สองเดือนถัดมา...
ภายในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลเอกชนHH
บรรยากาศภายในห้องผ่าตัดนั้นมันเย็นเฉียบและเงียบกริบ ด้านหน้าของเพียงขวัญถูกกั้นด้วยผ้าสีเขียวสูงชนิดที่เธอมองไม่เห็นการกระทำของหมอและพยาบาลอีกฝั่ง เธอกลัวตื่นเต้นจนหัวใจนั้นเต้นรัวไปหมด แต่เป็นเพราะฤทธิ์กล่อมของยา มันเลยทำให้เธอนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร บวกกับมีโอนิกซ์นั้นคอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง เธอเลยอุ่นใจไปได้มากเลยทีเดียว
“อือ...” เพียงขวัญครางเสียงสั่นกลัว ดวงตาของเธอพยายามจดจ้องไปที่การกระทำของหมอและพยาบาลที่กำลังทำคลอดอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเผือก ตัวสั่น ที่ไม่รู้ว่าสั่นเพราะอุณหภูมิภายในห้องผ่าตัดหรือเป็นเพราะฤทธิ์จากยา
“ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู มันทำเอาเธอใจชื้นขึ้นมาแบบทันควัน
เขาไม่เคยปล่อยมือเธอเลย ตั้งแต่พามาโรงพยาบาล เตรียมตัวเข้าห้องคลอด ฉีดยา จนกระทั่งตอนนี้
เวลาในตอนนี้มันเหมือนยาวนานไปมากๆ แต่คงเป็นเพราะเธอนั้นรอคอยจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า เวลามันถึงผ่านไปช้าแบบนี้
“คุณนิค...”
“ว่าไง”
“นานจังเลยคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก มันไม่นานเลยนะ คุณหมอกำลังทำคลอดอยู่”
โอนิกซ์พยายามพูดให้เพียงขวัญนั้นสบายใจ เพราะมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย คุณหมอและทีมแพทย์ก็กำลังช่วยกันทำคลอดอยู่ ไร้เสียงการสนทนาใดๆ แต่เขาก็ไม่ได้เห็นตรงส่วนแผลผ่าคลอดหรอก ว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของทีมแพทย์
จนกระทั่งเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงได้...
ทารกคนแรกคลอดออกมาพร้อมกับส่งเสียงร้องดังอ้าว ไม่นานนักทารกคนที่สองก็ร้องตามกันมาติดๆ เสียงร้องที่ดังระงมนั้นมันทำให้หัวใจของเพียงขวัญเต้นรัวมากกว่าเดิมอีก
เป็นการรอคอยที่มีค่ามากจริงๆ เสียงร้องนั้นเหมือนปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอให้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ
“คลอดแล้วนะ ลูกปลอดภัยแล้วเพียงขวัญ”
“คุณนิค ลูกหน้าเหมือนใครคะ”
“เหมือนเราสองคนไง”
“.....” เพียงขวัญยิ้มทั้งน้ำตา เธอรู้สึกตื้นตันอยู่เต็มอกไปหมด ไม่เคยดีใจแล้วต้องร้องไห้แบบนี้มาก่อนเลย ครั้งแรกในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้
“ลูกของเราแข็งแรงดีนะ น่ารักมากๆ เลย” โอนิกซ์พูดกระซิบเสียงแผ่วเบา
“เหรอคะ...”
“คุณพ่อคะ เดี๋ยวต้องให้คุณแม่และทารกได้พักฟื้นร่างกายให้หายเหนื่อยก่อนนะคะ ต้องรบกวนคุณพ่อออกไปรอด้านนอกค่ะ”
“ครับ ได้ครับ”
“คุณนิค...”
“ฉันจะออกไปรอข้างนอกนะ ไม่ได้ไปไหนหรอก เดี๋ยวหมอก็พาเธอออกมานะ นอนพักก่อน ฉันไม่หนีไปไหนหรอกสัญญาเลย”
“ค่ะ”
โอนิกซ์ออกมารอที่ด้านนอก ถึงจะไม่ได้อยู่กับเพียงขวัญด้านใน แต่เขาก็สามารถมองลูกแฝดที่นอนอยู่ในตู้อบผ่านห้องกระจกได้ มือน้อยๆ ที่กำลังขยับเบาๆ นั้นทำเอาลูกผู้ชายอกสามศอกเช่นเขาถึงกับน้ำตาคลอ
คนที่ไม่เคยคิดจะแต่งงาน มีครอบครัว ณ ตอนนี้ได้กลายเป็นพ่อคนเสียแล้ว ตอนที่รู้ว่าเพียงขวัญท้องเขาเองก็พร้อมจะทำหน้าที่คนเป็นพ่อ คนที่ไม่เคยคิดจะมีครอบครัว มันก็ไม่ได้แปลว่าทำหน้าที่พ่อไม่ได้นี่
“ดวงใจของพ่อ”
โอนิกซ์พึมพำออกมาแผ่วเบา เด็กน้อยๆ ที่นอนอยู่ในนั้นเป็นเหมือนดั่งดวงใจของเขาไปแล้ว
ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังจะได้เป็นพ่อคน เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนั้นมีค่าขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ทำงานไปวันๆ เหมือนคนไม่มีปลายทางหรือจุดจบของชีวิต อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าชีวิตของเขาไม่ได้ไร้ค่าอีกต่อไป แต่ยังมีค่าให้กับลูกอีก
ภายนอกดูดี แข็งแกร่งน่าเกรงขาม แต่ใครจะไปรู้ว่าในอดีตนั้นเขาต้องกล้ำกลืนและเผชิญเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง
คนเราไม่ได้เกิดมาแล้วเข้มแข็งได้เลย ล้วนแต่ต้องเจอบทพิสูจน์หนักๆ มาด้วยกันทั้งนั้น มันถึงแข็งแกร่งได้มากขนาดนี้
“ต่อจากนี้พ่อจะมีชีวิตอยู่ เพื่อพวกหนูนะ แฝดน้อยของพ่อ”
“พรีม เพิร์ซ”
***************
...เวลาต่อมา
ณ ห้องพักฟื้นพิเศษ
“คุณนิค...”
