แชร์

บทที่ 479

ผู้เขียน: ลั่วหูโยว
เสิ่นหยินอู้ “…”

ดีมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน

เพราะก่อนหน้านี้อู๋อี้ไห่ก็บอกให้เธอไปขอเงินลงทุนกับฉินซื่อกรุ๊ปตลอด

อีกอย่างการที่เขาทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการคิดเพื่อบริษัท สำหรับบริษัทแล้ว การมีผู้จัดการแบบนี้อยู่ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง

เธอไม่ได้โกรธ เพียงแค่พยักหน้า แล้วหันหลังเดินลงตึกไป

ทุกกระบวนการนี้ ดูเหมือนโม่ไป๋จะถูกเธอละเลยไปอย่างไรอย่างนั้น

รอให้เธอลงไปชั้นล่างเตรียมตัวจะไปเรียกรถ เธอก็ถูกโม่ไป๋เรียกเอาไว้

“เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”

ได้ยินดังนั้น ฝีเท้าของเสิ่นหยินอู้ก็ชะงักลง เมื่อเห็นโม่ไป๋ถือกุญแจรถไว้ในมือแล้วมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น เธอถึงจะตระหนักบางอย่างขึ้นได้

“ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันมัวแต่ยุ่งน่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ…”

เธอเพียงแค่อยากบอกว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะละเลยโม่ไป๋ แต่เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้น เธอก็คิดขึ้นได้ว่าถ้าพูดออกไป คงจะยิ่งทำร้ายจิตใจของเขาสินะ?

“จะไปหาเขาเหรอ? เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”

เสิ่นหยินอู้เรียกเขาไว้โดยสัญชาตญาณ

“ฉันไปคนเดียวก็พอ”

ได้ยินดังนั้น การกระทำในมือของโม่ไป๋พลันชะงัก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันหน้าไปมองเธอเงียบๆ

เผช
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 480

    ไม่รู้?เสิ่นหยินอู้แทบจะหลุดขำออกมาเพราะคำตอบของเขาวันก่อนเขายังบอกว่าถ้าเขาไม่พยักหน้า บริษัทเจ้าอื่นจะไม่มีทางผิดใจกับเขา และไม่ลงทุนให้บริษัทเธอแน่นอนแต่ตอนนี้เขากลับมาลงทุนให้บริษัทของตัวเอง แล้วมาบอกว่าไม่รู้เนี่ยนะ?เสิ่นหยินอู้หัวเราะแห้ง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อไม่รู้ ถ้างั้นก็อย่าทำนอกเรื่อง”ได้ยินดังนั้น ฉินเย่ก็ขมวดคิ้ว “ทำแล้วจะทำไม?”“ฉันจะลงทุนบริษัทเธอ แล้วเธอจะทำอะไรฉันได้?”เสิ่นหยินอู้มองดูริมฝีปากสีซีดและหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อของเขา แล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ก็ไม่ทำอะไรหรอก ฉันเองก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว นายไม่กลัวขาดทุนก็พอ”กล่าวจบ เสิ่นหยินอู้ก็หันหลังกำลังจะเดินกลับไปแต่ฉินเย่กลับมองเธอเงียบๆ ริมฝีปากบางยังไงเม้มแน่นราวกับไม่คิดจะสนทนาอะไรกับเธอต่อเธอหันหลังเดินไปสองก้าว ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ แล้วหันกลับไปมองฉินเย่“คุณย่าล่ะ?”ฉินเย่ที่เดิมก้มหน้าลงหลังจากที่เธอเดินจากไปแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวยิ้มเบาๆ ว่า “ทำไม เธออยากเจอท่านเหรอ?”“ใช่” เสิ่นหยินอู้พยักหน้า “อยากเจอท่านสักหน่อยน่ะ”หลังจากที่เธอพูดคำพูดเหล่านั้นออกไปเมื่อวาน เธอก็รู้สึกเสียใจ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 481

