ฉินเย่เองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน“ประธานฉิน คุณ…ไม่รู้เหรอครับ?”ตอนนี้สายตาของหลี่มู่ถิงที่มองฉินเย่เปลี่ยนแปลงไป ดูอยากที่จะพูดฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าหมองคล้ำเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมตนถึงไม่รู้เรื่องนี้?“เก็บของ ไปเมืองเจียงเฉิง”หลี่มู่ถิงพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว จะออกเดินทางเมื่อไหร่ครับ?”ฉินเย่ทำหน้าขรึม “ตอนนี้”ก่อนขึ้นเครื่องบิน ฉินเย่พูดกับหลี่มู่ถิง “นายหาคนไปสืบมาว่าตอนนี้เด็กสองคนนี้อยู่ไหน สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ขอแบบละเอียด”“ครับประธานฉิน ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากขึ้นเครื่องบิน ฉินเย่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ในตากลับว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยไม่คิดเลยว่าเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิงจะมีโอกาสเป็นลูกๆ ของเขา ไม่น่าล่ะเขาถึงได้รู้สึกผูกพันกับทั้งสองคนที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!วินาทีนี้ ความเจ็บปวด หรือทรมานใดๆ พลันจางหายไปหมดแล้วสำหรับฉินเย่หลี่มู่ถิงนั่งข้างๆ เขาพร้อมสมุดจดบันทึกเล่มหนึ่ง จากนั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “ประธานฉิน ผมสั่งให้คนไปสืบดูแล้ว จะรู้ผลในคืนนี้ ไม่ก็พรุ่งนี้เลย”“อืม”หลี่มู่ถิงมองฉินเย่แวบหนึ่ง แล้วละสายตา จนถึงตอน
เมื่อครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง เฉียวลี่ซือก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นถามว่าตอนนี้เสิ่นหยินอู้พี้กอยู่ที่ไหน“อยู่บ้านที่โม่ไป๋เตรียมไว้ให้ตอนแรกน่ะ แน่นอนว่าฉันจ่ายค่าเช่าด้วย”ที่เสริมประโยคหลังเข้าไป เพราะกลัวว่าเฉียวลี่ซือจะเข้าใจผิดเป็นไปตามคาด เฉียวลี่ซือได้ยินดังนั้น ก็สะท้านตกใจเล็กน้อย“จ่ายค่าเช่า? โม่ไป๋จะรับค่าเช่าจากเธอเหรอ?”“ถ้าเขาไม่รับ ฉันก็ไม่อยู่”เฉียวลี่ซืออึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพูดยิ้มๆ “เยี่ยมจริงๆ เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ทำได้แค่รับเงินจากเธอแล้ว”เฉินหยินอู้ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรต่อ“แต่ว่า เธอกีดกันเขามากเกินไปไหม? เขาดีกับเธอมากเลยนะ เธอไม่พิจารณาดูหน่อยจริงๆ เหรอ?”“ลี่ซือ เพราะว่าเขาดีกับฉันจริงๆ ฉันก็เลยคบกับเขาไม่ได้ไง ไม่อย่างนั้นฉันจะทำร้ายเขา และไม่เป็นผลดีกับเขาด้วย”เฉียวลี่ซือส่ายศีรษะ“เฮ้อ ฉันไม่เข้าใจพวกเธอเลยจริงๆ แต่เธอตัดสินใจเอาเองก็พอแล้วล่ะ”พูดคุยกับเธออยู่พักหนึ่ง เวลาก็ไม่เช้าแล้ว เสิ่นหยินอู้จึงพาเด็กทั้งสองคนกลับบ้านตอนกลับ เฉียวลี่ซืพูดขึ้น “พรุ่งนี้จะให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆ อีกไหม?”“ไม่ต้องแล้ว ฉันหมดธุระแล้วน่ะ พรุ่งนี