“ตื่นแล้วเหรอ นอนต่ออีกหน่อยสิ”
“ไม่แล้วค่ะ ลูกล่ะคะ?”
“ยังอยู่ในตู้อบน่ะ”
“ลูก...”
“เปล่า ฉันถามหมอมาแล้ว เด็กเพิ่งคลอดยังปรับตัวกับอากาศนอกท้องของแม่ไม่ทัน เลยต้องเข้าตู้อบก่อน”
“อ๋อ...”
ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อย ตอนนั้นได้ดูหน้าลูกแค่แป๊บเดียวเอง ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าใครหน้าตาแบบไหน คนไหนผู้ชาย คนไหนผู้หญิง
“เพียงขวัญ”
“คะ?”
“ฉันตั้งชื่อลูกแล้วนะ เหมือนกับเธอเลย”
“??”
“น้องพรีม กับน้องเพิร์ซ ชื่อเพราะมั้ย”
“พะ เพราะค่ะ แต่ว่า...คุณไม่”
“ฉันโอเคนะ ไม่ได้คิดอะไรมากเลย”
“ค่ะ”
“ฉันแจ้งเกิดแล้วนะ ลูกใช้นามสกุลของฉัน ส่วนเธอ...อยากเปลี่ยนหรือเปล่า?”
“ค-คะ!? เปลี่ยนนามสกุลเหรอคะ แต่มันก็แปลว่าเราต้อง...”
“ไม่ดีหรือไง เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ฉันจะเอาลูกไปเลี้ยงคนเดียว”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่การไม่จดทะเบียนสมรส สิทธิ์ขาดก็เป็นของแม่อยู่ดี
แต่อยู่ดีๆ มาชวนเธอจดทะเบียนสมรสเนี่ยนะ เขายังสติดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าอะไรเข้าสิงเขา
“คุณนิค”
“อะไร?”
“อยู่ ๆ มาพูดเรื่องจดทะเบียนสมรส คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า ฉันก็ปกติดี ทำไมล่ะ ไม่อยากเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันเหรอ”
“.....” ถูกถามแบบนั้นมันก็พูดไม่ออกน่ะสิ ถ้าพูดว่าอยากเป็นมันจะดูน่าเกลียดไปไหม แล้วถ้าพูดว่าไม่อยากล่ะมันจะเป็นยังไงต่อ
“เธอจะได้สบายใจ ว่าฉันไม่ไปมีหญิงอื่นแน่”
“คะ คือว่ามันเร็วไป คุณชอบทำอะไรให้ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวตลอดเลย”
“ฉันถูกสอนมาเสมอว่า ตัดสินใจแล้วให้ทำเลย อย่ารีรอ”
“ขอคิดก่อนนะคะ”
“ไม่ให้คิด”
“แต่ว่า...”
“ฉันให้ทนายมาทำเรื่องแจ้งเกิดลูกแล้ว จดๆ ไปเลยดีกว่า มันจะได้ไม่เสียเวลาทนายเขา”
“คุณนิค!”
“??”
“แล้วถ้าเลิกกัน ฉันต้องแบ่งสมบัติน้อยนิดที่มีให้คุณอีก ไม่ลำเอียงไปหน่อยเหรอคะ” เพียงขวัญพูดตัดพ้อ
“ของของเธอฉันไม่เอาหรอก สบายใจได้”
“.....”
“ตกลงตามนี้นะ”
“ฉันปฏิเสธคนที่ตัดสินทำไปแล้วแบบคุณได้ด้วยเหรอคะ”
“เธอก็ไม่ได้มีใคร ฉันก็ไม่ได้มีใคร จดทะเบียนสมรสกัน อยู่ด้วยกัน คิดซะว่าเราสองคนถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชนให้อยู่ด้วยกันก็ได้ อยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
“พูดได้หนิ..” เพียงขวัญพูดกับตัวเอง
ความจริงเขาก็แค่อยากมีใครสักคนไว้ข้างกาย ที่เธอคนนั้นไม่ได้หวือหวา ไม่ได้เลิศเลออะไร อยู่เงียบๆ ไม่ใช่คนที่เอาแต่จะสร้างความเดือดร้อนปวดหัวมาให้ และอีกอย่างการที่เขามีเธอ มันก็แปลว่าเขาจะไม่สามารถเป็นของใครได้อีก
ความรักสำหรับเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไงเลย เพราะอายุอานามตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วล่ะ ไม่ได้เริ่มต้นความรักมาแบบสวยหรูแต่เริ่ม แต่แบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร
“ใครๆ ก็อยากแต่งงานกับฉัน”
“ขนาดนั้นเชียว?”
