ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็เปิดสมุดรายชื่อขึ้นมาทันทีเพื่อจะโทรหาฉินเย่ แต่หลังจากกดโทรออกไปแล้ว เธอก็ลังเลอีกครั้ง จากนั้นสองวินาทีเธอก็กดตัดสายที่ยังโทรไม่ติดไป เขาไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอ นั่นหมายความว่าเขาคงจะยุ่งอยู่ในขณะนี้ หรือไม่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตอบกลับข้อความได้ หากเธอโทรหาเขาในเวลานี้และถ้ามันส่งผลกระทบกับเขา...ช่างมันเถอะ เพื่อความปลอดภัยของเขา เธอยังไม่ควรโทรหาเขาในตอนนี้ เมื่อเขาจัดการธุระเสร็จแล้ว เขาคงจะตอบกลับข้อความของเธอเอง ด้วยความคิดเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้จึงพกโทรศัพท์ไว้ที่ตัวและนำมันติดตัวไปทุกที่ ต่อให้จะเป็นตอนอาบน้ำ เธอก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างๆ อีกทั้งยังให้ความสนใจกับทุกๆเสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าการที่ฉินเย่ไม่ตอบกลับข้อความทำให้เสิ่นหยินอู้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ขณะที่เธออาบน้ำ เธอสนใจตลอดว่ามีข้อความใดส่งมาให้เธอหรือไม่ เมื่อโทรศัพท์ของเธอสั่น เธอก็รีบไปหยิบมันขึ้นมาดู ในทุกๆครั้ง เธอพบว่าไม่ใช่ฉินเย่ที่เป็นคนส่งข้อความมา เธอก็วางโทรศัพท์ลงด้วยความท้อแท้ สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้ว
เรื่องสำคัญที่ต้องทำเหรอ? ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอล่ะ? แต่ในไม่ช้า เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกโล่งใจ ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ตอบข้อความของเธอ ที่แท้เขาก็ยุ่งอยู่จริงๆนี่เองถ้างั้นข้อความที่เธอส่งไปก็คงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เขาใช่ไหม? “คุณหนูเสิ่น ไม่ต้องกังวลนะครับ ประธานฉินไม่เป็นไรหรอกครับ นี่ก็ดึกแล้ว คุณรีบพักผ่อนจะดีกว่านะครับ” แม้ว่าหลี่มู่ถิงจะพูดเช่นนี้ แต่เสิ่นหยินอู้ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว มันไม่ใช่เวลาที่จะรบกวนเขา “โอเค งั้นคุณพักผ่อนตามสบายค่ะ” “ถ้ามีเรื่องอะไร คุณหนูเสิ่นโทรหาผมได้ตลอดเวลานะครับ สำหรับเรื่องเกี่ยวกับประธานฉิน ผมจะรีบแจ้งให้คุณหนูเสิ่นทราบในทันทีที่ผมได้ข่าว” "ขอบคุณค่ะ" หลังจากวางสายแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็กำโทรศัพท์ไว้และพลิกตัวไป เธอยังคงไม่ได้นอน เธอกัดริมฝีปากล่าง อาจพูดได้ว่าหัวใจของเธอนั้นยุ่งเหยิงเหมือนด้ายที่พันกัน แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ในที่สุด เสิ่นหยินอู้ก็หลับไปกับความคิดเช่นนี้พร้อมกับกำโทรศัพท์ไว้ในมือ จากนั้นเธอก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการที่โทรศัพท์สั่น หลังจากตื่นขึ้น เธอก็พบว่ามันคื
