“ประธานฉิน ครั้งนี้ขอโทษจริงๆครับ เป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมไม่คิดเลยว่าเที่ยวบินนี้จะไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว”ได้ยินแบบนั้น ฉินเย่หยุดก้าวทันที พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่คมดั่งมีด"หลี่มู่ถิง ถ้าครั้งหน้าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ก็เตรียมตัวออกไปไปได้เลย""ได้ครับ ได้ครับ จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วครับท่านประธาน ผมรับประกัน ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจริงๆครับ"เมื่อขึ้นเครื่อง ฉินเย่ก็เดินไปยังที่นั่งเฟิร์สคลาสตามความเคยชิน“ยินดีต้อนรับขึ้นเครื่องค่ะ”พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกล่าวทักทายหลากหลายรูปแบบ เมื่อเธอมองไปเห็นฉินเย่ สายตาเธอก็เปล่งประกายขึ้นทันที“คุณผู้ชายคะ ตั๋วของคุณ......”ก่อนที่จะพูดจบ หลี่มู่ถิงก็รีบยื่นตั๋วของทั้งสองคนให้ทันทีพนักงานต้อนรับรับตั๋วมาแล้วดูแวบหนึ่ง ก่อนจะขวางฉินเย่ที่ตั้งใจจะไปยังที่นั่งเฟิร์สคลาส “ขอโทษนะคะ คุณผู้ชาย ที่นั่งของคุณอยู่ทางนี้ค่ะ”ฉินเย่หยุดเดินทันทีพนักงานต้อนรับยิ้มอย่างสุภาพ และชี้ไปทางที่นั่งชั้นประหยัด “ทางนี้ค่ะ คุณผู้ชาย”ผู้โดยสารบางคนที่กำลังขึ้นเครื่องหันมามองทางนี้สายตาที่มองฉินเย่นั้น เต็มไปด้วยคว
เมื่อหลี่มู่ถิงเข้ามาในชั้นเฟิร์สคลาส สายตาของเขาก็เริ่มกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่อาจจะยินดีที่จะแลกที่นั่งสุดท้าย เขาก็ล็อคเป้าหมายไปที่ชายวัยกลางคนชาวเอเชียคนหนึ่ง"สวัสดีครับ คุณผู้ชาย"หลี่มู่ถิงเดินเข้าไปหาและยื่นนามบัตรของตัวเองให้ทันทีชายคนนั้นชะงักไปซักพัก แต่เมื่อเห็นหลี่มู่ถิงก็ยิ้มอย่างดีใจ"ผู้ช่วยหลี่?"หลี่มู่ถิง "?""คุณรู้จักผมหรอครับ?""รู้จักสิครับ ผู้ช่วยหลี่ ผมผู้จัดการสวี่จากกลุ่มบริษัทจ้าว พวกเราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง"หลี่มู่ถิงมองใบหน้าเหลี่ยมๆ ตาเล็กๆ และจมูกแบนๆของชายคนนี้ที่อยุ่ตรงหน้า และพยายามค้นหาในความทรงจำอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอเขามาก่อนเห็นหลี่มู่ถิงทำหน้าตาเหมือนไม่เคยเจอเขามาก่อน ผู้จัดการสวี่ก็ไม่รู้สึกโกรธ เพียงแค่ยกมือขึ้นเกาจมูกแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไรครับ ผู้ช่วยหลี่ คุณงานยุ่งมาก คงจำผมไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ"ผู้ช่วยหลี่ทำได้เพียงพยักหน้า"ว่าแต่ ผู้ช่วยหลี่ คุณมานี่แสดงว่าประธานฉินก็มาด้วยใช่ไหมครับ?" พูดจบ ผู้จัดการสวี่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆ พร้อมกับถามว่า "ทำไมไม่เห็นเขาล่ะครับ?"หลี่มู่ถิงรู้สึกว่าท่าทางของเขาดู
