ก๊อกๆๆ
“คุณนิค!!” เพียงขวัญรีบเดินไปที่หน้าประตูด้วยความตกใจ เพราะเธอนั้นกำลังนั่งปรับทุกข์เรื่องของเขากับป้าคนสนิทอยู่เลย แต่เขากลับโผล่มาซะแล้ว มาตอนไหนก็ไม่รู้เลย
“คิดถึงฉันอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ทะ ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะคะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ?” เพียงขวัญถามด้วยความตกใจ เพราะสีหน้าของเขามันบ่งบอกอย่างนั้น เขาต้องไม่สบายหรือไม่ก็เป็นอะไรสักอย่างล่ะ เพราะคนปกติเขาคงไม่หน้าซีดเหมือนคนไม่มีเม็ดเลือดแดงฝาดขนาดนี้
“ป้าลงไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารก่อนนะคะ” ป้าเหยียนเดินออกมา สถานการณ์ตอนนี้มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยมันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่
“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ”
“ได้ข่าวว่าเธอไม่ยอมกินข้าว”
“ข่าวจากไหนคะ มั่วแล้วนะ”
“......” โอนิกซ์เงียบ
“คุณนั่นแหละหายไปไหนมา จะไปไหนก็บอกกันสักหน่อยสิ คนอื่นชินแต่ฉันไม่ชินด้วยหรอกนะ ถ้าจะไม่กลับเพราะติดธุระ ตอบข้อความรับสายโทรศัพท์สักนิดก็ยังดี”
“มัน...พังน่ะ” โอนิกซ์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาให้เธอดู ให้เพียงขวัญนั้นเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายหรือไม่อ่านข้อความของเธอเลย
โทรศัพท์มือถือของเขามันพังจนเปิดไม่ติดแล้ว หน้าจอแตกละเอียดหมด และตอนนั้นก็ยังไม่มีเวลาที่จะเอาเครื่องใหม่มาเปลี่ยนด้วย
“คุณไม่ได้ไปคนเดียวนี่คะ ให้ลูกน้องคุณโทรมาบอกก็ได้” ยังไงเธอก็ยังน้อยใจอยู่ดี โทรศัพท์พังพอเข้าใจได้ แต่การติดต่อมันก็ไม่ได้มีวิธีเดียวนี่นา
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ความจริงตอนนี้ฉันต้องนอนอยู่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ”
“ค-คะ?!!”
“เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงกลับมาหาเธอไม่ได้”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก”
“คุณนิค! ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล ไม่หนักได้ยังไงคะ?”
“หมอให้นอนดูอาการกับล้างแผลเฉยๆ น่ะ”
“ฉันขอดูได้มั้ย?”
“ไม่กลัวเหรอ?”
“.....” เพียงขวัญส่ายหน้าไปมา
จากนั้นโอนิกซ์ก็ค่อยๆ เปิดแผลของตัวเองให้กับเธอได้ดู มันเป็นแผลยาวที่มีผ้าก๊อซนั้นปิดแผลไว้อยู่
“ไม่ใช่อุบัติเหตุ ใช่หรือเปล่าคะ?”
“อืม...”
“ความจริงคุณเป็นแบบนี้แถมต้องนอนโรงพยาบาล ให้ลูกน้องของคุณโทรมาบอกฉันก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องรั้นหมอกลับมาเลย ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” เธอบ่นเขา
“ถ้าทำแบบนั้น เธอจะไม่ยิ่งเครียดหรือไง”
“ขอแค่รู้ว่าคุณอยู่ไหน ไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็สบายใจแล้วค่ะ”
อยู่ ๆ ก็เผลอพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ ประโยคที่ว่านั้นเหมือนคนที่เขาเป็นสามีภรรยาเขาพูดกันเลย แต่เธอยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ดันพูดแบบนั้นออกไปซะแล้ว
“ตอนนี้ก็รู้แล้ว สบายใจแล้วหรือยัง”
“ค่ะ” เพียงขวัญตอบพร้อมทั้งถอนหายใจ
“งั้นก็เลิกคิดมากได้แล้ว”
“ฉันไม่ได้คิดมากสักหน่อย”
เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโดยที่มีเขานั้นตามหลังมาติดๆ
“อึกอ่า...”
“จะ เจ็บเหรอคะ?”
เพียงขวัญรีบหมุนตัวกลับมามองเพราะเสียงร้องแผ่วของเขา มันบ่งบอกเหมือนคนกำลังรู้สึกเจ็บปวด แถมสีหน้าของเขาก็บอกแบบนั้นด้วย
“อืม ตึงๆ น่ะ ไม่ได้เจ็บมากมายแล้ว”
“แล้วแบบนี้ต้องทำยังไงคะ ใครจะล้างแผลให้ แล้วหมอต้องมาตรวจหรือเปล่า”
“ฉันให้หมอประจำตระกูลมาตรวจแล้วก็ล้างแผลทุกวัน เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
“เฮ้อ...เป็นแบบนี้ ที่จริงควรอยู่โรงพยาบาลนะคะ”
“แผลเท่ามด ไม่ระคายผิวของฉันหรอก”
“คุณหนังหนาเหรอคะ?”
