ผู้ช่วยเกาหัว ทำไมถึงมาโทษเขาแล้วล่ะ แล้วเขาก็แค่ล้อเล่นเองไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ฟู่ถิงสือจากไป เสิ่นหยินอู้ก็ตอบสนอง เธอถอดเสื้อคลุมออก เมื่อเดินตามเขาไปก็ไม่เห็นใครอยู่แล้ว เธอทำได้เพียงย้อนกลับไปและเอาเสื้อคลุมของฟู่ถิงสือส่งให้กับพนักงานที่อยู่ตรงทางเข้า “สวัสดีค่ะ คุณช่วยฉันเอาเสื้อคลุมตัวนี้ไปคืนให้คุณผู้ชายฟู่หน่อยได้ไหมคะ?” เมื่อครู่นี้ที่ฟู่ถิงสือกับเสิ่นหยินอู้กำลังคุยกันอยู่ พนักงานที่อยู่หน้าประตูทางเข้าก็เฝ้าอยู่ที่นี่ และเมื่อเห็นพวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาก็นินทาอยู่ในใจ มีข่าวลือว่าฟู่ถิงสือเป็นคนชั้นต่ำ เขาชอบเล่นกับผู้หญิงแบบไม่เลือกหน้า แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะต่ำช้าขนาดนี้ แค่เจอสาวสวยในงานนี้ก็เอาเสื้อคลุมให้กับเธอเสียแล้ว ในฐานะพนักงาน พวกเขาจะกล้ารับเสื้อคลุมของเสิ่นหยินอู้ได้อย่างไร ท้ายที่สุด นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่ถิงสือมอบให้เธอ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอ “ไม่ ไม่ได้ครับคุณหนู ถ้าคุณผู้ชายฟู่มอบให้คุณ งั้นคุณนำมันไปคืนให้เขาเองจะดีกว่านะครับ” เสิ่นหยินอู้ "แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว" พนักงาน "คุณกับคุณผู้ชายฟู่แลกเปลี่ยนช่
ข้างๆเขามีร่างที่ผอมเพรียวและสวยงามตามมา สิ่งที่สวมคือชุดกระโปรงยาวลากพื้นสีชมพูอ่อน แม้ว่าชุดกระโปรงจะเปียกเนื่องจากฝนที่ตกหนัก แต่มันก็ยากที่จะซ่อนความสง่างามของเธอ เธอขยับเข้าไปข้างๆชายคนนั้นแล้วควงแขนเขาไว้เบาๆ ท่ามกลางฝูงชนที่วุ่นวาย ทั้งสองดูเหมือนคู่สร้างคู่สม ไม่เคยคิดว่าจะไม่ได้พบกันอีก แต่ก็คาดไม่ถึงว่าการเจอกันอีกครั้งจะเป็นเช่นนี้ หลายปีผ่านมาแล้ว พวกเขาคงได้อยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม? ลูก ก็คงจะมีอายุเท่าๆกับเหมิงเหมิงและเหนียนเหนียนแล้วสินะ? ในขณะที่กำลังคิด ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะสังเกตเห็นบางอย่าง และทันใดนั้นเขาก็มองมาทางเธอ เสิ่นหยินอู้หายใจไม่ออก เธอหันหลังกลับในทันที เมื่อกี้นี้...เขาคงไม่เห็นใช่ไหม? เสิ่นหยินอู้ในตอนนี้ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน ราวกับว่ามีคนมาสกัดจุดฝังเข็มไว้ จนกระทั่ง…… “คุณหนูเสิ่น คุณหนูเสิ่น?” เสียงของผู้ช่วยเฉินดังขึ้นข้างหลังเธอ ปลายนิ้วของเสิ่นหยินอู้ขยับ แต่เธอไม่กล้าหันกลับเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นผู้ช่วยเฉินจึงทำได้เพียงเดินอ้อมมาตรงหน้าเธอเท่านั้น “คุณหนูเสิ่น เป็นอะไรไปหรอครับ?” “ผู้ช่วยเฉิน มาแล้วเหรอคะ เสร็จแล
เสิ่นหยินอู้นึกอะไรได้บางอย่าง เธอมองดูเวลาแล้วถามเฉียวลี่ซือว่า “เทพบุตรสุดหล่อของเธอล่ะ?” ไม่พูดซะยังดีกว่า พอพูดขึ้นมาเฉียวลี่ซือก็ดูเศร้าลงทันที"เวลานี้แล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมาหรือเปล่า"เสิ่นหยินอู้เห็นกับตาว่าเธอจะดูท้อแท้ลง เธอจึงยิ้มและยื่นมือไปตบไหล่เฉียวลี่ซือเบาๆ “อย่าเศร้าไปเลยนะ เอาเป็นว่าเรามาเสี่ยงโชคดู ถ้าเขาไม่มา ฉันจะนั่งเป็นเพื่อนเธอตรงนี้อีกสักพัก บรรยากาศที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว นั่งสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงก็ไม่เสียหายอะไร” เฉียวลี่ซือยิ้มออกมาทันที แล้วก็โอบแขนเสิ่นหยินอู้ไว้อย่างสนิทสนม"หยินอู้ เธอใจดีกับฉันมากเลย พวกเราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ" หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ใช้เวลาในบาร์ด้วยกัน มีผู้ชายสามสี่คนถือแก้วเครื่องดื่มมาและนั่งข้างเสิ่นหยินอู้ พวกเขาต้องการดื่มกับเธอและทำความรู้จัก แต่ก็ถูกเสิ่นหยินอู้ปฏิเสธไปหมด ผู้ชายคนก่อนหน้าที่ถูกปฏิเสธต่างก็กลับไปอย่างมีมารยาทแต่พอถึงคนสุดท้าย เขากลับไม่ยอมไปหลังจากที่เสิ่นหยินอู้ปฏิเสธ เขายืนอยู่ตรงนั้นและมองเธอด้วยความสงสัยแล้วถามว่า"ขอโทษครับคุณผู้หญิง รบกวนถามได้ไหมว่าเพราะอะไรครับ?"เสิ่นหยินอู
