แชร์

บทที่ 867

ผู้เขียน: ลั่วหูโยว
จากระยะไกล คุณแม่ฉินสามารถมองเห็นเสิ่นหยินอู้และลูกๆทั้งสองได้

เด็กๆที่อยู่ข้างๆเธอเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง และพวกเขาก็ดูมีหน้าตาที่คล้ายกันมากเพราะเป็นฝาแฝดกัน

เธอตกใจมากเมื่อหลี่มู่ถิงโทรหาเธอก่อนหน้านี้

“ลูกเหรอ? เป็นลูกของฉินเย่กับหยินอู้หรอ?”

"ครับคุณผู้หญิง"

“นี่...หยินอู้มีลูกกับฉินเย่จริงๆเหรอ? อายุเท่าไรแล้ว?”

เมื่อหลี่มู่ถิงบอกเธอว่าเด็กสองคนอายุห้าขวบและเป็นฝาแฝดหญิงชาย คุณแม่ฉินก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

เนื่องจากท่าทางที่ไม่สนใจใครของฉินเย่ก่อนหน้านี้ บวกกับการที่หยินอู้ไม่ต้องการที่จะมาเจอพวกเขาอีก คุณแม่ฉินจึงคิดว่าฉินเย่คงจะไม่มีคู่ครองอีกแล้วในชีวิตนี้ และเธอคงไม่มีโอกาสที่ได้อุ้มหลานๆแล้ว

เรื่องนี้ทำให้เธอต้องเตรียมใจอยู่เป็นเวลานาน

คุณแม่ฉินโน้มน้าวตัวเองอย่างยากลำบากว่าหากเธอไม่มีหลานก็ช่างมันไปเถอะ สำหรับลูกชายของเธอ ไม่ว่าเขาจะมีลูกหรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรกังวล

ฉินเย่ไม่ได้กังวล แล้วเธอจะกังวลอะไรล่ะ?

เธอไม่คิดว่าเรื่องเหนือความคาดหมายจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลว่าเธอจะไม่มีหลานอยู่เลย แต่ผ่านไปไม่เท่าไรก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 868

    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังไม่เร่งรีบ เสิ่นหยินอู้กับฉินเย่ซึ่งแต่งงานกันแล้วในเวลานั้นคงจะมีความคิดของตัวเองในแบบของคนหนุ่มสาว พวกเขาในฐานะผู้ใหญ่ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งมากเกินไป เช่นเดียวกับตอนที่เธอยังเด็ก การตั้งท้องฉินเย่ขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเช่นกัน เดิมทีเธอต้องการใช้เวลากับสามีของเธอในโลกของพวกเขาสองคนให้นานกว่านี้ และคุณนายฉินก็ไม่ได้กดดันเธอ ดังนั้นเธอจึงอยู่ในโลกที่หวานชื่นของพวกเธอสองคนกับสามี และแล้ว...เธอก็ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจเธอเองก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่ต้องการเร่งหยินอู้กับฉินเย่ ใครจะรู้ว่าต่อมาพวกเขาจะหย่าร้างกัน และหยินอู้ก็จากไปในที่ไกลแสนไกล ต่อมาก็มีคนมาล้อเธอเรื่องหลานมากขึ้น ในเวลานั้นคุณแม่ฉินยิ้มเล็กน้อยและขี้เกียจเกินกว่าจะตอบโต้อะไร เธอเพียงแค่ยุติสัญญาระหว่างบริษัททั้งสองหลังจากที่กลับไป เธอทำให้อีกฝ่ายตกใจจนแทบจะหัวใจวาย ในคืนนั้นอีกฝ่ายมาหาเธอและร้องไห้โดยบอกว่าเขาผิดไปแล้ว ขอให้ตระกูลฉินปล่อยเขาไป หลังจากไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาหลายปี คุณแม่ฉินก็ไม่ได้หวังอะไรมากนัก แต่ตอนนี้... เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ คุณแม่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะย่อต

