หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฉินเย่ก็ก้มหน้าลงแต่ว่าเด็กน้อยนั้นกลับไม่อยู่แล้ว เขาเข้าห้องน้ำไปตั้งแต่หลังขอบคุณฉินเย่เสร็จแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหนด้วยฉินเย่เม้มริมฝีปาก แล้วยืนขมวดคิ้วอยู่ที่เดิมคนที่อยู่ปลายสายพูดอะไรบ้าง เขาไม่ได้ยินอีกหูฝาดเหรอ?หรือเป็นเพราะเด็กสองคนนี้ประกาศว่าจะหยุดไลฟ์ไปก่อน เขาเลยคิดถึงก็เลยทำให้ได้ยินเสียงของเหนียนเหนียนไปได้“ประธานฉิน สำหรับการร่วมงานกันครั้งนี้ ความจริงแล้วผมยังมีอีกความคิดหนึ่ง คุณช่วยดูเวลา…”อีกฝ่ายยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินฉินเย่พูดขัดขึ้น“เมื่อกี้คุณได้ยินอะไรไหม?”คู่เจรจาได้ถูกขัดกะทันหันก็มึนงงทันใด“ครับ?”“ฝั่งผม คุณได้ยินเสียงอะไรไหม?”ถ้าไม่ใช่หูฝาด ถ้างั้นอีกฝ่ายก็น่าจะได้ยินเสียงขอบคุณคู่เจรจาที่อยู่ปลายสายไม่เข้าใจว่าฉินเย่หมายถึงอะไร แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเหมือนเคยได้ยินว่าฉินเย่ไม่ชอบเสียงรบกวนที่สุดเมื่อกี้เขาดูเหมือนจะได้ยินเสียงไม่ถึงประสงค์อยู่บ้าง แต่ว่าบอกต่อหน้าฉินเย่เลยจะดีเหรอ?คิดไปคิดมา คนคนนั้นก็เลือกที่จะไม่พูด“ประธานฉิน ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”อีกฝ่ายถามอย่
ถ้าเธอมองไม่ผิด เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำใช่ไหม?ถ้างั้น…แย่แล้ว!“หยินอู้!”โจวชวงชวงรีบวิ่งไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ตอนที่ต่อแถวอยู่นั้น เธอเพิ่งนึกได้ว่าเหนียนเหนียนเป็นเด็กผู้ชาย เสิ่นหยินอู้ไม่มีทางพาเขาเข้าไปในห้องน้ำหญิง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องน้ำชายตามเหนียนเหนียนด้วยเช่นกัน เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องลำบากและไม่สะดวกทันทีดังนั้นโจวชวงชวงรีบวิ่งไป อยากรอดูอยู่ข้างนอกว่ามีอะไรให้ช่วยไหมไม่คิดว่าจะพบกับฉินเย่เข้าได้ครั้งก่อนที่เจอฉินเย่ ก็นานมาแล้วผ่านไปห้าปี ตอนนี้หน้าตาของฉินเย่กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว และดูมั่นคงขึ้นไม่น้อย แต่ออร่าทั้งหมดดูยิ่งเย็นชากว่าเดิม และแข็งแกร่งกว่าเดิมเพียงแค่เห็นจากที่ไกล เธอก็สัมผัสได้ถึงรังสีเย็นชาที่แพร่ออกจากกระดูกของฉินเย่อีกอย่างหน้าตาของเขายังดูหล่อกว่าแต่ก่อนด้วยดังนั้นโจวชวงชวงถึงสามารถเห็นเขาได้จากกลุ่มคนในทันทีหล่อจริงๆ!ไม่น่าล่ะตอนนั้นเสิ่นหยินอู้ถึงชอบเขา และยังไม่ลืมสักทีถ้าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เพื่อนสนิทของตนชอบล่ะก็ โจวชวงชวงเองก็คงจะชอบผู้ชายคนนี้เพราะหน้าตาเช่นกันรอให้โจวชวงชวงมาถึงห้องน้ำ ก็เห็
