“แกลากฉันมาห้องน้ำด้วย เพื่อเติมแป้งเนี่ยนะ”“อื้อ…อีกอย่างคือ จะได้เปิดโอกาสให้หมอวินอยู่กับยัยษาด้วย”“เดี๋ยว…ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นหมอเหรอ”“แม่นแล้ว…หมอที่ฉันไปเสริมนม ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม นั่นแหละ หมอวินเป็นถึงเจ้าของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงาม...เลยนะจะบอกให้โปรไฟล์ดีกว่าอีตาพี่วีณ์เป็นไหนๆ” ชื่อศูนย์ศัลยกรรมที่ได้ยินแม้เฟื่องรัตน์จะไม่คุ้นหู แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่ในห้องน้ำอย่างเอวานั้นถึงกับหูผึ่ง“แกบอกว่า แกเปิดโอกาสให้หมอวินอยู่กับยัยษา หมายความว่าไง”เฟื่องรัตน์เอ่ยถามให้หายสงสัย“สั้นๆ ได้ใจความ ฉันเชียร์ให้คู่นี้จีบกันอยู่ ถ้ายัยษามีคนดีๆ มาคอยดูแล ก็คงดีไม่น้อยเลย แกว่าไหม” เก๋ไก๋ยักคิ้วให้เฟื่องรัตน์ผ่านกระจกบานใหญ่“ถ้าผู้ชายคนนั้นดีจริง ไม่โลเลเหมือนใครบางคน แล้วยังดูแลยัยษาได้ ฉันก็เชียร์ด้วยคน”“คราวนี้ยัยษาของเรา จะเป็นอมตะนิรั
เพราะความที่ต่างยุ่งกับงานด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ธาวินกับวันเมษาดูจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่นัก แต่เรื่องความคิดถึงนั้นธาวินมีให้วันเมษาเสมอ โดยเธอยังคงได้รับคัพเค้กปริศนาอย่างต่อเนื่องหมอหนุ่มเฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อ กระทั่งวันที่รอก็มาถึง เขาพยายามเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่วันเมษาจะมา แต่ติดอยู่ที่ลูกค้าคนรองสุดท้ายของวัน ซึ่งยังไม่ยอมกลับออกไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่เธออยู่คุยกับเขานานเกินกว่าที่ควรจะเป็นธาวินรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาเคยเจอเธอครั้งแรกในค่ำคืนที่วันเมษาถูกบอกเลิก และครั้งที่สองที่รีสอร์ตของเพื่อนเขา“คุณหมอว่า เอวาควรจะเพิ่มไซส์หน้าอกให้มันใหญ่ขึ้นอีกดีไหมคะ” ขณะเอ่ยถาม เอวาก็จงใจหนีบแขนเข้าหาลำตัว เพื่อดันหน้าอกที่ล้นขอบเสื้ออยู่แล้วให้ล้นทะลักยิ่งขึ้น มั่นใจว่าเสน่ห์ของเธอต้องมัดใจธาวินได้ อย่างแน่นอน เพราะเคยทำแบบนี้แล้วได้ผลมานักต่อนัก“ผมว่าตอนนี้ก็ลงตัวดีนะครับ”“ถ้าไม่ทำหน้าอกเพิ่ม แล้วท
และเก๋ไก๋ก็มองแววตาที่ธาวินทอดมองมายังวันเมษาออกเสียด้วย แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตามที นั่นอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณของเธอครึ่งหนึ่งเป็นผู้ชาย จึงพอจะมองอะไรๆ ออก แต่ความที่ยังไม่แน่ใจนัก จึงใช้โอกาสที่วันเมษาไปเข้าห้องน้ำ เอ่ยถามเอาคำตอบ“หมอเลิกงานยังคะ”“เลิกแล้วครับ”“ถ้าอย่างนั้น ก็ถามเรื่องส่วนตัวได้แล้วใช่ไหม” เก๋ไก๋ยิ้มกริ่ม เพราะเธอรอเวลานี้อยู่นานแล้วนั่นเอง