ในวินาทีที่เห็นนาฬิกาข้อมือ เสิ่นหยินอู้รู้สึกเหมือนมีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นในหัวของเธอ เธอแทบจะยกเท้าก้าวหนีไปทันที แต่เธอก็ยังช้ากว่าก้าวหนึ่งผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเฉียวลี่ซือ หันมามองเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศ ในวินาทีที่สายตาประสานกัน มันเหมือนรถไฟสองขบวนที่ตกรางและชนกันจนเกิดประกายไฟเป็นล้านดวง ฟ้าถล่มดินทลาย ผู้ชายที่ถือแก้วไว้อย่างสง่างาม เย็นชา และไม่ใส่ใจ แสดงสีหน้าแข็งกระด้างในทันที เฉียวลี่ซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเธอกำลังจะขอข้อมูลการติดต่อจากเขา จึงทำตัวเขินอายมาก เฉียวลี่ซือไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองฉินเย่เพราะใกล้เกินไป เธอทำได้แค่แอบชำเลืองมองเขาเท่านั้น"เอ่อ...... ฉันคุยกับคุณมานานแล้ว เราจะแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกันได้ไหมคะ? อย่าเข้าใจผิด ถึงฉันสนใจคุณจริงๆ แต่หลังจากเพิ่ม WeChat แล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณบ่อยๆ หรอกค่ะ" แต่เธอพูดไปครึ่งวันแล้ว ชายที่นั่งตรงข้ามก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆเฉียวลี่ซือจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา"ได้ไหม......" เธอยังไม่ทันพูดจบ ชายที่นั่งตรงข้ามก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ทางเดินเงียบลงทันที ตัดกับความวุ่นวายเมื่อครู่อย่างชัดเจน เสิ่นหยินอู้ยังคงหายใจหอบอย่างรุนแรง หน้าอกของเธอขยับขึ้นลง ส่วนชายที่ล้มลงบนไหล่ของเธอ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเสิ่นหยินอู้สงบลง เธอจึงยื่นมือออกไปผลักคนที่พิงไหล่ของเธอ แต่เขาก็ยังไม่ขยับเกิดอะไรขึ้น?เมื่อกี้ยัง......“เสิ่นนั่วนั่ว”ขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังจะผลักเขาเป็นครั้งที่สอง ชายที่พิงอยู่บนไหล่ของเธอก็พูดออกมาอย่างพร่ำเพ้อ หัวของเขาพิงอยู่บนไหล่ของเธอ เสียงนี้จึงดังขึ้นที่ข้างหูของเสิ่นหยินอู้ ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงได้ยินอย่างชัดเจน เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ ก้มหน้าลงมองคนที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาและผอมบาง เขาเพิ่งเรียกชื่อเล่นของเธอ และตอนนี้เขามีกลิ่นเหล้าหนักมาก ชัดเจนว่าเขาเมาจนไม่รู้สึกตัว ขณะที่เสิ่นหยินอู้ยังสับสนอยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกจากระยะไกล "หยินอู้?" นี่คือเสียงของเฉียวลี่ซือ! สีหน้าของเสิ่นหยินอู้เปลี่ยนไปทันที แล้วเธอก็ผลักฉินเย่ออกไปอย่างแรงปัง! ฉินเย่ที่เมาจนไม่รู้สึกตัว ถูกผลักจนล้มไปข้างหลัง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะล้มลงกับพื้น เสิ่นหยินอู้รีบคว้ามือของเขาไว้ แ