"เหอะ ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนบอกว่าคุณฉินน่ะมีบารมีที่แข็งแกร่งจริง ๆ"หลี่มู่ถิงรีบรายงานเรื่องที่เปลี่ยนที่นั่งให้กับฉินเย่ฟังทันที ประธานฉินจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็เดินออกไปทันทีผู้จัดการสวี่รีบเปิดทางให้เขาเดินออกไปพอฉินเย่เดินออกไปแล้ว ผู้จัดการสวี่ก็หันมาหาหลี่มู่ถิงทันที"ผู้ช่วยหลี่ เราแลกช่องทางติดต่อกันดีไหมครับ?"หลี่มู่ถิง: "......"ในเมื่อเขาติดหนี้บุญคุณคนอื่นแล้ว ก็จำต้องหยิบโทรศัพท์ออกมารับชะตากรรม-ฉินเย่เดินไปยังที่นั่งที่สลับกับผู้จัดการสวี่อย่างไร้อารมณ์พอนั่งลงแล้ว เขาก็ยังคงทำหน้าบึ้งเหมือนเดิม บรรยากาศเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้คนรอบข้างหันมามองด้วยความสนใจการเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบินเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ผู้โดยสารเต็มใจ พนักงานต้อนรับก็จะไม่ว่าอะไรและด้วยท่าทางของฉินเย่ที่ดูเหมือนเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง พนักงานต้อนรับจึงรีบเดินเข้าไปถามอย่างรวดเร็ว"คุณผู้ชายคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"ฉินเย่ยังคงอารมณ์ไม่ดี เมื่อได้ยินแบบนั้นก็พูดเสียงเย็นชา: "เหล้า"พนักงานต้อนรับสาวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า"ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ"หล
เพราะถ้าเขาต้องการได้ตัวเสิ่นหยินอู้จริง ๆ เขาก็สามารถใช้วิธีอื่นเพื่อไม่ให้เด็กทั้งสองคนนี้ลืมตาดูโลกได้ถ้าตั้งใจจะทำ ยังไงก็ต้องหาทางได้ ไม่ใช่เหรอ?แต่เขาไม่ทำ เด็กทั้งสองคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย และโม่ไป๋ยังดูแลพวกเขาราวกับเป็นลูกของตัวเอง ความรู้สึกที่มีต่อเสิ่นหยินอู้ก็ยังคงเหมือนเดิมในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผู้ช่วยเฉินรู้สึกว่าแม้จะต้องตาย เขาก็ไม่มีทางที่จะใจกว้างได้ขนาดนี้แน่นอนแต่ตอนนี้เมื่อได้ใช้เวลากับเด็กทั้งสองคนผู้ช่วยเฉินก็รู้สึกว่า เขาอาจจะไม่ต้องตายแล้ว เพราะว่าเขาเองก็......ใจกว้างพอสมควรเหมือนกันท้ายที่สุดแล้ว ใครจะไม่ชอบเด็กที่น่ารัก มีมารยาท และหน้าตาดีขนาดนี้ได้ล่ะ!!ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยเฉินรู้สึกสงสารโม่ไป๋แค่ไหน ตอนนี้เขาก็รู้สึกอิจฉาโม่ไป๋เท่านั้นขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เสิ่นเหมิงเหมิงก็เงยหน้ามองผู้ช่วยเฉินแล้วพูดว่า "อาเฉินคะ หนูอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ"ผู้ช่วยเฉิน"?"อ่าาา นี่ก่อนขึ้นเครื่องเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาไม่ใช่เหรอ?แต่ไม่นานผู้ช่วยเฉินก็นึกออกว่า แม้ว่าเธอจะไปห้องน้ำก่อนขึ้นเครื่องแล้ว แต่เธอก็เพิ่งดื่มเครื่องดื่มไปเยอะผู้ช่วยเฉินกำ