เพียงขวัญเอ่ยถามประหนึ่งคนใสซื่อที่เขาพูดมาแบบไหนก็เข้าใจแบบนั้น ไม่ได้มีความคิดลึกซึ้งอะไรเลย
ประโยคของเธอนั้นทำเอาเขาหันมองขวับทันที เพราะในความหมายที่เขาแปลออกคือ หนังหนา ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์บางชนิด
“เพียงขวัญ...” พูดข่มเสียง
“หืม คะ?”
“พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?”
“???” เธองง ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขา เพราะไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“เฮ้อ ให้ตายสิ เธอไม่รู้อะไรเลยหรือไง”
“อ่าว แล้วจะให้รู้อะไรล่ะคะ?”
“หนังหนามันก็แค่คำเปรียบเปรย เธอเข้าใจหรือเปล่า”
“อ๋อ...ค่ะๆ”
“ที่เธอพูดน่ะ มันทำให้ฉันนึกถึงสัตว์หนังหนาๆ มากกว่า”
“ฉะ ฉันเปล่าคิดแบบนั้นเลยนะคะ ก็คุณพูดมาแบบไหน ฉันก็เข้าใจแบบนั้นเลย”
“อืม ฉันรู้”
“.....”
“ต่อไปเธอต้องหัดทันคนบ้างนะ อย่าใสซื่อจนเกินไป อยู่ในสังคมที่มีแต่เล่ห์เหลี่ยมเธอจะเอาตัวไม่รอดเอา”
“ฉันก็...ไม่ได้อยากเข้าสังคมแบบนั้นสักหน่อย”
“แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ เธอก็น่าจะรู้ดี”
“......”
สังคมของเขาและเธอมันต่างกันมากจริงๆ ถ้าเทียบกันแล้วสังคมที่เธออยู่ก็แค่โลกเล็กๆ แคบ ๆ ที่เจอหน้าพูดคุยกับคนที่รู้จักสนิทสนมกันเท่านั้น
ตกดึกวันเดียวกัน...
“ค่อยๆ ถอดนะคะ”
“ฉันบอกว่าทำเองได้ เธอนี่ดื้อได้ใครกันนะ”
“ไม่ต้องบ่นหรอกค่ะ ให้ฉันช่วยเถอะ”
เพียงขวัญพูดแทรกขึ้นมา เธอกำลังช่วยโอนิกซ์ถอดเสื้อ เพราะแผลบนตัวมันยังถูกน้ำไม่ได้ เลยต้องเช็ดตัวเอาแทน
อ่า...ครั้งแรกเลยนะที่เห็นเขาถอดเสื้อแบบนี้ หุ่นดีชะมัดเลย ขาวจั๊วะ แถมด้านหลังก็มีรอยสักอีกด้วย มันเป็นรอยสักที่เธอเดาไม่ออกว่ามันคือภาพอะไร มีความหมายอะไร แต่มันแปลกมาก เธอไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย
เป็นแบบภาพเหมือนลากลายเป็นเส้นๆ เท่านั้น
“มองตาเป็นมันเชียวนะ”
“......” เพียงขวัญรีบก้มหน้าหลบ อยู่กับเขามาก็นานแล้ว แต่เพิ่งเคยใกล้ชิดแบบนี้ครั้งแรกเลย
แล้วไอ้อาการเขินจนรู้สึกร้อนหน้ามันก็เป็นแบบนี้เองสินะ
“ก็ช่วยคุณถอดเสื้อ มันก็ต้องใกล้มั้ยคะ” เพียงขวัญเถียงเสียงสั่นๆ
“เธอนี่ก็รู้จักดูแลเอาใจใส่คนอื่นเหมือนกันนะ”
“ฉันก็แค่ตอบแทน ที่คุณดูแลฉันเป็นอย่างดี”
“ก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
นานวันมันก็ยิ่งแปลก โอนิกซ์เขาเป็นคนที่อบอุ่นดูแลคนอื่นเก่งแบบนี้อยู่แล้วเหรอ หรือเป็นแค่กับเธอคนเดียว ถ้าวันข้างหน้าคลอดลูกแล้ว เขาจะยังเป็นคนที่อบอุ่นแบบนี้กับเธอต่อไปอีกหรือเปล่า
พอคิดได้แบบนั้นรอยยิ้มที่มีก็หายไปทันที เหลือเพียงความกลัวมากกว่า กลัวในเรื่องอนาคตที่จะเป็นต่อไป
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“เปล่าค่ะ”
“เธอนี่ก็แปลกนะ บอกว่าอย่าคิดมาก ก็ไม่ยอมฟังเลย”
“......” เธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงเอาแต่คิดแบบนี้ แต่ก็ไม่ชาตลอดเวลาที่คิดแบบนี้ มันเป็นบางครั้งเท่านั้น จู่ ๆ ความคิดพวกนั้นมันก็แล่นเข้ามาในหัว นำพาเธอให้คิดมากไปหมด
“พรุ่งนี้ฉันจะให้หมอมาตรวจ”
“ตะ ตรวจอะไรคะ?”