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 869

    ระหว่างทางกลับบ้าน เธอไม่ได้พูดอะไร คุณแม่ฉินกลับเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ เธอจับมือหยินอู้และลังเลเหมือนจะพูดอะไรอยู่หลายครั้ง นอกจากคุณแม่ฉิน เสิ่นหยินอู้ก็ลังเลที่จะพูดเช่นกันเพราะเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หรือเรียกคุณแม่ฉินอย่างไร แม้ว่าเด็กทั้งสองจะเรียกพวกเขาว่าปู่กับย่า แต่เธอกลับไม่สามารถเรียกคุณแม่ฉินว่าแม่ได้ ท้ายที่สุด...มันก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ห้าปี ช่างเป็นตัวเลขที่เนิ่นนานเสียจริง อาจเป็นเพราะสายตาที่สื่อออกมาหรือไม่ก็การแสดงออกของเธอ แม่ฉินจึงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอยื่นมือออกไปจับปรอยผมของเธอเบาๆและนำมันไปทัดที่หลังหู จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “เด็กดี หลายปีมานี้คงลำบากมามากเลยสินะ” ประโยคเดียวนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมา เธอคิดไว้ก่อนแล้วว่าคุณแม่ฉินจะพูดอะไร แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่คุณแม่ฉินจะพูดนั้นจะเป็นประโยคนี้ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจที่ได้ยิน มีความน้อยใจมากมายอยู่ในที่เธอไม่อาจพูดออกมาได้ ความรู้สึกใกล้ชิดกับคนที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เธอมีความฝันที่จะมีแม่ หรือผู้ปกค

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 870

    เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขายังอยู่ที่ต่างประเทศและร่างกายยังได้รับบาดเจ็บ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเสิ่นหยินอู้ก็จางหายไปเล็กน้อย “เอาล่ะ อย่าเพิ่งไปคิดมากเรื่องอื่นเลย นั่งเครื่องบินมาทั้งวัน หิวแย่แล้วใช่ไหม? อาหารในครัวน่าจะใกล้ทำเสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวก็ไม่ต้องคิดอะไรสักพักแล้วก็กินข้าวให้อร่อยนะ มีอะไรไว้ค่อยคุยต่อพรุ่งนี้แล้วกันนะ" อาหารเย็นหลากหลายมากและมีแต่สิ่งที่เธอคุ้นเคย ซึ่งแตกต่างจากที่กินที่ต่างประเทศโดยสิ้นเชิง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ... รสชาติของอาหารต่างก็เป็นรสชาติที่คุ้นเคยทั้งนั้น... เสิ่นหยินอู้อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองคุณแม่และคุณพ่อฉิน แม้ว่าเธอจะแก้ปมในใจได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีความมั่นใจเพราะเธอหายไปเป็นเวลานานมาก เธอพูดขึ้นมาอย่างขวยเขินและยากลำบากว่า: "พ่อคะ แม่คะ หลายปีมานี้พ่อครัวของบ้านนี้ไม่ได้เปลี่ยนเลยเหรอคะ?" คุณแม่ฉินมองดูเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ได้เปลี่ยนเลยจ๊ะ เขาอยู่กับตระกูลฉินมาหลายปีแล้ว และเราก็ชินกับรสชาติอาหารที่เขาทำมานานแล้ว ทำไมเหรอ กินไปนิดเดียวก็รู้แล้วเหรอจ๊ะ?” “ใช่ค่ะ มันเป็นรสชาติที่น่าคิดถึงมาก” มันเป็นอาหารเธอคุ้นเคย และแม้กระทั