ถ้าคิดดูอีกทีมันก็ถูก เขาน่าจะติดต่อตัวเธอเองมากที่สุดแล้ว เขาไม่ได้ติดต่อเธอ และคงไม่ได้ติดต่อตนอื่น แต่แม้ว่าจะรู้ดีว่าเป็นเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ยังไม่ยอมแพ้และต้องการที่จะถามดู ตอนนี้เธอได้รับคำตอบแล้ว แต่เธอก็ยังคงผิดหวังมาก เมื่อคุณแม่ฉินเห็นหยินอู้ลดสายตาต่ำลงราวกับว่ากำลังจมเข้าสู่ภวังค์ความคิดของตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนได้เห็นหยินอู้เติบโตขึ้น หากปะปิดปะต่อเรื่องราวก่อนหลังสักนิด เธอก็สามารถรู้ได้ว่าเสิ่นหยินอู้กำลังคิดอะไรอยู่ เธอก้าวไปข้างหน้าและถามหยั่งเชิงดู: "หยินอู้ ฉินเย่ไม่ได้ติดต่อหนูมาในช่วงสองวันมานี้ หนูเป็นห่วงเขาหรอ?" เมื่อเผชิญกับคำถามของคุณแม่ฉิน อาจเป็นเพราะพวกเธอทั้งคู่เป็นผู้หญิง เธอจึงพยักหน้ายอมรับอย่างไม่มีความกดดันใดๆ “อืม ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติแล้ว เขาควรจะตอบกลับข้อความมันถึงจะถูก” “จะว่าไปมันก็ใช่” หลังจากฟังคำพูดของเธอ คุณแม่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้ติดต่อหนูมานานแค่ไหนแล้ว?” เสิ่นหยินอู้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องเวลาและข้อความที่เธอส่งไปให้เขาที่เขายังไม่ได้ตอบกลับให้คุณแม่ฉินฟังคร่าวๆ “ถ้าพูดตามหลักเหตุผล ตั้งแต่เมื่อวานถึงตอน
หากไม่ให้เงิน ก็จะฆ่าทิ้ง สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักในสังคม เป็นเพราะว่าคนรวยปกป้องลูกของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ถ้าพวกเขาประมาทและปล่อยให้อาชญากรมีเวลาและพื้นที่ แม้พวกเขาจะมีเงินทองไม่ขาดสาย แต่คงจะต้องเป็นห่วงลูกๆของพวกเขาว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นคุณแม่ฉินจึงไม่แปลกใจที่เห็นบอดี้การ์ดติดตามพวกเขาไปในทุกๆที่ "โอเค เข้าใจแล้วค่ะ" หลังจากรับปากกับเธอแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็หันหลังกลับและจากไป เธอกลับไปที่ห้องของเธอ เปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองแล้วลงไปที่ชั้นล่าง เดิมทีเธอคิดจะออกไปในทันที แต่คนรับใช้เรียกเธอเพื่อให้เธอลงมารับประทานอาหารเช้าเสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงนั่งลง และทานอาหารเช้าโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางเลื่อนดูโทรศัพท์ไปด้วย เธอไม่มีความอยากอาหาร ดังนั้นเธอจึงฝืนทานไปสักสองสามคำ จากนั้นก็ได้รับสายจากหลี่มู่ถิง เมื่อเห็นสายของหลี่มู่ถิง หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็เต้นรัวในทันที เธอรีบรับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล ผู้ช่วยหลี่ มีข่าวอะไรบ้างไหมคะ?” อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า: "คุณหนูเสิ่น อย่าเพิ่งใจร้อนครับ ถึงผมจะยังไม่ได้ติดต่อกับประธานฉ