“ตรวจร่างกาย ตรวจสภาพจิตใจของเธอไง”
“ขอโทษนะคะที่ฉันเป็นแบบนี้ ฉัน...”
“อย่าโทษตัวเองสิ ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าโทษตัวเอง อย่าโยนความผิดให้ตัวเอง”
“ฉันพยายามแล้วค่ะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้เลย”
“แล้วฉันต้องทำยังไง เธอจะได้ไม่คิดมาก ฉันควรทำยังไงให้เธอมั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องแบบที่เธอคิดเกิดขึ้น”
“คือ...”
“เลิกกลัวได้แล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวทั้งนั้น”
“ค่ะ”
เพียงขวัญตอบรับพร้อมกับถอนหายใจแรง ก่อนจะค่อยๆ เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้กับเขา และคอยระวังไม่ให้ถูกแผลที่อยู่บนตัวของเขา ถึงจะยังไม่เห็นว่ามันใหญ่ลึกแค่ไหน แต่ก็พอจะเดาออกว่า มันรุนแรงพอสมควร ถึงขั้นทำให้คนแข็งแรงแบบเขานั้นหน้าซีดได้ขนาดนี้
“ไม่กลัวแผลเหรอ?”
“ไม่ค่ะ ตอนเด็กๆ เคยช่วยแม่ทำแผลให้ชาวบ้านที่เขาบาดเจ็บมาค่ะ ก็เลยชินตั้งแต่เด็กๆ”
“เก่งนะ”
“คะ?”
“ฉันชมว่าเธอเก่ง ผู้หญิงบางคนกลัวเลือด กลัวแผลด้วยซ้ำ แต่เธอกลับไม่กลัว”
“แผลเท่ามด คุณบอกเอง แล้วฉันจะกลัวทำไม”
“หึหึ”
สองเดือนถัดมา...ภายในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลเอกชนHHบรรยากาศภายในห้องผ่าตัดนั้นมันเย็นเฉียบและเงียบกริบ ด้านหน้าของเพียงขวัญถูกกั้นด้วยผ้าสีเขียวสูงชนิดที่เธอมองไม่เห็นการกระทำของหมอและพยาบาลอีกฝั่ง เธอกลัวตื่นเต้นจนหัวใจนั้นเต้นรัวไปหมด แต่เป็นเพราะฤทธิ์กล่อมของยา มันเลยทำให้เธอนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร บวกกับมีโอนิกซ์นั้นคอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง เธอเลยอุ่นใจไปได้มากเลยทีเดียว“อือ...” เพียงขวัญครางเสียงสั่นกลัว ดวงตาของเธอพยายามจดจ้องไปที่การกระทำของหมอและพยาบาลที่กำลังทำคลอดอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเผือก ตัวสั่น ที่ไม่รู้ว่าสั่นเพราะอุณหภูมิภายในห้องผ่าตัดหรือเป็นเพราะฤทธิ์จากยา“ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู มันทำเอาเธอใจชื้นขึ้นมาแบบทันควันเขาไม่เคยปล่อยมือเธอเลย ตั้งแต่พามาโรงพยาบาล เตรียมตัวเข้าห้องคลอด ฉีดยา จนกระทั่งตอนนี้เวลาในตอนนี้มันเหมือนยาวนานไปมากๆ แต่คงเป็นเพราะเธอนั้นรอคอยจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า เวลามันถึงผ่านไปช้าแบบนี้“คุณนิค...” “ว่าไง”“นานจังเลยคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“ไม่มีอะไรหรอก มันไม่นานเลยนะ คุณหมอกำลังทำคลอดอยู่”โอนิกซ์พยายามพูดให้เพียงขวัญนั้นสบายใจ เ
..เวลาผ่านไป ที่บ้านหลังใหญ่ของโอนิกซ์ เพราะเพียงขวัญยังไม่แข็งแรง เธอจึงไม่สามารถดูแลลูกแฝดได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้โอนิกซ์นั้นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแล และคนคนนั้นก็ต้องไว้ใจได้ ถึงเขาจะช่วยเธอเลี้ยงได้ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ความละเอียดอ่อนก็ไม่เท่ากับผู้หญิงอยู่ดี การเลี้ยงเด็กอ่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงโอนิกซ์จะเตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงอยู่ดี“เพียงขวัญ...”“คะคุณนิค?”“แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ” “อืมก็...ดีแล้วล่ะ”“......” เพียงขวัญมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วเขาจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลับบ้านก็ยังถามอยู่ ไม่ถามเนี่ยสิดูแปลกไปเลย“งั้นก็พักเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูลูกให้เอง”“คุณไม่ออกไปทำงานเหรอคะ?”“วันนี้ไม่ล่ะ อยากอยู่กับลูก”มีพี่เลี้ยงก็จริงแต่ในฐานะคุณพ่อที่เห่อลูกแฝดอย่างเขาก็ไม่ยอมห่างลูกๆ เลยเช่นกัน ที่ต้องจ้างเพราะกลัวดูแลได้ไม่ดีทั้งสองคนต่างหากเพียงขวัญมองดูโอนิกซ์อุ้มลูกขึ้นมาอยู่บนอก เขาประคับประคองเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่เปล่งเจรจากับลูกน้อยในอ้อมอกนั้นมันช่างหวานละมุนจริงๆ