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 871

    เสิ่นหยินอู้ตกใจกับเรื่องที่ตระกูลฉินจะย้ายจากหนานเฉิงไปยังเจียงเฉิง ขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงการได้รับความเคารพอย่างมาก แต่เธอก็ถามคุณแม่ฉินในขณะที่เธอจะตัดสินใจ “ต้นตระกูลฉินอยู่ที่หนานเฉิงไม่ใช่หรอคะ? ถ้าย้ายไปที่เจียงเฉิงมันจะ…” “กำลังพูดเรื่องอะไรจ๊ะเนี่ย พ่อกับแม่แก่มากแล้ว คนที่เราห่วงก็มีแค่ลูกๆนี่แหละจ๊ะ ตอนนี้เรามีหลานเพิ่มมาอีกสองคน แน่นอนว่าหนูคือคนที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องพูดถึงเราสองคนสามีภรรยาเลย เราอยู่ที่ไหนมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอจ๊ะ? สภาพแวดล้อมในเจียงเฉิงเหมาะสมกว่าที่นี่อีก หนูเปิดบริษัทอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนั้นถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็แค่ถามพ่อ ตั้งใจทำงานให้ดี ส่วนเรื่องเด็กๆน่ะไม่ต้องห่วงเลย มีพ่อกับแม่อยู่ เดี๋ยวเราจะช่วยหนูเลี้ยงพวกเขาให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ไปเลย” หลังจากนั้น คุณแม่ฉินก็ไม่ได้คุยอะไรกับเธอเพิ่ม เธอยุ่งอยู่กับการพาเด็กๆไปที่ห้องและปรึกษาหารือกับคุณพ่อฉินเรื่องการย้ายที่อยู่ของครอบครัว ระหว่างทางกลับห้อง เสิ่นหยินอู้ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่บริษัทในตอนนี้ของเธอเพิ่งเปิดเลย แม้ว่าบริษัทของเธอจะเริ่มพัฒนาขึ้นมาแล

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 872

    แต่ในไม่ช้า สายตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนไปเพราะเขาเห็นฉากหลังด้านหลังของเธอ “คุณอยู่บ้านเหรอ?” เสิ่นหยินอู้เห็นเขามองฉากหลังที่อยู่ด้านหลัง ไม่รู้ด้วยเหตุใด เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอให้อภัยเขาเร็วขนาดนี้ และเธอก็รู้สึกไม่เต็มใจอยู่เสมอ แม้ว่าทั้งสองจะเข้าใจผิดกันในตอนแรก แต่เขาก็ทำร้ายเธอจริงๆ แม้ว่าเธออยากอยู่กับเขา แต่เธอไม่ได้ต้องการให้อภัยเขาเร็วขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบอะไร อีกทั้งยังลดสายตาลงต่ำ สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักถึงสิ่งที่เธอกำลังคิดได้ จึงเปลี่ยนหัวข้อ “เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนนอนแล้วหรอ?” เมื่อได้ยินหัวข้ออื่น เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดว่า "น่าจะหลับไปแล้วนะ คืนนี้พวกเขานอนกับ... " เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปอีกครั้ง ฉินเย่อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อจากคำพูดของเธอ “ตอนนี้เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนอยู่กับพ่อแม่งั้นเหรอ?”เสิ่นหยินอู้พยักหน้า “อืม พวกผู้ใหญ่ชอบพวกเขามาก” อาจเป็นเพราะเมื่อครู่นี้ที่เสิ่นหยินอู้เงียบไปถึงสองครั้งและลังเลที่จะพูด บรรยากาศ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 873

    หลังจากอาบน้ำแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็นอนลงไปบนเตียง ผ้าห่มนั้นตากไว้จนนุ่มมาก เรียกได้ว่าเธอจมลงไปในผ้าห่มได้ทั้งตัวเลย เดิมทีเธอคิดว่าเธอลืมไปแทบจะหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เพราะเมื่อเธอจากไปในตอนแรก ในช่วงเวลาพักผ่อนตอนกลางคืน เธอจะคิดถึงหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเสมอ โดยเฉพาะทุกสิ่งระหว่างเธอกับฉินเย่แต่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไร เธอก็ยิ่งฝันถึงมันน้อยลงเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้และใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบสุข เธอคิดว่าเธออาจจะลืมมันไปตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่คาดคิดว่าเมื่อนอนอยู่บนเตียงนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เธออยู่กับฉินเย่กลับหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเธอราวกับกระแสน้ำ เหมือนกับภาพผ่านตาที่ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วที่นำเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนเคยใช้ร่วมกันขึ้นมาฉายซ้ำ เธอเคยอยู่ด้วยกันกับฉินเย่บนเตียงนี้ และกระทำสิ่งที่ใกล้ชิดแนบแน่นกันที่สุด ไม่รู้ว่าคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหน แต่ในที่สุด เสิ่นหยินอู้ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น มันก็เป็นตอนที่เหนียนเหนียนมาเรียกปลุกเธอที่ห้องของเธอ เสิ่นหยินอู้ดูโทรศัพท์ของเธอและพบ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 874