เสิ่นหยินอู้เก็บโทรศัพท์ไป เธอไม่มีอารมณ์จะทานอาหารอีกต่อไป ในตอนแรกเธอคิดที่จะออกไปข้างนอก แต่ตอนนี้เธอเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกอีก “คุณหนูเสิ่น?”ก่อนหน้านี้เธอคุยโทรศัพท์อยู่ อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คนใช้ที่อยู่ข้างๆไม่กล้าพูดอะไร หลังจากเธอวางสาย เธอก็ยังไม่ได้ทานอาหาร ดังนั้นคนรับใช้จึงทำได้เพียงเตือนเธออย่างระมัดระวัง: "อาหารจะเย็นหมดแล้วนะคะ” หลังจากได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็มองลงไปที่จานอาหารตรงหน้าเธอ จากนั้นก็มองไปที่คนรับใช้ ริมฝีปากของเธอขยับ ในตอนแรกเธออยากจะบอกว่าเธอกินไม่ลงแล้วและจะให้คนรับใช้เอาอาหารไปเก็บ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะทานอาหารเข้าไปสองสามคำก่อนจะลุกขึ้นและจากไป เธอมักจะบอกลูกๆทั้งสองคนเสมอว่าอย่ากินเหลือ เธอก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้พวกเขาไม่ใช่หรอ? หลังจากขึ้นไปชั้นบนแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็กลับไปที่ห้องและกดโทรไปที่เบอร์ของฉินเย่ แม้ว่าหลี่มู่ถิงจะบอกว่าเธอว่าติดต่อไม่ได้ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ตู๊ดตู๊ด--- หลังจากที่โทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้ง โทรศัพท์ก็ตัดสายไปโดยอัตโนมัติ และไม่มีเสียงบอกว่าอีกฝ่าย
เขาเรียกเถ้าแก่อยู่หลายครั้งก่อนจะดึงสติเสิ่นหยินอู้กลับมาได้ หลังจากกลับมาได้สติอีกครั้ง เสิ่นหยินอู้ก็มองไปที่อู๋อี้ไห่ที่มีสีหน้าเหนื่อยใจที่อยู่ตรงหน้าเธอ ความรู้สึกผิดในใจพุ่งถึงขีดสุด “ขอโทษที เมื่อกี้ฉันฟุ้งซ่านไปหน่อย” “เถ้าแก่ ผมรู้ว่าเรื่องของคุณอาจจะสำคัญมาก แต่... ตอนนี้คุณต้องสละเวลามาดูสัญญานี้สักพัก เสร็จแล้วก็ค่อยไปฟุ้งซ่านต่อ โอเคไหม?” เสิ่นหยินอู้มองไปที่เขา เปิดริมฝีปากขาวซีดของเธอออกเล็กน้อยแล้วพยักหน้า คราวนี้เธอไม่ได้ฟุ้งซ่านอีก เธออ่านสัญญาอย่างละเอียดจนจบและทำการเซ็นชื่อ หลังจากนั้นเธอก็ยื่นสัญญาให้อู๋อี้ไห่: "ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานในช่วงที่ผ่านมา" “ไม่หรอกครับ ใครใช้ให้ผมเป็นผู้ช่วยของคุณล่ะครับ?” อู๋อี้ไห่ยิ้มเล็กน้อย ในตอนแรกเขากำลังจะถือสัญญาแล้วเดินออกไป แต่ก่อนจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เถ้าแก่ เป็นปัญหาทางด้านความรักเหรอครับ?” อย่างไรก็ตาม คำถามของเขาไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ส่งสัญญาให้กับเขา เธอก็ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง หลังจากนั้น อู๋อี้ไห่ก็ทำได้เพียงพูดอย่างช่วยไม่ได้: "ช่างมันเถอะ อีกเดี๋ยวตอนกลับบ้านก็กลั
ดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงถูกเชิญให้กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โดยที่ตรงหน้าต่างมีคนคอยเฝ้าอยู่ รวมถึงที่หน้าประตูด้วย ถ้าหากตอนนี้มีกล้องถ่ายอยู่ในห้องนี้ คงจะคิดว่าเธอเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งมาเฟียแน่ๆ เธอไม่มีอารมณ์จะทำงาน มือถือวางอยู่ข้างตัวตลอดเวลา กลัวจะพลาดการติดต่อใดๆ แม้จะไม่มีสมาธิ แต่เธอก็พยายามทำงานจนเสร็จไปบางส่วน และได้รับข้อความจากหลี่มู่ถิงว่าเขาขึ้นเครื่องแล้วหลังจากเขาขึ้นเครื่องแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีก ทำได้แค่รอจนกว่าเครื่องบินจะลงจอดมือถือเงียบไปทั้งบ่าย ขณะที่เสิ่นหยินอู้เตรียมเก็บของกลับบ้าน