“ยัยษา แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”“สมัยนี้ตรวจดีเอ็นเอว่าใครคือพ่อง่ายจะตายไป ไม่ต้องรอให้คลอดด้วยซ้ำ ถ้าเธอมั่นใจว่าท้องกับหมอวินจริงๆ ก็เอาผลตรวจดีเอ็นเอมาพิสูจน์ ฉันจะได้ไม่คิดว่าเธอมโนเอาเอง” วันเมษาเชื่อใจธาวิน ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้แน่ๆ และเธอก็ไม่ใช่นางเอกน้ำเน่า ที่พอได้ยินว่านางร้ายท้องกับพระเอกแล้วจะต้องน้ำตาตก เธอยอมยกปรวีณ์ให้เอวาไปครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวพอแล้ว จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับธาวินอีกแน่“ได้…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เอวาเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกออกไป ค่อยนัดวันเมษาออกมาพบเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เพราะตอนนี้ข้างกายเธอมีทั้งเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อยู่ แผนเธอไม่สำเร็จง่ายๆ แน่“พูดอะไรออกไปน่ะยัยษา นี่แกรักหมอวินจนสมองกลับแล้วหรือไง”เฟื่องรัตน์ที่ดูเหมือนจะเชื่อเรื่องนี้เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์เอ่ยขึ้น คิดแล้วก็น่าผิดหวัง เธอไม่น่าหลงชื่นชมธาวินเลยให้ตาย“ใจเย็นๆ ยัยเฟื่อง รอบเดือนแกหมดไปแล้วนี่ ทำไมอารมณ์ร้อนจัง หา” เก๋ไก๋เอ่ยปราม
วันเมษาออกไปนั่งรอธาวินที่โซฟา แต่ความที่หลายวันมานี้เธอทำงานแทบไม่ได้นอนพัก ความอ่อนเพลียจึงเข้ามาเล่นงาน นั่นทำให้เธอเผลอหลับแบบไม่รู้ตัว ธาวินที่รีบเคลียร์งานจนเสร็จ พอเห็นเธอหลับก็รีบเข้าไปนั่งใกล้ๆ นั่งมองอยู่แบบนั้น ก่อนจะโน้มตัวไปจูบปากอิ่ม จากเพียงแค่จูบ ตอนนี้ธาวินก็ชักจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เกิดมาไม่เคยจะลักหลับใคร และคงไม่ผิดหากจะมีครั้งแรกตอนนี้วันเมษาคล้ายหลับฝัน รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น ฝันที่แสนจะเหมือนจริง มันวาบหวิว เร่าร้อน เพราะในฝันเธอกำลังมีอะไรกับธาวินอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มเฝ้าจูบ เฝ้าสัมผัสจนเธอร้อนรุ่มไปหมด เสื้อผ้าบนตัวถูกเขาถอดออกทีละชิ้นสองชิ้น จนกระทั่งตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นในเท่านั้น“อืม” วันเมษาเผลอตัว ส่งเสียงครางออกมา แต่บางสิ่งบางอย่างที่กำลังสัมผัส เสียดสีตรงหน้าขา ก็ทำเอาเธอรีบตื่นจากความฝัน พอสบตาเข้ากับธาวิน วันเมษาถึงกับร้อนวูบวาบ“พี่วิน”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แล้วก้มลงไปจูบวันเมษาอีกครั้ง สรุปนี่คือความจริงใช่ไหม ไม่ใช่ความฝัน วันเม
“เราท้องเหรอ ไม่จริง” เธอทิ้งงาน ทั้งๆ ที่ยังถ่ายแบบไม่เสร็จ ทำเอาคนทั้งกองถ่ายปั่นป่วนกันไปหมด เพราะหาตัวนางแบบไม่พบ ซึ่งเอวาก็ไม่ได้สนใจ ก่อนจะมาจอดรถหน้าร้านขายยาแล้วมองนิ่ง ก่อนจะคว้าหมวกมาสวม ตามด้วยแว่นกันแดดยี่ห้อดังเพื่ออำพรางใบหน้าตัวเองจากสายตาคนรอบข้าง เมื่อได้อุปกรณ์ตรวจครรภ์มาแล้วก็ตรงดิ่งกลับคอนโดมิเนียมทันทีหลังจากหยดปัสสาวะลงไปในแท่งสี่เหลี่ยมสีขาว เอวาก็เดินไปเดินมาขณะรอผลอย่างร้อนใจ คำภาวนาเดียวที่เธอมีในตอนนี้คือ อย่าท้อง เธอต้องไม่ท้อง กระทั่งเวลาผ่านไปราวๆ ห้านาที เธอจึงหยิบเจ้าแท่งสี่เหลี่ยมสีขาวขึ้นมาดูด้วยใจที่เต้นแรง“สองขีด ไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ไม่จริง” ผลที่ออกมา บ่งบอกว่าตอนนี้เอวากำลังตั้งครรภ์ หัวใจของเอวาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตกใจจนมือสั่นพลอยทำให้แท่งตรวจครรภ์หลุดจากมือ ร่างบางถึงกับเซ แข้งขาอ่อน เธอท้องได้ยังไง เป็นไปไม่ได้“เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง” จากที่ตกใจจนอึ้ง ตอนนี้เอวาก็กรี๊ดออกมาสุดเสียง แท่งตรวจครรภ์อันนี้ต้องหมดอายุไปแล้ว มันถึงได้เสื่อมประสิ
