“เด็กในท้องเธอคือลูกของพี่ ทำไมต้องไปโกหกว่าเป็นลูกของคุณธาวิน เพื่อทำลายษาแบบนี้” ฟังเพียงแค่ไม่นาน ปรวีณ์ก็จับต้นชนปลายได้ และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้เอวาได้คำตอบ ว่าปรวีณ์มานานพอที่จะได้ยินทุกอย่าง“แน่ใจเหรอคะว่านี่เป็นลูกของพี่วีณ์” แทนที่จะยอมรับ เอวากลับเอ่ยท้าทาย นั่นเพราะเธอยังคงโกรธปรวีณ์และไม่ต้องการเอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้างให้เขาต้องจำใจกลับมารับผิดชอบ“เอวา! หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้เสียที” สีหน้าของปรวีณ์นั้นบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มีหรือที่เอวาจะสน“ต่อให้เอวาท้องจริง เอวาก็ไม่มีทางให้พี่วีณ์ได้เป็นพ่อ”“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ปรวีณ์คิ้วขมวดอย่างสงสัยว่าเอวากำลังคิดจะทำอะไร ซึ่งความสงสัยนี้เกิดกับธาวินและวันเมษาเช่นกัน“เอวาจะเอาเด็กออก มารหัวขนแบบนี้เรื่องอะไรจะเก็บไว้ให้โง่”เอวาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน“เธอมีสมองอยู่หรือเปล่า คิดอะไรตื้นๆ เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย
หลังจากป่าวประกาศต่อหน้าวันเมษาว่าท้องกับธาวิน เอวาก็หายเงียบไป ตามด้วยปรวีณ์ เพราะชายหนุ่มได้ยื่นเรื่องลาออกกับที่บริษัท ส่วนจะไปทำอะไรที่ไหน คนรอบข้างแทบไม่รู้ข่าว เฟื่องรัตน์และเก๋ไก๋ที่รู้เรื่องนี้ถึงกับพากันถอนหายใจออกมาหนักๆ ทั้งรู้สึกสงสารทั้งสมน้ำหน้าเอวา“สรุปนี่แกจะทำนมอีกไหม” อยู่ๆ ขณะที่นั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ เฟื่องรัตน์ก็เอ่ยถามเรื่องนี้“ไม่แล้ว”“อ้าว! ไมอ่ะ” สีหน้าเฟื่องรัตน์ดูแปลกใจ แต่เก๋ไก๋นั้นเฉยๆ เพราะพอจะเดาออกว่าในที่สุดแล้ววันเมษาจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว คงไม่เหมาะกับความดูมๆ สักเท่าไหร่ อยู่แบบแบนๆ คัพเอแบบนี้ล่ะดีแล้ว” แต่หนึ่งคนที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดนี้ของวันเมษาคือธาวิน นั่นเพราะเขาบอกเสมอว่าชอบที่เธอเป็นเธอแบบนี้ ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อใครทั้งนั้น เพราะถ้ามีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองสามสี่ไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งวันเมษาก็เห็นด้วย“ฉันเห็นด้วย คัพเอแล้วไง นมแบนแต่แฟนไม่ทิ้งนะย
“เปิดตัวกับฉันสองคนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าฉันสองคนคือเมื่อไหร่แกจะพาหมอไปเปิดตัวกับที่บ้านยะ” เก๋ไก๋เอ่ยถาม เฟื่องรัตน์จึงเป็นลูกคู่ให้“นั่นสิ เมื่อไหร่”“ก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่แกสองคนว่ามันไม่เร็วไปเหรอ ที่ฉันจะพาหมอไปเจอทุกคนที่บ้านน่ะ” วันเมษาคิ้วขมวดเล็กๆ“ไม่เร็วหรอก” คนที่ตอบคือเฟื่องรัตน์ ก่อนที่เก๋ไก๋จะเอ่ยเสริม คนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งรับ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร“ใช่…ช้าเร็วที่บ้านแกก็ต้องรู้อยู่ดี จะปิดไปทำไม”“งั้นฉันจะลองชวนหมอดู” แต่ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหาวันเมษา“พี่ษา…ดีใจจังที่ได้เจอ” ไม่พูดเปล่ายังคว้าตัววันเมษามากอดซะกลมเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์มองหญิงสาวผู้มาใหม่ เพราะสีผมครึ่งบนดำสนิทตัดกับครึ่งล่างที่ออกสีน้ำเงินอมม่วง โดดเด่นจนสะดุดสายตาและเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งน่ามอง เพราะเธอมีโครงหน้าที่เก๋ จ