เธอพูดหยอก แต่ความจริงก็พอจะรู้อยู่แหละว่าเขามีสาวๆ มาชอบเยอะ ดูจากที่ลงข่าวโครมๆ ไม่เว้นแต่ละวัน นี่ถ้าเขาดูเจ้าชู้สักหน่อยนะ ป่านนี้คงมีเมียท่วมเมืองไปแล้ว
“แหงสิ” พูดอย่างมั่นใจ
“ขออย่างเดียวค่ะ อย่าให้ลูกเจ้าชู้แบบนี้เลย คุณเตรียมสินสอดไม่ไหวแน่ๆ”
“สักร้อยคนยังไหว”
“จะบ้าเหรอคะ?! เอาอะไรคิดจะให้ลูกมีเมียร้อยคน!”
“แค่เปรียบเปรย...” โอนิกซ์พูดเสียงลากยาว เธอชอบเข้าใจอะไรแบบเนื้อๆ ตลอด ไม่ได้เข้าใจความหมายของคำว่าเปรียบเปรยเลยสักนิด
..เวลาผ่านไป ที่บ้านหลังใหญ่ของโอนิกซ์ เพราะเพียงขวัญยังไม่แข็งแรง เธอจึงไม่สามารถดูแลลูกแฝดได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้โอนิกซ์นั้นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแล และคนคนนั้นก็ต้องไว้ใจได้ ถึงเขาจะช่วยเธอเลี้ยงได้ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ความละเอียดอ่อนก็ไม่เท่ากับผู้หญิงอยู่ดี การเลี้ยงเด็กอ่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงโอนิกซ์จะเตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงอยู่ดี“เพียงขวัญ...”“คะคุณนิค?”“แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ” “อืมก็...ดีแล้วล่ะ”“......” เพียงขวัญมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วเขาจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลับบ้านก็ยังถามอยู่ ไม่ถามเนี่ยสิดูแปลกไปเลย“งั้นก็พักเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูลูกให้เอง”“คุณไม่ออกไปทำงานเหรอคะ?”“วันนี้ไม่ล่ะ อยากอยู่กับลูก”มีพี่เลี้ยงก็จริงแต่ในฐานะคุณพ่อที่เห่อลูกแฝดอย่างเขาก็ไม่ยอมห่างลูกๆ เลยเช่นกัน ที่ต้องจ้างเพราะกลัวดูแลได้ไม่ดีทั้งสองคนต่างหากเพียงขวัญมองดูโอนิกซ์อุ้มลูกขึ้นมาอยู่บนอก เขาประคับประคองเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่เปล่งเจรจากับลูกน้อยในอ้อมอกนั้นมันช่างหวานละมุนจริงๆ
ใครบอกว่าความบังเอิญมันไม่มีอยู่จริง?❛เขา❜ มีเซ็กซ์กับเธอและเป็นผู้ชายคนแรก ไม่ได้พลาดและก็ไม่ได้เมา แต่เรื่องบังเอิญมันเกิดตรงที่ว่าถุงยางที่สวมใส่ตอนมีเซ็กซ์กับเธอนั้น มันดันแตก!เขาจึงเสนอความรับผิดชอบ ถ้าหากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วเธอยังท้อง และหากตรวจ DNA แล้วเด็กคนนั้นคือลูกของเขาจริงๆ เขาก็พร้อมจะรับผิดชอบแต่ทว่า...เธอกลับไม่ยอมบอกเขาเลย ปกปิดเรื่องที่ตัวเองกำลังท้องอยู่นาน จนเขาเป็นฝ่ายที่ต้องสืบเรื่องนี้เสียเอง และก็ได้รู้ว่าเธอกำลังท้องจริงๆ แถมเป็นท้องแฝดอีกต่างหาก"ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อมา?""ฉันคิดว่าฉันเลี้ยงลูกได้ค่ะ อีกอย่าง...คุณไม่ได้ตั้งใจ คุณเองก็ป้องกันแล้ว ให้ฉันกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ฉันเอาเด็กไปผูกมัดคุณไม่ได้หรอกค่ะ""คิดว่าโลกนี้ เธอใช้ชีวิตอยู่ลำพังหรือยังไง""......""เด็กในท้องของเธอ ฉันจะรับผิดชอบเอง เพราะเขาคือลูกของฉัน"ผลการตรวจทุกๆ อย่าง บวกกับช่วงเวลาที่เธอรู้ว่าตัวเองท้อง ต่อให้ไม่ตรวจ DNA ยังไงเขาก็เชื่อว่านี่คือลูกของเขา เพราะเธอดูเหมือนไม่ใช่คนที่จะ เอาไปมั่ว จนไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก***************************** หลายเดือนก่อนหน้านั้น...ณ โรงแรมหรูห้
น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ “หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว“คือว่า...”“จะพูดอะไรอีก?”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”พรึ่บ!เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้อ