เขาพูดชื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งออกมา หลี่มู่ถิงก็รีบเปิดแผนที่ดูทันที“เจอแล้วครับ อยู่แถวบริษัทคุณเสิ่นครับ”ฉินเย่กวาดมองแวบหนึ่งหลี่มู่ถิงชี้ไปที่แผนที่“บริษัทของคุณเสิ่นอยู่ตรงนี้ โรงเรียนอยู่ตรงนี้ครับ”ฉินเย่มองแผนที่ในโทรศัพท์ เขานึกถึงเด็กน่ารักทั้งสองคน แล้วนึกถึงดวงตาและคิ้วที่คล้ายกับตนถึงขีดสุดนั่นแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรผ่านไปนาน เขาถึงจะละสายตา“ขึ้นไปกันเถอะ”-วันรุ่งขึ้นตอนที่เสิ่นหยินอู้พาเด็กทั้งสองคนไปโรงเรียน เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามีรถสีดำสนิท ไม่ว่าจะเป็นตัวรถหรือหน้าต่างรถก็ตามคันหนึ่งจอดอยู่ระแวกหน้าโรงเรียน เพราะว่ารถที่มาส่งลูกๆ เยอะมาก ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงไม่ได้สังเกตเลยทำได้เพียงมองดูเด็กทั้งสองคนเดินเข้าไปจากหน้าประตูโรงเรียน แล้วอำลาตนเสิ่นหยินอู้ย่อตัวลง รู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนจุ๊บเข้าที่แก้มของตนคนละฝั่ง“บ๊ายบายครับ/ค่ะหม่ามี๊”“รีบเข้าไปเถอะ”เสิ่นหยินอู้ผลักกระเป๋าน้อยของทั้งสองคนให้เข้าไปข้างในหลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ถึงจะลุกขึ้น แล้วเตรียมตัวกลับขณะที่ผ่านรถสีดำนั้น จู่ๆ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกถึงบางอย่าง เธอหยุดฝีเท้า
ผู้อำนวยการโรงเรียนออกมาต้อนรับฉินเย่ด้วยตัวเองความจริงตอนที่รู้ว่าฉินเย่จะมาโรงเรียนของพวกเขา ผู้อำนวยการโรงเรียนก็รู้สึกอึ้งเหมือนกันฉินเย่ที่เป็นผู้สำเร็จในทางธุรกิจ เขาเองก็รู้จัก แต่การที่เขาบอกว่าจะมาเยี่ยมชมบรรยากาศของโรงเรียนนั้น เขาอึ้งเหมือนกันเพราะเขาไม่ได้รับข่าวที่บอกว่าฉินเย่แต่งงาน หรือมีลูกแล้วเลยนี่หลังจากที่เขาพูดความสงสัยนี้ออกมา ภรรยาของเขากลับบอกว่า “คุณจะสนใจว่าคนอื่นเขาจะมีลูกหรือไม่มีลูกทำไม คนอื่นเขาอาจจะเตรียมตัวไว้ก่อนก็ได้ คนรวยเขาชอบเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ต้องไปคิดเยอะหรอก คนอื่นเขาก็แค่มาเยี่ยมชมดูเฉยๆ คุณแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ”เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยาแล้ว ผู้อำนวยการสวีก็ยิ้มต้อนรับฉินเย่ แล้วพาเขาเดินชมรอบโรงเรียน“สภาพแวดล้อมรอบๆ โรงเรียนของเราไม่เลวเลย หากอนาคตประธานฉินมีลูก สามารถพิจารณาโรงเรียนของเราดูได้นะครับ”น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง สีหน้าของฉินเย่ก็ยังคงนิ่งขรึมราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยผู้อำนวยการพาคนเดินไปทางห้องเรียนขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาเรียน เด็กๆ หลายคนเพิ่งมาถึงห้องเรียน บางคนก็ยังมาไม่ถึง“ตอนนี้เป็นช่วงอัธยาศ