ทันใดนั้น สิ่งต่างๆ ก็ดูเหมือนจะยุ่งยากขึ้นเสิ่นหยินอู้ต้องการให้เฉียวลี่ซือรู้ว่าฉินเย่มีคนสำคัญอยู่แล้ว เพื่อที่เธอจะได้ยอมแพ้และเลิกคิดถึงเขาแต่เธอก็ไม่อยากให้เฉียวลี่ซือรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินเย่ เธอจึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"หยินอู้ วันนี้ขอโทษจริงๆนะ งั้นเธอกลับไปก่อนมั้ย" ในขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเฉียวลี่ซือพูดขึ้นมาเสิ่นหยินอู้ชะงักไปสองสามวินาทีก่อนจะถามว่า “เธอจะไม่ไปกับฉันเหรอ?” เฉียวลี่ซือกัดริมฝีปากล่างแล้วส่ายหน้า"เขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ฉันไม่สบายใจที่จะปล่อยเขาไว้" "แล้วเธอคิดว่าฉันจะสบายใจที่ปล่อยเธอไว้คนเดียวเหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉียวลี่ซือก็ยิ้มเล็กๆแล้วพูดว่า "หยินอู้ ฉันไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เต็มใจที่จะรับมัน"เสิ่นหยินอู้ “......” เสิ่นหยินอู้รู้จักเฉียวลี่ซือมาหลายปี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนของเธอจะกลายเป็นคนที่หมกมุ่นในความรักได้ขนาดนี้หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้กัดฟันแล้วพูดตอบ "ไม่ได้ ฉันปล่อยเธอไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้""หยินอู้ เธอเชื่อฉันเถอะ! เขาไม่ใช่คนเลวอย่างที่เธอคิด ทุกอย่า
เพื่อน?"ผู้หญิง?""เป็นไปได้ยังไง? ผู้ชายต่างหาก!" ผู้ชาย เพื่อนของเขา? หรือว่าจะเป็นจี้ชิงเป่ย?"ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ ปล่อยเขาไว้ในบาร์ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่"เสิ่นหยินอู้คิดอยู่สักพักก่อนพูดว่า "ถ้าเธอไม่สบายใจจริงๆ ก็ฝากเขาไว้กับเจ้าของร้าน ให้เจ้าของร้านโทรหาเพื่อนเขา" นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับคนแปลกหน้าแล้ว และเสิ่นหยินอู้ก็วางแผนจะใช้วิธีนี้ด้วย แต่เฉียวลี่ซือชอบฉินเย่มานานแล้ว เธอจึงไม่ค่อยอยากใช้วิธีที่เสิ่นหยินอู้แนะนำเฉียวลี่ซือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "เรียกหาเจ้าของร้านมันจะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า? ฉันว่าเรียกแท็กซี่ไปส่งเขาที่โรงแรมเลยจะดีกว่า"เสิ่นหยินอู้ดูเหมือนจะไม่แปลกใจที่เธอพูดแบบนี้ "แล้วหลังจากนั้นล่ะ?"เฉียวลี่ซือดูเหมือนจะอึดอัด แต่ก็พูดออกไปว่า "โอ้ย เดี๋ยวหลังจากนั้นฉันจะจัดการเอง เธอไม่ต้องยุ่งหรอกหยินอู้"เสิ่นหยินอู้สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตัวเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ"ก็ได้ ฉันจะไปกับเธอ ส่งเขาไปที่โรงแรม พอแน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วเราก็จะกลับ" เฉียวลี่ซือเดิมทีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เ
พวกเขาทั้งสองคนใช้แรงกันเยอะมาก กว่าจะพาฉินเย่ไปส่งที่โรงแรมได้หลังจากโยนเขาลงบนเตียงแล้ว เสิ่นหยินอู้ยืนหอบอยู่กับที่ จากนั้นเธอก็หันไปมองเฉียวลี่ซือ เฉียวลี่ซือเข้าใจเจตนาของเธอทันที"หยินอู้ ฉันขอ......" "ไม่ได้" เสิ่นหยินอู้ตัดบทเธอทันที "ไปเถอะ เราต้องกลับแล้ว เขาอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรหรอก" "แต่ว่า...... เขาเมานะ อยู่ที่โรงแรมคนเดียวแบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?"เสิ่นหยินอู้ "แล้วไง? อย่าบอกนะว่าเธออยากอยู่เป็นเพื่อนเขา"เฉียวลี่ซือหัวเราะอย่างประหม่า "ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงว่าเราหยิบมือถือเขามาแล้วโทรหาเพื่อนเขาดีไหม?""เธอมีรหัสปลดล็อคหน้าจอมือถือเขาไหม?""ไม่มี""งั้นจะโทรยังไง?" "ก็จริง" เฉียวลี่ซือพูดด้วยความกังวล "แต่ดูแบบนี้แล้วเขาน่าเป็นห่วงจริงๆนะ""เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ แค่เมาเอง เธอก็เคยเมาบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?" ที่พูดแบบนี้ก็จริง แต่พอเป็นคนอื่น เฉียวลี่ซือกลับรู้สึกกังวลจริงๆตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่เป็นห่วงเธอทุกครั้งที่เธอเมาแล้ว แต่ถึงจะเป็นห่วง หลังจากเสิ่นหยินอู้เตือน เฉียวลี่ซือก็ไม่ได้กั