บ้านโอนิกซ์ “เชิญค่ะคุณผู้หญิง”“เอ่อ ไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันชื่อเพียงขวัญ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“เข้าไปสิ นี่บ้านของฉันเอง”“ใหญ่จัง” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับมองบ้านหลังใหญ่ที่เธอนั้นกำลังเดินเข้ามา บ้านหลังใหญ่ตระการตา สวยหรูมีแต่ของแพงๆ ไปหมดเลย“ของของเธอ เดี๋ยวให้คนยกขึ้นไปไว้บนห้องนอนของฉัน”“ดะ เดี๋ยว เราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอคะ?”“ใช่ไง บอกแล้วว่าเธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด”“แต่ว่าเรา..”“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก อย่าลืมว่าในท้องของเธอ คือลูกของฉัน”“.....” ใช้คำพูดนี้มาเป็นข้ออ้างแล้วเธอจะไปขัดอะไรได้ล่ะ ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่มันก็เรื่องจริง แต่เธอแค่อยากได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกับตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเดิมมันก็เท่านั้น“เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยตามที่ฉันสั่ง”“ค่ะคุณโอนิกซ์”“คุณชื่อโอนิกซ์เหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว เพราะเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อนี้ มันก็คงไม่แปลกหรอกเนอะ เพราะเธอไม่ได้รู้จักกับเขามาก่อนนี่นา อีกอย่างก็ไม่ได้ถามชื่อของเขามาก่อนด้วย “อืม เรียกว่านิคก็พอ ชื่อเล่นของฉัน”“ค่ะ”ดูท่าแล้วชื่อเล่นของเขาน้อยคนที่จะเรียกสินะ และก็ดูเหมือนว่าคนจะเกรงกลัวเ
หลายวันต่อมาโรงพยาบาลเอกชนHHวันนี้ครบกำหนดที่เพียงขวัญจะต้องมาตรวจร่างกายตามปกติในทุกเดือน เขาพาเธอมาตรวจเองกับมือเลย และมีหมอคนใหม่มาดูแลเธอต่อด้วย “เกร็งอะไรขนาดนั้น?” โอนิกซ์ถามคนข้างๆ เพราะเธอนั้นนั่งนิ่งแถมเอามือจิกกันไปมาไม่หยุดอีกต่างหาก แค่มาหาหมอตามปกติเอง ทำไมต้องดูเกร็งดูกลัวอะไรขนาดนั้นเขาดูคนออกนะ“ฉันแค่ตื่นเต้น” เธอตอบกลับ“ไม่ได้มาตรวจเป็นครั้งแรกสักหน่อยไม่ใช่หรือไง”“ก็ใช่ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล แถมคุณก็มาด้วยอีก”“ฉันมาด้วยแล้วมันยังไง อึดอัดเหรอ?”“รู้สึกแปลกเฉยๆ ค่ะ คุณก็อย่าเอาแต่จ้องสิ”นั่งอยู่ข้างๆ กันเขามักจะหันมองเธอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มันบ่อยมากขึ้นเธอก็รู้สึกไม่เป็นตัวเอง มันเลยเกร็งไปหมด“ตอนรู้ว่าท้อง แพ้ท้องหรือเปล่า?”“แพ้ค่ะ ก็ปกติของคนท้อง”“แล้ว...”“คุณจะถามอะไรมากมายคะ ฉันไม่อยากตอบแล้วนะ เริ่มเวียนหัวแล้วด้วย” เธอพูดแทรกเขา ทำเอาโอนิกซ์ถึงกับถอนหายใจแรง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธออีกจนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องตรวจ...เพียงขวัญรีบลุกขึ้นเพราะถูกเรียกชื่อ โอนิกซ์รีบเดินเข้ามาประคองเพร
เวลาผ่านไป“ฉันต้องออกไปงานเลี้ยงผู้บริหาร ดึกๆ คงกลับ ง่วงก็นอนนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาพูดกับเธอ ขณะที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งตัวอยู่เขาหล่อมากนะ พอใส่ชุดสูท มีเครื่องประดับแบบนี้แล้วมันดูดีสมกับเป็นเขาเลย อย่างที่คนเขาว่า คนหน้าตาดี จะใส่ชุดอะไรมันก็ดูดีไปหมดอยู่แล้ว “ค่ะ” เธอตอบ ความจริงเขาไม่จำเป็นจะต้องบอกเธอเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์จะวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว“ดึกๆ ถ้าหิวก็หาของในตู้เย็นกิน ฉันให้แม่บ้านแบ่งอาหารแช่ตู้ไว้ให้เผื่อหิว”“ขอบคุณค่ะ”“เป็นอะไร ทำไมทำหน้างั้น ไม่อยากให้ฉันไปหรือยังไง?” เขาหันมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาเธอเขินจนต้องหลบหน้า ก่อนที่เขานั้นจะหันไปแต่งตัวหน้ากระจกต่อ“เปล่าค่ะ ฉันก็ปกติของฉัน”“งั้นเหรอ หึหึ”เขาชอบทำตัวแปลกๆ กับเธอ ชอบทำเหมือนกับว่าตลกทั้ง ๆ ที่เรื่องนั้นมันไม่ได้น่าขันอะไรเลยสักนิดเดียว เสียงหัวเราะในลำคอของเขา รอยยิ้มของเขา มันไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอกับเขาเพิ่งเจอกันเลยฟึ่บ~“อ๊ะ?” อยู่ๆ เขาก็เอามือมาวางบนหัวของเธอ ก่อนจะลูบเบาๆ เหมือนกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวฉันกลับมา”“อะ อื้อ” เพีย