ใครบอกว่าความบังเอิญมันไม่มีอยู่จริง?❛เขา❜ มีเซ็กซ์กับเธอและเป็นผู้ชายคนแรก ไม่ได้พลาดและก็ไม่ได้เมา แต่เรื่องบังเอิญมันเกิดตรงที่ว่าถุงยางที่สวมใส่ตอนมีเซ็กซ์กับเธอนั้น มันดันแตก!เขาจึงเสนอความรับผิดชอบ ถ้าหากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วเธอยังท้อง และหากตรวจ DNA แล้วเด็กคนนั้นคือลูกของเขาจริงๆ เขาก็พร้อมจะรับผิดชอบแต่ทว่า...เธอกลับไม่ยอมบอกเขาเลย ปกปิดเรื่องที่ตัวเองกำลังท้องอยู่นาน จนเขาเป็นฝ่ายที่ต้องสืบเรื่องนี้เสียเอง และก็ได้รู้ว่าเธอกำลังท้องจริงๆ แถมเป็นท้องแฝดอีกต่างหาก"ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อมา?""ฉันคิดว่าฉันเลี้ยงลูกได้ค่ะ อีกอย่าง...คุณไม่ได้ตั้งใจ คุณเองก็ป้องกันแล้ว ให้ฉันกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ฉันเอาเด็กไปผูกมัดคุณไม่ได้หรอกค่ะ""คิดว่าโลกนี้ เธอใช้ชีวิตอยู่ลำพังหรือยังไง""......""เด็กในท้องของเธอ ฉันจะรับผิดชอบเอง เพราะเขาคือลูกของฉัน"ผลการตรวจทุกๆ อย่าง บวกกับช่วงเวลาที่เธอรู้ว่าตัวเองท้อง ต่อให้ไม่ตรวจ DNA ยังไงเขาก็เชื่อว่านี่คือลูกของเขา เพราะเธอดูเหมือนไม่ใช่คนที่จะ เอาไปมั่ว จนไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก***************************** หลายเดือนก่อนหน้านั้น...ณ โรงแรมหรูห้
น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ “หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว“คือว่า...”“จะพูดอะไรอีก?”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”พรึ่บ!เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้อ
บ้านโอนิกซ์ “เชิญค่ะคุณผู้หญิง”“เอ่อ ไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันชื่อเพียงขวัญ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“เข้าไปสิ นี่บ้านของฉันเอง”“ใหญ่จัง” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับมองบ้านหลังใหญ่ที่เธอนั้นกำลังเดินเข้ามา บ้านหลังใหญ่ตระการตา สวยหรูมีแต่ของแพงๆ ไปหมดเลย“ของของเธอ เดี๋ยวให้คนยกขึ้นไปไว้บนห้องนอนของฉัน”“ดะ เดี๋ยว เราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอคะ?”“ใช่ไง บอกแล้วว่าเธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด”“แต่ว่าเรา..”“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก อย่าลืมว่าในท้องของเธอ คือลูกของฉัน”“.....” ใช้คำพูดนี้มาเป็นข้ออ้างแล้วเธอจะไปขัดอะไรได้ล่ะ ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่มันก็เรื่องจริง แต่เธอแค่อยากได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกับตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเดิมมันก็เท่านั้น“เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยตามที่ฉันสั่ง”“ค่ะคุณโอนิกซ์”“คุณชื่อโอนิกซ์เหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว เพราะเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อนี้ มันก็คงไม่แปลกหรอกเนอะ เพราะเธอไม่ได้รู้จักกับเขามาก่อนนี่นา อีกอย่างก็ไม่ได้ถามชื่อของเขามาก่อนด้วย “อืม เรียกว่านิคก็พอ ชื่อเล่นของฉัน”“ค่ะ”ดูท่าแล้วชื่อเล่นของเขาน้อยคนที่จะเรียกสินะ และก็ดูเหมือนว่าคนจะเกรงกลัวเ