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
“หยุดทำไมครับพี่ษา” วันเมษาไม่ตอบอะไร แต่กลับวกขึ้นมาจูบธาวินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือเล็กๆ รั้งกางเกงบ็อกเซอร์ให้ออกไปจากร่างกายชายหนุ่ม โดยที่ธาวินนั้นคอยยกสะโพกขึ้นสูงช่วยอีกแรงเมื่อวันเมษาถอนจูบออก เธอก็ไล้กึ่งปากกึ่งจมูกลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่ทำเอาธาวินแทบจะกลั้นหายใจ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้วันเมษากำลังสัมผัสแกนกายเขาด้วยริมฝีปากอุ่นใบหน้าของธาวินเหยเก ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่เป็นความทรมานที่เขาแสนจะชื่นชอบและรอคอย สำหรับวันเมษาแม้จะเธอจะเป็นมือใหม่หัดดูดไอศกรีม แต่สัมผัสจากเธอก็ไม่ทำให้ธาวินผิดหวัง ยิ่งเธอเร่งจังหวะก็ยิ่งทำให้เขาทรมานจนต้องบอกให้หยุดก่อน“ขืนทำแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ถึงหรอกครับพี่ษา” ทั้งคู่สบตากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาก่อนที่ธาวินจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม เขาจัดการถอดบิกินี่ตัวน้อยให้ออกไปจากร่างกายของคนรัก แล้วแทรกตัวเข้าหา บดเบียดความแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่เข้ากับกุหลาบดอกงามที่ตรงกึ่งกลางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวาน ไม่ว่า
วันเมษานั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเธอคือคนรักหนุ่มที่มีท่าทีอายๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดเพลงช่วยธาวินบิวต์อารมณ์อีกแรง เมื่อจังหวะเพลงขึ้น ธาวินก็เริ่มขยับร่างกาย พร้อมกับค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เริ่มจากเสื้อเชิ้ตก่อนแค่ได้เห็นหน้าอกขาวๆ ซิกซ์แพ็กลอนสวยๆ ของเขาทำเอาวันเมษาแทบกำเดาพุ่ง แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ สั่งตัวเองให้ยุบหนอ พองหนอ อดใจไว้หนอ ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ธาวินกำลังปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า“กำเดาจ๋า อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้นะ อย่าพึ่ง” วันเมษาเอ่ยสั่งตัวเอง เพราะแม้จะเคยมีอะไรๆ กับธาวินแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเขาในลักษณะยั่วยวนมากขนาดนี้ พึ่งรู้ว่าผู้ชายก็ยั่วเป็น ดูๆ สะโพกกลมๆ เนื้อแน่นๆ ที่หันมาหาน่าตบจริง“โอ๊ย! ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นไว้หนอ ไม่ปล้ำหนอ” นี่คือบทที่วันเมษาท่องอยู่ในใจ แต่ท่าทางของเธอก็ยิ่งทำให้ธาวินยิ้ม ก่อนจะเต้นยั่วเธออย่างจงใจ ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวและอีกไม่กี่อึดใจเขาจะถอดมันออก แต่พอเห