โอนิกซ์พาเพียงขวัญเดินมาที่ห้องครัว ก่อนที่จะให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่รู้ เหมือนกำลังจัดเตรียมของกินให้กับเธอ ดูเขาตั้งใจเอามากๆ และมันก็ทำเอาเธออยากรู้ไม่น้อยเลยเหมือนกันว่ามันเพราะอะไร ไม่นานนักเขาก็เดินมาพร้อมกับจานใบเล็กๆ ที่ใส่ขนมเค้กหน้าตาน่าอร่อยอยู่ “ขนมเค้ก”“คะ?”“ก็เห็นบ่นว่าอยากกิน ฉันก็เลยแวะซื้อมาให้ ฉันสั่งร้านทำแบบไม่หวานมากนะ คนท้องกินหวานมากไม่ดี”“ขะ ขอบคุณมากนะคะ”“กินซะสิ”“คุณนิครู้ได้ยังไงคะ วันฉันอยากกินเค้ก”“เรื่องของเธอ มีอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้”นั่นสินะ ไม่น่าถามเลย เรื่องของเธอเขาก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้ถามยังไงเขาก็สืบจนรู้เองอยู่ดี“เป็นอะไรของเธอ เค้กไม่ถูกใจเหรอ?”“เปล่าค่ะ”“......” เขามองเธอนิ่งๆ สายตานั้นเหมือนกำลังกดดันให้เธอตักเค้กที่เขายกมาให้นั้นใส่ปาก แล้วเอ่ยชมว่าอร่อยตามมารยาทใช่! มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ“ฉันซื้อมาให้เยอะเลยนะอยู่ในตู้ อยากเลือกมั้ยล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินแบบไหน เลยซื้อมาทุกรสชาติเลย แต่เอาใส่จานมาแค่วนิลาชิ้นเดียว”“มะ ไม่ค่ะ ฉันชอบค่ะ ปกติเค้กฉันกินได้หมดเลย”“แล้วทำไมไม่กินล่ะ?”“ความจริงถ
ผ่านไปหนึ่งเดือน...“พี่คะ พี่ชาย..”“ครับๆ คุณเพียงขวัญต้องการอะไรครับ” ชายหนุ่มร่างกำยำรีบวิ่งหยวบหยาบเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียก“ฉันถามอะไรหน่อยสิ”“ครับ”“คุณนิคเขาหายไปไหนเหรอ?”“......”ปกติเธอก็ไม่เคยต้องร้อนใจอะไรแบบนี้หรอก แต่มีบางอย่างที่มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม จนเธอร้อนใจขึ้นมานั่นก็คือโอนิกซ์หายตัวไป ที่ผ่านมาปกติเขาไปทำงานก็จะกลับมาในช่วงเวลาเดิมตลอด แต่ตอนนี้มันแปลกไป เพราะจู่ ๆ เขาก็ไม่กลับมาเหมือนอย่างเคย“รู้หรือเปล่า เขาหายไปไหน”“ผมไม่ทราบครับ”“แล้วพอจะมีใครที่ฉันจะติดต่อหาได้มั้ย คนใกล้ตัวของเขาน่ะ ฉันเป็นห่วง”แหงสิอยู่ ๆ เขาก็มาหายตัวไป เธอเลยเป็นห่วงจนร้อนรนแบบนี้ ต่างจากคนอื่นที่ดูไม่ได้ร้อนรนอะไรเลย มีแต่เธอที่ร้อนใจอยู่คนเดียวไม่มีใครคิดเลยเหรอว่ามันแปลก หรือปกติเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่สำหรับเธอมันผิดปกตินะ ตลอดระยะเวลาที่เธอมาอยู่ที่นี่เขาไม่เคยหายไปเลย เป็นคนที่รักษาคำพูดตลอด จะกลับดึก กลับช้า กลับเร็ว ทุกๆ อย่างที่บอกกับเธอไว้ เขาทำตามมันได้ดีเลย ราวกับว่าเธอคือภรรยาของเขาจริงๆ“ไม่มีครับ”“นี่พวกพี่ไม่ห่วงเขาเลยเหรอคะ เจ้านายหายไปทั้งคนนะ”พวกเขาม