ในเมื่อไม่รู้ ถ้างั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรมากอย่างไรก็เป็นโชคชะตาที่ตัดขาดไปแล้วและเสิ่นหยินอู้ของเธอคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่าเมื่อคิดได้แบบนั้น โจวชวงชวงก็สงบลง เธอเผยรอยยิ้มออกมา แล้วพูดหยอกเล่นว่า “อืม เช่น เจอคนจูงหมา หรือว่าขอทานอะไรงี้”เสิ่นหยินอู้ “…เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? สนามบินไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามา ขอทานก็ไม่มีทางเข้ามาด้วย”“ก็จริงเนอะ โอ๊ย อาจเป็นเพราะพวกเธอจะไปกันแล้ว ฉันเสียใจเกินไปก็เลยลืมตัวน่ะ พวกเธออยู่ต่อเลยได้ไหม”เชอะ เสิ่นหยินอู้ไม่อยากสนใจเธอด้วยซ้ำเธอก้มหน้าจัดเสื้อให้กับเด็กทั้งสอง แล้วได้ยินเสิ่นซือเหนียนพูดขึ้นว่า“หม่ามี๊ เมื่อกี้ผมเจอลุงที่หล่อมากคนหนึ่งในห้องน้ำครับ เขาช่วยผมเปิดประตู”เสิ่นหยินอู้ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร เพียงแค่ตอบไปว่า “แล้วเหนียนเหนียนบอกขอบคุณเขาหรือยัง?”“บอกแล้วครับหม่ามี๊”“มีมารยาทจริงๆ” เสิ่นหยินอู้เข้าไปใกล้ แล้วจูบหน้าผากของเขาทีหนึ่งเสิ่นซือเหนียนตัวน้อยเต็มไปด้วยความพึงพอใจเสิ่นเหมิงเหมิงเห็นดังนั้น ก็รีบยืดตัวออกมา“หม่ามี๊ เหมิงเหมิงก็จะเอาด้วย”โจวชวงชวงเห็นสามแม่ลูกนี้แล้ว ในใจอิจฉาสุดขีดถ้าเป็นไปได้ เธออ
ต่อไปหากเจอเรื่องอะไร เธอต้องใจเย็นบ้างแล้ว“ชวงชวง เป็นอะไรไป?”พ่อเสิ่นกับน้าฟู่ที่เดินไปไกลแล้วพอหันกลับมาเห็นว่าโจวชวงชวงยังอยู่ที่เดิมอยู่ ทั้งสองจึงหยุดฝีเท้าแล้วเดินกลับมาหาเธอเสียงของพวกท่านทำให้โจวชวงชวงได้สติ แล้วยิ้มตอบ“ไม่อยากจากหยินอู้ไปใช่ไหม? โธ่เอ้ย คนหนุ่มสาวอย่างพวกหนู แค่นั่งเครื่องบินไปก็เจอกันแล้ว ไม่ต้องเสียใจไปนะ”น้าฟู่ปลอบใจเธอ“ค่ะน้าฟู่ น้าไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าหนูคิดถึงหล่อน หนูจะไปหาทันที”“ไปกันเถอะ”ก่อนที่จะเดินจากไป โจวชวงชวงยังอดหันไปมองที่ด่านตรวจไม่ได้ขอให้หยินอู้ไม่เจอกับฉินเย่ด้วยเถอะทำให้โชคชะตานี้เหมือนกับตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำ ที่เพียงแค่ผ่านๆ ไป_หลังจากผ่านด่านตรวจ เสิ่นหยินอู้ก็พาเด็กสองคนเดินไปข้างหน้า กระเป๋าเดินทางและของอื่นๆ เธอไม่ต้องถือเลยด้วยซ้ำเพราะทันทีที่ผ่านจากด่านตรวจมา ผู้ช่วยเฉินก็พูดกับเธอทันทีว่า“ผู้จัดการเสิ่น เอาของมาให้ผม เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ”“ไม่เป็นไรค่ะผู้ช่วยเฉิน ของบ้านฉันเยอะมาก คุณถือคนเดียวไม่ได้ เดี๋ยวฉันถือเองดีกว่า”“ผู้จัดการเสิ่น เอามาให้ผมเถอะ ประธานโม่บอกให้ผมกลับประเทศไปพร้อมกับคุณ ก็
