“ทำไมยะ กลัวห้ามใจตัวเองไม่ไหวตอนหมอวินตรวจเนื้อนมเหรอ” พึ่งจะรับปากว่าไม่พูดเรื่องนี้ไปหยกๆ แต่เก๋ไก๋ก็อดแซววันเมษาไม่ได้จริงๆ“ยัยเก๋ไก๋ ยังจะพูดอีก เดี๋ยวเถอะ” คนฟังแหวใส่“อ่ะๆ เดี๋ยวล็อกวันไว้ให้ก็ได้”“อืม…พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย”“สรุปแล้วนี่หมอธาวินได้บอกไหม ว่าหน้าอกแกจะต้องเสริมกี่ซีซี ถึงจะสวยสมใจ” หลังจากแซวมานาน เก๋ไก๋ก็เอ่ยถามเป็นงานเป็นการบ้าง“ยังไม่ได้บอก”“หืม…ทำไมล่ะ ไหนบอกตรวจเนื้อนมแล้วนี่”“ก็…ก็คือว่าตอนที่ตรวจอยู่ พอดีหมอธาวินของแกมีเคสผ่าตัดด่วนที่โรงพยาบาล เขาเลยนัดให้ฉันไปตรวจใหม่วันศุกร์หน้านี้ไง”“ว้ายย แบบนี้หมอก็ได้จับนมแกอีกน่ะสิ” พูดเป็นงานเป็นการได้ไม่เท่าไหร่ เก๋ไก๋ก็กลับมาแซววันเมษาอีกจนได้ คนฟังจึงแหวใส่กลับไปอีกยก“ยังๆ ยังจะแซว”
“อยู่ดีๆ ใครจะไปตบได้ ถ้าไม่วอนหาเรื่องใส่ตัว” เฟื่องรัตน์จงใจเอ่ยขึ้น เมื่อก่อนเธอก็แอบปลื้มปรวีณ์อยู่หรอก แต่ตอนนี้หมั่นไส้แทนไปแล้ว“พี่ขอโทษแทนเอวาด้วยนะครับ พอดีเธอไม่สบายนิดหน่อย อารมณ์เลยขึ้นๆ ลงๆ”“พี่วีณ์จะไปขอโทษสามคนนี้ทำไมคะ เอวาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” แทนที่จะรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องก่อน แต่เอวากลับแย้งขึ้น จนปรวีณ์ต้องหันมาปรามเสียงดุ ให้รู้ว่าคราวนี้เขาไม่พอใจจริงๆ“พอเถอะครับ พี่ว่าเราไปหาร้านอื่นนั่งกันดีกว่า”“ไม่ค่ะ เอวาจะทานอาหารร้านนี้เท่านั้น” เอวายังคงดื้อดึงไม่ยอม ปรวีณ์จึงใช้น้ำเสียงเชิงตะคอกเอ่ยเรียกเธอ“เอวา!” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เอวาหน้าเสีย ก่อนจะสะบัดมือออกจากแขนของคนรัก แล้วเดินจ้ำออกไปจากร้านทันที ปรวีณ์ส่งยิ้มให้ทั้งสามคนอย่างขอโทษ ก่อนจะตามเอวาไป“เฮอะ… สงสัยเมื่อคืนจะไม่มีคนเกาให้ เช้ามาถึงคันคะเยอ หาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้” เฟื่องรัตน์เบ้ปาก
“แกลากฉันมาห้องน้ำด้วย เพื่อเติมแป้งเนี่ยนะ”“อื้อ…อีกอย่างคือ จะได้เปิดโอกาสให้หมอวินอยู่กับยัยษาด้วย”“เดี๋ยว…ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นหมอเหรอ”“แม่นแล้ว…หมอที่ฉันไปเสริมนม ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม นั่นแหละ หมอวินเป็นถึงเจ้าของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงาม...เลยนะจะบอกให้โปรไฟล์ดีกว่าอีตาพี่วีณ์เป็นไหนๆ” ชื่อศูนย์ศัลยกรรมที่ได้ยินแม้เฟื่องรัตน์จะไม่คุ้นหู แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่ในห้องน้ำอย่างเอวานั้นถึงกับหูผึ่ง“แกบอกว่า แกเปิดโอกาสให้หมอวินอยู่กับยัยษา หมายความว่าไง”เฟื่องรัตน์เอ่ยถามให้หายสงสัย“สั้นๆ ได้ใจความ ฉันเชียร์ให้คู่นี้จีบกันอยู่ ถ้ายัยษามีคนดีๆ มาคอยดูแล ก็คงดีไม่น้อยเลย แกว่าไหม” เก๋ไก๋ยักคิ้วให้เฟื่องรัตน์ผ่านกระจกบานใหญ่“ถ้าผู้ชายคนนั้นดีจริง ไม่โลเลเหมือนใครบางคน แล้วยังดูแลยัยษาได้ ฉันก็เชียร์ด้วยคน”“คราวนี้ยัยษาของเรา จะเป็นอมตะนิรั
เพราะความที่ต่างยุ่งกับงานด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ธาวินกับวันเมษาดูจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่นัก แต่เรื่องความคิดถึงนั้นธาวินมีให้วันเมษาเสมอ โดยเธอยังคงได้รับคัพเค้กปริศนาอย่างต่อเนื่องหมอหนุ่มเฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อ กระทั่งวันที่รอก็มาถึง เขาพยายามเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่วันเมษาจะมา แต่ติดอยู่ที่ลูกค้าคนรองสุดท้ายของวัน ซึ่งยังไม่ยอมกลับออกไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่เธออยู่คุยกับเขานานเกินกว่าที่ควรจะเป็นธาวินรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาเคยเจอเธอครั้งแรกในค่ำคืนที่วันเมษาถูกบอกเลิก และครั้งที่สองที่รีสอร์ตของเพื่อนเขา“คุณหมอว่า เอวาควรจะเพิ่มไซส์หน้าอกให้มันใหญ่ขึ้นอีกดีไหมคะ” ขณะเอ่ยถาม เอวาก็จงใจหนีบแขนเข้าหาลำตัว เพื่อดันหน้าอกที่ล้นขอบเสื้ออยู่แล้วให้ล้นทะลักยิ่งขึ้น มั่นใจว่าเสน่ห์ของเธอต้องมัดใจธาวินได้ อย่างแน่นอน เพราะเคยทำแบบนี้แล้วได้ผลมานักต่อนัก“ผมว่าตอนนี้ก็ลงตัวดีนะครับ”“ถ้าไม่ทำหน้าอกเพิ่ม แล้วท
และเก๋ไก๋ก็มองแววตาที่ธาวินทอดมองมายังวันเมษาออกเสียด้วย แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตามที นั่นอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณของเธอครึ่งหนึ่งเป็นผู้ชาย จึงพอจะมองอะไรๆ ออก แต่ความที่ยังไม่แน่ใจนัก จึงใช้โอกาสที่วันเมษาไปเข้าห้องน้ำ เอ่ยถามเอาคำตอบ“หมอเลิกงานยังคะ”“เลิกแล้วครับ”“ถ้าอย่างนั้น ก็ถามเรื่องส่วนตัวได้แล้วใช่ไหม” เก๋ไก๋ยิ้มกริ่ม เพราะเธอรอเวลานี้อยู่นานแล้วนั่นเอง จะได้ถามคำถามให้หายค้างคาใจ“ครับ” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ เขาเหมือนกำลังถูกเก๋ไก๋ต้อนไม่มีผิด นั่นเพราะเธอต้องการคำตอบที่แน่ชัด ไม่อยากเดาอะไรเอาเอง“หมอมีแฟนหรือกำลังคบหากับใครที่เก๋ไก๋ไม่รู้ไหมคะ” คนถามใช้ประโยคคำถามออกแนวเข้าข้างตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ทำให้คนฟังยิ้มตาม“ไม่มีครับ ผมโสดสนิท” ธาวินย้ำคำว่าโสดสนิท นั่นก็เพราะต้องการให้เก๋ไก๋เป็นแม่สื่อเรื่องวันเมษาอยู่เช่นกัน แม้จะมั่นใจว่าถ้าเดินหน้าจีบแบบเต็มร้อย ต้องทำให้วันเมษาใจอ่อนได้ แต่การที่มีเพื่อนสนิทขอ
“ทำไม” สีหน้าซื่อๆ เอ่ยถาม ราวกับไม่รู้เรื่องอะไร“คุณเป็นหมอนะ แล้วเผื่อมีเคสผ่าตัดด่วนขึ้นมาทำไง”“แค่ค็อกเทลแก้วเล็กๆ ไม่เป็นไรหรอกคุณ ไม่เมาหรอก” จะว่าไปต่อให้เป็นแค่ค็อกเทลแก้วเล็กขนาดไหน ธาวินก็ไม่คิดจะแตะต้อง นั่นเพราะด้วยอาชีพเขาที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากเกิดเคสฉุกเฉินก็จะได้ทำหน้าที่หมออย่างถึงที่สุด“ไม่ได้ก็คือไม่ได้…อย่าดื้อสิ” วันเมษาดุชายหนุ่ม ราวกับเขาเป็นเด็ก แต่ก็จริง เพราะธาวินอายุน้อยกว่าเธออยู่หลายปี“ครับๆ”“เดี๋ยวฉันชิมให้เอง รับรองว่าจะไม่ให้เหลือสักหยด” ว่าแล้วก็เล็งไปยังค็อกเทลแก้วสีฟ้า ก่อนจะหยิบขึ้นมาถือไว้ ในความคิดของวันเมษาค็อกเทลคือน้ำผลไม้ที่นำหลายๆ ชนิดมารวมกัน แล้วเติมอะไรสักอย่างให้มันซ่าๆ“ระวังเมานะคุณ”“นี่แค่ค็อกเทลไม่ใช่เหล้า ไม่เมาหรอก” พูดจบก็ยกค็อกเทลสีฟ้าขึ้นดื่ม รสชาติของมันหอมหวาน ชวนให้ลิ้มลองอีก
ธาวินพยายามข่มใจเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้วันเมษา แต่ความงดงามของรูปร่างอิสตรีที่มีเพียงชุดชั้นในตัวน้อยห่อหุ้มก็เกือบทำให้ธาวินตบะแตก ก่อนจะหายใจเข้าออก ท่องยุบหนอพองหนออยู่ในใจ เมื่อเช็ดตัวให้เธอเสร็จก็อุ้มเธอขึ้นไปนอนชั้นบน หาเสื้อตัวใหญ่ๆ ออกมาสวมให้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจเปลี่ยนใจปล้ำเธอทั้งๆ ที่วันเมษายังไม่ได้สติก็เป็นได้แต่แทนที่จะนอนนิ่งๆ หลังจากสบายเนื้อสบายตัวแล้ว วันเมษากลับคว้าธาวินที่กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงมากอด แถมยังซุกใบหน้าเข้าหา ทำราวกับเขาเป็นหมอนข้างที่ไร้ชีวิตเสียนี่“จะอ้อนผมไปถึงไหนกัน หืม” ธาวินเอ่ยถามกับคนเมา แม้จะไม่ได้คำตอบเป็นคำพูด แต่วันเมษากลับกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีก นั่นยิ่งทำให้ธาวินแทบบ้า“นี่คุณเมาอยู่หรือสร่างแล้ว ยั่วนักเดี๋ยวก็โดนหรอก” กรามข้างแก้มนูนขึ้นจนเป็นสัน อยากบีบคอเล็กๆ ตรงหน้าเสียจริง“นอนซะ พรุ่งนี้คุณต้องมีเรื่องให้ตกใจอีกมากแน่” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ เพราะหนึ่งเรื่องที่วันเมษาต้องตกใจแน่ๆ คือการที่เธอตื่นมาบนเตียงเขา สองเธอสวมเ
“ผมจะหยิบนี่ต่างหาก คุณษาคิดอะไร” ขณะพูดธาวินก็ชูหวีในมือให้วันเมษาได้เห็น ว่าเขากำลังโน้มตัวไปหยิบอะไร แต่แท้จริงแล้ว เขาจงใจแกล้งเธอให้อายตั้งแต่แรก“เปล๊า…” พอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือธาวิน วันเมษาก็รีบปฏิเสธเสียงสูง แต่ทว่าดูเหมือนมันจะไม่จบเพียงแค่นี้“คุณษาไม่ได้คิดแต่ผมคิด”“เอ๊ะ!” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาคนฟังตาโต หัวใจจะวายเสียให้ได้“ผมขอทวงจูบนะครับ”“หา!” ประโยคแรกว่าหัวใจจะวายแล้ว ประโยคที่สองยิ่งแล้วใหญ่ เกิดมาไม่เคยให้ใครที่ไหนทั้งจูบ ทั้งสัมผัสร่างกายเธอมากเท่าธาวินมาก่อน“จูบ…เพราะคุณษาเรียกผมด้วยคำต้องห้าม” เอ่ยจบ ธาวินก็ลงโทษวันเมษาด้วยจูบที่แสนจะเร่าร้อน เป็นมอร์นิ่งคิสที่ทำให้เขาตื่นตัวกว่าการดื่มกาแฟสดเสียอีกริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักที่แสนจะร้ายกาจ แม้จะอยากผลักไสแต่ทว่าวันเมษากลับไม่ทำแบบนั้น ลึกๆ แล้วเหมือนกับว่าหัวใจเธอเองก็กำลังเรียกร