..เวลาผ่านไป ที่บ้านหลังใหญ่ของโอนิกซ์ เพราะเพียงขวัญยังไม่แข็งแรง เธอจึงไม่สามารถดูแลลูกแฝดได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้โอนิกซ์นั้นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแล และคนคนนั้นก็ต้องไว้ใจได้ ถึงเขาจะช่วยเธอเลี้ยงได้ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ความละเอียดอ่อนก็ไม่เท่ากับผู้หญิงอยู่ดี การเลี้ยงเด็กอ่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงโอนิกซ์จะเตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงอยู่ดี“เพียงขวัญ...”“คะคุณนิค?”“แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ” “อืมก็...ดีแล้วล่ะ”“......” เพียงขวัญมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วเขาจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลับบ้านก็ยังถามอยู่ ไม่ถามเนี่ยสิดูแปลกไปเลย“งั้นก็พักเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูลูกให้เอง”“คุณไม่ออกไปทำงานเหรอคะ?”“วันนี้ไม่ล่ะ อยากอยู่กับลูก”มีพี่เลี้ยงก็จริงแต่ในฐานะคุณพ่อที่เห่อลูกแฝดอย่างเขาก็ไม่ยอมห่างลูกๆ เลยเช่นกัน ที่ต้องจ้างเพราะกลัวดูแลได้ไม่ดีทั้งสองคนต่างหากเพียงขวัญมองดูโอนิกซ์อุ้มลูกขึ้นมาอยู่บนอก เขาประคับประคองเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่เปล่งเจรจากับลูกน้อยในอ้อมอกนั้นมันช่างหวานละมุนจริงๆ
สองเดือนถัดมา...ภายในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลเอกชนHHบรรยากาศภายในห้องผ่าตัดนั้นมันเย็นเฉียบและเงียบกริบ ด้านหน้าของเพียงขวัญถูกกั้นด้วยผ้าสีเขียวสูงชนิดที่เธอมองไม่เห็นการกระทำของหมอและพยาบาลอีกฝั่ง เธอกลัวตื่นเต้นจนหัวใจนั้นเต้นรัวไปหมด แต่เป็นเพราะฤทธิ์กล่อมของยา มันเลยทำให้เธอนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร บวกกับมีโอนิกซ์นั้นคอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง เธอเลยอุ่นใจไปได้มากเลยทีเดียว“อือ...” เพียงขวัญครางเสียงสั่นกลัว ดวงตาของเธอพยายามจดจ้องไปที่การกระทำของหมอและพยาบาลที่กำลังทำคลอดอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเผือก ตัวสั่น ที่ไม่รู้ว่าสั่นเพราะอุณหภูมิภายในห้องผ่าตัดหรือเป็นเพราะฤทธิ์จากยา“ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู มันทำเอาเธอใจชื้นขึ้นมาแบบทันควันเขาไม่เคยปล่อยมือเธอเลย ตั้งแต่พามาโรงพยาบาล เตรียมตัวเข้าห้องคลอด ฉีดยา จนกระทั่งตอนนี้เวลาในตอนนี้มันเหมือนยาวนานไปมากๆ แต่คงเป็นเพราะเธอนั้นรอคอยจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า เวลามันถึงผ่านไปช้าแบบนี้“คุณนิค...” “ว่าไง”“นานจังเลยคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“ไม่มีอะไรหรอก มันไม่นานเลยนะ คุณหมอกำลังทำคลอดอยู่”โอนิกซ์พยายามพูดให้เพียงขวัญนั้นสบายใจ เ
ก๊อกๆๆ“คุณนิค!!” เพียงขวัญรีบเดินไปที่หน้าประตูด้วยความตกใจ เพราะเธอนั้นกำลังนั่งปรับทุกข์เรื่องของเขากับป้าคนสนิทอยู่เลย แต่เขากลับโผล่มาซะแล้ว มาตอนไหนก็ไม่รู้เลย“คิดถึงฉันอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย“ทะ ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะคะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ?” เพียงขวัญถามด้วยความตกใจ เพราะสีหน้าของเขามันบ่งบอกอย่างนั้น เขาต้องไม่สบายหรือไม่ก็เป็นอะไรสักอย่างล่ะ เพราะคนปกติเขาคงไม่หน้าซีดเหมือนคนไม่มีเม็ดเลือดแดงฝาดขนาดนี้“ป้าลงไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารก่อนนะคะ” ป้าเหยียนเดินออกมา สถานการณ์ตอนนี้มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยมันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ”“ได้ข่าวว่าเธอไม่ยอมกินข้าว”“ข่าวจากไหนคะ มั่วแล้วนะ”“......” โอนิกซ์เงียบ“คุณนั่นแหละหายไปไหนมา จะไปไหนก็บอกกันสักหน่อยสิ คนอื่นชินแต่ฉันไม่ชินด้วยหรอกนะ ถ้าจะไม่กลับเพราะติดธุระ ตอบข้อความรับสายโทรศัพท์สักนิดก็ยังดี”“มัน...พังน่ะ” โอนิกซ์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาให้เธอดู ให้เพียงขวัญนั้นเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายหรือไม่อ่านข้อความของเธอเลยโทรศัพท์มือถือของเขามันพังจนเปิดไม่ติดแล้ว หน้าจอแตกละเอียดหม
