วินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ช่วยเฉินก็หายไป น่าเสียดายที่ในขณะนี้เสิ่นหยินอู้เป็นห่วงลูกๆสองคน และไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของผู้ช่วยเฉินเลย เธอเพียงมองเข้าไปข้างในแล้วถามว่า: "ผู้ช่วยเฉิน โม่ไป๋อยู่ในนั้นหรือเปล่าคะ?" “คุณผู้ชายโม่อยู่ข้าง...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็เดินเข้าไปอย่างรีบร้อน เมื่อฉินเย่เห็นเช่นนั้น เขาก็ก้าวเข้าไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเช่นกัน เมื่อผู้ช่วยเฉินเห็นเช่นนั้น เขาก็ยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อขวางเขาไว้ ฉินเย่เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม ผู้ช่วยเฉินกลัวจนหัวหด และในที่สุด ภายใต้สายตาเชิงบังคับขู่เข็ญของฉินเย่ เขาก็ค่อยๆดึงมือกลับไป เมื่อฉินเย่เห็นเช่นนั้น เขาก็ส่งเสียง หึ อย่างเย็นชาและก้าวเข้าไป - หลังจากที่เสิ่นหยินอู้เข้าไป เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเหมิงเหมิงมาจากระยะไกลปะปนกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ เธอเดินตามเสียงไปและในที่สุดก็เห็นโม่ไป๋ เหนียนเหนียน และเหมิงเหมิงอยู่ที่ระเบียง มีของเล่นที่เป็นขนมหลายชิ้นวางอยู่บนโต๊ะที่ระเบียง แก้มของเหมิงเหมิงป่องออกมาจากขนมที่อยู่ในปาก แต่เสิ่นซือเหนียนกลับนั
จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆถ้าหากยังอยู่ที่นี่ต่อ ความคิดนี้เข้ามาในหัวของเสิ่นหยินอู้ เธอยืนขึ้นโดยอุ้มเหมิงเหมิงไว้ในอ้อมแขนของเธอ “ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ช่วยเฉินไปส่งฉันหรอก มันดึกแล้ว ให้ผู้ช่วยเฉินกลับบ้านไปทานอาหารเย็นดีกว่า ฉันกลับกับเหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนได้” แน่นอนว่าทันทีที่เธอเปิดปาก โม่ไป๋ก็หันเหความสนใจไปที่เธอ เมื่อมองหน้าเธอ โม่ไป๋ยังคงรักษาสีหน้าอ่อนโยนเอาไว้ได้ “หยินอู้ ไม่จำเป็นต้องไปส่งจริงเหรอ?” “ไม่จำเป็นจริงๆ ฉันกลับเองได้” “ก็ได้ กลับดีๆนะ โทรหาผมได้ตลอดถ้าเธอต้องการอะไร” เสิ่นหยินอู้พยักหน้า "โอเค เข้าใจแล้ว" ก่อนออกไป โม่ไป๋หยิบถุงเล็กๆใบหนึ่งแล้วส่งมันให้เสิ่นเหมิงเหมิง “นี่คือของขวัญสำหรับเหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียน” "ไม่……" “รับไปเถอะ เหมิงเหมิงรับมันไว้แล้ว” เมื่อทำอะไรไม่ถูก เสิ่นหยินอู้จึงทำได้เพียงปล่อยให้เหมิงเหมิงหยิบถุงใบเล็กๆมา หลังจากบอกลาโม่ไป๋แล้ว เธอก็เตรียมที่จะออกไป ฉินเย่ที่ยืนอยู่ข้างเธอมาโดยตลอดจู่ๆก็เดินมาหาเธอ ก้มลงไปอุ้มเสิ่นซือเหนียนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอขึ้นมา เสิ่นซือเหนียนตกใจและกอดคอของฉินเย่โดยไม่รู้ตัว หลังจากน
"อืม" หลังจากฝากเรื่องทั้งหมดให้ผู้ช่วยเฉินช่วยจัดการแล้ว โม่ไป๋ก็จากไปอย่างรวดเร็ว ผู้ช่วยเฉินยืนอยู่ที่เดิม มองตามแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของเขาที่ค่อยๆห่างไกลออกไป เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้น เขาเดาว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างประธานโม่กับคุณหนูเสิ่น แน่นอนว่าหลายวันมานี้ประธานโม่ไม่ได้ออกไปไหน แต่กลับอยู่ที่บ้านของเขาอย่างเงียบๆ และเขาไม่ได้ไปหาเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้ไม่ได้มาหาเขาเช่นกัน ทั้งสองดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้า จู่ๆก็ขาดการติดต่อระหว่างกันและกันไป จนกระทั่งวันนี้… โม่ไป๋ไม่ได้กินข้าวเที่ยงเยอะมากนัก เขาวางช้อนลงแล้วพูดกับผู้ช่วยเฉินว่า: "ผู้ช่วยเฉิน ตอนบ่ายหลังไปรับเหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนหลังเลิกเรียนหน่อย ผมคิดถึงพวกเขา" เมื่อผู้ช่วยเฉินได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าทันที “ได้ครับประธานโม่ งั้นเดี๋ยวเราไปที่นั่นกันครับ” ดังงนั้น ผู้ช่วยเฉินจึงไปที่โรงเรียนกับโม่ไป๋และพาเด็กทั้งสองคนกลับบ้าน ขณะที่อยู่ในรถ ผู้ช่วยเฉินถามว่า: "ประธานโม่ คุณหนูเสิ่นคงไม่รู้เรื่องที่เรามารับเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิง คุณจะบอกเธอไหมสักหน่อยไหมครับ? เธอ
