ทันใดนั้น สิ่งต่างๆ ก็ดูเหมือนจะยุ่งยากขึ้นเสิ่นหยินอู้ต้องการให้เฉียวลี่ซือรู้ว่าฉินเย่มีคนสำคัญอยู่แล้ว เพื่อที่เธอจะได้ยอมแพ้และเลิกคิดถึงเขาแต่เธอก็ไม่อยากให้เฉียวลี่ซือรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินเย่ เธอจึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"หยินอู้ วันนี้ขอโทษจริงๆนะ งั้นเธอกลับไปก่อนมั้ย" ในขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเฉียวลี่ซือพูดขึ้นมาเสิ่นหยินอู้ชะงักไปสองสามวินาทีก่อนจะถามว่า “เธอจะไม่ไปกับฉันเหรอ?” เฉียวลี่ซือกัดริมฝีปากล่างแล้วส่ายหน้า"เขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ฉันไม่สบายใจที่จะปล่อยเขาไว้" "แล้วเธอคิดว่าฉันจะสบายใจที่ปล่อยเธอไว้คนเดียวเหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉียวลี่ซือก็ยิ้มเล็กๆแล้วพูดว่า "หยินอู้ ฉันไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เต็มใจที่จะรับมัน"เสิ่นหยินอู้ “......” เสิ่นหยินอู้รู้จักเฉียวลี่ซือมาหลายปี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนของเธอจะกลายเป็นคนที่หมกมุ่นในความรักได้ขนาดนี้หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้กัดฟันแล้วพูดตอบ "ไม่ได้ ฉันปล่อยเธอไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้""หยินอู้ เธอเชื่อฉันเถอะ! เขาไม่ใช่คนเลวอย่างที่เธอคิด ทุกอย่า
เพื่อน?"ผู้หญิง?""เป็นไปได้ยังไง? ผู้ชายต่างหาก!" ผู้ชาย เพื่อนของเขา? หรือว่าจะเป็นจี้ชิงเป่ย?"ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ ปล่อยเขาไว้ในบาร์ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่"เสิ่นหยินอู้คิดอยู่สักพักก่อนพูดว่า "ถ้าเธอไม่สบายใจจริงๆ ก็ฝากเขาไว้กับเจ้าของร้าน ให้เจ้าของร้านโทรหาเพื่อนเขา" นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับคนแปลกหน้าแล้ว และเสิ่นหยินอู้ก็วางแผนจะใช้วิธีนี้ด้วย แต่เฉียวลี่ซือชอบฉินเย่มานานแล้ว เธอจึงไม่ค่อยอยากใช้วิธีที่เสิ่นหยินอู้แนะนำเฉียวลี่ซือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "เรียกหาเจ้าของร้านมันจะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า? ฉันว่าเรียกแท็กซี่ไปส่งเขาที่โรงแรมเลยจะดีกว่า"เสิ่นหยินอู้ดูเหมือนจะไม่แปลกใจที่เธอพูดแบบนี้ "แล้วหลังจากนั้นล่ะ?"เฉียวลี่ซือดูเหมือนจะอึดอัด แต่ก็พูดออกไปว่า "โอ้ย เดี๋ยวหลังจากนั้นฉันจะจัดการเอง เธอไม่ต้องยุ่งหรอกหยินอู้"เสิ่นหยินอู้สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตัวเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ"ก็ได้ ฉันจะไปกับเธอ ส่งเขาไปที่โรงแรม พอแน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วเราก็จะกลับ" เฉียวลี่ซือเดิมทีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เ
พวกเขาทั้งสองคนใช้แรงกันเยอะมาก กว่าจะพาฉินเย่ไปส่งที่โรงแรมได้หลังจากโยนเขาลงบนเตียงแล้ว เสิ่นหยินอู้ยืนหอบอยู่กับที่ จากนั้นเธอก็หันไปมองเฉียวลี่ซือ เฉียวลี่ซือเข้าใจเจตนาของเธอทันที"หยินอู้ ฉันขอ......" "ไม่ได้" เสิ่นหยินอู้ตัดบทเธอทันที "ไปเถอะ เราต้องกลับแล้ว เขาอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรหรอก" "แต่ว่า...... เขาเมานะ อยู่ที่โรงแรมคนเดียวแบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?"เสิ่นหยินอู้ "แล้วไง? อย่าบอกนะว่าเธออยากอยู่เป็นเพื่อนเขา"เฉียวลี่ซือหัวเราะอย่างประหม่า "ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงว่าเราหยิบมือถือเขามาแล้วโทรหาเพื่อนเขาดีไหม?""เธอมีรหัสปลดล็อคหน้าจอมือถือเขาไหม?""ไม่มี""งั้นจะโทรยังไง?" "ก็จริง" เฉียวลี่ซือพูดด้วยความกังวล "แต่ดูแบบนี้แล้วเขาน่าเป็นห่วงจริงๆนะ""เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ แค่เมาเอง เธอก็เคยเมาบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?" ที่พูดแบบนี้ก็จริง แต่พอเป็นคนอื่น เฉียวลี่ซือกลับรู้สึกกังวลจริงๆตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่เป็นห่วงเธอทุกครั้งที่เธอเมาแล้ว แต่ถึงจะเป็นห่วง หลังจากเสิ่นหยินอู้เตือน เฉียวลี่ซือก็ไม่ได้กั