จะได้ถามคำถามให้หายค้างคาใจ“ครับ” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ เขาเหมือนกำลังถูกเก๋ไก๋ต้อนไม่มีผิด นั่นเพราะเธอต้องการคำตอบที่แน่ชัด ไม่อยากเดาอะไรเอาเอง“หมอมีแฟนหรือกำลังคบหากับใครที่เก๋ไก๋ไม่รู้ไหมคะ” คนถามใช้ประโยคคำถามออกแนวเข้าข้างตัวเองนิดๆ หน่อยๆ ทำให้คนฟังยิ้มตาม“ไม่มีครับ ผมโสดสนิท” ธาวินย้ำคำว่าโสดสนิท นั่นก็เพราะต้องการให้เก๋ไก๋เป็นแม่สื่อเรื่องวันเมษาอยู่เช่นกัน แม้จะมั่นใจว่าถ้าเดินหน้าจีบแบบเต็มร้อย ต้องทำให้วันเมษาใจอ่อนได้ แต่การที่มีเพื่อนสนิทขอ
“ทำไม” สีหน้าซื่อๆ เอ่ยถาม ราวกับไม่รู้เรื่องอะไร“คุณเป็นหมอนะ แล้วเผื่อมีเคสผ่าตัดด่วนขึ้นมาทำไง”“แค่ค็อกเทลแก้วเล็กๆ ไม่เป็นไรหรอกคุณ ไม่เมาหรอก” จะว่าไปต่อให้เป็นแค่ค็อกเทลแก้วเล็กขนาดไหน ธาวินก็ไม่คิดจะแตะต้อง นั่นเพราะด้วยอาชีพเขาที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากเกิดเคสฉุกเฉินก็จะได้ทำหน้าที่หมออย่างถึงที่สุด“ไม่ได้ก็คือไม่ได้…อย่าดื้อสิ” วันเมษาดุชายหนุ่ม ราวกับเขาเป็นเด็ก แต่ก็จริง เพราะธาวินอายุน้อยกว่าเธออยู่หลายปี“ครับๆ”“เดี๋ยวฉันชิมให้เอง รับรองว่าจะไม่ให้เหลือสักหยด” ว่าแล้วก็เล็งไปยังค็อกเทลแก้วสีฟ้า ก่อนจะหยิบขึ้นมาถือไว้ ในความคิดของวันเมษาค็อกเทลคือน้ำผลไม้ที่นำหลายๆ ชนิดมารวมกัน แล้วเติมอะไรสักอย่างให้มันซ่าๆ“ระวังเมานะคุณ”“นี่แค่ค็อกเทลไม่ใช่เหล้า ไม่เมาหรอก” พูดจบก็ยกค็อกเทลสีฟ้าขึ้นดื่ม รสชาติของมันหอมหวาน ชวนให้ลิ้มลองอีก
ธาวินพยายามข่มใจเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้วันเมษา แต่ความงดงามของรูปร่างอิสตรีที่มีเพียงชุดชั้นในตัวน้อยห่อหุ้มก็เกือบทำให้ธาวินตบะแตก ก่อนจะหายใจเข้าออก ท่องยุบหนอพองหนออยู่ในใจ เมื่อเช็ดตัวให้เธอเสร็จก็อุ้มเธอขึ้นไปนอนชั้นบน หาเสื้อตัวใหญ่ๆ ออกมาสวมให้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจเปลี่ยนใจปล้ำเธอทั้งๆ ที่วันเมษายังไม่ได้สติก็เป็นได้แต่แทนที่จะนอนนิ่งๆ หลังจากสบายเนื้อสบายตัวแล้ว วันเมษากลับคว้าธาวินที่กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงมากอด แถมยังซุกใบหน้าเข้าหา ทำราวกับเขาเป็นหมอนข้างที่ไร้ชีวิตเสียนี่“จะอ้อนผมไปถึงไหนกัน หืม” ธาวินเอ่ยถามกับคนเมา แม้จะไม่ได้คำตอบเป็นคำพูด แต่วันเมษากลับกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีก นั่นยิ่งทำให้ธาวินแทบบ้า“นี่คุณเมาอยู่หรือสร่างแล้ว ยั่วนักเดี๋ยวก็โดนหรอก” กรามข้างแก้มนูนขึ้นจนเป็นสัน อยากบีบคอเล็กๆ ตรงหน้าเสียจริง“นอนซะ พรุ่งนี้คุณต้องมีเรื่องให้ตกใจอีกมากแน่” ธาวินเอ่ยยิ้มๆ เพราะหนึ่งเรื่องที่วันเมษาต้องตกใจแน่ๆ คือการที่เธอตื่นมาบนเตียงเขา สองเธอสวมเ