“ใช่ครับ ผมสาบานได้เลยนะว่าไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเป็นขอให้น้องชายเหี่ยว ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยเอา” คำสาบานของธาวินทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่แสดงออกอะไรมาก“หรือถ้าไม่เชื่อ ผมต่อสายให้พี่ษาคุยกับแอดดี้ตอนนี้เลยยังได้” ยังไม่ทันที่ธาวินจะได้หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแอดดี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเจ้าของปาร์ตี้สละโสดคืนนี้ธาวินหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ก่อนจะยื่นให้วันเมษาได้คุย เธอดูลังเลแต่ก็ยอมรับสาย ก่อนที่แอดดี้จะอธิบายให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนที่แอดดี้จะวางสายไปเมื่อได้ฟัง วันเมษาก็คิดตาม สรุปนี่เธอเชื่อความฝันจนทะเลาะกับธาวินเสียใหญ่โต บ้านแทบแตก เธอนี่งี่เง่า ไร้เหตุผล หวังว่าธาวินจะไม่โกรธเธอหรอกนะ“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกษา ว่าไปปาร์ตี้ที่บาร์เกย์ด้วย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้น ไม่ได้ฟังดูห้วนอย่างครั้งแรก พลอยทำให้ธาวินใจชื้นขึ้นมาได้มากโข“ผมเองก็พึ่งรู้ตอนไปถึงว่าที่นั่นเป็นบาร์เฉพาะชาวสีม่วง” สี
“ครับ…ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” เอ่ยจบก็รีบวางสายแล้วรีบขับรถไปที่บ้านเฟื่องรัตน์ทันทีแต่ขณะนั้นสายของธาวินก็ต้องสะดุ้ง เมื่อวันเมษาเข้ามาได้ยินบทสนทนาเข้า เธอจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนเขม็ง“อย่ามองแบบนั้นสิษา น่ากลัว” เฟื่องรัตน์ส่งยิ้มแห้งๆ มายังวันเมษา แต่คนตรงหน้ากลับมีแต่ความบึ้งตึง“ไหนแกสองคนสัญญากับฉันแล้วไง ว่าจะไม่บอกอีตาพี่วิน”“ก็ฉันไม่อยากให้แกเข้าใจหมอผิด หมอไม่ได้เป็นเกย์นะแก” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้น“แกรู้ได้ไง”“ก็ตอนที่แกวิ่งปรู๊ดออกมาเรียกแท็กซี่น่ะ ฉันกับเฟื่องเข้าไปถามคนในห้องมาว่าอะไรยังไง”“ฉันไม่เชื่อ คนพวกนั้นก็คงรวมหัวกันหลอก สนุกมากสินะที่หลอกให้ฉันรักได้แบบนี้ ป่านนี้คงเอาไปคุยจนสนุกปากว่าฉันใจง่าย”“แกก็คิดมากไปษา คนที่น่าจะรู้ว่าหมอวินใช่เกย์ไหม น่าจะคือแกนะ” เฟื่องรัตน์เอ่ยสีหน้าซีเรียส“ไม่รู้ ตอนนี้ฉั
“สแกนมาดีแล้วพลาด หมายความว่ายังไงแก สรุปหมอวินเป็นเสือไบจริงๆ น่ะเหรอ” วันเมษาอ้าปากค้าง สรุปฝันเธอมันกลายมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม“เป็นไม่เป็น เดี๋ยวเห็นแกก็รู้”“ไป ลุย” เฟื่องรัตน์เอ่ยเสียงดัง ราวกับต้องการปลุกใจ แต่วันเมษากลับยกมือขึ้นมาเบรก เพื่อขอเวลานอก“เดี๋ยวๆ ฉันขอทำใจแป๊บนึง” ว่าแล้วก็หยิบกระปุกยาดมอันใหญ่ยักษ์จากกระเป๋าออกมาเปิดฝาก่อนจะสูดดมไปเสียเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้สองคนตรงหน้า ว่าเธอพร้อมแล้วทั้งสามจึงก้าวเข้าไปยังบาร์ตรงหน้า แม้ที่นี่จะเปิดให้บริการหนุ่มๆ ที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือได้ทั้งรุกและรับ แต่ก็ไม่รังเกียจหากชายแท้หรือสาวแท้จะเข้ามาใช้บริการ เพราะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจนสายตาสามคู่สอดส่องมองหาเป้าหมาย แต่กลับไม่พบธาวิน เมื่อโต๊ะด้านนอกไม่เห็น ก็คงต้องตามหากันตามห้องวีไอพีแทน ไล่มาตั้งแต่วีไอพีหนึ่งถึงสิบ แต่ก็ยังหาตัวชายหนุ่มไม่พบ“แกไน่ใจนะเฟื่อง ว่าหมอวินมาที่นี่” เก๋ไก๋ยืนพ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต