เมื่อเธอฟื้นขึ้น ก็พบว่าอยู่ในโกดังซอมซ่อแห่งหนึ่งเสิ่นหยินอู้รู้สึกว่าหนักอึ้งที่ศีรษะ ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเสิ่นหยินอู้กวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าที่แห่งนี้เป็นโกดังซอมซ่อแห่งหนึ่ง ขณะสูดหายใจยังได้กลิ่นชื้นๆ เย็นๆ และเหม็นสาบมือและเท้าของเธอก็ถูกมัดไว้เช่นกัน สถานที่ที่เธออยู่ในตอนนี้มีกล่องกระดาษเก่าๆ วางเต็มไปหมดแท้จริงแวเธอพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของใครเสิ่นหยินอู้เม้มปาก สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้อง เธอถึงได้โล่งใจเธอกลัวว่าตนจะถูกทำร้าย แต่ทว่านอกจากถูกมัดด้วยเชือกแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ เลยขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากนอกโกดังประตูเหล็กถูกเปิดออก ตามด้วยเสียงอันหนักอึ้ง บรรยากาศมึดสลัวในโกดังถูกแสงสว่างครอบคลุมอีกครั้งเสิ่นหยินอู้เห็นต้วนจื่อเหย่มาพร้อมกับถึงใบหนึ่งปัง!ประตูเหล็กถูกปิดลงอีกครั้ง ในโกดังค่อยๆ มืดลงต้วนจื่อเหย่ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอ แล้วโยนถุงไว้ข้างๆ เธอ จากนั้นย่อตัวลงตรงหน้าเธอเสิ่นหยินอู้มองเขาอย่างเรียบนิ่งหลังจากนั้น ต้วนจื่อเหย่ก็เอ่ยขึ้น “ฉันจะเอาเทปปิดปากออกให้ แต่ถ้าเธอกล้าส่ง
“ใช่แล้วยังไง? ถ้าฉันไม่ชอบหล่อน แล้วทำไมฉันต้องจับตัวเธอเพราะหล่อนด้วย?”“แสดงว่า นายอยากเสียสละตัวเองเพื่อแก้แค้นฉันแทนหล่อนสินะ?”“เธอว่าอะไรนะ?”เสิ่นหยินอู้ไม่มองหน้าเขา เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ฉันจำได้ว่าคราวก่อนนายเคยบอกกับฉันว่า นายรู้สึกว่านายไม่มีมูลค่าต่อสังคมในสายตาพวกเราเลย”ได้ยินดังนั้น ต้วนจื่อเหย่พลันหรี่ตาลง“นายจำได้ไหมว่าตอนนั้นฉันถามนายว่าอะไร? นายคิดว่าคนแบบไหนถึงจะสามารถช่วยเหลือสังคมได้? นี่คือคำตอบของนายเหรอ?”ต้วนจื่อเหย่อ้ำอึ้งอยู่กับที่เมื่อเห็นเขาเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้พลันยกมุมปากขึ้น “หรือว่า นายสร้างมูลค่าอะไรให้กับตนเอง? หลังจากได้ยินเพื่อนเจียงฉูฉู่บอกว่าฉันทำร้ายหล่อนแล้ว นายเคยสืบหาความจริงแม้แต่เรื่องเดียวไหม?”“สืบหาความจริง?” ต้วนจื่อเหย่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ยิ่งไม่คิดว่าเสิ่นหยินอู้จะแนะแนวทางใหม่ให้กับเขาด้วยเสิ่นหยินอู้มองเขาอย่างน่าขัน“หมายความว่า นายไม่เคยสืบหาความจริงเลย จากนั้นก็มาลักพาตัวฉันเลยใช่ไหม? ถ้างั้นฉันขอถามนาย หลังจากที่ลักพาตัวแล้วล่ะ? นายคิดเหรอว่าตำรวจจะไม่สามารถตามตัวนายเจ
คุณนายฉินกำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่ ดังนั้นพ่อฉินแม่ฉินไม่สามารถรู้ว่าเธอหายตัวไปในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนถึงแม้จะรู้ เกรงว่าพวกเขาก็คงปลีกตัวออกไปไม่ได้ส่วนฉินเย่ก็ถูกเจียงฉูฉู่เรียกตัวไป สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน เธอจึงทำได้เพียงช่วยเหลือตัวเองเท่านั้นตั้งแต่พบกันคราวก่อน เสิ่นหยินอู้ก็จำคำพูดเยาะเย้ยของต้วนจื่อเหย่นั่นได้ฝังใจ บวกกับคำพูดของเขาในวันนี้ เธอสามารถสังเกตได้ว่า ต้วนจื่อเหย่ดูคิดมากกับสายตาคนอื่นที่มองเขามากดังนั้น บางทีเธออาจสามารถใช้วิธีนี้หาโอกาสให้กับตนได้รอให้เธอพูดจบ ต้วนจื่อเหย่ก็เข้าสู่ภวังค์ความคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนั้นอยู่ก่อนหน้านี้ เขาอารมณ์ร้อนมาก คิดเพียงแต่จะแก้แค้นเท่านั้น แต่เมื่อเสิ่นหยินอู้วิเคราะห์ความเป็นจริงให้เขาฟังแล้ว ต้วนจื่อเหย่ถึงพบว่าตัวเองตามหลังอยู่มากถึงแม้เขาไม่อยากยอมรับ แต่สิ่งที่เสิ่นหยินอู้พูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้นเรื่องเกิดขึ้นไปแล้วย่อมต้องมีคนรับบาปอยู่แล้วและเขาต้องเป็นแพะรับบาปคนนั้นแน่นอนเมื่อเห็นว่าเขาคล้อยตาม เสิ่นหยินอู้ก็รู้ทันทีว่าวิธีช่วยเหลือตัวเองของตนนั้นมาถูกทางแล้วดูท่าแ
ซูเชี่ยวมองเขาด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง“ถ้าฉันไม่มา นายคงปล่อยตัวคนร้ายที่ทำร้ายฉูฉู่ไปแล้วมั้ง?”ต้วนจื่อเหย่ที่ถูกซูเชี่ยวอ่านใจออก เห็นได้ขัดว่าทนต่อไปไม่ได้ เขากัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหรอ?”“จะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง? ฉันเป็นเพื่อนสนิทของฉูฉู่เชียวนะ แกออกหน้าแทนฉูฉู่ได้ แล้วฉันจะออกหน้าแทนฉูฉู่ไม่ได้เลยหรือไง?”ต้วนจื่อเหย่อดไม่ได้หัวเราะแห้งออกมา“เธออยากออกหน้าแทนหล่อน ก็อย่ามายืมมือฉัน ไสหัวไป”“ไสหัวไป? เป็นไปไม่ได้หรอก”สิ้นเสียง ซูเชี่ยวก็เตะเสิ่นหยินอู้ไปทีหนึ่งทันทีที่เธอเตะ สีหน้าของเสิ่นหยินอู้ก็เปลี่ยนไปในบัดดล ทำได้เพียงหดตัวเป็นก้อนเท่านั้นปัง!ซูเชี่ยวเตะโดนท่อนขาของเธอพอดีความเจ็บพวยพุ่งขึ้นมาในทันใดเสิ่นหยินอู้เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาตามธรรมชาติ“เธอทำอะไรน่ะ?”ต้วนจื่อเหย่สีหน้าเปลี่ยน แล้วดึงตัวซูเชี่ยวที่คิดจะเตะอีกครั้งออก “เธอเป็นบ้าหรือไง?”ถึงแม้ซูเชี่ยวจะเป็นบ้า แต่แรงของเธอก็สู้ชายหนุ่มที่บรรลุนิติภาวะไม่ได้ ไม่นานก็ถูกต้วนจื่อเหย่ดึงตัวออกไป“นายน่ะสิบ้า ลักพาตัวมาแล้วยังจะมาเสแสร้งทำไมอีก? ทำไม นายคงไม่ได้เห็นว่าเสิ่นห
เสิ่นหยินอู้ฟังแล้วขมวดคิ้วอะไรที่เจียงฉูฉู่มี เธอก็แย่งมางั้นหรอ? ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์กันเลย ไม่อย่างนั้นเสิ่นหยินอู้จะพยายามไม่ให้รักฉินเย่ทำไม และยังกล้าแต่งงานหลอกๆ กับเขาอีก ก็เพราะเห็นว่าฉินเย่กับเจียงฉูฉู่ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้หัวเราะเยาะ “เธอบอกว่าฉินเย่เป็นของฉูฉู่ เขาเป็นคนบอกเธอเองหรอ?” "อย่าปากเก่งให้มากเสิ่นหยินอู้ ฉินเย่จะเป็นของฉูฉู่หรือไม่เป็น ฉันจะทำให้เธอรู้เร็วๆนี้" พูดจบ ซูเชี่ยวก็ปัดมือของต้วนจื่อเหย่ออก แล้วนั่งยองๆลงตรงหน้าเสิ่นหยินอู้ "พกมือถือไว้หรือเปล่า?" พอเธอเข้ามาใกล้ เสิ่นหยินอู้ก็มองเธอด้วยความระแวง "อย่ามองกันแบบนั้นสิ แค่จะทดสอบบางอย่างแค่นั้นเอง"พูดจบ ซูเชี่ยวก็พลิกตัวเธอเพื่อหาในกระเป๋า ตอนแรกเสิ่นหยินอู้กังวลเกี่ยวกับท้องของตัวเอง ไม่รู้ว่าซูเชี่ยวต้องการจะทำอะไร เธอจึงดิ้นหนีด้วยความกลัว "อย่าขยับ!" วินาทีต่อมา ซูเชี่ยวก็เตือนเธอด้วยเสียงเบาๆ “ถ้าเธอขยับอีก ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”เสิ่นหยินอู้หน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยิน “เธอจะทำอะไร?”
เสิ่นหยินอู้มองเธออย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเฉยเมย ราวกับไม่ต้องการยุ่งกับเธอ เมื่อเห็นเธอในสภาพนี้ ซูเชี่ยวอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธเคือง “จนถึงตอนนี้ เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นเทพธิดาผู้บริสุทธิ์อยู่หรอ? เห็นอยู่ชัดๆว่าเธออยากเป็นภรรยาของฉินเย่ แต่แค่ทำเป็นไม่สนใจ เดี๋ยวก็รู้สึก” "ฉันอยากเป็นภรรยาของฉินเย่หรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?" เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบาๆ "หรือว่า เธอเองก็อยากเป็นภรรยาของเขาเหมือนกัน?" ซูเชี่ยวหน้าแดงทันทีเมื่อได้ยิน คำพูดที่เตรียมไว้ถึงกับพูดไม่ออก "เธอ พูดบ้าอะไร?""ก็แค่พูดไปงั้น แค่นี้ก็โกรธแล้วหรอ สงสัยจะแทงใจดำสินะ?" หน้าของซูเชี่ยวบิดเบี้ยวไปเพราะความโกรธ ใบหน้าของเธอดูเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาน "เสิ่นหยินอู้ เธออย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!" พูดจบ ซูเชี่ยวก็โทรหาฉินเย่ทันที พร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ “ตอนนี้ฉินเย่อยู่กับใคร ไม่ต้องเดาเธอก็คงรู้อยู่แล้วแหละ? ไม่รู้ว่าถ้าภรรยาของเขาโทรเรียกให้เขามาช่วยตอนนี้ เขาจะมามั้ยนะ?” พูดถึงตรงนี้ ซูเชี่ยวก็หยุด แล้วแกล้งทำเป็นประหลาดใจ เธอเอามือปิดปากแล้วพูด “อุ๊ย ฉันลืมบอกไป เขาอาจจะไม่รับสายเลยก็ไ