ผ่านไปหนึ่งเดือน...“พี่คะ พี่ชาย..”“ครับๆ คุณเพียงขวัญต้องการอะไรครับ” ชายหนุ่มร่างกำยำรีบวิ่งหยวบหยาบเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียก“ฉันถามอะไรหน่อยสิ”“ครับ”“คุณนิคเขาหายไปไหนเหรอ?”“......”ปกติเธอก็ไม่เคยต้องร้อนใจอะไรแบบนี้หรอก แต่มีบางอย่างที่มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม จนเธอร้อนใจขึ้นมานั่นก็คือโอนิกซ์หายตัวไป ที่ผ่านมาปกติเขาไปทำงานก็จะกลับมาในช่วงเวลาเดิมตลอด แต่ตอนนี้มันแปลกไป เพราะจู่ ๆ เขาก็ไม่กลับมาเหมือนอย่างเคย“รู้หรือเปล่า เขาหายไปไหน”“ผมไม่ทราบครับ”“แล้วพอจะมีใครที่ฉันจะติดต่อหาได้มั้ย คนใกล้ตัวของเขาน่ะ ฉันเป็นห่วง”แหงสิอยู่ ๆ เขาก็มาหายตัวไป เธอเลยเป็นห่วงจนร้อนรนแบบนี้ ต่างจากคนอื่นที่ดูไม่ได้ร้อนรนอะไรเลย มีแต่เธอที่ร้อนใจอยู่คนเดียวไม่มีใครคิดเลยเหรอว่ามันแปลก หรือปกติเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่สำหรับเธอมันผิดปกตินะ ตลอดระยะเวลาที่เธอมาอยู่ที่นี่เขาไม่เคยหายไปเลย เป็นคนที่รักษาคำพูดตลอด จะกลับดึก กลับช้า กลับเร็ว ทุกๆ อย่างที่บอกกับเธอไว้ เขาทำตามมันได้ดีเลย ราวกับว่าเธอคือภรรยาของเขาจริงๆ“ไม่มีครับ”“นี่พวกพี่ไม่ห่วงเขาเลยเหรอคะ เจ้านายหายไปทั้งคนนะ”พวกเขาม
โอนิกซ์พาเพียงขวัญเดินมาที่ห้องครัว ก่อนที่จะให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่รู้ เหมือนกำลังจัดเตรียมของกินให้กับเธอ ดูเขาตั้งใจเอามากๆ และมันก็ทำเอาเธออยากรู้ไม่น้อยเลยเหมือนกันว่ามันเพราะอะไร ไม่นานนักเขาก็เดินมาพร้อมกับจานใบเล็กๆ ที่ใส่ขนมเค้กหน้าตาน่าอร่อยอยู่ “ขนมเค้ก”“คะ?”“ก็เห็นบ่นว่าอยากกิน ฉันก็เลยแวะซื้อมาให้ ฉันสั่งร้านทำแบบไม่หวานมากนะ คนท้องกินหวานมากไม่ดี”“ขะ ขอบคุณมากนะคะ”“กินซะสิ”“คุณนิครู้ได้ยังไงคะ วันฉันอยากกินเค้ก”“เรื่องของเธอ มีอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้”นั่นสินะ ไม่น่าถามเลย เรื่องของเธอเขาก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้ถามยังไงเขาก็สืบจนรู้เองอยู่ดี“เป็นอะไรของเธอ เค้กไม่ถูกใจเหรอ?”“เปล่าค่ะ”“......” เขามองเธอนิ่งๆ สายตานั้นเหมือนกำลังกดดันให้เธอตักเค้กที่เขายกมาให้นั้นใส่ปาก แล้วเอ่ยชมว่าอร่อยตามมารยาทใช่! มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ“ฉันซื้อมาให้เยอะเลยนะอยู่ในตู้ อยากเลือกมั้ยล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินแบบไหน เลยซื้อมาทุกรสชาติเลย แต่เอาใส่จานมาแค่วนิลาชิ้นเดียว”“มะ ไม่ค่ะ ฉันชอบค่ะ ปกติเค้กฉันกินได้หมดเลย”“แล้วทำไมไม่กินล่ะ?”“ความจริงถ
เวลาผ่านไป“ฉันต้องออกไปงานเลี้ยงผู้บริหาร ดึกๆ คงกลับ ง่วงก็นอนนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาพูดกับเธอ ขณะที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งตัวอยู่เขาหล่อมากนะ พอใส่ชุดสูท มีเครื่องประดับแบบนี้แล้วมันดูดีสมกับเป็นเขาเลย อย่างที่คนเขาว่า คนหน้าตาดี จะใส่ชุดอะไรมันก็ดูดีไปหมดอยู่แล้ว “ค่ะ” เธอตอบ ความจริงเขาไม่จำเป็นจะต้องบอกเธอเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์จะวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว“ดึกๆ ถ้าหิวก็หาของในตู้เย็นกิน ฉันให้แม่บ้านแบ่งอาหารแช่ตู้ไว้ให้เผื่อหิว”“ขอบคุณค่ะ”“เป็นอะไร ทำไมทำหน้างั้น ไม่อยากให้ฉันไปหรือยังไง?” เขาหันมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาเธอเขินจนต้องหลบหน้า ก่อนที่เขานั้นจะหันไปแต่งตัวหน้ากระจกต่อ“เปล่าค่ะ ฉันก็ปกติของฉัน”“งั้นเหรอ หึหึ”เขาชอบทำตัวแปลกๆ กับเธอ ชอบทำเหมือนกับว่าตลกทั้ง ๆ ที่เรื่องนั้นมันไม่ได้น่าขันอะไรเลยสักนิดเดียว เสียงหัวเราะในลำคอของเขา รอยยิ้มของเขา มันไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอกับเขาเพิ่งเจอกันเลยฟึ่บ~“อ๊ะ?” อยู่ๆ เขาก็เอามือมาวางบนหัวของเธอ ก่อนจะลูบเบาๆ เหมือนกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวฉันกลับมา”“อะ อื้อ” เพีย