ในที่สุดมือถือก็ส่งเสียงขึ้นมา พอได้ยินเสียง เสิ่นหยินอู้หยิบมือถือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเห็นว่าเป็นสายจากต่างประเทศที่ไม่รู้จัก นี่คือ? เธอไม่ได้คิดมาก รีบกดรับสายทันที“ฮัลโหล?” ในใจลึกๆ เธอหวังว่าคนที่โทรมาคือฉินเย่ เพื่อบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร แค่จำเป็นต้องใช้เบอร์นี้ชั่วคราวเท่านั้น แต่เสิ่นหยินอู้ก็ยังไม่กล้าพูดชื่อเขาออกมาตรงๆ“ในที่สุด เธอก็กลับมาใช้เบอร์นี้อีกครั้งนะ” ทว่า เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอกลับเป็นเสียงอีกคนหนึ่งท
"อย่าเป็นแบบไหน? ถ้าผมทำแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอคงจะไม่กลับประเทศหรือเปล่า? บางทีการให้เธอกลับประเทศอาจจะเป็นความผิดพลาด อย่างน้อยถ้าอยู่ต่างประเทศ ถึงเธอจะไม่ยอมรับผม แต่ก็จะไม่ไปอยู่ข้างคนอื่น"คำพูดของเขาทำให้เสิ่นหยินอู้หลับตาลง สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะถามว่า "เขาอยู่กับนายหรือเปล่า? นายทำอะไรกับเขา?""ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังผมพูดเรื่องอื่นแล้วหรอ?""ฉัน......""ถ้าเธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาเป็นยังไง ทำไมไม่มาดูเองล่ะ?"เสิ่นหยินอู้รู้สึกหายใจสะดุด"ก่อนจะเห็นหน้าเธอ ผมจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด" เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปาก"ตอนแรกทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว ทำไมนายต้องทำแบบนี้?""หึ"โม่ไป๋หัวเราะเบาๆ "ใช่ ก่อนหน้านั้นทุกอย่างมันดี ทำไมเธอต้องกลับประเทศ?" เสิ่นหยินอู้เงียบไปชั่วขณะ เขากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอไม่สามารถพูดอะไรกับเขาได้เลย"มาหาผมสิ ผมรออยู่ที่เดิม"พูดจบ โม่ไป๋ก็ทำท่าจะวางสาย เสิ่นหยินอู้รู้สึกกังวล "เดี๋ยวก่อน นายยังไม่ได้บอกเลยว่านายทำอะไรกับเขา ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?""หยินอู้ ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะเจอหน้าเธอ แน่นอนว่าเธอก็อย่าหวังว่าจะหาเขาเจอ" พูดจบ โม่ไ
"คุณเสิ่น!" ทุกคนตะโกนเรียกเธอพร้อมกัน เสิ่นหยินอู้ยกมือขึ้นไปที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว เพื่อเป็นสัญญาณให้พวกเขาหยุดส่งเสียง ในช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างก็กำลังพักผ่อน แต่พวกเขากลับเสียงดังมาก หัวหน้าบอดี้การ์ดแสดงสีหน้าละอายในทันทีจริงๆ แล้วเสียงของพวกเขาก็ไม่ได้ดังมาก แต่เมื่อทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน มันเลยดูดังขึ้นมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้กลัวว่าพวกเขาจะพูดขึ้นมาอีก จึงรีบลากกระเป๋าเดินทางลงมา"ไปกันเถอะ" "คุณเสิ่น ให้ผมถือกระเป๋าให้ดีกว่าครับ" ในกระเป๋าเดินทางของเสิ่นหยินอู้จริงๆ แล้วไม่ได้มีของอะไรมากมาย เธอแค่เอาเสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนในแต่ละวันไป