ในตอนนี้เสิ่นเหมิงเหมิงที่กำลังแอบฟังบทสนทนาของพวกเขามาโดยตลอดได้ปิดปากของเธอไว้และหัวเราะเบาๆ เสิ่นหยินอู้: "..." พูดตามตรง เสิ่นหยินอู้รู้สึกโมโหเล็กน้อย เธอก้มไปมองดูลูกสาวของเธอ และไม่พูดอะไร อีกทั้งก็ไม่ได้แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมา เพียงแค่มองเธอเงียบ ๆ เสิ่นเหมิงเหมิงที่เดิมทีแอบหัวเราะอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ เมื่อถูกเสิ่นหยินอู้จ้องมองเช่นนี้ รอยยิ้มของเธอก็หายไปในทันทีด้วยความรู้สึกผิด เธอเอามือเล็กๆของเธอลงและเม้มริมฝีปากเล็กๆแน่น ไม่กล้าที่จะแอบหัวเราะอีก เธอดูกระอักกระอ่วนมาก เนื่องจากลูกๆสองคนของเธอโดยปกติแล้วจะเชื่อฟังมาก เสิ่นหยินอู้จึงไม่ค่อยอารมณ์เสียกับลูกๆ แม้ว่าจะทำผิดพลาด เธอก็จะสอนพวกเขาก่อน หากพวกเขาไม่เชื่อฟังจริงๆ เธอถึงจะจริงจังขึ้นมา เนื่องจากวิธีการสอนของเธอไม่เหมือนใคร เธอจึงไม่จำเป็นต้องชักสีหน้าบ่อยๆ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะมองเด็กๆอย่างเงียบๆ แต่เด็กๆก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เช่นเดียวกับตอนนี้ เสิ่นเหมิงเหมิงไม่กล้าพูดอะไร เธอทำได้เพียงก้มศีรษะลงและแอบกวาดสายตาขึ้นมาเพื่อมองเธอเป็นระยะๆ เมื่อเห็นเสิ่นเหมิงเหมิงเป็นเช่นนี้แล้ว... หัวใจของเสิ่นหยินอู
"ขอบคุณคุณเย่มู่ที่มาเป็นคนขับรถให้นะคะ" ปฏิกิริยาของเธอทำให้ฉินเย่ชะงักไปชั่วคราว เขากวาดสายตาไปมองเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆ จากนั้นจึงเปิดปากพูด “ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจที่จะทำ” หลังจากที่เขาหันกลับไป รอยยิ้มบนริมฝีปากของเสิ่นหยินอู้ก็หายไปทันที เธอกลับมามีสีหน้าเฉยชาอีกครั้ง เมื่อก้มศีรษะลง เธอก็สบตากับเหนียนเหนียนโดยบังเอิญ เสิ่นหยินอู้ชะงักไป เธอไม่ได้คิดว่าจะถูกเหนียนเหนียนมองอยู่ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเสิ่นซือเหนียนจะไม่แปลกใจเลย เขาเม้มริมฝีปากเล็กๆ กอดแขนเธอแน่นขึ้น และไม่พูดอะไรต่อ ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากให้ลูกๆเห็นด้านไม่ดีของเธอเลยจริงๆ แต่เหนียนเหนียน เด็กคนนี้หัวไวเกินไป... ในท้ายที่สุด เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงยื่นมือออกไปลูบหัวของเสิ่นซือเหนียน ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่ที่ชั้นล่าง “ขอบคุณลุงเย่มู่ที่มาส่งพวกเรากลับบ้านนะคะ” ทันทีที่พวกเขามาถึง เหมิงเหมิงก็พูดขอบคุณฉินเย่ทันที ฉินเย่สบตาเธอผ่านกระจกมองหลัง พร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา “อีกหน่อยถ้าลุงเป็นพ่อของหนูแล้ว หนูก็ไม่ต้องขอบคุณลุงอีก มันเป็นสิ่งที่ลุงสมควรทำ” อย่างไรก็ตาม เสิ่นหยินอู้นั่
เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็ตกใจขึ้นมาทันที เหมิงเหมิงมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร เธอจะไปคิดถึงเขาได้อย่างไร? เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่จากนั้นก็คลายคิ้วของเธอออกแล้วนั่งคุกเข่าลงและกวักมือเรียกเหมิงเหมิง เสิ่นเหมิงเหมิงเดินเข้ามาซุกตัวในอ้อมแขนของเธอ "หม่ามี๊" “คำพูดเมื่อกี้นี้ ใครเป็นคนสอนลูกหรอ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากได้ยิน เหมิงเหมิงก็ตอบเบาๆ : "ไม่มีใครสอนเหมิงเหมิง หม่ามี๊ มันเป็นความคิดของเหมิงเหมิงเองค่ะ เมื่อกี้ที่หม่ามี๊กลับมาถึง หม่ามี๊ก็ไปแอบดูที่หน้าต่าง หม่ามี๊ไม่ได้มองลุงเย่มู่หรอคะ?" เสิ่นหยินอู้: "ไม่ใช่จ๊ะ หม่ามี๊แค่ไปปิดม่านก็เท่านั้นเอง" “แต่หนูเห็นหม่ามี๊แง้มม่านให้มีช่องเล็กๆแล้วแอบดูนะคะ”เสิ่นหยินอู้: "..." เด็กน้อยคนนี้เป็นลูกสาวของใครกันแน่ ทำไมเธอถึงเอาแต่พูดเข้าข้างคนอื่นอยู่เรื่อย เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มของเสิ่นเหมิงเหมิงและต่อว่าเบาๆ: "เหมิงเหมิง ทำไมช่วงนี้ลูกถึงชอบคิดต่างจากหม่ามี๊มากขึ้นเรื่อยๆนะ?" เนื้อบนใบหน้าของเสิ่นเหมิงเหมิงทั้งนุ่มนิ่มและละมุน เมื่อถูกเสิ่นหยินอู้บีบ จู่ๆมันก็กลา
ต่อให้เขาจะลืม ผู้ช่วยเฉินก็ไม่มีทางลืม แต่เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะให้เธอมองโม่ไป๋ไม่ดี เธออก็ไม่สามารถทำได้เสิ่นหยินอู้ทิ้งตัวลงไปบนโซฟา ปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในโซฟา หลับตาและพักจิตใจ - เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงฉินเย่ เสิ่นหยินอู้จงใจพาลูกๆออกจากบ้านก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง และเตรียมที่จะพาพวกเขาออกไปรับประทานอาหารเช้า เมื่อฉินเย่มาถึง เขาก็จะไม่เจอเธอ เธอคำนวณไว้อย่างดี แต่ทันทีที่เธอลงมาถึงชั้นล่าง เธอเห็นรถ Lincoln จอดอยู่ชั้นล่าง ผู้ช่วยหลี่พิงอยู่ข้างๆรถและกำลังหาว ท่าทางของเขาดูง่วงเหงาหาวนอน ภายในไม่กี่วินาทีที่เสิ่นหยินอู้เห็นเขา ผู้ช่วยหลี่ง่วงนอนมากจนเขาหาวติดต่อกันถึงสองครั้ง เมื่อเขากำลังจะหาวครั้งที่สาม ทันใดนั้นเขาก็เห็นเสิ่นหยินอู้ที่เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับลูกๆสองคน เขาหยุดหาวและหายง่วง เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างตื่นตัวกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าในทันที จากนั้นก็เรียกเธอเสียงดัง: "คุณหนูเสิ่น สวัสดีตอนเช้าครับ” เสิ่นหยินอู้: "..." เธอมีสิ่งที่อยากจะพูด หลี่มู่ถิงเดินไปไม่กี่ก้าวและขวางทางของเธอไว้ จากนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า: "คุณหนูเสิ่น ผมไม่คิดว่า
อย่างไรก็ตาม เสิ่นซือเหนียนไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าและยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความลังเล “น้องสาวของลูกขึ้นรถแล้ว ลูกกังวลอะไรจ๊ะ? เราทิ้งน้องสาวของลูกไว้ตามลำพังไม่ได้หรอกนะ” หลังจากพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็จูงมือของซือเหนียนแล้วเดินขึ้นไปบนรถ การกระทำของฉินเย่ที่อุ้มเหมิงเหมิงขึ้นมาบนรถอย่างหน้าเฉยควบคุมเธอได้อยู่หมัดจริงๆ ตราบใดที่เขาพาเด็กๆไปด้วย เธอก็ไม่มีทางที่จะทิ้งลูกๆของเธอไปได้ หลังจากที่เห็นเธอขึ้นมาบนรถ ฉินเย่ก็ยกริมฝีปากบางของเขาขึ้น จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อุ้มเสิ่นเหมิงเหมิงขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขา วันนี้เขาไม่ได้ขับรถเอง มีคนขับอยู่ข้างหน้า หลังจากที่เธอกับเสิ่นซือเหนียนขึ้นรถแล้ว หลี่มู่ถิงซึ่งรออยู่ด้านนอกรถก็ขึ้นรถตามไปด้วย หลังจากที่หลี่มู่ถิงขึ้นรถ สายตาของเขาก็ไม่สามารถละออกไปจากเสิ่นหยินอู้และเด็กๆทั้งสองได้เลย เขาตกใจมากในตอนที่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกของประธานฉิน ฉินเย่ที่เป็นเช่นก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าประธานของเขาอาจจะต้องแก่ตายตามลำพัง แต่ตอนนี้เขามีลูกแฝดชายหญิงอย่างละคน นั่นทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก และที่สำคัญที่สุดคือ ว่าที่ภรรยาของประธานเป็นคนหน้
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