หลายวันต่อมาโรงพยาบาลเอกชนHHวันนี้ครบกำหนดที่เพียงขวัญจะต้องมาตรวจร่างกายตามปกติในทุกเดือน เขาพาเธอมาตรวจเองกับมือเลย และมีหมอคนใหม่มาดูแลเธอต่อด้วย “เกร็งอะไรขนาดนั้น?” โอนิกซ์ถามคนข้างๆ เพราะเธอนั้นนั่งนิ่งแถมเอามือจิกกันไปมาไม่หยุดอีกต่างหาก แค่มาหาหมอตามปกติเอง ทำไมต้องดูเกร็งดูกลัวอะไรขนาดนั้นเขาดูคนออกนะ“ฉันแค่ตื่นเต้น” เธอตอบกลับ“ไม่ได้มาตรวจเป็นครั้งแรกสักหน่อยไม่ใช่หรือไง”“ก็ใช่ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล แถมคุณก็มาด้วยอีก”“ฉันมาด้วยแล้วมันยังไง อึดอัดเหรอ?”“รู้สึกแปลกเฉยๆ ค่ะ คุณก็อย่าเอาแต่จ้องสิ”นั่งอยู่ข้างๆ กันเขามักจะหันมองเธอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มันบ่อยมากขึ้นเธอก็รู้สึกไม่เป็นตัวเอง มันเลยเกร็งไปหมด“ตอนรู้ว่าท้อง แพ้ท้องหรือเปล่า?”“แพ้ค่ะ ก็ปกติของคนท้อง”“แล้ว...”“คุณจะถามอะไรมากมายคะ ฉันไม่อยากตอบแล้วนะ เริ่มเวียนหัวแล้วด้วย” เธอพูดแทรกเขา ทำเอาโอนิกซ์ถึงกับถอนหายใจแรง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธออีกจนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องตรวจ...เพียงขวัญรีบลุกขึ้นเพราะถูกเรียกชื่อ โอนิกซ์รีบเดินเข้ามาประคองเพร
บ้านโอนิกซ์ “เชิญค่ะคุณผู้หญิง”“เอ่อ ไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันชื่อเพียงขวัญ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“เข้าไปสิ นี่บ้านของฉันเอง”“ใหญ่จัง” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับมองบ้านหลังใหญ่ที่เธอนั้นกำลังเดินเข้ามา บ้านหลังใหญ่ตระการตา สวยหรูมีแต่ของแพงๆ ไปหมดเลย“ของของเธอ เดี๋ยวให้คนยกขึ้นไปไว้บนห้องนอนของฉัน”“ดะ เดี๋ยว เราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอคะ?”“ใช่ไง บอกแล้วว่าเธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด”“แต่ว่าเรา..”“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก อย่าลืมว่าในท้องของเธอ คือลูกของฉัน”“.....” ใช้คำพูดนี้มาเป็นข้ออ้างแล้วเธอจะไปขัดอะไรได้ล่ะ ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่มันก็เรื่องจริง แต่เธอแค่อยากได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกับตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเดิมมันก็เท่านั้น“เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยตามที่ฉันสั่ง”“ค่ะคุณโอนิกซ์”“คุณชื่อโอนิกซ์เหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว เพราะเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อนี้ มันก็คงไม่แปลกหรอกเนอะ เพราะเธอไม่ได้รู้จักกับเขามาก่อนนี่นา อีกอย่างก็ไม่ได้ถามชื่อของเขามาก่อนด้วย “อืม เรียกว่านิคก็พอ ชื่อเล่นของฉัน”“ค่ะ”ดูท่าแล้วชื่อเล่นของเขาน้อยคนที่จะเรียกสินะ และก็ดูเหมือนว่าคนจะเกรงกลัวเ
น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ “หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว“คือว่า...”“จะพูดอะไรอีก?”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”พรึ่บ!เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้อ