ดวงตาของเธอใสบริสุทธิ์และชัดเจนฉินเย่กลับรู้สึกหายใจติดขัดเขากำลังเห็นภาพหลอนไปหรือเปล่า?ไม่อย่างนั้น หนูน้อยเหมิงเหมิงที่เขาเห็นได้แค่ในไลฟ์สดจากโทรศัพท์มือถือ จะมาอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไงในเวลานี้??ขณะที่เขากำลังคิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นจริงหรือไม่ หนูน้อยก็เอียงศีรษะและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า "คุณอา หนูว่าคุณอาหล่อมากเลยค่ะ!"ฉินเย่ชะงักไปเสียงอ่อนหวานนี้...เหมือนกับเสียงที่เขาเคยได้ยินจากไลฟ์สดไม่มีผิดเพียงแต่ว่า ตอนนี้มันยิ่งจริงและอ่อนโยนกว่าเดิม"เหมิงเหมิงเหรอ?"เขาเม้มปาก ฉินเย่เรียกชื่อหนูน้อยออกมาแทบจะโดยสัญชาตญาณดวงตาของหนูน้อยเปล่งประกาย"คุณอารู้จักเหมิงเหมิงเหรอคะ?"ทันทีที่เธอได้ยินเขาเรียกชื่อเธอ หนูน้อยก็เหมือนจะลดการระวังตัวลงจากเดิมที่ยืนอยู่ที่เดิม กลายเป็นเดินก้าวเล็กๆ มาหาเขา"คุณอารู้จักเหมิงเหมิง แต่ทำไมเหมิงเหมิงไม่รู้จักคุณอาล่ะคะ?"ขณะที่พูดนั้น เธอก็มาถึงข้าง ๆ เขาแล้วเพราะความใกล้ชิดของเธอ ทำให้ฉินเย่เผลอหายใจเบาลงเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเพราะหนูน้อยคนนี้ระวังตัวน้อยเกินไปแล้วก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ที่เดิม
“คุณผู้ชายคะ นี่ไวน์แดงของคุณค่ะ”หลังจากพูดจบ พนักงานต้อนรับเห็นเสิ่นเหมิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินเย่ ท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีเธอวางแก้วไวน์แดงไว้ที่หน้าฉินเย่ แล้วก็รีบขอโทษเขา“ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย เด็กน้อยคนนี้รบกวนคุณไหมคะ? ฉันจะพาเธอไปจากที่นี่ทันทีค่ะ”หลังจากนั้น พนักงานต้อนรับก็ยิ้มหวานให้กับเด็กน้อย“ที่รัก ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่ลืมหนู ตอนนี้พี่พาหนูกลับไปที่ที่นั่งดีมั้ยคะ?”เสิ่นเหมิงเหมิงมองเธอแล้วก็หันไปมองฉินเย่ฉินเย่กัดริมฝีปาก ในใจรู้สึกไม่อยากให้เธอจากไปแต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก ไม่มีความรู้สึกเสียใจเลย หลังจากได้ฟังคำพูดของพนักงานต้อนรับ เธอก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วหันไปโบกมือให้ฉินเย่“คุณอา หนูดีใจที่ได้รู้จักคุณอาวันนี้ เหมิงเหมิงไปก่อนนะคะ”คุณเย่พยักหน้าและพูดเสียงต่ำ“อื้ม อาก็ยินดีที่ได้รู้จักหนูเหมือนกัน”แม้จะรู้สึกไม่อยากจากไป แต่เด็กคนนั้นก็เป็นลูกของคนอื่น ฉินเย่จึงได้แต่ส่งให้เธอตามพนักงานต้อนรับไป หลังจากเด็กหญิงเดินจากไป ฉินเย่รู้สึกว่าหัวใจที่เคยกระวนกระวายของเขาสงบลงมากไม่รู้สึกหงุดหงิดเหมือนตอนขึ้นเครื่องแม้แต่ไวน์แดงที่อยู่ตรงหน