เสิ่นเหมิงเหมิงเลียปากของตนเอง ก็ยังรู้สึกว่าตนอยากกินมากแต่ทว่าหม่ามี๊บอกแล้วว่ากินไม่ได้ เธอก็ทำได้แต่กินถึงขนมเครื่องดื่มบนเครื่องบินแล้วเธอกะพริบตาปริบๆ แล้วมองภาพแขวนในร้านค้าผู้ช่วยเฉินมองอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าเธอน่ารักจนใจละลาย เห็นแล้วก็อยากซื้อให้กินเลยเขาจึงพูดขึ้นว่า “ผู้จัดการเสิ่น เด็กๆ น่ะบางครั้งก็ชอบกินของแบบนั้น ผมซื้อให้เด็กทั้งสองคนถ้วยหนึ่งได้ไหม?”เสิ่นหยินอู้ยิ้มเบาๆ“ผู้ช่วยเฉินเป็นเบ๊ไม่ใช่เหรอคะ? ให้พวกเราซื้อให้คุณสักถ้วยดีไหมคะ? ยังไงคุณก็ลำบากมากขนาดนี้แล้ว”ผู้ช่วยเฉิน “…ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอา”“จริงสิผู้ช่วยเฉิน ต่อไปคุณไม่ต้องเรียกฉันว่าผู้จัดการเสิ่นแล้ว เพราะตอนนี้ฉันไม่ใช่ผู้จัดการของบริษัทอีกแล้ว”ผู้ช่วยหลี่ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า“ครับคุณหนูเสิ่น”พวกเขาเดินไปข้างหน้าต่อไปเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้น เสิ่นหยินอู้หยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความจากโม่ไป๋“เป็นยังไงบ้าง? ผ่านด่านตรวจหรือยัง?”เมื่อเห็นข้อความจากเขา เสิ่นหยินอู้ก็ยกมุมปากขึ้น“ผ่านแล้ว”ข้อความถูกส่งไปไม่กี่วินาที โม่ไป๋ก็โทรมาแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? ผู้ช่วยเฉินดูแลเธอดีไห
“คุณหนูเสิ่น?” ผู้ช่วยเฉินทำงานให้กับโม่ไป๋นานแล้ว จึงมีทักษะการมองสีหน้า เมื่อเห็นสีหน้าของเสิ่นหยินอู้แล้ว จึงถามไปว่า “เป็นอะไรไปครับ?”อย่างไรผู้ช่วยเฉินก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกเกรงใจเหมือนกันแต่ทว่าในสถานการณ์แบบนี้ เธอต้องไปจัดการในห้องน้ำก่อนเธอเม้มปากแล้วบอกว่า “ขอโทษนะคะ ฉันขอไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”“พวกหนูไปหาที่นั่งกับผู้ช่วยเฉินก่อน เดี๋ยวหม่ามี้ตามไป”หลังจากที่เสิ่นหยินอู้จากไปแล้ว ผู้ช่วยเฉินก็ดูแลเด็กสองคนต่อ“ถ้างั้น พวกหนูไปกับลุงก่อนไหม?”เสิ่นซือเหนียนเผยสีหน้ากังวลใจออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยถามผู้ช่วยเฉิน“ลุงเฉินครับ วันนี้วันอะไรเหรอครับ?”ผู้ช่วยเฉินกดดูโทรศัพท์ แล้วแจ้งวันที่ออกไป“วันนี้ทำไมเหรอ?”หลังจากได้รู้วันที่แล้ว เสิ่นซือเหนียนก็เข้าใจทันที แล้วนับนิ้วคำนวณพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันนั้นของเดือนของหม่ามี๊ครับ”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของผู้ช่วยเฉินก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นไม่นานก็เกาศีรษะอย่างทำอะไรไม่ถูกวันนั้นของเดือนนี่เองโทรศัพท์ของเขาสั่นไปทีหนึ่ง มีข้อความส่งเข้ามา
“ได้ค่ะ โกโก้ร้อนสามแก้ว กรุณารอสักครู่นะคะ คุณผู้ชายคะ คุณไปหาที่นั่งก่อนนะคะ” "โอเคครับ" ผู้ช่วยเฉินมองไปรอบๆ เขาเห็นที่นั่งริมหน้าต่าง จึงพาเด็กสองคนไปตรงนั้น “ปะ ไปตรงนั้นกับลุงเฉินนะ” เสิ่นเหมิงเหมิงวิ่งไปข้างหน้าและจับชายเสื้อของผู้ช่วยเฉินในทันที ผู้ช่วยเฉินมองลงไป เห็นมือสีชมพูเล็กๆจับชายเสื้อของเขาไว้ กำปั้นนั้นเล็กมากจนมีขนาดไม่ถึงหนึ่งในสามของมือของเขาด้วยซ้ำ มันเล็กมากเช่นนี้ แต่ก็จับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ผู้ช่วยเฉินเป็นชายร่างสูงท้วม เขารู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก ไม่แปลกใจเลยที่หลายๆคนชอบเด็กมากขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงชะลอฝีเท้าลงเพื่อเสิ่นเหมิงเหมิงจะได้ตามทันเขา จากนั้นก็มองไปที่เสิ่นซือเหนียน เด็กผู้ชายก็เป็นเด็กผู้ชายอยู่วันยังค่ำจริงๆ เขาพยายามรักษาระยะห่างจากผู้ช่วยเฉิน และเดินตามน้องสาวของเขาไปด้วยใบหน้าที่สงบราวกับผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ นับตั้งแต่เขาได้รับคำเตือนจากฉินเย่ หลี่มู่ถิงก็ไม่กล้าที่จะฟุ้งซ่านอีก แต่เมื่อเขาได้ยินชายคนนั้นเดินมาหาเขาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะฟุ้งซ่านและอยากจะไปดูโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกถึงสาย
"คู่สนทนาชะงักไป ก่อนที่จะเข้าใจ “งั้นคุณต้องระวังตัวด้วยนะ” "ขอบคุณค่ะ" เสิ่นหยินอู้ยิ้มหน้าซีดๆ แล้วพูดขอบคุณ หลังจากออกมา เสิ่นหยินอู้เห็นเกทผู้โดยสารอยู่ข้างหน้า เธอจึงเดินไปหาที่นั่งและหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้ผู้ช่วยเฉิน "ผู้ช่วยเฉิน คุณอยู่ที่เกทผู้โดยสารหรือยังคะ?" ตอนที่ผู้ช่วยเฉินได้รับข้อความจากเสิ่นหยินอู้ เขารออยู่ที่ร้านกาแฟมานานแล้ว แต่โกโก้ร้อนสามแก้วก็ยังไม่มา จนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ร้านนี้บริการช้าจริงๆ ตอนนั้นเอง เขาได้รับข้อความจากเสิ่นหยินอู้ ผู้ช่วยเฉินตอบโดยอัตโนมัติ "พวกเราอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ......""คุณผู้ชาย โกโก้ร้อนสามแก้วของคุณได้แล้วค่ะ" เขายังพิมพ์ข้อความไม่เสร็จ พนักงานก็เรียกเขาไปรับออร์เดอร์"โอเคครับ" ผู้ช่วยเฉินเก็บมือถือแล้วลากกระเป๋าเดินทางพร้อมบอกเสิ่นเหมิงเหมิงและเสิ่นซือเหนียน "โกโก้ร้อนของเราเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ" จากนั้นเขาก็ลากกระเป๋าเดินหน้าไปก่อน โดยมีเด็กทั้งสองคนเดินตามหลัง เมื่อเดินผ่านฉินเย่ เสิ่นซือเหนียนที่เดินตามหลังสุดก็หันมองเขาโดยอัตโนมัติ เพียงแค่แวบเดียว เสิ่นซือเหนียนก็จำได้ว่าเขาคือคุณอาสุด