"เมื่อกี้เธอใส่อะไรลงไปในกระเป๋าเขาน่ะ?" เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉียวลี่ซือชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พยายามหลบสายตาทันที"อะไรเหรอ? ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไร" เสิ่นหยินอู้ไม่พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเธอเงียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เฉียวลี่ซือรู้สึกกดดันมาก"ก็ได้ๆ ฉันแค่ทิ้งโน้ตให้เขาเอง มือถือเขามีรหัสผ่าน ฉันปลดล็อคไม่ได้ ก็เลยเพิ่มข้อมูลติดต่อเขาไม่ได้ ฉันก็เลยทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ให้เขาโอเคนะ? คืนนี้ฉันช่วยเขาไว้ พรุ่งนี้เช้าเขาอาจจะเห็นฉันเป็นฮีโร่ก็ได้?"คำพูดบางคำไปสะกิดใจเสิ่นหยินอู้เข้า ทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเธอก็หันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรอีก เฉียวลี่ซือพูดไปตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งสังเกตว่าเสิ่นหยินอู้ไม่ได้ตอบอะไรเลย เธอจึงหันไปมองเสิ่นหยินอู้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เสิ่นหยินอู้หันไปมองนอกหน้าต่าง ใบหน้าที่สะท้อนบนกระจกรถไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ จนเธอดูเหมือนจะกลายเป็นคนที่ดูเหงาขึ้นมา เป็นอะไรไป? หรือว่าเธอพูดอะไรผิดไป? เฉียวลี่ซือเริ่มรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ เธอจิ้มที่นิ้วของตัวเองอย่างครุ่นคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แล้วทำให้เสิ่นหยินอู้รู
เสื้อคลุมอันแสนอบอุ่นถูกคลุมลงบนตัวของเสิ่นหยินอู้ในทันที มันยังคงมีอุณหภูมิจากตัวของเขาอยู่ อุณหภูมิร่างกายของโม่ไป๋สูงกว่าเธอมาก ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ในทันที ทำให้ลมเย็นในยามค่ำคืนไม่หนาวอีกต่อไปเสิ่นหยินอู้ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ” โม่ไป๋มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและปลงตก “อากาศหนาวขนาดนี้ ออกไปข้างนอกก็ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อยเหรอ ไม่รู้เหรอว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอ?”ยังไม่ทันที่เสิ่นหยินอู้จะตอบ เฉียวลี่ซือที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา “โอ๊ยโม่ไป๋ คุณอย่าว่าเสิ่นหยินอู้เลยนะ ถ้าเธอไม่ใส่น้อยหน่อย คุณจะมีโอกาสได้แสดงออกไหม?” “พอแล้ว” เสิ่นหยินอู้ขัดคำพูดต่อไปของทั้งสอง “ข้างนอกหนาว เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกันเถอะ”ทั้งสามคนเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน หลังจากเข้ามาในบ้าน เสิ่นหยินอู้ก็ถอดเสื้อคลุมของโม่ไป๋ออกแล้วคืนให้เขา“นายรีบใส่เถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” โม่ไป๋ยื่นมือรับเสื้อคลุมมา แต่เขาไม่ได้ใส่ เพียงแค่ถือไว้ในมือเฉียวลี่ซือมองดูทั้งสองคนแล้วกลอกตาไปมา จากนั้นก็พูดว่า “ฉันจะหายตัวไปเอง ให้พื้นที่พวกเธอได้อยู่ด้วยกันสองคน” พูดจบ เฉียวลี่ซ