คนในโกดังทั้งสามคนต่างก็หันไปมองที่ประตูพร้อมๆกัน ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตอบสนองอะไร คนกลุ่มหนึ่งก็กรูกันเข้ามา ซูเชี่ยวถูกจับข้อมือและกดลงกับพื้นทันทีต้วนจื่อเหย่ก็ถูกทำแบบเดียวกัน เนื่องจากคนจำนวนมากเข้ามา โกดังที่มีฝุ่นปกคลุมอยู่แล้วจึงกลายเป็นสถานที่อุดอู้ขึ้นมาทันทีเสิ่นหยินอู้ปิดตาลงโดยไม่รู้ตัว "จับพวกเขาไว้แล้วพาออกไป!" "กรี๊ด! พวกคุณจะทำอะไร? ปล่อยฉัน!" ในขณะที่ปิดตา เสิ่นหยินอู้ได้ยินเสียงซูเชี่ยวพยายามดิ้นหนีและกรีดร้องห่างออกไปเรื่อยๆรอดแล้วเหรอ? เสิ่นหยินอู้คิด แต่คนกลุ่มนั้นดูไม่เหมือนตำรวจเลย ใครเป็นคนช่วยเธอไว้กันนะ?ระหว่างที่คิด เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกเวียนหัว และคลื่นไส้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระแทกเมื่อกี้นี้ หรือเพราะยาสลบก่อนหน้านี้กันแน่ต้วนจื่อเหย่เอามือปิดปากเธอไม่นาน เธอก็หมดสติไป ไม่รู้ว่ามันจะมีผลกระทบกับร่างกายของเธอหรือเปล่าระหว่างที่คิด เสิ่นหยินอู้ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มั่นคงเดินเข้ามาใกล้เธอ เธอพยายามยกหัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก พยายามดูว่าใครเข้ามา แต่แล้วเธอก็หมดสติไปในวินาทีต่อมาเสิ่นหยินอู้พิงอยู่กับกล่องกระดาษที่พังอยู่ ดั
"คุณโม่ เราจะไปไหนต่อครับ?"เมื่อได้ยินคำถาม โม่ไป๋ก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เหมือนกำลังจะบอกว่า ต้องถามฉันด้วยเหรอว่าจะไปไหนต่อ? เมื่อคนขับรถเห็นสายตาของเขา เขาก็กลืนน้ำลายด้วยความตกใจ และในไม่ช้าก็ได้ยินโม่ไป๋ตอบกลับว่า "ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด" "ได้ครับ เข้าใจแล้วครับ" หลังจากรู้จุดหมายของตัวเองแล้ว คนขับก็ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป เขารีบออกรถทันที แต่เพราะมีเสิ่นหยินอู้อยู่ในรถ คนขับจึงไม่กล้าขับเร็วเกินไป ได้แต่ขับอย่างช้าๆ ไม่กี่นาทีต่อมา โม่ไป๋ก็ยกมือขึ้นดันแว่นตาบนใบหน้า และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า "ถ้าคุณขับแบบนี้ไปเรื่อยๆ และทำให้การรักษาของเธอล่าช้า คุณจะรับผิดชอบได้ไหม?"เมื่อได้ยิน คนขับก็หน้าซีดและเหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง "ได้ครับๆ ผมจะขับให้เร็วขึ้น" สิบนาทีต่อมา รถก็มาจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โม่ไป๋อุ้มเธอลงจากรถหลังจากที่เขาเดินไป คนขับถึงจะยกมือขึ้นลูบหน้าผากของตัวเอง ไม่ลูบก็ยังไม่รู้ พอลูบแล้วก็เห็นว่ามีเหงื่อออกมาเต็มมือ วันนี้แม้ว่าโม่ไป๋จะไม่ได้พูดอะไรที่รุนแรง แต่ออร่าเย็นเฉียบรอบตัวเขากลับทำให้คนขับกลัวสุดๆ โชคดีที่ภารกิจของเขาเสร็จ