    หนึ่งชั่วโมงต่อมาคุณหมอยื่นใบแจ้งผลฉบับหนึ่งให้กับเสิ่นหยินอู้“เขาเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรง ถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเป็นลมจะมาจากโรคกระเพาะ แต่สาเหตุที่สารอาหารไม่เพียงพอ เครียดมากเกินไปก็เป็นผลด้วย”เสิ่นหยินอู้รับใบแจ้งผลมาจากหมอไม่อยากเชื่อเลยว่าคำว่าสารอาหารไม่เพียงพอ และเครียดมากเกินไปพรรค์นี้จะใช้กับตัวฉินเย่เพราะในความทรงจำของเธอ ฉินเย่เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างมาโดยตลอดอีกอย่าง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วยเลยด้วยเสิ่นหยินอู้มองไปที่ห้องผู้ป่วย แล้วถามคุณหมอว่า “แล้วเขาต้องทำยังไงต่อคะ? ต้องแอดมิดหรือว่า?”“สถานการณ์ของคนไข้ตอนนี้ หมอแนะนำให้แอดมิดดูอาการสักพักหนึ่งก่อน ไม่อย่างนั้นขืนปล่อยไว้นาน อาการป่วยจะยิ่งร้ายแรงขึ้น”“ถ้างั้นโรคกระเพาะของเขาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเหรอคะ?”“คนคนนี้ คนไข้คนนี้ทานอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มเหล้า ก็อาจทำร้ายกระเพาะด้วยก็ได้ คืออย่างนี้ แฟนของคุณดื่มเหล้าไหม?”คำว่าแฟน ทำให้เสิ่นหยินอู้ขมวดคิ้วมุ่นอยากจะอธิบาย แต่คิดไปคิดมาก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงพยักหน้า“ค่ะ เขาดื่มหนักมาก”ถึงแม้เธอจะไม่เห็นเองกับตาแต่ฟังจากที่เฉียวลี่ซือพูดว่าหล่อนเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 482

    เพียงแต่ เขาทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?ตอนนี้ เสิ่นหยินอู้เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนอยู่ที่โรงแรม ฉินเย่ถึงได้ไม่อยากสาธยายกับตนขนาดนั้นตอนนั้นเขาคงฝืนทนถึงที่สุดแล้วสินะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้พลันถอนหายใจ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาอู๋อี้ไห่อู๋อี้ไห่รับสายเธอ แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “บอสครับ ทำไมคุณยังไม่กลับมาอีกล่ะครับ? พวกคุณ…ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณใช่ไหมครับ?”“ไม่มี แต่ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล…”“อะไรนะ?” อู๋อี้ไห่ตกใจ “ทำไมถึงอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะครับ? บอสครับ ถึงคุณกับประธานฉินจะเคยมีความสัมพันธ์ด้วยกันมาก่อน แต่ก็ไม่ควรมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้สิครับ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับบอส?”“…”เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ เสิ่นหยินอู้ถึงได้พูดขึ้นอย่างหมดหนทางว่า “นายช่วยฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม?”“ได้ครับๆ บอสพูดมาได้เลยครับ”เมื่อได้ยินว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล อู๋อี้ไห่ก็เป็นห่วงมาก กลัวว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ จะทำให้เสียนักลงทุนไป ถึงตอนนั้นบริษัทจะยิ่งแย่กว่าช่วงที่ยังไม่มีคนลงทุนเสียอีก“เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันหรอก แต่ว่าฉินเย่เป็นลมน่ะ ฉันก็เลยพาเขามาโรงพยาบ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 483

    เมื่อหลี่มู่ถิงมาถึงโรงพยาบาล เขาก็เห็นเสิ่นหยินอู้ยืนรอเขาอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยจากที่ไกลทันทีที่เห็นเสิ่นหยินอู้ หลี่มู่ถิงก็นึกถึงการสัมผัสจากปลายนิ้วอย่างไม่ทันระวังก่อนหน้านี้ แล้วมองไปที่ใบหน้าฟ้าประทานของเสิ่นหยินอู้อีกที เขาก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอีกครั้งดังนั้น เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ สิ่งที่เสิ่นหยินอู้เห็น คือหลี่มู่ถิงที่หน้าหูแดงไปหมดเธอเองก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพียงแค่คิดซะว่าหลี่มู่ถิงฝ่าอากาศหนาวมาเท่านั้น แล้วเดินเข้าไปมอบโทรศัพท์กับกระเป๋าเงิน คีย์การ์ดห้องต่างๆ ให้กับหลี่มู่ถิง“ของพวกนี้เป็นของประธานฉินของคุณทั้งหมด”หลี่มู่ถิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่รับของมาตามจำนวนที่เธอยื่นให้สุดท้ายเมื่อเห็นมือที่ว่างเปล่าของเสิ่นหยินอู้ เขาถึงจะเข้าใจบางอย่าง“คุณเสิ่นจะไปแล้วเหรอครับ?”เสิ่นหยินอู้พยักหน้า“ใช่ค่ะ ไหนๆ คุณก็มาแล้ว ฉันก็ควรจะไป”“หา?” หลี่มู่ถิงรู้สึกผิดในทันทีที่ตนเร่งเดินทางมาที่นี่ ถ้าหากฉินเย่รู้ว่าเสิ่นหยินอู้กลับไปเพราะตนล่ะก็ เขาต้องไล่ตนแน่ๆเมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่มู่ถิงก็รีบเอ่ยรั้งว่า “คุณเสิ่นอย่าเพิ่งไปได้ไหมครับ? ผมเองก็เพิ่งมาถึงยั