หลายวันต่อมาโรงพยาบาลเอกชนHHวันนี้ครบกำหนดที่เพียงขวัญจะต้องมาตรวจร่างกายตามปกติในทุกเดือน เขาพาเธอมาตรวจเองกับมือเลย และมีหมอคนใหม่มาดูแลเธอต่อด้วย “เกร็งอะไรขนาดนั้น?” โอนิกซ์ถามคนข้างๆ เพราะเธอนั้นนั่งนิ่งแถมเอามือจิกกันไปมาไม่หยุดอีกต่างหาก แค่มาหาหมอตามปกติเอง ทำไมต้องดูเกร็งดูกลัวอะไรขนาดนั้นเขาดูคนออกนะ“ฉันแค่ตื่นเต้น” เธอตอบกลับ“ไม่ได้มาตรวจเป็นครั้งแรกสักหน่อยไม่ใช่หรือไง”“ก็ใช่ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล แถมคุณก็มาด้วยอีก”“ฉันมาด้วยแล้วมันยังไง อึดอัดเหรอ?”“รู้สึกแปลกเฉยๆ ค่ะ คุณก็อย่าเอาแต่จ้องสิ”นั่งอยู่ข้างๆ กันเขามักจะหันมองเธอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มันบ่อยมากขึ้นเธอก็รู้สึกไม่เป็นตัวเอง มันเลยเกร็งไปหมด“ตอนรู้ว่าท้อง แพ้ท้องหรือเปล่า?”“แพ้ค่ะ ก็ปกติของคนท้อง”“แล้ว...”“คุณจะถามอะไรมากมายคะ ฉันไม่อยากตอบแล้วนะ เริ่มเวียนหัวแล้วด้วย” เธอพูดแทรกเขา ทำเอาโอนิกซ์ถึงกับถอนหายใจแรง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธออีกจนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องตรวจ...เพียงขวัญรีบลุกขึ้นเพราะถูกเรียกชื่อ โอนิกซ์รีบเดินเข้ามาประคองเพร
เวลาผ่านไป“ฉันต้องออกไปงานเลี้ยงผู้บริหาร ดึกๆ คงกลับ ง่วงก็นอนนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาพูดกับเธอ ขณะที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งตัวอยู่เขาหล่อมากนะ พอใส่ชุดสูท มีเครื่องประดับแบบนี้แล้วมันดูดีสมกับเป็นเขาเลย อย่างที่คนเขาว่า คนหน้าตาดี จะใส่ชุดอะไรมันก็ดูดีไปหมดอยู่แล้ว “ค่ะ” เธอตอบ ความจริงเขาไม่จำเป็นจะต้องบอกเธอเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์จะวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว“ดึกๆ ถ้าหิวก็หาของในตู้เย็นกิน ฉันให้แม่บ้านแบ่งอาหารแช่ตู้ไว้ให้เผื่อหิว”“ขอบคุณค่ะ”“เป็นอะไร ทำไมทำหน้างั้น ไม่อยากให้ฉันไปหรือยังไง?” เขาหันมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาเธอเขินจนต้องหลบหน้า ก่อนที่เขานั้นจะหันไปแต่งตัวหน้ากระจกต่อ“เปล่าค่ะ ฉันก็ปกติของฉัน”“งั้นเหรอ หึหึ”เขาชอบทำตัวแปลกๆ กับเธอ ชอบทำเหมือนกับว่าตลกทั้ง ๆ ที่เรื่องนั้นมันไม่ได้น่าขันอะไรเลยสักนิดเดียว เสียงหัวเราะในลำคอของเขา รอยยิ้มของเขา มันไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอกับเขาเพิ่งเจอกันเลยฟึ่บ~“อ๊ะ?” อยู่ๆ เขาก็เอามือมาวางบนหัวของเธอ ก่อนจะลูบเบาๆ เหมือนกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวฉันกลับมา”“อะ อื้อ” เพีย
โอนิกซ์พาเพียงขวัญเดินมาที่ห้องครัว ก่อนที่จะให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่รู้ เหมือนกำลังจัดเตรียมของกินให้กับเธอ ดูเขาตั้งใจเอามากๆ และมันก็ทำเอาเธออยากรู้ไม่น้อยเลยเหมือนกันว่ามันเพราะอะไร ไม่นานนักเขาก็เดินมาพร้อมกับจานใบเล็กๆ ที่ใส่ขนมเค้กหน้าตาน่าอร่อยอยู่ “ขนมเค้ก”“คะ?”“ก็เห็นบ่นว่าอยากกิน ฉันก็เลยแวะซื้อมาให้ ฉันสั่งร้านทำแบบไม่หวานมากนะ คนท้องกินหวานมากไม่ดี”“ขะ ขอบคุณมากนะคะ”“กินซะสิ”“คุณนิครู้ได้ยังไงคะ วันฉันอยากกินเค้ก”“เรื่องของเธอ มีอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้”นั่นสินะ ไม่น่าถามเลย เรื่องของเธอเขาก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้ถามยังไงเขาก็สืบจนรู้เองอยู่ดี“เป็นอะไรของเธอ เค้กไม่ถูกใจเหรอ?”“เปล่าค่ะ”“......” เขามองเธอนิ่งๆ สายตานั้นเหมือนกำลังกดดันให้เธอตักเค้กที่เขายกมาให้นั้นใส่ปาก แล้วเอ่ยชมว่าอร่อยตามมารยาทใช่! มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ“ฉันซื้อมาให้เยอะเลยนะอยู่ในตู้ อยากเลือกมั้ยล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินแบบไหน เลยซื้อมาทุกรสชาติเลย แต่เอาใส่จานมาแค่วนิลาชิ้นเดียว”“มะ ไม่ค่ะ ฉันชอบค่ะ ปกติเค้กฉันกินได้หมดเลย”“แล้วทำไมไม่กินล่ะ?”“ความจริงถ