“ไอ้แก่ ดูซิว่าเด็กๆ เหมือนประธานฉินจากฉินซื่อกรุ๊ปไหม?”ได้ยินดังนั้น ผู้อำนวยการสวีก็มองเขาอย่างน่าสนใจ ตอนที่ไม่พูดถึงว่าไปอย่าง แต่พอถูกเขาพูดถึง เขาก็รู้สึกคล้ายกันมาก“เหมือนมากจริงๆ”“หรือจะเป็นลูกของประธานฉิน?”“ไร้สาระ เขาจะมีลูกเหรอ? แค่แต่งงานของยังไม่เคยเลย”“ก็จริง ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่พาลูกไปศัลยกรรม เพื่อแทรกเข้าตระกูลฉินไม่ใช่เหรอ? แต่ก็ไม่สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นบนโลกนี้มีคนหน้าคล้ายก็ไม่แปลก อาจจะไม่ใช่สายเลือดของเขาก็ได้”ผู้อำนวยการสวีฟังเสียงบ่นจากภรรยาอยู่ข้างๆ แล้วอดมองหน้าจอแวบหนึ่งไม่ได้ เขาคิดในใจ ‘นี่ไม่เหมือนกับพวกที่ไปศัลยกรรมจริงๆ นะ นี่มันเหมือนจริงๆ’แน่นอนว่า คำพูดแบบนี้ เขาไม่กล้าพูดต่อหน้าฉินเย่อยู่แล้ว ตอนนี้ฉินเย่มองเด็กสองคนนี้อยู่นิ่งๆ สงสัยคงจะคิดเหมือนตนแหละมั้ง?ฉินเย่มองเด็กสองคนไม่ละสายตา จากนั้นก็เดินเข้าไป“ประธานฉิน”ผู้อำนวยการสวีเห็นดังนั้น ก็คิดจะเดินเข้าไป แต่กลับถูกหลี่มู่ถิงห้ามเอาไว้“ผู้อำนวยการสวี ประธานฉินของเราคงอยากเข้าไปทักทายเด็กสองคนเฉยๆ น่ะ คุณคงไม่ได้จะห้ามเรื่องนี้ด้วยหรอกมั้ง?”“แต่ว่า…” ผู้อำนวยการสวีทำหน้า
“คุณลุงอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”เพราะครั้งก่อนที่เจอกันอยู่บนเครื่องบิน แถมหลังจากกลับมาแล้ว ก็ไม่เจอกันนานแล้ว จู่ๆ ก็มาเจอฉินเย่ที่นี่ เสิ่นเหมิงเหมิงจึงแปลกใจเล็กน้อยฉินเย้ได้ยินเสียงเล็กๆ อ่อนๆ แล้ว ริมฝีปากพลันโค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้แค่ฟังก็รู้ว่าเด็กคนนี้ได้รับความเอ็นดูมากแน่ๆ แถมยังขี้อ้อนด้วยเหมือนตอนอยู่ในไลฟ์ไม่มีผิด เป็นเด็กมีชีวิตชีวา“มาเยี่ยมชมโรงเรียนน่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกหนูสองคนที่นี่”สายตาของฉินเย่มองไปที่เสิ่นซือเหนียนแวบหนึ่งเขาไม่ได้ขี้อ้อน และไม่ทำตัวเป็นมิตรเท่าเสิ่นเหมิงเหมิง ถึงขนาดตอนที่เขาย่อตัวนั่งลง เด็กหนุ่มคนนี้ยังทำท่าเหมือนป้องกันตัวขึ้นมา ทั้งยังจับมือของเด็กผู้หญิงเป็นครั้งคราวด้วยนี่เป็นการป้องกันตัวจากเขาแต่ฉินเย่กลับไม่โกรธ กลับกันยังรู้สึกชื่นชมเสิ่นซือเหนียน“เอ๋? คุณลุงสุดหล่อมาเยี่ยมชมโรงเรียนเหรอคะ? คุณลุงแต่งงานรึยังคะ? มีลูกหรือยัง?”เสิ่นเหมิงเหมิงเป็นเด็กขี้สงสัยอย่างเห็นได้ชัด โยนคำถามออกมาไม่หยุดฉินเย่เลิกคิ้วขึ้น ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดีหลังจากนั้น เขาก็มองไปที่เสิ่นซื่อเหนียนที่ทำตัวระมัดระวังว่า “อย่าเรียกคุณลุ