แม้แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวก็ไม่ได้เอาอะไรไปเลย ดังนั้นมันจึงเบามาก เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว “ฉันถือเองได้ค่ะ ในกระเป๋าแทบจะไม่มีอะไรเลย”หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดยังคงยืนกราน ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็เลยต้องยอมส่งกระเป๋าให้เขาหลังจากนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขึ้นรถภายใต้การคุ้มกันของพวกเขา ขณะที่เธอนั่งอยู่ในรถ แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่เสิ่นหยินอู้ก็มองเห็นขบวนรถยาวเรียงกันบนถนนจากกระจกมองหลังแสงไฟหน้ารถทำให้สภาพแวดล้อมที่มืดมิดสว่างไสวราวกับกลางวัน เสิ่
"คุณไม่พูด แสดงว่าคุณก็คิดเหมือนกับฉันใช่มั้ยล่ะคะ? ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้ คุณก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันใช่ไหม?""คุณเสิ่น"หลี่มู่ถิงพึ่งได้สติ เขากัดฟันพูดว่า “ใช่ครับ ผมเป็นห่วงประธานฉินมาก แต่ก่อนออกเดินทางประธานฉินได้กำชับผมว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของคุณกับเด็กๆ ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้น ประธานฉินก็จะหาทางหนีด้วยตัวเอง ผมจะไม่ยอมให้คุณเสิ่นต้องเสี่ยงเพื่อประธานฉินเด็ดขาด'" "หนีได้? ถ้าเป็นในประเทศก็ว่าไปอย่าง คุณรู้หรือเปล่าว่าที่ต่างประเทศสถานการณ์เป็นยังไง? คุณคุ้นเคยกับสถานที่มากแค่ไหนคะ?" เสิ่นหยินอู้ถามหลี่มู่ถิงอย่างรวดเร็วติดต่อกันหลายประโยคจนทำให้เขาถึงกับชะงักไป "ฉันบอกคุณตอนนี้เลย ถ้าเขาหนีไม่ได้หรือเกิดอะไรขึ้น คุณจะรู้สึกเสียใจมั้ยคะที่ยืนยันแบบวันนี้?" หลี่มู่ถิงเงียบไป"ฉันจะซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้ค่ะ"พูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็วางสายทันที เข้าแอปพลิเคชั่นเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน เธอจัดการอย่างรวดเร็วและตั้งใจแน่วแน่ ครั้งก่อนเป็นเพราะลูกๆ อยู่กับเธอ เธอจึงทำอะไรไม่สะดวกมากนัก แต่ครั้งนี้เธอไปคนเดียว เหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนมีคุณปู่คุณย่าคอยดูแล แถมยังมีบอดี้การ์ดมากม
เมื่อเห็นว่าเขามีเวลาส่งข้อความมาให้เธอ เสิ่นหยินอู้ก็โทรหาเขาทันที"ผู้ช่วยหลี่" หลี่มู่ถิงไม่คาดคิดว่าเธอจะยังรออยู่จนถึงตอนนี้ เมื่อคิดถึงเวลาทางนั้นที่เธออยู่ มันก็ดึกมากแล้ว "คุณเสิ่น ผมส่งข้อความไปก็เพื่อให้คุณสบายใจขึ้นหน่อย ทำไมคุณยังไม่พักผ่อนล่ะครับ?""ฉันนอนไม่หลับค่ะ"คำพูดนี้ทำให้หลี่มู่ถิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเสิ่นหยินอู้ก็พูดต่อ “คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี ตอนนี้ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แล้วยังไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเขาอีก แล้วฉันจะนอนหลับได้ยังไงคะ?" หลี่มู่ถิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ยังคงเงียบอยู่"ผู้ช่วยหลี่ ตอนนี้คุณมีข่าวล่าสุดจากทางนั้นไหมคะ?" สุดท้าย ผู้ช่วยหลี่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวังใจของเสิ่นหยินอู้กระตุกขึ้นมาทันที คิ้วของเธอก็ขมวดตามไปด้วย"ว่ายังไงคะ?""