“ผมจะหยิบนี่ต่างหาก คุณษาคิดอะไร” ขณะพูดธาวินก็ชูหวีในมือให้วันเมษาได้เห็น ว่าเขากำลังโน้มตัวไปหยิบอะไร แต่แท้จริงแล้ว เขาจงใจแกล้งเธอให้อายตั้งแต่แรก“เปล๊า…” พอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือธาวิน วันเมษาก็รีบปฏิเสธเสียงสูง แต่ทว่าดูเหมือนมันจะไม่จบเพียงแค่นี้“คุณษาไม่ได้คิดแต่ผมคิด”“เอ๊ะ!” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาคนฟังตาโต หัวใจจะวายเสียให้ได้“ผมขอทวงจูบนะครับ”“หา!” ประโยคแรกว่าหัวใจจะวายแล้ว ประโยคที่สองยิ่งแล้วใหญ่ เกิดมาไม่เคยให้ใครที่ไหนทั้งจูบ ทั้งสัมผัสร่างกายเธอมากเท่าธาวินมาก่อน“จูบ…เพราะคุณษาเรียกผมด้วยคำต้องห้าม” เอ่ยจบ ธาวินก็ลงโทษวันเมษาด้วยจูบที่แสนจะเร่าร้อน เป็นมอร์นิ่งคิสที่ทำให้เขาตื่นตัวกว่าการดื่มกาแฟสดเสียอีกริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักที่แสนจะร้ายกาจ แม้จะอยากผลักไสแต่ทว่าวันเมษากลับไม่ทำแบบนั้น ลึกๆ แล้วเหมือนกับว่าหัวใจเธอเองก็กำลังเรียกร
“ตอนเด็กๆ หน้าตายังไง ตอนนี้ก็หน้าตาอย่างนั้นเปี๊ยบ” เอ่ยจบก็เดินกลับมานั่งรอในห้องรับแขกเพราะห่วงเขาทำให้เธอแทบไม่รู้สึกหิว กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น จึงคว้ามารับสาย“เมื่อคืนเป็นไงบ้างแก ได้กินเด็กไหม” คำถามแบบขวานผ่าซากของเก๋ไก๋ทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดออกมาเบาๆ คล้ายรำพึงรำพันอยู่คนเดียว“เกือบถูกเด็กกินล่ะสิไม่ว่า”“แกว่าอะไรนะ ฉันไม่ค่อยได้ยิน”“เปล๊า! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ถ้ามีแล้วจะบอก ตกลงไหมยะ”วันเมษาขอโกหกเสียหน่อย เพราะยังไม่อยากเล่าเรื่องน่าอายให้เก๋ไก๋ฟังตอนนี้ ขืนรู้มีหวังได้แซวจนเธอทำอะไรไม่ถูกไปอีกนานแน่“ตกลง” เก๋ไก๋รีบรับคำทันที ก่อนจะเอ่ยถามพิกัดของวันเมษา“แล้วนี่แกอยู่ไหน”“พอดีออกมาทำธุระข้างนอก มีอะไรรึ”“จะชวนไปหาอะไรกิน”“ชวนกินอีกล
ความสัมพันธ์ระหว่างวันเมษาและธาวิน ค่อยๆ ผลิบาน ความรู้สึกที่มากกว่าคนรู้จักค่อยๆ เกิดขึ้นในใจ ธาวินทุ่มเวลาว่างที่มีให้เธอเพียงคนเดียว หมั่นขายขนมจีบให้วันเมษา บ่อยครั้งที่เธอไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้แต่ทำเป็นเฉยๆ อย่างการพบกันเมื่อวันก่อน ธาวินก็ทำให้เธอแปลกใจ ปนคิดเข้าข้างตัวเองอีกตามเคย เพราะเขาเล่นเอาทั้งขนมจีบ ทั้งดอกรักมาให้ ทำยังกับพระเอกลิเกจีบนางเอกไปได้แต่บางครั้งวันเมษาก็ลังเล ว่าสิ่งที่เธอกำลังรู้สึกตอนนี้ใช่ความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองหรือเปล่า หรือเพราะความใกล้ชิดที่เร็วและมากเกินไป ทำให้เธอคิดว่ากำลังชอบธาวินเข้ากันแน่“คุณวันเมษาเชิญค่ะ” เสียงพนักงานของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงาม ช่วยดึงสติของวันเมษาให้กลับมา วันนี้เธอมีนัดกับธาวินเรื่องทำศัลยกรรมหน้าอก โดยไม่มีเก๋ไก๋หรือเฟื่องรัตน์มาเป็นเพื่อน และดูเหมือนเธอจะเป็นคนสุดท้ายของวัน“ค่ะ” วันเมษาเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง พอเห็นธาวินก็ส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่ได้ส่งยิ้มตอบกลับมาแต่อย่างใด นั่นทำเอาวันเมษาใจแป้ว&ld