“ดีเลยๆ”ผู้อำนวยการสวีที่ยืนห่างออกไปเห็นพวกเขา ‘พูดคุยกันสนุกสนาน’ ความสงสัยในใจก็ยิ่งเพิ่มพูน แล้วหันไปมองหลี่มู่ถิง จากนั้นถามออกไปว่า“ผู้ช่วยหลี่ พวกเขาเป็นอะไรกันเหรอครับ?”หลี่มู่ถิงยิ้มแย้ม แล้วไม่ยอมบอก“ลองเดาดูสิ?”ผู้อำนวยการสวี “…”เขาจะกล้าเดาได้ยังไง?-เพราะคุยกันไม่สอดคล้องกัน บวกกับเด็กๆ ต้องเข้าเรียนแล้ว ดังนั้นฉินเย่จึงทำได้เพียงอยู่ต่อยี่สิบนาทีแล้วกลับเมื่อกลับมาถึงรถ เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีมากหลี่มู่ถิงเห็นดังนั้น ก็ใช้โอกาสนี้ยื่นแก้วเก็นความร้อนให้เขา “ประธานฉิน วันนี้อากาศหนาว ดื่มน้ำอุ่นสักหน่อยครับ”ฉินเย่อารมณ์ดีอยู่ จึงรับแก้วจากหลี่มู่ถิงมา แล้วดื่มไปสองอึกสิ่งที่อยู่ในแก้วเก็บความร้อนเป็นผลข้าวโอ๊ตบวกนมสดที่หลี่มู่ถิงชงให้เขา ตอนนี้อุ่นกำลังพอดี ช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้มากหลี่มู่ถิงมองดูเขา อาจเป็นเพราะอารมณ์ดีอยู่ ก็เลยดื่มไปหลายอึกถึงจะคืนแก้วให้เขา“ประธานฉิน ดื่มอีกสักหน่อยไหมครับ บำรุงร่างกายหน่อย เพราะตอนนี้คุณ…ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว”ได้ยินดังนั้น มือที่ถือแก้วของฉินเย่พลันชะงัก ดวงตาทรงยาวของเขาหลุบลงราวกับเชื่อฟังคำพูดของหลี่มู่
ตอนเย็น เสิ่นหยินอู้ไปรับเด็กทั้งสองคนเลิกเรียนตามเวลาหลังจากที่รับพวกเขาแล้ว ตอนที่ออกจากโรงเรียน เสิ่นหยินอู้ก้เห็นรถสีดำคันนั้นอีกรถสีดำคันนั้นเลื่อนตำแหน่งแล้ว แต่ยังคงจอดนิ่งเหมือนเดิมบางที อาจเป็นรถของผู้ปกครองก็ได้ เธออาจคิดมาไปเองช่วงนี้ยุ่งๆ เธอไม่มีเวลาซื้อรถ แต่สองสามวันนี้เธอเสียเวลาเดินทางมามากแล้ว เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่าตนควรซื้อรถสักคันแล้วไม่อย่างนั้นต้องรับส่งเด็กๆ ทุกวันไม่ค่อยสะดวกนักหลังจากกลับไปถึง เสิ่นหยินอู้ก็เริ่มหารถเพราะว่าหลังจากนี้ลูกๆ ต้องใช้เงินเยอะ อีกอย่างรถก้เป็นแค่ยานพาหนะ ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงไม่คิดจะซื้อรถที่แพงมาก คิดไว้ให้อยู่ราวๆ สองแสนก็พอเธอดูรถเร็วมาก ไม่นานก็เจอรุ่นที่ราคาสูงกว่าหน่อย ตัดสินใจซื้อพรุ่งนี้เลยเมื่อถึงเวลานอน เสิ่นหยินอู้ก็เร่งให้ทั้งสองคนเข้านอน ทั้งสองคนเชื่อฟังมาก ต่างคนต่างกลับเข้าห้องนอนเสิ่นหยินอู้เดินไปตรงริมหน้าต่าง กำลังจะปิดม่าน ทว่าหางตาของเธอกลับพบรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ เหมือนคันที่อยู่หน้าโรงเรียนไม่มีผิดดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงชะงัก แล้วขมวดคิ้วขึ้นเบาๆเป็นเพราะกลางคืนพร่ามัว หรือเพราะเธอตาฝาดก