คุณเสิ่น ผมเองก็กลัวว่าคุณจะผิดหวังและกังวล แต่เหมือนว่าถ้าไม่บอกคุณก็จะทำให้คุณนอนไม่หลับเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะบอกคุณ หลังจากที่ผมมาถึงก็ยังไม่มีข่าวอะไรของประธานฉินเลยครับ มีแค่คนสองคนที่ยังเฝ้าอยู่ที่บ้านพัก และเราก็ขาดการติดต่อกับคนที่ออกไปทั้งหมดครับ""ทุกคนที่ออกไปต
หลังจากคุยกับคุณแม่ฉินเสร็จ เสิ่นหยินอู้ก็ไปหาเด็กน้อยทั้งสองทันทีที่เธอเดินเข้าไป ทั้งสองคนก็เข้ามาใกล้เธอ แล้วถามว่า “หม่ามี๊ คืนนี้พวกหนูนอนกับหม่ามี๊ได้มั้ยคะ?'" ปกติแล้วพวกเขาจะเข้านอนเอง แต่วันนี้กลับขอแบบนี้ขึ้นมาโดยกระทันหัน หรือว่าจะเป็นเพราะมีความรู้สึกถึงกัน?เสิ่นหยินอู้ถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “ทำไมถึงอยากนอนกับหม่ามี๊ล่ะ?" เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นเหมิงเหมิงก็ยิ้มอย่างน่ารัก"เพราะหนูกับพี่คิดถึงหม่ามี๊ค่ะ"เสิ่นซือเหนียนพยักหน้าเห็นด้วยจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ไปไหน แต่เด็กทั้งสองกลับพูดแบบนี้ขึ้นมาโดยกระทันหัน หรือว่าพวกเขาแอบได้ยินตอนที่เธอคุยกับคุณแม่ฉิน? แต่ไม่นาน คำพูดต่อมาของเด็กสองคนก็ทำให้ความสงสัยของเธอหายไป"หม่ามี๊ หม่ามี๊กับคุณย่าคุยกันตั้งนาน คุยอะไรกันเหรอคะ?"เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นหยินอู้ยื่นมือมาหยิกจมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ เด็กๆ อย่าถามมาก'" "อื้ม ก็ได้ค่ะ""แล้วคืนนี้ หม่ามี๊จะมานอนด้วยกันกับพวกเรามั้ยคะ?""ได้สิ หม่ามี๊จะอยู่กับพวกหนูทั้งคืนเลย"เที่ยวบินของผู้ช่วยหลี่ยังไม่ลงจอด เธอต้องรอจนเขาถึงแล้วถึงจะไ
"ถึงแม้เธอจะปิดบังได้เก่งแค่ไหน แต่แม่ของฉินเย่ก็ยังดูออก หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เด็กๆ สองคนตามคุณพ่อของฉินเย่เข้าไปเล่นในห้องหนังสือ แล้วแม่ของฉินเย่ก็ถามเธออย่างเงียบๆ""เป็นยังไงบ้าง? ติดต่อฉินเย่ได้มั้ย?" เมื่อได้ยินคำถาม เสิ่นหยินอู้ถึงกับชะงักไป ไม่รู้จะตอบยังไงดี"มีอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องกังวลใจอะไรไม่กล้าบอกแม่หรือเปล่า? หยินอู้ แม่บอกเลยนะ ถึงแม้แม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหนู แต่ถ้าหนูอยากจะคิดว่าแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู แม่ก็ยินดี หนูคุยกับแม่ได้ทุกเรื่องเลยนะ ตอนที่หนูจากไป แม่ยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอหนูเลย และแม่ก็ไม่รู้เรื่องของพวกหนูซักเท่าไหร่ แต่ถ้าแม่รู้ แม่ก็จะบอกหนูว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างหนูกับฉินเย่ ถึงหนูจะไม่อยากจะมีเขาอีกแล้ว แต่หนูยังสามารถนับแม่เป็นแม่ของหนูได้เสมอ" คำพูดที่ไม่ได้คาดคิดนี้ ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจและทำให้น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา "ขอบคุณค่ะ แม่ คำพูดของแม่ หนูจะจดจำไว้เสมอ" ตอนเด็ก เธอเคยอิจฉาคนอื่นที่มีแม่ ทำไมเธอไม่มี เธอก็อยากมีแม่ที่อ่อนโยนและรักเธอ คอยซื้อกระโปรงสวยๆ ให้เธอ สวมใส่ให้เธอ คอยกอดเธอตอนนอน เล่านิทานให้ฟัง
"เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงเลยครับ ในตอนที่คุณฉินว่าจ้างผม เขาจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าหนึ่งปีมาแล้วครับ" หนึ่งปี?? เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงกับตกใจไปเล็กน้อย เขาจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าไว้นานขนาดนี้ "ดังนั้น คุณเสิ่น ภายในหนึ่งปีนี้ เราจะคุ้มครองความปลอดภัยของคุณอย่างดีครับ" เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอดไม่ได้ "พวกคุณทำงานตามค่าจ้างใช่ไหม?" หัวหน้าบอดี้การ์ดพยักหน้า"งั้นก็ดี ถ้าฉันจ่ายมากกว่าเขา แล้วขอให้พวกคุณไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน พวกคุณจะรับไหมคะ?" เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวหน้าบอดี้การ์ดถึงกับอึ้งไป"ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่แค่ฉินเย่ที่มีเงิน ฉันเองก็จ่ายได้ค่ะ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ฉันก็สามารถจ่ายล่วงหน้าให้พวกคุณได้เหมือนกัน""เอ่อ......" "หรือว่าขอบเขตการคุ้มกันของพวกคุณมีแค่ในประเทศ?""ไม่ใช่นะครับ ในต่างประเทศก็ทำได้ เพียงแต่ว่า...... พวกเราสัญญากับคุณฉินแล้วว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของคุณ ดังนั้นพวกเรา......""ใช่" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย "พวกคุณคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน แต่ไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพของฉันใช่ไหมคะ? หรือว
"อย่าเป็นแบบไหน? ถ้าผมทำแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอคงจะไม่กลับประเทศหรือเปล่า? บางทีการให้เธอกลับประเทศอาจจะเป็นความผิดพลาด อย่างน้อยถ้าอยู่ต่างประเทศ ถึงเธอจะไม่ยอมรับผม แต่ก็จะไม่ไปอยู่ข้างคนอื่น"คำพูดของเขาทำให้เสิ่นหยินอู้หลับตาลง สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะถามว่า "เขาอยู่กับนายหรือเปล่า? นายทำอะไรกับเขา?""ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังผมพูดเรื่องอื่นแล้วหรอ?""ฉัน......""ถ้าเธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาเป็นยังไง ทำไมไม่มาดูเองล่ะ?"เสิ่นหยินอู้รู้สึกหายใจสะดุด"ก่อนจะเห็นหน้าเธอ ผมจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด" เสิ่นหยินอู้กัดริมฝีปาก"ตอนแรกทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว ทำไมนายต้องทำแบบนี้?""หึ"โม่ไป๋หัวเราะเบาๆ "ใช่ ก่อนหน้านั้นทุกอย่างมันดี ทำไมเธอต้องกลับประเทศ?" เสิ่นหยินอู้เงียบไปชั่วขณะ เขากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอไม่สามารถพูดอะไรกับเขาได้เลย"มาหาผมสิ ผมรออยู่ที่เดิม"พูดจบ โม่ไป๋ก็ทำท่าจะวางสาย เสิ่นหยินอู้รู้สึกกังวล "เดี๋ยวก่อน นายยังไม่ได้บอกเลยว่านายทำอะไรกับเขา ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?""หยินอู้ ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะเจอหน้าเธอ แน่นอนว่าเธอก็อย่าหวังว่าจะหาเขาเจอ" พูดจบ โม่ไ
ดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงถูกเชิญให้กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โดยที่ตรงหน้าต่างมีคนคอยเฝ้าอยู่ รวมถึงที่หน้าประตูด้วย ถ้าหากตอนนี้มีกล้องถ่ายอยู่ในห้องนี้ คงจะคิดว่าเธอเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งมาเฟียแน่ๆ เธอไม่มีอารมณ์จะทำงาน มือถือวางอยู่ข้างตัวตลอดเวลา กลัวจะพลาดการติดต่อใดๆ แม้จะไม่มีสมาธิ แต่เธอก็พยายามทำงานจนเสร็จไปบางส่วน และได้รับข้อความจากหลี่มู่ถิงว่าเขาขึ้นเครื่องแล้วหลังจากเขาขึ้นเครื่องแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีก ทำได้แค่รอจนกว่าเครื่องบินจะลงจอดมือถือเงียบไปทั้งบ่าย ขณะที่เสิ่นหยินอู้เตรียมเก็บของกลับบ้าน ในที่สุดมือถือก็ส่งเสียงขึ้นมา พอได้ยินเสียง เสิ่นหยินอู้หยิบมือถือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเห็นว่าเป็นสายจากต่างประเทศที่ไม่รู้จัก นี่คือ? เธอไม่ได้คิดมาก รีบกดรับสายทันที“ฮัลโหล?” ในใจลึกๆ เธอหวังว่าคนที่โทรมาคือฉินเย่ เพื่อบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร แค่จำเป็นต้องใช้เบอร์นี้ชั่วคราวเท่านั้น แต่เสิ่นหยินอู้ก็ยังไม่กล้าพูดชื่อเขาออกมาตรงๆ“ในที่สุด เธอก็กลับมาใช้เบอร์นี้อีกครั้งนะ” ทว่า เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอกลับเป็นเสียงอีกคนหนึ่งท
เขาเรียกเถ้าแก่อยู่หลายครั้งก่อนจะดึงสติเสิ่นหยินอู้กลับมาได้ หลังจากกลับมาได้สติอีกครั้ง เสิ่นหยินอู้ก็มองไปที่อู๋อี้ไห่ที่มีสีหน้าเหนื่อยใจที่อยู่ตรงหน้าเธอ ความรู้สึกผิดในใจพุ่งถึงขีดสุด “ขอโทษที เมื่อกี้ฉันฟุ้งซ่านไปหน่อย” “เถ้าแก่ ผมรู้ว่าเรื่องของคุณอาจจะสำคัญมาก แต่... ตอนนี้คุณต้องสละเวลามาดูสัญญานี้สักพัก เสร็จแล้วก็ค่อยไปฟุ้งซ่านต่อ โอเคไหม?” เสิ่นหยินอู้มองไปที่เขา เปิดริมฝีปากขาวซีดของเธอออกเล็กน้อยแล้วพยักหน้า คราวนี้เธอไม่ได้ฟุ้งซ่านอีก เธออ่านสัญญาอย่างละเอียดจนจบและทำการเซ็นชื่อ หลังจากนั้นเธอก็ยื่นสัญญาให้อู๋อี้ไห่: "ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานในช่วงที่ผ่านมา" “ไม่หรอกครับ ใครใช้ให้ผมเป็นผู้ช่วยของคุณล่ะครับ?” อู๋อี้ไห่ยิ้มเล็กน้อย ในตอนแรกเขากำลังจะถือสัญญาแล้วเดินออกไป แต่ก่อนจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เถ้าแก่ เป็นปัญหาทางด้านความรักเหรอครับ?” อย่างไรก็ตาม คำถามของเขาไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ส่งสัญญาให้กับเขา เธอก็ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง หลังจากนั้น อู๋อี้ไห่ก็ทำได้เพียงพูดอย่างช่วยไม่ได้: "ช่างมันเถอะ อีกเดี๋ยวตอนกลับบ้านก็กลั