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ
“ครับ…คืนนั้นผมเห็นใครก็ไม่รู้ถูกบอกเลิกที่นี่ เธอดูน่าสงสาร เอ๋อๆ งงๆ จนเข้าห้องน้ำผิด”“หงะ…จะดีใจหรือสงสารตัวเองดี”“ไปที่ที่สองกัน” พูดจบก็จูงมือพาวันเมษาออกไปจากร้านอาหาร สรุปเขาแค่พาเธอแวะมาดูอย่างที่บอกจริงๆ พอเห็นโต๊ะ เห็นห้องน้ำก็พาเธอกลับออกไปแต่สถานที่ที่สองก็ทำเอาวันเมษายิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะมันคือร้านแมคโดนัลด์ในปั๊มน้ำมันก่อนถึงบ้านนั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเธอถอยรถมาชนรถของธาวินเข้า และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธาวินหันมามองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปนั่งภายในร้านแมคโดนัลด์ สั่งชุดอาหารมาหนึ่งชุด แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับเธอ ซึ่งโชคดีที่ยังว่าง เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง ทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมา“ที่นี่คือที่ที่ผมได้พบกับผู้หญิงคนเดิม เธอถอยรถมาชนผมจนกันชนยุบ ไฟหน้าแตก แต่รถอีโก้คาร์ของเธอกลับไม่เป็นอะไรสักนิด”“รถเบนซ์เซินเจิ้น” แค่เอ่ยคำๆ นี้ วันเมษาก็หัวเราะออกม
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”“เป็นไข่เจียวที่หอมและน่ากินที่สุดในโลก”“ปากหวาน ระวังษาจะทอดไข่เจียวให้กินทุกวัน อย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน เพราะนอกจากเมนูไข่ ษานี่แทบทำอะไรไม่เป็น” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน แม้จะทำกับข้าวเป็นแต่ก็แค่เมนูพื้นๆ เท่านั้น ไม่ได้เริดหรูระดับเชฟ กระทะเหล็ก“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ชอบอะไรก็จะกินอยู่แบบนั้น ไม่เบื่อหรอก” แววตาของธาวินดูกรุ้มกริ่มทำเอาวันเมษามือไม้สั่น พานคิดเองเออเองว่านี่เขาหมายถึงอาหารหรือเธอกันแน่“หึ…ไปนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวษาตักข้าวให้”“ครับ” ธาวินเอ่ยรับ น้ำเสียงและสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้ เมื่อเดินมาที่โต๊ะก็เห็นน้ำพริกกับผักนานาชนิดจัดวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม ข้างๆ คือแกงจืด นี่หรือที่วันเมษาบอกทำกับข้าวไม่เป็น เขาชักจะไม่อยากเชื่อเสียแล้วสิวันเมษานำจานไข่เจียวกุ้งสับมาวาง แล้วกลับไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานนำมาเสิร์ฟให้ธาวิน โดยมีของเธอ