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 484

    เมื่อได้ยินว่าต้องแอดมิดโรงพยาบาล ฉินเย่ก็ขมวดคิ้ว "ไม่แอดมิด" “ประธานฉิน ฟังผมแล้วแอดมิดเถอะ ถ้าคุณรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่ดี เดี๋ยวผมจะทำเรื่องย้ายคุณไปยังห้องที่สภาพแวดล้อมดีกว่านี้ให้ทันที” เมื่อพูดจบ ก็พบว่าฉินเย่กำลังมองเขาอย่างเย็นชา หลี่มู่ถิงเงียบไปโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กระซิบเบาๆ ว่า "ผมรู้ว่าคุณคิดว่าอาการป่วยของคุณไม่ได้เป็นอะไร แต่วันนี้คุณหมดสติไปต่อหน้าคุณเสิ่น คุณไม่รู้สึกเสียหน้าเลยเหรอ?" ฉินเย่ซึ่งแต่เดิมมีสีหน้าเย็นชา เปลี่ยนสีหน้าไปในทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด “นายพูดอะไรนะ?” ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เฉียบคมขึ้น "หมดสติต่อหน้าใครนะ?" หลี่มู่ถิงรู้สึกหวาดกลัวกับออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา แล้วพูดตะกุกตะกัก "คุณ…คุณเสิ่นครับ" ฉินเย่ถามโดยไม่รู้ตัว “หล่อนยังไม่กลับไปเหรอ?”ตอนนั้นก็บอกให้เธอกลับไปแล้วไง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมองดูหล่อนเดินกลับไปด้วยซ้ำ แล้วหล่อนย้อนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? หลี่มู่ถิงไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าฉินเย่พูดอะไร “หมายความว่าอะไรประธานฉิน?” “นายไม่ได้เป็นคนส่งฉันมาโรงพ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 485

    เธอเป็นห่วงตนเรื่องนี้ ทำให้ฉินเย่มั่นใจอย่างถ่องแท้ถึงแม้ภายนอกเธอจะไร้ความรู้สึก และพูดจาทำร้ายจิตใจมากมายแต่…เธอเดินกลับมาอีกแล้วแถมยังพาตนมาโรงพยาบาล และรอเฝ้าอยู่ที่นี่จนหลี่มู่ถิงมาถึงด้วยนั่นหมายความว่าอย่างไร?หมายความว่าเธอเป็นห่วงตน และกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนในเมื่อเธอยังเป็นห่วงตนอยู่ ถ้างั้นก็แสดงว่าเขายังมีโอกาส ยังมีหวังอยู่ตอนแรกไม่อยากให้เธอรู้อาการป่วยของตนด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เพราะอาการป่วย ทำให้เขารู้บางอย่างเข้าโดยบังเอิญ ถ้าอย่างนั้นเขาจะไม่ใช่ประโยชน์จากมันสักหน่อยได้ยังไง?หลี่มู่ถิงคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกความจริงเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเสิ่นหยินอู้หรอก แต่ว่าในฐานะที่เป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งแล้ว เขาจึงโทรหาอู๋อี้ไห่ แล้วขอเบอร์เสิ่นหยินอู้จากเขาอู๋อี้ไห่ไม่พูดพร่ำแล้วส่งเบอร์โทรศัพท์ให้เขาทันที“เพื่อนรัก ไว้จะเลี้ยงกับข้าวนะ”หลังจากได้รับเบอร์โทรศัพท์มาแล้ว หลี่มู่ถิงก็รีบโทรหาเสิ่นหยินอู้ทันทีเสิ่นหยินอู้เพิ่งเรียกรถได้ เพราะอยู่ในช่วงเวลาเลิกงาน ก็เลยต้องใช้เวลารอรถนานพอควร ขณะที่เตรียมตัวจะกลับนั้น ก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้น“ฮัลโหล?”“ค

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 486

    หลี่มู่ถิงอึ้งอยู่ไม่กี่วินาที แล้วรีบพุ่งเข้าไป“ประธานฉิน!”-ห้านาทีต่อมาฉินเย่เดินกลับไปนั่งบนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ข้างๆ เป็นพยาบาลที่ทำหน้าหมดคำพูด“จริงๆ เลย ป่วยขนาดนี้แล้วยังจะไม่เชื่อฟังอีก ฉีดน้ำเกลืออยู่ดีๆ ก็ไปดึงออกอีก เลือดไหลเยอะขนาดนั้นเจ็บไหมเนี่ย?”“ขอโทษครับๆ” หลี่มู่ถิงทำได้เพียงกล่าวขอโทษแทนฉินเย่อยู่ข้างๆ “ขอโทษนะครับ รบกวนคุณแล้ว”พยาบาลมองฉินเย่ที่นั่งไร้ชีวิตชีวาอยู่ตรงนั้นพลางกล่าวว่า “ห้ามดึงเข็มอีกนะ วันๆ ที่โรงพยาบาลก็ยุ่งมากแล้ว พวกคุณอย่าก่อเรื่องอีก”กล่าวจบ ก็เดินบิดเอวออกไปทันทีหลังจากที่เธอออกไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็เงียบลงเพราะเหตุการณ์นั้น ทำให้ทั้งคุณปู่และเด็กน้อยในห้องผู้ป่วยต่างก็มองมาด้วย“แม่ครับ เมื่อกี้พี่ชายคนนั้นเลือดออกเยอะมากเลย”เด็กน้อยซบอกผู้เป็นแม่ของตน แล้วชี้กล่าวไปยังฉินเย่แม่ของเด็กน้อยอดเด็กน้อยแน่น “เพราะเขาไม่เชื่อฟัง ไม่เป็นเด็กดี ดึงเข็มเอง เลือดก็เลยไหล จวิ้นจวิ้นของเราเป็นเด็กดี ก็จะไม่เป็นเหมือนเขานะ”“ครับ หม่ามี๊วางใจได้ จวิ้นจวิ้นจะเป็นเด็กดีแน่นอน”หลี่มู่ถิงเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน จากนั้นพูดต่

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 487

    เสิ่นหยินอู้คัดค้าน “ฉันไม่ได้ไม่อยาก แต่ฉันกำลังทำงาน บริษัทต้องดำเนินต่อไป และต้องใช้เงินทุนด้วย ก่อนหน้านี้ผู้จัดการอู๋เคยเป็นพนักงานจัดการของบริษัทใหญ่มาก่อน ฉินซื่อก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ อีกอย่าง ฉันปลงแล้ว ไม่ใส่ใจแล้ว ก็แค่ร่วมงานกันจะเป็นอะไรไป? ฉันไม่ได้รับผลกระทบสักหน่อย จะให้ฉันทำงานในเมืองเจียงเฉิง แล้วหนีทุกครั้งที่เจอเขาเลยหรือไง?”“เหรอ? เธอแน่ใจเหรอว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย?”“ฉันมั่นใจ”“โอเค ถ้างั้นเธอตกลงกับฉัน”เสิ่นหยินอู้ “อะไร?”“ตกลงคบกับฉัน”เป็นครั้งแรกที่บนใบหน้ารูปหล่อของโม่ไป๋ไม่มีรอยยิ้มและความอบอุ่นเสิ่นหยินอู้มองเขานิ่งๆไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เขาจะบังคับถึงขนาดนี้“นาย…”“ไหนว่าไม่ได้รับผลกระทบเลยไง? ตอนอยู่บนรถก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผู้จัดการอู๋จะโทรมา เธอตั้งใจจะพูดอะไรกับฉัน?” โม่ไป๋จ้องเธอเขม็ง “เธอบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบ ถ้างั้นตอนนี้เธอบอกฉันมาว่าความคิดของเธอเปลี่ยนไปไหม ถ้าเทียบกับตอนนั้น?”เสิ่นหยินอู้เงียบเพราะเธอพบว่าตัวเองไม่สามารถคัดค้านได้เลยความคิดหนึ่งเกิดขึ้น ความคิดหนึ่งหายไปตอนนั้นเธอจะตอบโม่ไป๋ว่า ถ้าเขายินดี ตนสามารถ

บทล่าสุด

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status