    ดังนั้น เธอจึงลบชื่อเรียกที่เธอพิมพ์ออกไปทั้งหมดและพิมพ์ใหม่อีกครั้ง “ตอนนี้เราทุกคนกำลังเดินทางไปเจียงเฉิง” ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ดูปกติดี เธอเช็คดูสองครั้ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว เธอจึงกดส่งข้อความ หลังจากส่งข้อความไปนาน เขาก็ยังไม่ตอบเธอกลับ เมื่อเสิ่นหยินอู้เห็นว่าผ่านไปนานแล้วและอีกฝ่ายยังไม่ตอบกลับ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันและเก็บโทรศัพท์กลับลงไป เนื่องจากความแตกต่างของเวลาระหว่างจีนและที่ต่างประเทศ ข้อความและวิดีโออาจไม่สามารถตอบกลับกันได้ตลอดเวลาเสมอไป ดังนั้นเมื่อฉินเย่ไม่ได้ตอบกลับเธอ เสิ่นหยินอู้จึงคิดว่าเขาอาจจะกำลังหลับอยู่หรือยุ่งอยู่ อย่างไรเสีย เมื่อเขาว่าง เขาก็คงจะตอบเธอเอง เมื่อมาถึงเจียงเฉิง มันก็เป็นเวลาเย็นแล้ว มีแสงไฟนีออนกระพริบตามท้องถนนและมีตึกระฟ้าอยู่ทั่วทุกแห่งหน แม้ว่าคุณแม่ฉินจะเห็นตึกแบบนี้จนชินตามาตั้งนานแล้ว แต่อาจเป็นเพราะครั้งนี้มาที่เจียงเฉิงและต้องการให้เกียรติเสิ่นหยินอู้ หรือไม่ก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องมีความกดดันทางจิตใจมากจนเกินไป “อาคารในเจียงเฉิงก็ไม่ได้แย่ไปกว่าอาคารในหนานเฉิงเลยนี่ ฉันเพิ่งตรวจดูข้อมูลสภาพอากาศ มันเป็นที่ที

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 875

    ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็เปิดสมุดรายชื่อขึ้นมาทันทีเพื่อจะโทรหาฉินเย่ แต่หลังจากกดโทรออกไปแล้ว เธอก็ลังเลอีกครั้ง จากนั้นสองวินาทีเธอก็กดตัดสายที่ยังโทรไม่ติดไป เขาไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอ นั่นหมายความว่าเขาคงจะยุ่งอยู่ในขณะนี้ หรือไม่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตอบกลับข้อความได้ หากเธอโทรหาเขาในเวลานี้และถ้ามันส่งผลกระทบกับเขา...ช่างมันเถอะ เพื่อความปลอดภัยของเขา เธอยังไม่ควรโทรหาเขาในตอนนี้ เมื่อเขาจัดการธุระเสร็จแล้ว เขาคงจะตอบกลับข้อความของเธอเอง ด้วยความคิดเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้จึงพกโทรศัพท์ไว้ที่ตัวและนำมันติดตัวไปทุกที่ ต่อให้จะเป็นตอนอาบน้ำ เธอก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างๆ อีกทั้งยังให้ความสนใจกับทุกๆเสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าการที่ฉินเย่ไม่ตอบกลับข้อความทำให้เสิ่นหยินอู้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ขณะที่เธออาบน้ำ เธอสนใจตลอดว่ามีข้อความใดส่งมาให้เธอหรือไม่ เมื่อโทรศัพท์ของเธอสั่น เธอก็รีบไปหยิบมันขึ้นมาดู ในทุกๆครั้ง เธอพบว่าไม่ใช่ฉินเย่ที่เป็นคนส่งข้อความมา เธอก็วางโทรศัพท์ลงด้วยความท้อแท้ สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้ว

บทล่าสุด

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status