..เวลาผ่านไป ที่บ้านหลังใหญ่ของโอนิกซ์ เพราะเพียงขวัญยังไม่แข็งแรง เธอจึงไม่สามารถดูแลลูกแฝดได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้โอนิกซ์นั้นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแล และคนคนนั้นก็ต้องไว้ใจได้ ถึงเขาจะช่วยเธอเลี้ยงได้ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ความละเอียดอ่อนก็ไม่เท่ากับผู้หญิงอยู่ดี การเลี้ยงเด็กอ่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงโอนิกซ์จะเตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงอยู่ดี“เพียงขวัญ...”“คะคุณนิค?”“แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ” “อืมก็...ดีแล้วล่ะ”“......” เพียงขวัญมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วเขาจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลับบ้านก็ยังถามอยู่ ไม่ถามเนี่ยสิดูแปลกไปเลย“งั้นก็พักเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูลูกให้เอง”“คุณไม่ออกไปทำงานเหรอคะ?”“วันนี้ไม่ล่ะ อยากอยู่กับลูก”มีพี่เลี้ยงก็จริงแต่ในฐานะคุณพ่อที่เห่อลูกแฝดอย่างเขาก็ไม่ยอมห่างลูกๆ เลยเช่นกัน ที่ต้องจ้างเพราะกลัวดูแลได้ไม่ดีทั้งสองคนต่างหากเพียงขวัญมองดูโอนิกซ์อุ้มลูกขึ้นมาอยู่บนอก เขาประคับประคองเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่เปล่งเจรจากับลูกน้อยในอ้อมอกนั้นมันช่างหวานละมุนจริงๆ
สองเดือนถัดมา...ภายในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลเอกชนHHบรรยากาศภายในห้องผ่าตัดนั้นมันเย็นเฉียบและเงียบกริบ ด้านหน้าของเพียงขวัญถูกกั้นด้วยผ้าสีเขียวสูงชนิดที่เธอมองไม่เห็นการกระทำของหมอและพยาบาลอีกฝั่ง เธอกลัวตื่นเต้นจนหัวใจนั้นเต้นรัวไปหมด แต่เป็นเพราะฤทธิ์กล่อมของยา มันเลยทำให้เธอนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร บวกกับมีโอนิกซ์นั้นคอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง เธอเลยอุ่นใจไปได้มากเลยทีเดียว“อือ...” เพียงขวัญครางเสียงสั่นกลัว ดวงตาของเธอพยายามจดจ้องไปที่การกระทำของหมอและพยาบาลที่กำลังทำคลอดอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเผือก ตัวสั่น ที่ไม่รู้ว่าสั่นเพราะอุณหภูมิภายในห้องผ่าตัดหรือเป็นเพราะฤทธิ์จากยา“ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู มันทำเอาเธอใจชื้นขึ้นมาแบบทันควันเขาไม่เคยปล่อยมือเธอเลย ตั้งแต่พามาโรงพยาบาล เตรียมตัวเข้าห้องคลอด ฉีดยา จนกระทั่งตอนนี้เวลาในตอนนี้มันเหมือนยาวนานไปมากๆ แต่คงเป็นเพราะเธอนั้นรอคอยจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า เวลามันถึงผ่านไปช้าแบบนี้“คุณนิค...” “ว่าไง”“นานจังเลยคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“ไม่มีอะไรหรอก มันไม่นานเลยนะ คุณหมอกำลังทำคลอดอยู่”โอนิกซ์พยายามพูดให้เพียงขวัญนั้นสบายใจ เ
ก๊อกๆๆ“คุณนิค!!” เพียงขวัญรีบเดินไปที่หน้าประตูด้วยความตกใจ เพราะเธอนั้นกำลังนั่งปรับทุกข์เรื่องของเขากับป้าคนสนิทอยู่เลย แต่เขากลับโผล่มาซะแล้ว มาตอนไหนก็ไม่รู้เลย“คิดถึงฉันอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย“ทะ ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะคะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ?” เพียงขวัญถามด้วยความตกใจ เพราะสีหน้าของเขามันบ่งบอกอย่างนั้น เขาต้องไม่สบายหรือไม่ก็เป็นอะไรสักอย่างล่ะ เพราะคนปกติเขาคงไม่หน้าซีดเหมือนคนไม่มีเม็ดเลือดแดงฝาดขนาดนี้“ป้าลงไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารก่อนนะคะ” ป้าเหยียนเดินออกมา สถานการณ์ตอนนี้มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยมันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ”“ได้ข่าวว่าเธอไม่ยอมกินข้าว”“ข่าวจากไหนคะ มั่วแล้วนะ”“......” โอนิกซ์เงียบ“คุณนั่นแหละหายไปไหนมา จะไปไหนก็บอกกันสักหน่อยสิ คนอื่นชินแต่ฉันไม่ชินด้วยหรอกนะ ถ้าจะไม่กลับเพราะติดธุระ ตอบข้อความรับสายโทรศัพท์สักนิดก็ยังดี”“มัน...พังน่ะ” โอนิกซ์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาให้เธอดู ให้เพียงขวัญนั้นเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายหรือไม่อ่านข้อความของเธอเลยโทรศัพท์มือถือของเขามันพังจนเปิดไม่ติดแล้ว หน้าจอแตกละเอียดหม