“ยังไม่ได้จอง” โม่ไป๋ปฏิเสธ เสิ่นหยินอู้ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น โดยสัญชาตญาณเธออยากจะพูดถึงผู้ช่วยเฉินว่าเขาทำงานยังไงถึงไม่ได้จองโรงแรมให้เรียบร้อย แต่เมื่อคำพูดกำลังจะหลุดออกจากปาก เสิ่นหยินอู้ก็คิดได้ว่า วันนี้ผู้ช่วยเฉินยุ่งกับการจัดประมูล และหลังจากกลับมาก็ช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนให้เธออีก เธอจึงไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้อีก ท้ายที่สุดแล้ว เธอเองก็มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้เมื่อคิดได้แบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที “งั้นฉันจะช่วยนายจองโรงแรมตอนนี้เลย นายอยากพักที่ไหน?” โม่ไป๋ยังคงจ้องมองเธอไม่ขยับ“ที่นี่ดูสภาพแวดล้อมดีนะ” เสิ่นหยินอู้หยุดชะงักในขณะที่เธอจ้องมองด้วยความประหลาดใจ โม่ไป๋ก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ยังไงผมก็ต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ผมได้ยินจากผู้ช่วยเฉินว่าที่นี่มีบ้านให้เช่า” “อืม”“ดีเลย เธอมีข้อมูลติดต่อของเจ้าของบ้านไหม?” “ลี่ซือน่าจะมี แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าจะเช่าบ้านจริง ๆ ก็คงต้องพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เช่าบ้านแล้วก็ต้องทำความสะอาดแล้วก็เตรียมที่นอนอีก”“อืม เธอพูดถูก ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้คุณหนูเสิ่นพอจะมีเวลาพาผมไปซื้อของที่ซ
หัวใจของเสิ่นหยินอู้ถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่นจากลูกเธอเอื้อมมือไปลูบหัวเสิ่นซือเหนียน พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หม่ามี๊กลับมาแล้วนะครับ หนูหลับอย่างสบายใจได้แล้วนะ”เสิ่นซือเหนียนกระพริบตาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ “คืนนี้ผมนอนกับแม่ได้ไหมครับ?” เสิ่นหยินอู้มองไปที่เตียงใหญ่ ในใจของเธอตอบรับแล้ว แต่ปากกลับอดไม่ได้ที่จะหยอกลูกชาย“แต่ปีนี้ลูกของแม่อายุห้าขวบแล้วนะ ควรจะนอนเองได้แล้ว” เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของเสิ่นซือเหนียนก็แสดงความผิดหวังออกมา คงคิดว่าเสิ่นหยินอู้ไม่ยอม แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ก้มศีรษะลง พยักหน้าอย่างว่าง่าย“ก็ได้ครับหม่ามี๊ เหนียนเหนียนนอนเองก็ได้” เดิมทีเธอแค่อยากจะหยอกเขาเล่น แต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของเขา เสิ่นหยินอู้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนใจร้ายเมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็พูดว่า “พอแล้ว หม่ามี๊แค่ล้อเล่น วันนี้อากาศหนาว พวกเรามานอนด้วยกันนะ” เสิ่นซือเหนียนเผยแววตาที่คาดหวังและดีใจออกมาทันที“จริงหรอครับ หม่ามี๊?”“จริงครับ หนูขึ้นเตียงไปก่อน หม่ามี๊จะไปหยิบผ้าห่มมา”เสิ่นซือเหนียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปีนขึ้นเตียงอย่างเช
แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่เสิ่นหยินอู้ก็รู้ดีว่าเฉียวลี่ซือหมายความว่าอะไร เธอเม้มริมฝีปากและเก็บโทรศัพท์มือถือ ผู้ใหญ่ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น แต่ในเมื่อเธอรู้ว่าฉินเย่และเจียงฉูฉู่อยู่ด้วยกันแล้ว เธอก็ควรบอกเพื่อนของเธอ เดิมทีเธอตั้งใจจะรอจนพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยคุยกับเฉียวลี่ซือให้ชัดเจน แต่ไม่คาดคิดว่าเฉียวลี่ซือจะรอไม่ไหวถึงขนาดต้องแอบออกไปตอนกลางคืน หลังจากคิดอยู่ซักพัก เสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาเธอ“ลี่ซือ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ เราโทรคุยกันได้มั้ย?” แต่หลังจากข้อความนี้ส่งไปแล้ว เฉียวลี่ซือก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย เสิ่นหยินอู้รออย่างใจเย็นอีกสองนาที แต่เมื่อยังไม่มีการตอบกลับ เธอจึงตัดสินใจโทรไปหาเฉียวลี่ซือ“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ” เสียงอัตโนมัติที่เย็นชาจากปลายสายทำให้ใจของเสิ่นหยินอู้หนักอึ้ง เธอลุกขึ้นจากโซฟาทันทีปิดเครื่องแล้วเหรอ?เธอเกิดเรื่องอะไรรึเปล่า หรือว่าตั้งใจปิดเครื่องเพราะไม่อยากคุยกับเธอ? เสิ่นหยินอู้ลังเลอยู่ชั่วขณะ เธอรู้ว่าทุกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัว และ