“เด็กในท้องเธอคือลูกของพี่ ทำไมต้องไปโกหกว่าเป็นลูกของคุณธาวิน เพื่อทำลายษาแบบนี้” ฟังเพียงแค่ไม่นาน ปรวีณ์ก็จับต้นชนปลายได้ และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้เอวาได้คำตอบ ว่าปรวีณ์มานานพอที่จะได้ยินทุกอย่าง“แน่ใจเหรอคะว่านี่เป็นลูกของพี่วีณ์” แทนที่จะยอมรับ เอวากลับเอ่ยท้าทาย นั่นเพราะเธอยังคงโกรธปรวีณ์และไม่ต้องการเอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้างให้เขาต้องจำใจกลับมารับผิดชอบ“เอวา! หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้เสียที” สีหน้าของปรวีณ์นั้นบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มีหรือที่เอวาจะสน“ต่อให้เอวาท้องจริง เอวาก็ไม่มีทางให้พี่วีณ์ได้เป็นพ่อ”“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ปรวีณ์คิ้วขมวดอย่างสงสัยว่าเอวากำลังคิดจะทำอะไร ซึ่งความสงสัยนี้เกิดกับธาวินและวันเมษาเช่นกัน“เอวาจะเอาเด็กออก มารหัวขนแบบนี้เรื่องอะไรจะเก็บไว้ให้โง่”เอวาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน“เธอมีสมองอยู่หรือเปล่า คิดอะไรตื้นๆ เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย
หลังจากป่าวประกาศต่อหน้าวันเมษาว่าท้องกับธาวิน เอวาก็หายเงียบไป ตามด้วยปรวีณ์ เพราะชายหนุ่มได้ยื่นเรื่องลาออกกับที่บริษัท ส่วนจะไปทำอะไรที่ไหน คนรอบข้างแทบไม่รู้ข่าว เฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ที่รู้เรื่องนี้ถึงกับพากันถอนหายใจออกมาหนักๆ ทั้งรู้สึกสงสารทั้งสมน้ำหน้าเอวา“สรุปนี่แกจะทำนมอีกไหม” อยู่ๆ ขณะที่นั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ เฟื่องรัตน์ก็เอ่ยถามเรื่องนี้“ไม่แล้ว”“อ้าว! ไมอ่ะ” สีหน้าเฟื่องรัตน์ดูแปลกใจ แต่เก๋ไก๋นั้นเฉยๆ เพราะพอจะเดาออกว่าในที่สุดแล้ววันเมษาจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว คงไม่เหมาะกับความดูมๆ สักเท่าไหร่ อยู่แบบแบนๆ คัพเอแบบนี้ล่ะดีแล้ว” แต่หนึ่งคนที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดนี้ของวันเมษาคือธาวิน นั่นเพราะเขาบอกเสมอว่าชอบที่เธอเป็นเธอแบบนี้ ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อใครทั้งนั้น เพราะถ้ามีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองสามสี่ไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งวันเมษาก็เห็นด้วย“ฉันเห็นด้วย คัพเอแล้วไง นมแบนแต่แฟนไม่ทิ้งนะย
“เปิดตัวกับฉันสองคนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าฉันสองคนคือเมื่อไหร่แกจะพาหมอไปเปิดตัวกับที่บ้านยะ” เก๋ไก๋เอ่ยถาม เฟื่องรัตน์จึงเป็นลูกคู่ให้“นั่นสิ เมื่อไหร่”“ก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่แกสองคนว่ามันไม่เร็วไปเหรอ ที่ฉันจะพาหมอไปเจอทุกคนที่บ้านน่ะ” วันเมษาคิ้วขมวดเล็กๆ“ไม่เร็วหรอก” คนที่ตอบคือเฟื่องรัตน์ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยเสริม คนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งรับ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร“ใช่…ช้าเร็วที่บ้านแกก็ต้องรู้อยู่ดี จะปิดไปทำไม”“งั้นฉันจะลองชวนหมอดู” แต่ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหาวันเมษา“พี่ษา…ดีใจจังที่ได้เจอ” ไม่พูดเปล่ายังคว้าตัววันเมษามากอดซะกลมเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหญิงสาวผู้มาใหม่ เพราะสีผมครึ่งบนดำสนิทตัดกับครึ่งล่างที่ออกสีน้ำเงินอมม่วง โดดเด่นจนสะดุดสายตาและเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งน่ามอง เพราะเธอมีโครงหน้าที่เก๋ จ
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