ผ่านไปหนึ่งเดือน...“พี่คะ พี่ชาย..”“ครับๆ คุณเพียงขวัญต้องการอะไรครับ” ชายหนุ่มร่างกำยำรีบวิ่งหยวบหยาบเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียก“ฉันถามอะไรหน่อยสิ”“ครับ”“คุณนิคเขาหายไปไหนเหรอ?”“......”ปกติเธอก็ไม่เคยต้องร้อนใจอะไรแบบนี้หรอก แต่มีบางอย่างที่มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม จนเธอร้อนใจขึ้นมานั่นก็คือโอนิกซ์หายตัวไป ที่ผ่านมาปกติเขาไปทำงานก็จะกลับมาในช่วงเวลาเดิมตลอด แต่ตอนนี้มันแปลกไป เพราะจู่ ๆ เขาก็ไม่กลับมาเหมือนอย่างเคย“รู้หรือเปล่า เขาหายไปไหน”“ผมไม่ทราบครับ”“แล้วพอจะมีใครที่ฉันจะติดต่อหาได้มั้ย คนใกล้ตัวของเขาน่ะ ฉันเป็นห่วง”แหงสิอยู่ ๆ เขาก็มาหายตัวไป เธอเลยเป็นห่วงจนร้อนรนแบบนี้ ต่างจากคนอื่นที่ดูไม่ได้ร้อนรนอะไรเลย มีแต่เธอที่ร้อนใจอยู่คนเดียวไม่มีใครคิดเลยเหรอว่ามันแปลก หรือปกติเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่สำหรับเธอมันผิดปกตินะ ตลอดระยะเวลาที่เธอมาอยู่ที่นี่เขาไม่เคยหายไปเลย เป็นคนที่รักษาคำพูดตลอด จะกลับดึก กลับช้า กลับเร็ว ทุกๆ อย่างที่บอกกับเธอไว้ เขาทำตามมันได้ดีเลย ราวกับว่าเธอคือภรรยาของเขาจริงๆ“ไม่มีครับ”“นี่พวกพี่ไม่ห่วงเขาเลยเหรอคะ เจ้านายหายไปทั้งคนนะ”พวกเขาม
โอนิกซ์พาเพียงขวัญเดินมาที่ห้องครัว ก่อนที่จะให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเขาก็ทำอะไรไม่รู้ เหมือนกำลังจัดเตรียมของกินให้กับเธอ ดูเขาตั้งใจเอามากๆ และมันก็ทำเอาเธออยากรู้ไม่น้อยเลยเหมือนกันว่ามันเพราะอะไร ไม่นานนักเขาก็เดินมาพร้อมกับจานใบเล็กๆ ที่ใส่ขนมเค้กหน้าตาน่าอร่อยอยู่ “ขนมเค้ก”“คะ?”“ก็เห็นบ่นว่าอยากกิน ฉันก็เลยแวะซื้อมาให้ ฉันสั่งร้านทำแบบไม่หวานมากนะ คนท้องกินหวานมากไม่ดี”“ขะ ขอบคุณมากนะคะ”“กินซะสิ”“คุณนิครู้ได้ยังไงคะ วันฉันอยากกินเค้ก”“เรื่องของเธอ มีอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้”นั่นสินะ ไม่น่าถามเลย เรื่องของเธอเขาก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้ถามยังไงเขาก็สืบจนรู้เองอยู่ดี“เป็นอะไรของเธอ เค้กไม่ถูกใจเหรอ?”“เปล่าค่ะ”“......” เขามองเธอนิ่งๆ สายตานั้นเหมือนกำลังกดดันให้เธอตักเค้กที่เขายกมาให้นั้นใส่ปาก แล้วเอ่ยชมว่าอร่อยตามมารยาทใช่! มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ“ฉันซื้อมาให้เยอะเลยนะอยู่ในตู้ อยากเลือกมั้ยล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินแบบไหน เลยซื้อมาทุกรสชาติเลย แต่เอาใส่จานมาแค่วนิลาชิ้นเดียว”“มะ ไม่ค่ะ ฉันชอบค่ะ ปกติเค้กฉันกินได้หมดเลย”“แล้วทำไมไม่กินล่ะ?”“ความจริงถ
เวลาผ่านไป“ฉันต้องออกไปงานเลี้ยงผู้บริหาร ดึกๆ คงกลับ ง่วงก็นอนนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาพูดกับเธอ ขณะที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งตัวอยู่เขาหล่อมากนะ พอใส่ชุดสูท มีเครื่องประดับแบบนี้แล้วมันดูดีสมกับเป็นเขาเลย อย่างที่คนเขาว่า คนหน้าตาดี จะใส่ชุดอะไรมันก็ดูดีไปหมดอยู่แล้ว “ค่ะ” เธอตอบ ความจริงเขาไม่จำเป็นจะต้องบอกเธอเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์จะวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว“ดึกๆ ถ้าหิวก็หาของในตู้เย็นกิน ฉันให้แม่บ้านแบ่งอาหารแช่ตู้ไว้ให้เผื่อหิว”“ขอบคุณค่ะ”“เป็นอะไร ทำไมทำหน้างั้น