“หยุดทำไมครับพี่ษา” วันเมษาไม่ตอบอะไร แต่กลับวกขึ้นมาจูบธาวินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือเล็กๆ รั้งกางเกงบ็อกเซอร์ให้ออกไปจากร่างกายชายหนุ่ม โดยที่ธาวินนั้นคอยยกสะโพกขึ้นสูงช่วยอีกแรงเมื่อวันเมษาถอนจูบออก เธอก็ไล้กึ่งปากกึ่งจมูกลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่ทำเอาธาวินแทบจะกลั้นหายใจ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้วันเมษากำลังสัมผัสแกนกายเขาด้วยริมฝีปากอุ่นใบหน้าของธาวินเหยเก ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่เป็นความทรมานที่เขาแสนจะชื่นชอบและรอคอย สำหรับวันเมษาแม้จะเธอจะเป็นมือใหม่หัดดูดไอศกรีม แต่สัมผัสจากเธอก็ไม่ทำให้ธาวินผิดหวัง ยิ่งเธอเร่งจังหวะก็ยิ่งทำให้เขาทรมานจนต้องบอกให้หยุดก่อน“ขืนทำแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ถึงหรอกครับพี่ษา” ทั้งคู่สบตากันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาก่อนที่ธาวินจะกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม เขาจัดการถอดบิกินี่ตัวน้อยให้ออกไปจากร่างกายของคนรัก แล้วแทรกตัวเข้าหา บดเบียดความแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่เข้ากับกุหลาบดอกงามที่ตรงกึ่งกลางนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวาน ไม่ว่า
วันเมษานั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเธอคือคนรักหนุ่มที่มีท่าทีอายๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดเพลงช่วยธาวินบิวต์อารมณ์อีกแรง เมื่อจังหวะเพลงขึ้น ธาวินก็เริ่มขยับร่างกาย พร้อมกับค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เริ่มจากเสื้อเชิ้ตก่อนแค่ได้เห็นหน้าอกขาวๆ ซิกซ์แพ็กลอนสวยๆ ของเขาทำเอาวันเมษาแทบกำเดาพุ่ง แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ สั่งตัวเองให้ยุบหนอ พองหนอ อดใจไว้หนอ ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าตอนนี้ธาวินกำลังปลดเข็มขัดและรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า“กำเดาจ๋า อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้นะ อย่าพึ่ง” วันเมษาเอ่ยสั่งตัวเอง เพราะแม้จะเคยมีอะไรๆ กับธาวินแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเขาในลักษณะยั่วยวนมากขนาดนี้ พึ่งรู้ว่าผู้ชายก็ยั่วเป็น ดูๆ สะโพกกลมๆ เนื้อแน่นๆ ที่หันมาหาน่าตบจริง“โอ๊ย! ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นไว้หนอ ไม่ปล้ำหนอ” นี่คือบทที่วันเมษาท่องอยู่ในใจ แต่ท่าทางของเธอก็ยิ่งทำให้ธาวินยิ้ม ก่อนจะเต้นยั่วเธออย่างจงใจ ตอนนี้บนตัวเขามีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวและอีกไม่กี่อึดใจเขาจะถอดมันออก แต่พอเห
