเหี่ยว ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยเอา” คำสาบานของธาวินทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่แสดงออกอะไรมาก“หรือถ้าไม่เชื่อ ผมต่อสายให้พี่ษาคุยกับแอดดี้ตอนนี้เลยยังได้” ยังไม่ทันที่ธาวินจะได้หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแอดดี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเจ้าของปาร์ตี้สละโสดคืนนี้ธาวินหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ก่อนจะยื่นให้วันเมษาได้คุย เธอดูลังเลแต่ก็ยอมรับสาย ก่อนที่แอดดี้จะอธิบายให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนที่แอดดี้จะวางสายไปเมื่อได้ฟัง วันเมษาก็คิดตาม สรุปนี่เธอเชื่อความฝันจนทะเลาะกับธาวินเสียใหญ่โต บ้านแทบแตก เธอนี่งี่เง่า ไร้เหตุผล หวังว่าธาวินจะไม่โกรธเธอหรอกนะ“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกษา ว่าไปปาร์ตี้ที่บาร์เกย์ด้วย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้น ไม่ได้ฟังดูห้วนอย่างครั้งแรก พลอยทำให้ธาวินใจชื้นขึ้นมาได้มากโข“ผมเองก็พึ่งรู้ตอนไปถึงว่าที่นั่นเป็นบาร์เฉพาะชาวสีม่วง” สี
“ครับ…ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” เอ่ยจบก็รีบวางสายแล้วรีบขับรถไปที่บ้านเฟื่องรัตน์ทันทีแต่ขณะนั้นสายของธาวินก็ต้องสะดุ้ง เมื่อวันเมษาเข้ามาได้ยินบทสนทนาเข้า เธอจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนเขม็ง“อย่ามองแบบนั้นสิษา น่ากลัว” เฟื่องรัตน์ส่งยิ้มแห้งๆ มายังวันเมษา แต่คนตรงหน้ากลับมีแต่ความบึ้งตึง“ไหนแกสองคนสัญญากับฉันแล้วไง ว่าจะไม่บอกอีตาพี่วิน”“ก็ฉันไม่อยากให้แกเข้าใจหมอผิด หมอไม่ได้เป็นเกย์นะแก” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้น“แกรู้ได้ไง”“ก็ตอนที่แกวิ่งปรู๊ดออกมาเรียกแท็กซี่น่ะ ฉันกับเฟื่องเข้าไปถามคนในห้องมาว่าอะไรยังไง”“ฉันไม่เชื่อ คนพวกนั้นก็คงรวมหัวกันหลอก สนุกมากสินะที่หลอกให้ฉันรักได้แบบนี้ ป่านนี้คงเอาไปคุยจนสนุกปากว่าฉันใจง่าย”“แกก็คิดมากไปษา คนที่น่าจะรู้ว่าหมอวินใช่เกย์ไหม น่าจะคือแกนะ” เฟื่องรัตน์เอ่ยสีหน้าซีเรียส“ไม่รู้ ตอนนี้ฉั
“สแกนมาดีแล้วพลาด หมายความว่ายังไงแก สรุปหมอวินเป็นเสือไบจริงๆ น่ะเหรอ” วันเมษาอ้าปากค้าง สรุปฝันเธอมันกลายมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม“เป็นไม่เป็น เดี๋ยวเห็นแกก็รู้”“ไป ลุย” เฟื่องรัตน์เอ่ยเสียงดัง ราวกับต้องการปลุกใจ แต่วันเมษากลับยกมือขึ้นมาเบรก เพื่อขอเวลานอก“เดี๋ยวๆ ฉันขอทำใจแป๊บนึง” ว่าแล้วก็หยิบกระปุกยาดมอันใหญ่ยักษ์จากกระเป๋าออกมาเปิดฝาก่อนจะสูดดมไปเสียเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้สองคนตรงหน้า ว่าเธอพร้อมแล้วทั้งสามจึงก้าวเข้าไปยังบาร์ตรงหน้า แม้ที่นี่จะเปิดให้บริการหนุ่มๆ ที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือได้ทั้งรุกและรับ แต่ก็ไม่รังเกียจหากชายแท้หรือสาวแท้จะเข้ามาใช้บริการ เพราะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจนสายตาสามคู่สอดส่องมองหาเป้าหมาย แต่กลับไม่พบธาวิน เมื่อโต๊ะด้านนอกไม่เห็น ก็คงต้องตามหากันตามห้องวีไอพีแทน ไล่มาตั้งแต่วีไอพีหนึ่งถึงสิบ แต่ก็ยังหาตัวชายหนุ่มไม่พบ“แกไน่ใจนะเฟื่อง ว่าหมอวินมาที่นี่” เก๋ไก๋ยืนพ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต