“ตอนเด็กๆ หน้าตายังไง ตอนนี้ก็หน้าตาอย่างนั้นเปี๊ยบ” เอ่ยจบก็เดินกลับมานั่งรอในห้องรับแขกเพราะห่วงเขาทำให้เธอแทบไม่รู้สึกหิว กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น จึงคว้ามารับสาย“เมื่อคืนเป็นไงบ้างแก ได้กินเด็กไหม” คำถามแบบขวานผ่าซากของเก๋ไก๋ทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดออกมาเบาๆ คล้ายรำพึงรำพันอยู่คนเดียว“เกือบถูกเด็กกินล่ะสิไม่ว่า”“แกว่าอะไรนะ ฉันไม่ค่อยได้ยิน”“เปล๊า! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ถ้ามีแล้วจะบอก ตกลงไหมยะ”วันเมษาขอโกหกเสียหน่อย เพราะยังไม่อยากเล่าเรื่องน่าอายให้เก๋ไก๋ฟังตอนนี้ ขืนรู้มีหวังได้แซวจนเธอทำอะไรไม่ถูกไปอีกนานแน่“ตกลง” เก๋ไก๋รีบรับคำทันที ก่อนจะเอ่ยถามพิกัดของวันเมษา“แล้วนี่แกอยู่ไหน”“พอดีออกมาทำธุระข้างนอก มีอะไรรึ”“จะชวนไปหาอะไรกิน”“ชวนกินอีกล
ความสัมพันธ์ระหว่างวันเมษาและธาวิน ค่อยๆ ผลิบาน ความรู้สึกที่มากกว่าคนรู้จักค่อยๆ เกิดขึ้นในใจ ธาวินทุ่มเวลาว่างที่มีให้เธอเพียงคนเดียว หมั่นขายขนมจีบให้วันเมษา บ่อยครั้งที่เธอไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้แต่ทำเป็นเฉยๆ อย่างการพบกันเมื่อวันก่อน ธาวินก็ทำให้เธอแปลกใจ ปนคิดเข้าข้างตัวเองอีกตามเคย เพราะเขาเล่นเอาทั้งขนมจีบ ทั้งดอกรักมาให้ ทำยังกับพระเอกลิเกจีบนางเอกไปได้แต่บางครั้งวันเมษาก็ลังเล ว่าสิ่งที่เธอกำลังรู้สึกตอนนี้ใช่ความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองหรือเปล่า หรือเพราะความใกล้ชิดที่เร็วและมากเกินไป ทำให้เธอคิดว่ากำลังชอบธาวินเข้ากันแน่“คุณวันเมษาเชิญค่ะ” เสียงพนักงานของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงาม ช่วยดึงสติของวันเมษาให้กลับมา วันนี้เธอมีนัดกับธาวินเรื่องทำศัลยกรรมหน้าอก โดยไม่มีเก๋ไก๋หรือเฟื่องรัตน์มาเป็นเพื่อน และดูเหมือนเธอจะเป็นคนสุดท้ายของวัน“ค่ะ” วันเมษาเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง พอเห็นธาวินก็ส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่ได้ส่งยิ้มตอบกลับมาแต่อย่างใด นั่นทำเอาวันเมษาใจแป้ว&ld
ในขณะที่มือก็ยังคงฟ้อนเฟ้น บีบคลึงหน้าอก เพื่อกระตุ้นอารมณ์และความต้องการของวันเมษาให้กระเจิดกระเจิง แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไร เพราะตอนนี้ธาวินรู้สึกถึงความตึงและปวดร้าวเช่นกัน หากวันเมษาได้สัมผัสตรงซิปกางเกง เธอจะรู้ได้ทันทีว่าบางสิ่งบางอย่างของเขาไม่เหมือนเดิม ธาวินอยากสัมผัสวันเมษามากกว่าการจูบ แต่เขาต้องตัดใจ เพราะยังไม่อยากทำให้เธอเสียขวัญไปมากกว่านี้“คิดถึงผมบ้างไหม”“ไม่รู้”“ไม่รู้หรือไม่อยากตอบ ถ้าไม่ตอบผมจะทำมากกว่าจูบ” ธาวินไม่ได้ขู่ เพราะเขานั้นพร้อมที่จะทำตามคำพูดเสมอ ยิ่งเป็นวันเมษาด้วยแล้วเขาก็ยิ่งต้องการเธอ“ตอบแล้วๆ คิดถึง…มั้ง” แม้จะบอกว่าคิดถึงแต่ก็ไม่วายเอ่ยทิ้งท้ายราวกับไม่แน่ใจ“มีมั้งด้วยหรือครับ สรุปคิดถึงผมหรือไม่ได้คิดถึง หืม” ขณะถามก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อีก“ขะ…คิดถึง”“มากหรือเปล่า”“ไม่มากไม่น้อย แต่ก็คิดถึง
“จีบไม่เป็นก็หัดสิแก ไม่เห็นยาก หรืออยากให้ยัยเอวาฉกหมอไปจากอกแบนๆ ของแกอีกคน ฉันว่าที่แกยอมถอยทัพยกพี่วีณ์ให้ไปทีนึงก็น่าจะพอแล้วนะ แล้วที่สำคัญยัยนั่นประกาศเปิดศึกชิงหมอโต้งๆ แกก็ได้ยิน” สีหน้าของเฟื่องรัตน์จริงจังขึ้นมาทันที เพราะถ้าเป็นเธอเอวาไม่ได้แอ้มเป็นแน่ งานนี้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตบเป็นตบ“ได้ยินน่ะได้ยิน แต่ฉันกลัวว่าจะเจ็บเหมือนครั้งที่แล้วอีก”“ถ้ากลัวแกก็ยอมตั้งแต่ตอนนี้ ห่างๆ หมอวิน ย้ายไปทำนมมันที่อื่น ปล่อยหมอให้ยัยเอวาไป อนาคตแกก็อย่าหวังว่าจะมีใคร ถ้ายังกลัวยัยเอวานมตูมอยู่แบบนี้”“เฮ้อ!” คนฟังถอนหายใจออกมาดังๆ ยาวๆ“แกไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ นะษา แต่ทำไมเรื่องหัวใจแกต้องยอมให้ยัยเอวาย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำอีก แค่ครั้งเดียวก็มากพอแล้วนะ ที่สำคัญสุดคือแกต้องทำตามที่ใจแกต้องการ”“แล้วถ้าฉันสู้ขึ้นมา เกิดหมอเขาไม่ได้ชอบฉันทำไง” วันเมษาออกตัวไว้ก่อน เพราะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าหมอธาวิน
ส่วนคนที่วันเมษาเบ้ปากใส่ก็กำลังนั่งอมยิ้มกับตัวเอง เมื่อครู่เขาพึ่งกดรับเพื่อนในเฟซบุ๊กคนล่าสุดไป เพื่อนคนนี้ทิ้งห่างจากคนก่อนนานพอสมควร เพราะหลังๆ ธาวินไม่รับแอดใครง่ายๆ หากไม่รู้จักมาก่อน กลุ่มที่เป็นลูกค้าเขาก็จะให้กดถูกใจหรือติดตามเพจของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงามแทนการขอเป็นเพื่อนในเฟซส่วนตัวเพื่อนคนล่าสุดนี้ ดูเหมือนไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย ยกเว้นรูปโปรไฟล์ที่เป็นคัพเค้กเละๆ ที่เขาคุ้นตา เท่านั้นยังไม่พอรูปภาพหน้าปกด้านบนยังเป็นรูปคัพเค้กแบบเดียวกับรูปที่วันเมษาใช้ในไลน์ หากไม่ใช่เธอก็แล้วไป แต่ถ้าใช่ขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเธอกำลังตามส่องเขาอยู่ แค่คิดธาวินก็ยิ้มก่อนจะแชร์ข้อความเสียหน่อยหวังว่าวันเมษาจะเรียนรู้ตัวตนของเขาได้บ้าง ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยเลือกแชร์เรื่องอาหารตามกรุ๊ปเลือด พร้อมกับโพสต์สั้นๆ ว่า ‘ผมกรุ๊ปเอ’เพียงแค่นี้ธาวินก็สร้างยอดไลน์ได้เป็นร้อยในเวลาอันรวดเร็ว ตามด้วยยอดคอมเม้นต์ที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นคอมเม้นต์จากสุภาพสตรี&
“คุณนี่ชักจะเดาใจผมแม่นขึ้นทุกวัน มานั่งอยู่ในนี้หรือไงครับ” ธาวินชี้มือมายังตำแหน่งหัวใจ“ฉันคนนะคุณไม่ใช่เลือด จะได้ไปแทรกตัวอยู่ในหัวใจคุณแบบนั้น”“พูดซะผมเห็นภาพ”“ถ้าอยากกินก็กินไปเยอะๆ” ว่าแล้วก็ตักอาหารที่สั่งมาใส่จานของธาวิน ชายหนุ่มยิ้มกริ่มมีความสุข มาถึงตอนนี้เขาก็มั่นใจแบบเต็มร้อย ว่าวันเมษาคือเจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า