“ใช่ครับ ผมสาบานได้เลยนะว่าไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเป็นขอให้น้องชายเหี่ยว ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยเอา” คำสาบานของธาวินทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่แสดงออกอะไรมาก“หรือถ้าไม่เชื่อ ผมต่อสายให้พี่ษาคุยกับแอดดี้ตอนนี้เลยยังได้” ยังไม่ทันที่ธาวินจะได้หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาแอดดี้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเจ้าของปาร์ตี้สละโสดคืนนี้ธาวินหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ก่อนจะยื่นให้วันเมษาได้คุย เธอดูลังเลแต่ก็ยอมรับสาย ก่อนที่แอดดี้จะอธิบายให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนที่แอดดี้จะวางสายไปเมื่อได้ฟัง วันเมษาก็คิดตาม สรุปนี่เธอเชื่อความฝันจนทะเลาะกับธาวินเสียใหญ่โต บ้านแทบแตก เธอนี่งี่เง่า ไร้เหตุผล หวังว่าธาวินจะไม่โกรธเธอหรอกนะ“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกษา ว่าไปปาร์ตี้ที่บาร์เกย์ด้วย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้น ไม่ได้ฟังดูห้วนอย่างครั้งแรก พลอยทำให้ธาวินใจชื้นขึ้นมาได้มากโข“ผมเองก็พึ่งรู้ตอนไปถึงว่าที่นั่นเป็นบาร์เฉพาะชาวสีม่วง” สี
“ครับ…ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” เอ่ยจบก็รีบวางสายแล้วรีบขับรถไปที่บ้านเฟื่องรัตน์ทันทีแต่ขณะนั้นสายของธาวินก็ต้องสะดุ้ง เมื่อวันเมษาเข้ามาได้ยินบทสนทนาเข้า เธอจ้องมองเพื่อนทั้งสองคนเขม็ง“อย่ามองแบบนั้นสิษา น่ากลัว” เฟื่องรัตน์ส่งยิ้มแห้งๆ มายังวันเมษา แต่คนตรงหน้ากลับมีแต่ความบึ้งตึง“ไหนแกสองคนสัญญากับฉันแล้วไง ว่าจะไม่บอกอีตาพี่วิน”“ก็ฉันไม่อยากให้แกเข้าใจหมอผิด หมอไม่ได้เป็นเกย์นะแก” เก๋ไก๋เอ่ยขึ้น“แกรู้ได้ไง”“ก็ตอนที่แกวิ่งปรู๊ดออกมาเรียกแท็กซี่น่ะ ฉันกับเฟื่องเข้าไปถามคนในห้องมาว่าอะไรยังไง”“ฉันไม่เชื่อ คนพวกนั้นก็คงรวมหัวกันหลอก สนุกมากสินะที่หลอกให้ฉันรักได้แบบนี้ ป่านนี้คงเอาไปคุยจนสนุกปากว่าฉันใจง่าย”“แกก็คิดมากไปษา คนที่น่าจะรู้ว่าหมอวินใช่เกย์ไหม น่าจะคือแกนะ” เฟื่องรัตน์เอ่ยสีหน้าซีเรียส“ไม่รู้ ตอนนี้ฉั