ตอนนั้นที่เขาได้ยินเสียง ก็รู้สึกว่าเสียงคล้ายกับเสียงของเหนียนเหนียนแต่เจ้าเด็กน้อยหายไปเร็วเกิน ทำให้เขาคิดว่าอาจจะเป็นเสียงที่เขาจินตนาการขึ้นเองการได้เจอเด็กหญิงบนเครื่องบิน ทำให้ฉินเย่เข้าใจว่าเสียง “ขอบคุณครับคุณอา” ในห้องน้ำไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง แต่เป็นเรื่องจริงเมื่อคิดได้แล้ว ฉินเย่ก็อยากจะเจอเด็กน้อยสองคนนี้พร้อมกันดูถ้าเด็กสองคนนี้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันและยืนอยู่ตรงหน้าเขา มันจะต้องดูเหมือนพวกเขาหลุดออกมาจากไลฟ์สดแน่ๆแต่ฉินเย่รออยู่นาน ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากด้านหน้าจนกระทั่งผู้ช่วยหลี่มู่ถิงมาหาเขา“ประธานฉิน? เราควรลงจากเครื่องบินแล้วครับ”ฉินเย่ "......คนข้างหลังลงไปหมดแล้วหรอ?""ใช่ครับ" หลี่มู่ถิงพยักหน้า พร้อมกับตอบไปว่า "ทุกคนลงไปหมดแล้วครับ คุณนั่งที่นี่นานมากเลย"หรือว่าเพราะเห็นที่นั่งชั้นประหยัดแล้วกลัว เลยอยากนั่งชั้นเฟิร์สคลาสนานขึ้นหน่อย?หลี่มู่ถิงไม่กล้าถามและไม่กล้าพูดเมื่อเห็นว่าฉินเย่ไม่มีการตอบสนอง หลี่มู่ถิงจึงถามอีกครั้ง "ประธานฉินครับ?"ฉินเย่ได้สติกลับมาและจ้องเขาอย่างเย็นชา"เอ่อ" หลี่มู่ถิงพูดด้วยความกลัว "เราต้องลงจากเคร
เมื่อเสิ่นหยินอู้ถูกปลุกขึ้นมา เครื่องบินทั้งลำเหลือแค่พวกเขาแค่กลุ่มเดียวหลังจากลงจากเครื่องบิน เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก นวดขมับของตัวเองแล้วพูดว่า "ทำไมพวกคุณไม่ปลุกฉันให้เร็วกว่านี้?"ตื่นขึ้นมาพบว่าเครื่องบินทั้งลำเหลือแค่ตัวเอง ทุกคนกำลังรอเธอตอนเดินออกไปยังเห็นกัปตันมองส่งเธอด้วย เสิ่นหยินอู้ไม่อยากสัมผัสความกระอักกระอ่วนแบบนี้เป็นครั้งที่สอง"ผมเห็นคุณเสิ่นไม่สบาย เลยคิดว่าจะให้คุณนอนพักอีกสักหน่อย ยังไงคนอื่นก็ต้องใช้เวลาลงจากเครื่องบินอยู่ดี""ใช่ค่ะหม่ามี้ หม่ามี๊ไม่สบาย" เสิ่นเหมิงเหมิงพูดเสริม แล้วเสิ่นซือเหนียนก็พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าทุกคนเห็นด้วยกับผู้ช่วยเฉินไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่ยอมรออยู่กับผู้ช่วยเฉินเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ เสิ่นหยินอู้จึงนวดขมับต่อและตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ต่อถึงจะกระอักกระอ่วน แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและต้องยอมรับว่าการนอนหลับในเที่ยวบินนี้ทำให้เธอพึงพอใจมาก ตื่นมาก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อยโทรศัพท์สั่นขึ้นมา เสิ่นหยินอู้หยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วก็ยิ้มพร้อมกับรับสาย"ลี่ซือ""โอ้พระเจ้า ในที่สุดก็โทรติด ฉันเช็คดูแล้วว่าเที่ยวบินของเธ