คัพเค้กก้อนเล็กเมื่อทานข้าวอิ่ม วันเมษาก็ขอตัวกลับ เพราะไม่อยากอยู่รบกวนการทำงานของธาวิน แต่ความที่ดื่มทั้งกาแฟ ทั้งชาเข้าไปเมื่อตอนบ่ายๆ ก็ทำให้คืนนี้เธอตาค้าง นอนไม่หลับเสียแล้ว ก่อนจะควานหาโทรศัพท์มากดดูนั่นนี่ สุดท้ายไปจบที่การส่องหน้าเฟซบุ๊กของธาวินอีกตามเคยรูปที่เห็นคือรูปปฏิทินที่เจาะจงถ่ายเดือนเมษายน พร้อมข้อความที่ระบุว่า ‘ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุข’นั่นทำเอาวันเมษาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะซุกใบหน้ากับหมอนแล้วกรี๊ดออกมา เพราะคิดเองว่าธาวินจงใจสื่อความหมายถึงตัวเอง จากที่นอนไม่หลับเพราะ
“เอวาขอตัวก่อนนะคะ ไว้เราค่อยเจอกัน” เอวาส่งยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง เมื่อประตูปิดลง ธาวินถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ รู้สึกเหนื่อยใจกับความดื้อรั้น ไม่ฟังเหตุผลของเอวา และอยากตัดให้เธอออกไปจากชีวิต เพราะขืนเอวายังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตัวเขาแบบนี้ วันเมษาคงรู้สึกแย่แต่จังหวะที่กำลังจะเดินพ้นล็อบบี้ เอวาก็มองเห็นวันเมษากับเก๋ไก๋ จึงตรงเข้าไปหาแล้วส่งยิ้มให้ เพียงแค่ได้เห็นเอวาที่นี่ วันเมษาก็รู้สึกจี๊ดที่อก ความรู้สึกร้อนๆ ในร่างกายนี้คืออะไร หรือเธอกำลังหึงธาวิน“ระวังของของเธอไว้ให้ดีนะ เพราะเกมของฉันมันเริ่มแล้ว” เอวาเอ่ยยิ้มๆ อย่างเป็นต่อ แล้วโบกมือให้ราวกับตอนนี้เธอชนะแล้ว วันเมษาเบ้ปากเล็กๆ งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอไม่มีวันยอมยัยนมตูมนี่เป็นอันขาด“อย่าไปฟังคนปากเหม็นแถวนี้เลยษา” เก๋ไก๋เชิดใส่เอวา ก่อนจะพาวันเมษาเข้าไปหาธาวินในห้องทำงานของชายหนุ่ม แต่เอวาก็ไม่วายเอ่ยตามหลัง“จับไว้ให้ดีๆ นะ ระวังจะถูกเขี่ยทิ้งแบบไม่รู้ตัวอีก” พูดจบก็เดินนวยนาด
ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดการสนทนา เมื่อวันเมษาเดินกลับมา สีหน้าเธอไม่ค่อยสู้ดีนัก เก๋ไก๋จึงเอ่ยถาม“ใครโทรมาน่ะษา”“พี่วาน่ะสิ โทรมาถามอยู่นั่นแหละ ว่าฉันทำนมแล้วหรือยัง” ขณะพูดก็ทำสีหน้าเซ็งๆ เพราะวันธันวาคาดคั้นเอาวันที่แน่นอนจากเธอให้ได้ สงสัยอยากพักร้อนเต็มแก่ ถึงอยากให้เธอรีบกลับไปสานงานต่อเร็วๆ แบบนี้“อ้อ…คงอยากรู้วันกลับเชียงใหม่ของแกมั้ง”“สงสัย”“กลับเชียงใหม่ คุณษาเป็นคนเชียงใหม่หรือครับ” ธาวินเอ่ยถามขึ้น“ค่ะ”“คุณย่าผมก็เป็นคนเชียงใหม่”“จริงเหรอคะ” สีหน้าของวันเมษาดูแปลกใจ โลกอะไรจะกลมขนาดนี้ การที่ย่าของธาวินเป็นคนเชียงใหม่เหมือนเธอ ก็เหมือนคนคุ้นเคยกัน“ครับ”“บุพเพสันนิวาสชัดๆ” เก๋ไก๋ยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะที่วันเมษาจะหันมาแหวใส่ ที่ถูกเพื่อนสนิทแซวต่อหน้าธาวินอีกแล้ว
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต
วันเมษายื่นเรื่องขอลาออก พอเอาเข้าจริงเธอก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องกลับไปช่วยงานครอบครัวเช่นนี้ยังดีที่คนรักหนุ่มเข้าใจ ซึ่งก่อนที่ธาวินจะขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาวันเมษาไปพบกับย่า ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ รวมทั้งวันเมษาเองก็จะพาเขาไปพบครอบครัวของเธอด้วยเช่นเดียวกันนั้นแต่ก่อนอื่น เธอก็นัดหมายให้ธาวินได้พบกับเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำชายหนุ่มให้เพื่อนสนิททั้งสองได้รู้จักในฐานะคนรู้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ ธาวินเองก็ได้พาเธอไปเปิดตัวกลับกลุ่มเพื่อนสนิทของเขามาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธาม คนที่เคยไปหาธาวินที่บ้านยามที่วันเมษาและธาวินพูดคุยกันนั้น สรรพนามที่พวกเขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่แสนจะน่ารัก ก็ทำเอาหนึ่งสาวแท้และหนึ่งสาวเทียมแอบอิจฉาแรง“พอมานั่งแนะนำตัวแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะครับ” เสียงทุ้มของธาวินเอ่ยขึ้น เมื่อวันเมษาเอ่ยแนะนำเขาต่อหน้าเก๋ไก๋และเฟื่องรัตน์ว่าแฟน“เขินแล้วคุณหมอน่ารักออก รู้งี้จีบซะก็ดี” เก๋ไก๋เท้าคางเอ่ยขึ้น ขณะที่จงใจส่งสายตาโลมเลียม
เมื่อซื้อของเสร็จ ปรวีณ์ก็ตรงกลับบ้านทันที เสียงรถที่ได้ยิน ทำให้เอวารีบวางแก้วนมที่ดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้วลงกับโต๊ะ ตรงหน้าคืออาการเช้าที่เธอฝืนกินไปได้เกือบหมด ก่อนจะลนลานหาทางทำลายหลักฐาน เพราะไม่อยากให้ปรวีณ์ได้ใจ หากรู้ว่าเธอดื่มนมและกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้จังหวะที่เขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เอวาก็จงใจเทนมลงในอ่างล้างจาน อาหารที่เหลือก็เทใส่ถังขยะ แล้วแสร้งทำท่าทางใช้กำปั้นทุบหน้าท้องตัวเอง“ทำอะไรน่ะเอวา” ปรวีณ์รีบเข้ามาห้ามเอวาทันที“รำคาญ เบื่อ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่ได้ หรือต่อให้กินได้ก็อ้วกออกมาหมด เอวาไม่ชอบที่ต้องท้อง ไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกเข้าใจไหม” ใช่ว่าเอวาอยากหงุดหงิดแบบนี้ แต่เพราะอะไรๆ หลายอย่างกำลังเปลี่ยน ไหนจะเรื่องงานที่คงต้องหยุดยาว ไหนจะรูปร่างที่คงต้องอ้วนกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงยังตั้งรับไม่ทัน“แต่เราทำให้เขาเกิดมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้“เกิดแล้วไง เอวาไม่อยากได้ คลอดเมื่อไหร่ เราต่างคนต่างอยู่
“อื้อ” รับปากเสร็จก็ดีดตัวลงจากเตียงนอนอย่างว่องไว ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟันเมื่อครู่ธาวินมาซะใกล้ ไม่รู้ได้กลิ่นปากเธอหรือเปล่า ว่าแล้วก็หยิบน้ำยาล้างปากขึ้นมากลั้วปากเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังแปรงฟันเสียหน่อย ก่อนจะแง้มประตูห้องน้ำ ก็สบตาเข้ากับธาวินที่นั่งหล่ออยู่บนเตียงนอนพอดีมองมุมไหนธาวินก็ดูดี ไม่รู้มาตกถึงท้องเธอได้ยังไง สงสัยเพราะพรหมลิขิต มั้ง!“มองผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ษา” ขณะเอ่ยถามก็เดินตรงมาหาคนตัวเล็ก วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงสวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ทำให้ธาวินได้เห็นอีกมุมของวันเมษา“แค่สงสัยว่าเรารักกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า เราแทบไม่รู้จักกันเลย”“ต้องยกความดีให้คัพเล็กๆ ตรงนี้” ธาวินชี้นิ้วมายังหน้าอกของวันเมษา เธอจึงแยกเขี้ยวกลับไปให้“หมอทะลึ่ง”“หืมม์…เอ่ยคำต้องห้ามนะครับ”“ตั้งใจพูด เพร
เริ่มจากเสื้อตัวบนของเธอ ตอนนี้ถูกธาวินถอดออกไปแล้ว ตามด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่เขาร่นลงไปกองไว้ตรงข้อเท้า ทำให้ตอนนี้บนตัวของวันเมษาเหลือแค่ชุดชั้นในสีขาว เข้าชุดกันเพียงสองชิ้นเท่านั้นธาวินไล้จูบคนรักสาวตั้งแต่ใบหน้า ลากสัมผัสกึ่งจมูกกึ่งปากร้อนๆ มาตามผิวขาวลออตาและหอมกรุ่นจนถึงลำคอ เนินอกคู่สวยที่ยังคงถูกปกป้องจากบราเซียร์ตัวจิ๋ว วันเมษาหายใจสะท้านยามที่ธาวินสัมผัสร่างกาย ก่อนจะอายเป็นทวีคูณเมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจก แต่ไม่นานสติก็หลุดลอยจากสัมผัสของชายหนุ่มอีกครั้ง“พี่ษาของผม หอมไปทั่วตัว” คำชมของธาวินช่างแผ่วเบา แต่ทว่ากลับทำให้ร่างกายของวันเมษาตื่นตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ธาวินกำลังใช้มืออีกข้างสัมผัสจุดกึ่งกลางลำตัวของเธอ“พี่วิน” วันเมษาเอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงแหบพร่า อารมณ์ปรารถนาเธอถูกปลุกปั่นจนลุกโชน ทำให้ทรมานเพราะต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ครับ” ขณะขานรับ ใบหน้าของธาวินอยู่ห่างจากหน้าอกของวันเมษาเพียงนิดเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดตะขอ นั่นทำให้บราเซ
ใกล้จะถึงเที่ยงคืน ธาวินก็ขับรถไปส่งวันเมษาถึงที่บ้าน เจ้าบ้านกล่าวคำล่ำลาแบบเขินๆ เพราะในใจยังไม่อยากให้คนรักหนุ่มกลับไปตอนนี้ แต่ก็อายที่จะเอ่ยชวนให้เขาค้างกับเธอธาวินเองก็อึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด กระทั่งตัดสินใจกล่าวลาแล้วขับรถออกไปวันเมษายืนมองรถของคนรักหนุ่ม กระทั่งเขาเลี้ยวออกจากซอยไป จึงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน“ทำไมไม่ชวนให้เขาค้างที่นี่ หืม” วันเมษาเอ่ยถามตัวเอง ถึงจะเคยแนบชิดกับธาวินมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เกิดนอกบ้านเธอทั้งสิ้นนี่นา ใครจะกล้าชวนให้เขานอนด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากทำแต่ปากกลับไม่กล้านี่สิ“ไม่ต้องมโน เลิกคิดได้แล้วยัยษาเอ๊ย ยัยหื่น” คนแอบหื่นเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยิน“บ่นคิดถึงผมอยู่หรือครับพี่ษา”“อุ๊ย! หมอ มาได้ไงคะเนี่ย” วันเมษาตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นธาวิน“ขับรถกลับมาครับ พอดีคิดถึงคนแถวนี้ ยังไม่อยากกลับ” คราวนี้หมอหนุ่มเอ