“สแกนมาดีแล้วพลาด หมายความว่ายังไงแก สรุปหมอวินเป็นเสือไบจริงๆ น่ะเหรอ” วันเมษาอ้าปากค้าง สรุปฝันเธอมันกลายมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม“เป็นไม่เป็น เดี๋ยวเห็นแกก็รู้”“ไป ลุย” เฟื่องรัตน์เอ่ยเสียงดัง ราวกับต้องการปลุกใจ แต่วันเมษากลับยกมือขึ้นมาเบรก เพื่อขอเวลานอก“เดี๋ยวๆ ฉันขอทำใจแป๊บนึง” ว่าแล้วก็หยิบกระปุกยาดมอันใหญ่ยักษ์จากกระเป๋าออกมาเปิดฝาก่อนจะสูดดมไปเสียเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้สองคนตรงหน้า ว่าเธอพร้อมแล้วทั้งสามจึงก้าวเข้าไปยังบาร์ตรงหน้า แม้ที่นี่จะเปิดให้บริการหนุ่มๆ ที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือได้ทั้งรุกและรับ แต่ก็ไม่รังเกียจหากชายแท้หรือสาวแท้จะเข้ามาใช้บริการ เพราะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจนสายตาสามคู่สอดส่องมองหาเป้าหมาย แต่กลับไม่พบธาวิน เมื่อโต๊ะด้านนอกไม่เห็น ก็คงต้องตามหากันตามห้องวีไอพีแทน ไล่มาตั้งแต่วีไอพีหนึ่งถึงสิบ แต่ก็ยังหาตัวชายหนุ่มไม่พบ“แกไน่ใจนะเฟื่อง ว่าหมอวินมาที่นี่” เก๋ไก๋ยืนพ
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถพาพี่ษาไปที่ที่มันโรแมนติกกว่าชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไหนก็ไม่สำคัญถ้าไม่มีพี่วินอยู่ด้วย”“ไว้ผมจะชดเชยให้ทีหลังนะครับ”“ค่ะ” วันเมษายิ้มเขินนาฬิกาจอยักษ์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โชว์เวลาอยู่ไกลๆ เสียงนับถอยหลังดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ให้ได้ยินแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้ กระทั่งเสียงห้า สี่ สาม สองและหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงพลุที่พร้อมใจกันจุดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงามตระการตาแต่วันเมษามีเวลาได้ชื่นชมความสวยงามของพลุ ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนอ่อนหวานจากธาวิน ในที่สุดจูบที่เธอปรารถนาในคืนเคาท์ดาวน์ก็เป็นจริง“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ษา”“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วิน” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ธาวินจะโน้มตัวลงมาจูบวันเมษาอีกครั้งซึ่งเธอก็เขย่งปลายเท้าจูบเขากลับไปเช่นเดียวกัน จูบจากความรักจึงแสนหอมหวานแล
วันเมษาบอกพี่ชายว่าเธอจะกลับมาช่วยงานที่โรงแรม ซึ่งวันธันวาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีเสียอีกหลังจากนี้เขาจะได้แบกเป้ขึ้นหลัง ออกเที่ยวรอบโลก ทำตามความฝันดูสักตั้งเพราะชายอันเป็นที่รัก อยู่ใกล้แค่รั้วกั้น ทำให้นาราชาแทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆ ได้แต่ตามส่องธาม หลบตามเสาบ้าง หลบตามผ้าม่านบ้าง พฤติกรรมชวนหลอนของเธอพลอยทำให้ธามรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ใช่ว่าธามเท่านั้นที่รู้สึก สองสาวฝาแฝดเองก็รู้สึกไม่น้อย“แกจะหลบตามมุม ตามหลืบในบ้านฉันอีกนานไหมยัยจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามขึ้น“ถ้าไม่หลบ คุณธามก็ต้องเห็นฉันน่ะสิ”“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นแปลกเลย” พระแพงมาเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบชอบเขาอยู่” ขณะพูดก็ยังไม่วายชะเง้อคอยาวออกไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“โอ๊ย! ถ้ารู้นะ ป่านนี้รู้ไปตั้งนานแล้ว แกไม่ใช่จะพึ่งชอบเขาเสียหน่อย ชอบมาเป็นปีๆ ไม่สิ นี่เข้าปีที่สามแล้วนะ”“ใช่” คราวนี้พระเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นลูกคู่ให้น้องสาวบ้าง“แอบช
“ครับ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามแม่เลี้ยงดุจดาวเข้าไปภายในบ้านส่วนพ่อเลี้ยงกำธรนั้นก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ยอมสนทนากับธาวินสักเท่าไหร่นัก หนำซ้ำบางครั้งยังหันมาจ้องราวกับจับผิด“คบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่”“ประมาณครึ่งปีครับ”“ทำงานอะไร หน้าอ่อนๆ แบบนี้คงยังเรียนหนังสืออยู่มั้ง” ขณะถาม พ่อเลี้ยงกำธรก็สบตาธาวินมาตรงๆ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด“ผมเป็นหมอครับ ปีนี้อายุยี่สิบเก้า” คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็จะติก็แค่เรื่องอายุของธาวินที่น้อยกว่าวันเมษาบุตรสาวอยู่หลายปี“แต่ลูกสาวฉันปีนี้สามสิบสาม อายุห่างกันแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นนินทา ว่าคบผู้หญิงแก่หรือไง” ประโยคนี้ดังไปถึงหูคนที่อายุสามสิบสามเข้าอย่างจังวันเมษาหน้ายู่ พ่อนะพ่อ เผาเธอซะได้“ไม่กลัวครับ”“อืม…แล้วนี่พ่อแม่ล่ะทำอะไร เป็นหมอเหมือนกันไหม”“ท่านสองคนเสียไปแล้วครับ”“มีพี่น้องกี่คน” คนถามยังคงยิงคำ
“บุกยังไงเพื่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ยัยจิ้งเข้าไปหาตอนนี้ มีหวังเขาได้ตอกหน้าหงายกลับมาน่ะสิ แถมนี่กำลังจะแต่งงานด้วย ขืนโผล่หน้าไปสารภาพรัก มีหวังได้หัวเราะเยาะเอา ดีไม่ดีว่าที่ภรรยาเขาได้จ้างคนมาตบ โทษฐานไปสร้างความรำคาญกับว่าที่สามีสุดหล่อ” คำพูดของพระแพงที่พอจะเดาความคิดของแฝดผู้พี่ออกนั้น ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“คิดแล้วก็กลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในแป๊บ” นาราชาคอตก รู้สึกเศร้าใจกับความรักที่ไม่อาจสมหวังได้ของตน“อย่าพึ่งถอยสิแก” พระเพื่อนตบบ่าเล็กๆ ของนาราชาเบาๆ“ไม่ถอยได้ยังไง มองมุมไหน ฉันก็คงไม่สมหวังหรอก อกหักรักคุดต่อไปยัยจิ้งเอ๊ย”“เอาน่ะ ถ้าเป็นฉันนะ จะใช้เวลาที่เหลือก่อนที่คุณธามจะแต่งงานให้คุ้มค่าที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ เพื่อรักษาแผลใจตอนเขาไม่โสดแล้ว” ฟังแบบนี้ใจของนาราชาก็ชื้นขึ้นมาได้หน่อย ก่อนจะดีดนิ้วราวกับคิดแผนอะไรดีๆ ออก“แกคิดแผนอะไรดีๆ ออกแล้วงั้นเหรอจิ้ง”“ต