ไม่อยากให้ฉันไปหรือยังไง?” เขาหันมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาเธอเขินจนต้องหลบหน้า ก่อนที่เขานั้นจะหันไปแต่งตัวหน้ากระจกต่อ“เปล่าค่ะ ฉันก็ปกติของฉัน”“งั้นเหรอ หึหึ”เขาชอบทำตัวแปลกๆ กับเธอ ชอบทำเหมือนกับว่าตลกทั้ง ๆ ที่เรื่องนั้นมันไม่ได้น่าขันอะไรเลยสักนิดเดียว เสียงหัวเราะในลำคอของเขา รอยยิ้มของเขา มันไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอกับเขาเพิ่งเจอกันเลยฟึ่บ~“อ๊ะ?” อยู่ๆ เขาก็เอามือมาวางบนหัวของเธอ ก่อนจะลูบเบาๆ เหมือนกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวฉันกลับมา”“อะ อื้อ” เพีย
หลายวันต่อมาโรงพยาบาลเอกชนHHวันนี้ครบกำหนดที่เพียงขวัญจะต้องมาตรวจร่างกายตามปกติในทุกเดือน เขาพาเธอมาตรวจเองกับมือเลย และมีหมอคนใหม่มาดูแลเธอต่อด้วย “เกร็งอะไรขนาดนั้น?” โอนิกซ์ถามคนข้างๆ เพราะเธอนั้นนั่งนิ่งแถมเอามือจิกกันไปมาไม่หยุดอีกต่างหาก แค่มาหาหมอตามปกติเอง ทำไมต้องดูเกร็งดูกลัวอะไรขนาดนั้นเขาดูคนออกนะ“ฉันแค่ตื่นเต้น” เธอตอบกลับ“ไม่ได้มาตรวจเป็นครั้งแรกสักหน่อยไม่ใช่หรือไง”“ก็ใช่ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล แถมคุณก็มาด้วยอีก”“ฉันมาด้วยแล้วมันยังไง อึดอัดเหรอ?”“รู้สึกแปลกเฉยๆ ค่ะ คุณก็อย่าเอาแต่จ้องสิ”นั่งอยู่ข้างๆ กันเขามักจะหันมองเธอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มันบ่อยมากขึ้นเธอก็รู้สึกไม่เป็นตัวเอง มันเลยเกร็งไปหมด“ตอนรู้ว่าท้อง แพ้ท้องหรือเปล่า?”“แพ้ค่ะ ก็ปกติของคนท้อง”“แล้ว...”“คุณจะถามอะไรมากมายคะ ฉันไม่อยากตอบแล้วนะ เริ่มเวียนหัวแล้วด้วย” เธอพูดแทรกเขา ทำเอาโอนิกซ์ถึงกับถอนหายใจแรง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธออีกจนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องตรวจ...เพียงขวัญรีบลุกขึ้นเพราะถูกเรียกชื่อ โอนิกซ์รีบเดินเข้ามาประคองเพร
บ้านโอนิกซ์ “เชิญค่ะคุณผู้หญิง”“เอ่อ ไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันชื่อเพียงขวัญ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“เข้าไปสิ นี่บ้านของฉันเอง”“ใหญ่จัง” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง พร้อมกับมองบ้านหลังใหญ่ที่เธอนั้นกำลังเดินเข้ามา บ้านหลังใหญ่ตระการตา สวยหรูมีแต่ของแพงๆ ไปหมดเลย“ของของเธอ เดี๋ยวให้คนยกขึ้นไปไว้บนห้องนอนของฉัน”“ดะ เดี๋ยว เราต้องนอนห้องเดียวกันเหรอคะ?”“ใช่ไง บอกแล้วว่าเธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด”“แต่ว่าเรา..”“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก อย่าลืมว่าในท้องของเธอ คือลูกของฉัน”“.....” ใช้คำพูดนี้มาเป็นข้ออ้างแล้วเธอจะไปขัดอะไรได้ล่ะ ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่มันก็เรื่องจริง แต่เธอแค่อยากได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกับตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเดิมมันก็เท่านั้น“เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยตามที่ฉันสั่ง”“ค่ะคุณโอนิกซ์”“คุณชื่อโอนิกซ์เหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว เพราะเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อนี้ มันก็คงไม่แปลกหรอกเนอะ เพราะเธอไม่ได้รู้จักกับเขามาก่อนนี่นา อีกอย่างก็ไม่ได้ถามชื่อของเขามาก่อนด้วย “อืม เรียกว่านิคก็พอ ชื่อเล่นของฉัน”“ค่ะ”ดูท่าแล้วชื่อเล่นของเขาน้อยคนที่จะเรียกสินะ และก็ดูเหมือนว่าคนจะเกรงกลัวเ
น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ “หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว“คือว่า...”“จะพูดอะไรอีก?”“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”พรึ่บ!เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้อ